มัทนาอึ้งปนโกรธ หน้าเริ่มฉุนขึ้นมา ตวันพูดหน้านิ่ง “เพื่อนฉันเป็นคนฉลาด แต่ยังมีจุดอ่อนที่ไม่ทันผู้หญิงหน้าซื่ออย่างเธอ ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนฉันต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก เพราะฉะนั้น แม่นักข่าวเจ้าแผนการ อย่าพยายามปั่นหัวเพื่อนฉันเพื่อจะได้เรื่องราวที่เธอต้องการอีกเลย ถ้าเธอไม่หยุด ฉันซัดเธอไม่ยั้งแน่”
จากไม่พอใจกลายเป็นโกรธ มัทนาโพล่งออกมา “น่าเกลียด ในใจคุณมีแต่เรื่องสกปรก คิดอกุศล” ตวันอึ้ง ไม่คิดว่ามัทนาจะกล้าด่าต่อหน้าตนขนาดนี้ มัทนายังไม่หยุด “ถามหน่อยเหอะ คุณเคยคิดกับคนอื่นดี ๆ มั่งมั้ย”
“ฉันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรดี ๆ ฉันจะคิดแต่สิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น”
“ความจริงอะไรของคุณ”
“ความจริงที่คุณกำลังใช้เสน่ห์ ใช้สายตาซื่อ ๆ ใช้สีหน้าเหมือนเด็กหลงทางผู้น่าสงสาร หลอกล่อให้คนของฉันเล่าเรื่องที่เธออยากรู้น่ะสิ เธอกำลังใช้ความเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางน่าสงสาร หาข่าวที่ต้องการอยู่ใช่มั้ยมัทนา”
“เรื่องของคุณไม่มีค่าพอที่ฉันจะต้องเร่ขายตัวเพื่อให้ได้มันมาหรอกนะ ฉันเป็นนักข่าว ไม่ใช่โสเภณี” มัทนาโกรธจัด พูดพร้อมดึงหมอนพิงหลังออกมาฟาดใส่ตวันอย่างแรง ตวันจับหมอนดึงกระชากแย่งมา ความที่แรงทั้งสองฝ่าย มัทนาเสียหลักถลามาตามหมอน พลาดลงมายืนข้างเก้าอี้ แต่ขาเจ็บ ทำให้ทรุดฮวบไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาตวัน ตวันหน้าตายไม่ได้ช่วยประคองแต่อย่างใด แต่กลับโยนหมอนในมือใส่มัทนาซ้ำให้อีก
เขตต์ตวันจ้างพยาบาลมาดูแลมัทนาอย่างดี จนเธอหายเป็นปกติ ส่วนมีคณาได้เจอกับหิรัณย์โดยบังเอิญขณะเขากำลังปฏิบัติหน้าที่
“ถอยไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับเด็กคนนี้ ถ้าแกก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะเรียกตำรวจ”
“คุณนั่นแหละอย่ายุ่ง ถอยออกไป ผมมีธุระกับเด็กคนนี้”
“อย่าเข้ามานะ ฉันร้องจริง ๆ ด้วย” เด็กสาวที่หลบอยู่หลังมีคณาหาจังหวะหลบหนี หิรัณย์จะเข้าไปจับตัว แต่ถูกมีคณาใช้หนังสือพิมพ์ฟาดใส่ไม่ยั้งพร้อมตะโกนลั่น “ช่วยด้วยค่ะ คนร้าย มันจะทำร้ายฉันกับเด็ก”
“โธ่โว้ย ผู้หญิงนี่ หยุดซะทีได้มั้ยคุณ”
“ไม่หยุด ไอ้ผู้ร้ายหลอกเด็ก ไอ้...โอ๊ย”
หิรัณย์เหลืออดคว้ามือมีคณามาบิดล็อกไว้ เด็กสาวสบโอกาสวิ่งหนีทันที หิรัณย์กระซิบข้างหูมีคณา “หยุดนะคุณ เดี๋ยวแขนก็หักหรอก”
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเรียกตำรวจที”
“หุบปากซะทีได้มั้ย ผมนี่ล่ะตำรวจ” มีคณาชะงักเล็กน้อย “แล้วคุณก็กำลังขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่รู้ตัวมั้ยคุณแว่น”
มีคณาโกรธ “ถ้าแกเป็นตำรวจ ฉันก็เป็นรัฐมนตรีหญิงแล้วล่ะ ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย” ตำรวจนอกเครื่องแบบหญิงและชายวิ่งฝ่าไทยมุงมาหาหิรัณย์ มีคณาดีใจที่มีคนมาช่วย
“ไอ้คนนี้จะล่อลวงเด็กไปขาย คุณช่วยเรียกตำรวจที”
“คนนี้เหรอคะสารวัตร” ตำรวจหญิงถามอย่างแปลกใจ “เห็นสายบอกเป็นเด็กสิบห้าสิบหก ทำไมสาวขนาดนี้ หรือว่ามีสองราย”
“อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นแม่ค้าล่ะ เธอเป็นรัฐมนตรีหญิง”
มีคณาชะงักปนเจ็บใจที่ถูกหิรัณย์แขวะ “เธอคงคิดว่ากำลังออกตรวจราชการอยู่ เลยต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชน” พูดจบหิรัณย์คลายมือออกจากมีคณา
“คุณเป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ”
“จะตรวจบัตรประจำตัวมั้ยครับ”
“ฉันขอโทษ เด็กคนนั้นท่าทางกลัวมาก”
“กลัวถูกจับน่ะสิ ในกระเป๋านั่นมียาบ้าไม่รู้กี่เม็ด อาจจะถึงพัน”
“ท่าทางเธอยังเด็ก”
“เด็กแค่ตัวน่ะสิ คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากจะเล่นบทรัฐมนตรีหญิงอีกล่ะก็ กรุณามองตาม้าตาเรือหน่อย”
“ฉันบอกแล้วไงว่าขอโทษ ขอโทษ...ก็ท่าทางคุณไม่เหมือนตำรวจนี่คะ”
“คุณพูดเหมือนรู้จักตำรวจดีงั้นล่ะ”
“ดีกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน”
“เอาอาวุธคุณคืนไป”
มีคณารับหนังสือพิมพ์คืนมา “ขอบคุณค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้คนร้ายของคุณหนีไปได้”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าระวังกว่านี้นิดนึงแล้วกัน ถ้าโดดเข้าช่วยใครแบบถวายหัวยังงี้ คุณเองที่จะเดือดร้อน”
“ฉันจะจำคำสอนคุณไว้ค่ะ ไปได้แล้วใช่มั้ยคะ ต้องรีบไปรับคุณแม่”
“เชิญครับ”
เขตต์ตวันเข็นรถพยาบาลเข้ามาพามัทนาออกไปสูดอากาศนอกบ้าน มัทนาดีใจ
“ฉันรู้ว่าตอนนี้งานคุณยุ่งมาก แต่ยังต้องเจียดเวลามาคุมฉันอีก เอ๊ย...ดูแลฉันอีก...คุณเอางานมาออกแบบด้วยก็ได้นะคะ ฉันไม่แอบดูงานคุณหรอก”
“รู้สึกว่าเอกชัยจะพูดมากเกินไป”
“เพราะคุณเอกมั่นใจว่าฉันไม่ปากโป้งเที่ยวเอาเรื่องที่เค้าพูดไปขยายต่อน่ะสิคะ เค้าถึงได้บอกฉัน”
“มั่นใจซะจริงนะสาวน้อย อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หน่อยเลย เรื่องพวกนี้เป็นอาหารอันโอชะของพวกคุณอยู่แล้วนี่ จะอดใจไหวเรอะ”
น้ำเสียงหยามหยันของเขตต์ตวัน ทำมัทนาฉุนสวนกลับทันควัน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเติบโตและมีประสบการณ์ในการไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นแค่ไหน แต่ฉันถูกสอนมาแต่เด็กว่า พูดอะไรแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่พูด คนที่ผิดคำพูดหรือพูดปัด ๆ ไปให้พ้นตัว ก็เหมือนกับคนไม่มีศักดิ์ศรี ไม่เคารพตัวเอง ถ้าทำไม่ได้อย่าพูดเลยจะดีกว่า”
“ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง เมื่อฉันไม่เคยรู้จักเธอ เธอจะพูดยังไงก็ได้”
“ใช่สิ อย่าว่าแต่ฉันเลย คุณไม่มีทางได้รู้ จักใครหรอก ถ้าคุณมัวแต่สร้างกำแพงปิดกั้นตัวเอง เอาแต่ตัดสินคนอื่นจากประสบการณ์เลวร้ายในอดีตของคุณ ชาตินี้ทั้งชาติคุณก็ไม่รู้จักฉันหรือ ใคร ๆ ทั้งนั้น”
เขตต์ตวันอึ้ง มัทนาจ้องหน้าเขตต์ตวันแววตาน้อยใจ “ผ่านวันสองวันนี้ไป คุณก็คงจำได้แค่ว่า คุณเคยช่วยนักข่าวที่คุณแสนจะเกลียดชังไว้คนนึง มันก็แค่นั้น”
“ฉันจะลองเชื่อคำพูดเธอสักครั้ง มัทนา ฉันจะลองทำใจกว้างเพื่อจะได้รู้จักเธอมากขึ้น แต่ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าถ้าฉันเชื่อใจเธอแล้ว แต่เธอยังทำลายคำพูดของเธอเอง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอมั่ง”
“คุณยอมให้ฉันสัมภาษณ์แล้วใช่มั้ยคะ” มัทนาดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ฝ่ายสาระวารีอารมณ์เสีย เพราะคิดว่าษมาเป็นหนุ่มโรคจิตตามจีบเธอ ครั้นทิ้งห่างจากษมา ได้สาระวารีรีบกดโทรศัพท์เล่าให้มีคณาฟัง สอง สาวเมาท์กันสนุกปาก หลังวางสาย สาระวารีเก็บกระเป๋าย้ายโรงแรมหนีษมาทันที ขณะที่เขตต์ตวันยังลังเลที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตให้มัทนาฟัง
“ฉันมันลูกไม่มีพ่อ แม่ทิ้งให้เป็นเด็กวัด แล้วก็ถามต่อเลยสิ ว่าฉันเป็นคนทุบตีผู้หญิงคนนั้นจนตายใช่มั้ย นี่ไม่ใช่เรอะคือสิ่งที่นักข่าวอยากรู้กันนัก อยากรู้ว่านายเขตต์ตวันคนนี้ มีเบื้องหลังแหลกเหลวยังไง”
“ฉันตามอารมณ์คุณไม่ทันแล้ว”
“ฉันขอโทษ”
“คุณเคยบอกฉันว่า ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเค้าดูถูก ก็อย่าดูถูกตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอคะ คุณไม่ควรสอนฉันหรอกถ้าตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ฉันว่าคุณควรจะภูมิใจตัวเองมากกว่า ที่คุณมานะบากบั่นจนมีเงินมีชื่อเสียงได้ขนาดนี้ คนเราจะดีได้ไม่ใช่เพราะชาติตระกูลหรือมาจากครอบครัวที่สูงส่งหรอกนะคะ แต่มาจากนี่ ตัวเราเองตะหาก”
เขตต์ตวันแค่นหัวเราะออกมาเพื่อให้มัทนาผ่อนคลาย
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง