ผู้เขียน หัวข้อ: “เจี๊ยบ-ศักราช” ไม่คิดเกษียณอาชีพนักแสดง - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 540 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 กว่า 20 ปีจากบทบาทของชายหนุ่มที่รับราชการทหารอากาศ ในยศจ่าอากาศเอก แถมรั้งตำแหน่งนักกีฬาบาสเก็ตบอลของทีมทหารอากาศ โดยเล่นในประเภทถ้วย ค. และเป็นนักกีฬาเขตเล่นให้กับหลายจังหวัด มาสู่บทบาทของการเป็น “นักแสดง” ในวงการบันเทิง ณ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์” หรือ “เจี๊ยบ” นักแสดงคุณภาพอีกคนหนึ่งของวงการบันเทิง แม้ชื่อเสียงของเขาอาจจะไม่โด่งดังเปรี้ยงปร้าง เหมือนพระเอกบางคน แต่ผลงานการแสดงของเขา ก็เป็นที่ยอมรับจากแฟนๆทั่วทั้งประเทศ “เจี๊ยบ-ศักราช” ลาออกจากงานราชการ เพื่อมาเป็น “นักแสดงเต็มตัว” โดยเจ้าตัวบอกว่า แค่เปลี่ยนแนวทางการทำงานก็เท่านั้นเอง มาทำความรู้จักกับเขาอีกสักครั้ง หลังห่างการสัมภาษณ์ไปนานทีเดียว “คนดังหลังฉาก” รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ก็เลยป้อนคำถามแบบเข้าประเด็นทันที ฟีดแบ็กละครเรื่องล่าสุด “คุณแม่เฉพาะหน้า คุณย่าเฉพาะกิจ” เป็นอย่างไรบ้าง “ก็ดีนะครับ สนุกดี มีหลากหลายอารมณ์ ตัวผมเล่นเป็น นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพราะพ่อของพระเอก (วุธ- อัษฎาวุธ) ชื่อ มานพ เป็นคนที่รักลูก แต่ก็มีความลับกับลูก เพราะไปยิงพ่อแท้ๆ เขาตาย โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งลูกก็ยังเข้าใจผิดตลอดเวลา เรื่องมันเปิดครั้งแรกที่ตัวผม แล้วก็โยกทางกรุ๊ปเชียงคาน ซึ่งมันก็มีอะไรให้ดูเยอะ หลากหลาย ทั้งดราม่า คอเมดี้ คนดูก็ชอบครับ” เล่นละครกับผู้จัดฯ “วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร” มาสองเรื่องแล้ว ใช่ครับ ก็ตั้งแต่ละคร กู้ภัยหัวใจแหวว เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้การตอบรับดีมาก เรตติ้งสูงทีเดียว เล่นกับวุธก็ดีนะครับ เขาน่ารัก เป็นคนตั้งใจทำงาน มาถึงเรื่องนี้ก็ไม่มีเครียดอะไร จะเครียดเรื่องบท เพราะเราชอบทำการบ้านก่อน บางทีบทอาจจะมาช้า เพราะถ่ายไปออนแอร์ไป แล้วงานหนังล่ะคะ มีเรื่องอะไรบ้าง “มีหนังเรื่องแผลเก่า ของสหมงคลฟิล์ม ถ้าในส่วนของหนัง ส่วนใหญ่ผมจะเล่นหนังของหม่อมน้อย (ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล) แล้วก็มีหนังต่างประเทศด้วย ยังไม่ได้สรุปอะไรเป็นเรื่องราว ก็กำลังดูอยู่ครับ” ส่วนใหญ่จะเล่นหนังกับหม่อมน้อยตลอด “ทุกคนมองว่าผมเป็นเด็กของหม่อมน้อย หม่อมเป็นคนที่ถ้าชอบใครแล้วก็จะเรียกคนนั้นมาเล่นตลอด เขาจะมีอะไรให้เล่นตลอด ก็เหมือนได้เรียนรู้ทุกอย่างจากการทำงานของท่าน แล้วผมก็นำมาใช้งานละคร ในด้านความเป็นอยู่ ผมเองก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งนะ คือผมก็เรียนรู้จากการทำงานของหม่อมนี่แหละ สิ่งที่ผมได้จากหม่อมคือวิชาความรู้ในด้านการแสดงทั้งหมด การทำงานทั้งหมดที่ผมจะเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด