“นี่ไม่คิดจะคุยอะไรกับพบบ้างเลยเหรอคะ” โลมฤทัยหงุดหงิดทันที
“ให้พี่พูดกับคุณปวุฒิเองดีกว่าน้องพบ”
รจนาไฉนเดินเข้ามา โลมฤทัยยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ตัวเองยังไม่เดินไปไหน รจนาไฉนมองโลมฤทัยเชิงขอความเป็นส่วนตัว โลมฤทัยไม่พอใจ
“พี่เพื่อนไม่จำเป็นต้องมีความลับกับเจ้าของบ้าน...”
รจนาไฉนชะงักด้วยความสะเทือนใจ โลมฤทัยยิ้มสะใจ
“ปวุฒิคะ”
“คุณเพื่อนเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมไม่รับสายผม...ผมกำลังดูแคตตาล็อกเวดดิ้งสตูดิโอฯ เลือกชุดแต่งงานของเราอยู่ คุณเพื่อนเล่าเรื่องของเราให้คุณพ่อคุณแม่ฟังรึยัง ผมบอกคุณแม่ผมแล้วนะ พอรู้เรื่องปุ๊บ...ท่านรีบไปหาฤกษ์แต่งเลยล่ะ”
รจนาไฉนมีสีหน้าเศร้าและเรียบเฉย เย็นชาและเก็บความรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก
“ปวุฒิคะ เพื่อนมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ... เรื่องการแต่งงานของเราน่ะค่ะค่ำนี้คุณออกมาพบเพื่อนหน่อยได้มั้ยคะ”
โลมฤทัยยิ้มเยาะสะใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที รจนาไฉนกำหูโทรศัพท์แน่นมือสั่นด้วยความเสียใจ
รจนาไฉนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจก มองดูตัวเองอย่างเศร้า ๆ
“การแต่งงานของเราจะไม่มีวันเกิดขึ้นค่ะปวุฒิ...เพราะฉันไม่ใช่เจ้าหญิงแสนดีของเจ้าชายอย่างคุณอีกแล้ว”
รจนาไฉนเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น ค่อย ๆ หยิบแป้งพัฟขึ้นมาแต่งเติมหน้าล้วนแล้วแต่เป็นสีเข้มและแรงจัดมาก ต่างจากปกติที่เคยเป็น แล้วก็หมุนตัวเองหน้ากระจกในชุดเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่ แต่งหน้าจัด บอกตัวเองในกระจก
“ฉัน...รจนาไฉน กำลังจะแต่งงานกับคุณปัทม์ ปัทมกุล เจ้าของไร่ชาผู้ร่ำรวย”
รจนาไฉนในชุดเปรี้ยวเซ็กซี่ เดินออกจากห้องอย่างมั่นใจ...ปวุฒิรู้สึกแปลกใจที่รจนาไฉนนัดพบที่ผับ...
“ทำไมคุณเพื่อนถึงนัดที่นี่...รึว่าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ”
ปวุฒิยิ้มให้กับตัวเอง หยิบช่อดอกกุหลาบขึ้นมาเพื่อเตรียมมอบให้สาวคนรัก...พลันเสียงชายที่นั่งข้าง ๆ ชี้ชวนให้ดูคนที่เดินเข้ามา...
“เฮ่ย...ดูโน่นสิวะ...เด็ดสุดแล้วในคืนนี้...”
ปวุฒิหันไปมองที่ทางเข้าผับแล้วต้องแปลกใจมาก เมื่อเห็นรจนาไฉนที่แต่งตัวเซ็กซี่เดินเฉิดฉายเข้ามาท่ามกลางสายตาผู้คนที่จ้องมองรจนาไฉนเป็นตาเดียว ปัทม์เดินเข้ามามองไปเห็นรจนาไฉนเดินตรงไปหาปวุฒิ ก็มองอย่างสนใจ “วันนี้คุณเพื่อนแต่งตัว...”