แล้วก็นำมาใช้กับกองอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นระเบียบ ผมว่าในประเทศไทย ถ้าจะเอากองถ่ายที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นกองถ่ายของหม่อมน้อยนี่แหละ” หม่อมน้อยสอนอะไรบ้าง “หม่อมสอนหมดเลยนะครับ เพราะหม่อมสอนมาจากความรู้สึก เขาจะรู้ว่าเรามีศักยภาพทำอะไรได้บ้าง เขาจะให้โอกาสเรา ซึ่งบางครั้งมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับมองนักแสดง คือบางครั้งไปเล่นที่อื่น เขาจะโยนให้เราเล่น ซึ่งบางครั้งมันไม่มีใครเก่ง มันต้องมีการเรียนรู้ ต้องมีการเข้าใจมันถึงจะทำออกมาได้ดี โยนให้เล่นเราก็เล่นได้นะก็คือเราก็เล่นเอาตัวรอด 50%” ด้วยความเป็นนักแสดงรุ่นพี่ เจอนักแสดงรุ่นน้องใหม่ๆ เป็นอย่างไรบ้างค่ะ “ก็มีทั้งเด็กดี และไม่ดี ถ้าดีผมก็จะคุยด้วย แนะนำ แต่ไม่ใช่ว่าอวดเก่งอะไรนะ ผมให้คำแนะนำในฐานะที่เขาเป็นคนดี ผมจะบอกวิธีการบางอย่าง ส่วนจะเก็ทหรือไม่เก็ทอันนี้ก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าเจอเด็กนิสัยแรงๆ ผมก็จะเฉยๆ ก็ต่างคนต่างทำงาน” แสดงว่ามีความเป็นครูอยู่ในตัว “ใช่ครับ ผมช่วยมาตั้งหลายกอง บางทีเด็กใหม่มาเล่นไม่ได้ ขนาดเอาโค้ชแอ็คติ้งมายังเล่นไม่ได้ ผมก็ต้องเข้าไปช่วย คือเขาเป็นโค้ชแอ็คติ้งแต่เขายังใหม่ เขาคอนโทรลเด็กไม่ได้ เขาไม่รู้อารมณ์เด็ก เขาไม่รู้นิสัยเด็กโดยแท้จริง ผมจะช่วยในการทำงาน แต่แบบไม่ได้ช่วยตรงๆ ก็อาจจะคุยกันแบบใกล้ชิดหน่อย เพราะบางทีเขาก็เล่นเป็นลูกเรา อย่างตอนละคร กู้ภัยหัวใจแหวว ก็มีเด็กใหม่อย่าง น้องสา (อนิสา นูฮากรา) ผมก็สอนนะ เพราะเขาอยู่ใกล้ตัวเรา เขาเล่นกับเรา มันต้องบอก มันต้องพูด เพราะไม่งั้นเราจะพลอยเสียไปด้วย มันต้องรับส่งกัน อยู่ในซีนเดียวกันมันต้องช่วยกัน” มีวางแผนการทำงานในวงการบันเทิงอย่างไรบ้างมั๊ยค่ะ “ไม่ได้วางแผนอะไรครับ ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำในแต่ละวันให้ดี ผมเชื่อว่าการทำดีในแต่ละวัน เดี๋ยวมันก็มีสิ่งดีๆ กลับเข้ามา ผมไม่ได้หวังว่าจะต้องอย่างนั้นจะต้องอย่างนี้ ตอนนี้ก็มีละครหลายเรื่องติดต่อมาครับ แต่ก็ปฏิเสธไปเยอะ เราอายุขนาดนี้แล้วมันก็ต้องเลือก เพราะไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการทำงานแบบ ถอยหลังเข้าคลอง คือเล่นแล้วต้องมีความหมาย ผมเป็นคนอดเปรี้ยวไว้กินหวานตลอด เงินก็อยากได้นะ แต่เราก็ต้องเลือก เวลาผมรับงาน ผมจะรับงานที่แบบมีอะไรให้ทำ แต่แค่รับเชิญ ส่วนใหญ่แล้วผมจะปฏิเสธ เพราะการทำงานของผมเป็นแบบนี้ รับคือทำจริงๆ ไม่ใช่รับแล้วแบบทำแว๊บๆ มันน้อย ด้วยตัวบทอาจจะไม่มีสีสัน คือบทมันต้องโชว์ด้วย เพราะถ้าไม่โชว์ก็ไม่เล่น ผมเป็นแบบนี้ตรงๆ นะครับ”
      มีแผนรองรับชีวิตในอนาคตอย่างไรบ้าง “ผมก็ดูแลตัวเอง ช่วงนี้ยังไม่คิดอะไร มันยังล่อแหลมอยู่ มันเป็นเรื่องของอนาคต อาจจะมีเงินสักก้อนที่ฉีกไปทำนอกเหนืออาชีพนักแสดง ตอนนี้มันยังไม่มีอะไร ก็ต้องทำงานตรงนี้ให้ดีซะก่อน ผมคิดว่าตรงจุดนี้ผมยังพออยู่ได้นะ เพราะผมก็ไม่ใช่พระเอกนางเอกที่ต้องแข่งกัน แย่งกัน เมื่อก่อนอาจจะมีฝ่ายมาเลือกเรา แต่ตอนนี้เราเลือกได้ ผมถึงเลือกรับงาน เพราะมันจะมีความหมายกับเราต่อไปในอนาคต ก็คิดว่าทำอะไรที่มันดีๆ ไว้ อนาคตมันก็จะดีเอง” คิดว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตการแสดง ขึ้นอยู่ที่รางวัล หรือเปล่าค่ะ “ไม่ใช่ครับ ส่วนตัวผมได้เข้าชิงตั้งหลายครั้ง แต่ผมเฉยๆ มันก็คือการตอบแทนของการทำงานในแต่ละครั้งก็เท่านั้นเอง ซึ่งผมเฉยๆ ได้ก็เฉยๆ ไม่ได้ก็ไม่ว่าไรกัน แต่ว่าเขาให้เกียรติเรา มีชื่อเข้าชิง ก็ถือว่าเราทำงานได้ระดับหนึ่ง แค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้ว ผมไม่อยากเอามากดดันตัวเองด้วย ถ้าเราได้รางวัลมาปุ๊บ เรื่องต่อไปเราจะเล่นดร็อปไม่ได้ เพราะว่าเรื่องที่แล้วเราได้รางวัล มันเป็นการกดดันตัวเองนะ ไม่ซีเรียสตรงนั้นเลย” สรุปเป้าหมายชีวิตของการเป็นนักแสดง ของ “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์” คืออะไร “การแสดงคืออาชีพของผม ผมก็คงต้องรักษาระดับการทำงานของผมต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีงานไปเรื่อยๆ แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีสเต็ปหรือข้ามสเต็ปไปนั่นไปนี่ ผมเป็นคนมองอะไรใกล้ๆ ตัว ไม่ต้องไปเพ้อฝันอะไร ซึ่งบางทีเราทำไม่ได้มันจะมีความรู้สึกย้อนกลับมาว่า เสียความรู้สึกเปล่าๆ มันคิดเป็นวันๆ ไม่ชอบวางอะไรยาวๆ คือก่อนหน้านี้เราอาจจะเป็นฝ่ายถูกเลือก ไม่รู้ว่าจะโดนเลือกเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เราเลือกได้แล้ว เราก็ต้องรักษาระดับของเราเอาไว้ให้ดี ก็เท่านั้นเอง เพื่อจะเป็นบันไดต่อไป ถ้าเราทำดี เดี๋ยวบันไดมันก็มาหาเอง เราไม่ต้องไปไขว่คว้า ผมไม่เคยไปของานใครนะ มีแต่โดนเรียกมา เพราะนิสัยของผมจะเป็นคนเฉยๆ บางคนรู้จักก็คิดอีกแบบ คือบางคนไม่เคยรู้จักกัน มองหน้ากันก็คิดกันไปอีกแบบ ผมก็เฉยๆ เพราะคนเรามันต่างความคิดกันนะ” มองวงการบันเทิง ณ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง “ทุกวันนี้มีนักแสดงเพิ่มขึ้น การทำงานก็มีการพัฒนามากขึ้น นักแสดงรุ่นใหม่ๆ ก็เก่งขึ้น เพราะว่าได้เรียนรู้ ได้เวิร์คช้อป สบายขึ้นกว่าเดิมเยอะ มีผู้จัดการ ซึ่งรุ่นผมไม่มีเลย ตรงข้ามทั้งหมด ผมต้องช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งการช่วยเหลือตัวเองไม่มีคนดูแล ไม่มีวิชาความรู้ มันก็จะพลาด พอมีโอกาส เอ้า..ก็โยนให้เล่น ทำไม่ได้หรอก ทำได้เต็มที่ก็แค่นั้น จริงๆ มันมีอะไรปลีกย่อยอีกเยอะซึ่งผมก็ได้จากหม่อมน้อยนี่แหละที่สอน สอนโดยอ้อมๆ ไม่ได้บอกตรงๆ สอนให้เราเรียนรู้ ให้เราซึมซับ และมันก็อยู่ในตัวเราตลอด ต่อไปเราไปทำงานที่ไหน เจ้าไหนเราก็ทำงานได้หมดครับ” สมแล้วกับการเป็นนักแสดงคุณภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย “ศักราช-ฤกษ์ธำรงค์” จึงยืนหยัดอยู่บนเส้นทางบันเทิงได้อย่างสง่างามและสมศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)