ปวุฒิไม่กล้าพูด รจนาไฉนสวนขึ้น
“เซ็กซี่! ดูแปลกตาใช่มั้ยล่ะคะ...คุณปวุฒิไม่ชอบเหรอคะ”
“ชอบครับ...ถึงจะแปลกตายังไงแต่คุณเพื่อนของผมก็น่ารักเสมอ...สำหรับคุณเพื่อนครับ”
ปวุฒิส่งช่อดอกกุหลาบให้รจนาไฉน
“แค่ช่อดอกกุหลาบเล็ก ๆ เองเหรอคะ เพื่อนนึกว่าจะได้แหวนเพชรเม็ดโตซะอีก”
รจนาไฉนรับช่อดอกกุหลาบมาแล้ววางลงบนโต๊ะไม่แยแสนัก...ปวุฒิแปลกใจ รจนาไฉนลงนั่งแล้วสั่งวิสกี้กับบ๋อย ปวุฒิแปลกใจ
“ไม่เคยรู้ว่าคุณเพื่อนดื่ม”
“เป็นเพราะคุณยังไม่รู้จักเพื่อนดีพอมั้งคะ”
“ใครบอกล่ะครับ ผมรู้จักรจนาไฉนคนรักของผมดี เธอเป็นเจ้าหญิงแสนดีและแสนสวย...ไม่สิครับ วันนี้เธอเป็นเจ้าหญิงที่เซ็กซี่ที่สุดด้วย”
“คุณยังไม่รู้ความจริงอีกข้อหนึ่ง...ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกบ้านวิชนีขอมาเลี้ยง”
“คุณเพื่อนพูดอะไรครับ”
ปัทม์นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของปวุฒิ...สะดุดหู เขานั่งฟังอย่างสนใจมากขึ้น
“คุณเพื่อนล้อผมเล่นรึเปล่า”
“คุณคิดว่า การเกิดมาเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงน่าเอามาพูดเล่นเหรอคะ”
บ๋อยเอาวิสกี้มาไม่ทันได้เสิร์ฟ รจนาไฉนคว้ามาดื่มหมดแก้วแล้วสั่งเพิ่ม ปวุฒิพอจะตั้งตัวได้และคิดว่าเป็นเรื่องจริง
“อย่าเสียใจเลยนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ...คุณยังมีผม ผมให้สัญญากับคุณแล้วว่า ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
“เงินเดือนข้าราชการจะได้สักเท่าไหร่เชียว คุณดูแลเพื่อนไม่ได้หรอก” รจนาไฉนพูดเย้ย ๆ
“หมายความว่าไงครับ”
“ยิ่งฉันไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของบ้านวิชนี นั่นเท่ากับว่า...ฉันไม่ได้อะไรจากพวกเขาเลยเพราะฉะนั้นถ้าฉันจะแต่งงาน ฉันต้องแต่งกับคนที่รวย คนที่จะสร้างความสุขสบายให้กับฉันได้ ตอนนี้ฉันเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว เราเลิกกันเถอะค่ะ”
รจนาไฉนส่งแหวนคืนให้ปวุฒิ...แล้วจะลุกออกไป ปวุฒิคว้าแขนของรจนาไฉนเอาไว้
“ผมไม่เชื่อ คุณโกหกผม ผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตน”
“เขาชื่อปัทม์ ปัทมกุล เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงราย มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน เป็นไงคะ...มีตัวตนหรือยังคะ”
ปัทม์เคียดแค้น ที่รจนาไฉนคิดฉวยโอกาสให้เขาเป็นบันไดสู่ความสบาย...
“คนที่เค้าจะต้องแต่งงานด้วยคือโลมฤทัย ...ไม่ใช่คุณ” ปวุฒิแย้งขึ้น
“แค่เล่นละครอ้อนวอนให้คุณพ่อสงสาร ท่านก็เปลี่ยนตัวเจ้าสาวจากน้องพบมาเป็นฉันแล้ว ถึงฉันจะเป็นแค่ลูกเลี้ยง แต่ฉันก็ควรจะได้อะไรบ้างไม่ใช่เหรอ”
“แล้วความรักของเราล่ะ”
ปวุฒิยืนตัวสั่น...รจนาไฉนเข้ามาหาปวุฒิ ...ทำทีปลอบใจ
“ความรักมันกินไม่ได้หรอก...ความรักของฉันขึ้นอยู่กับตัวเลขในบัญชีธนาคาร ...ลาก่อนค่ะ”
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง