ผู้เขียน หัวข้อ: 'พิ้งกี้' รับ 'สุมันต์' เคยแต่งงาน โอกาสพัฒนาเป็นเรื่องอนาคต  (อ่าน 370 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 เรียกว่าหัวใจไม่ว่างรักเลย เพราะมีข่าวกับหนุ่ม ๆ มาตลอด สำหรับสาวสวยนัยน์ตาแขก พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช ที่ล่าสุดมีข่าวว่าซุ่มปลูกต้นรักกับพระเอกอินเดียที่เล่นหนังเรื่องเดียวกับเธอนามว่า “สุมันต์” แถมเขายังเป็นคนที่มีเจ้าของอีกด้วย งานนี้พิ้งกี้มาอัดรายการ “บันเทิงทูเดย์” ที่สตูดิโอมีเดีย เลยต้องให้เจ้าตัวเคลียร์สักหน่อย พิ้งกี้ เผยว่า “กับสุมันต์ตอนนี้เป็นเพื่อนก่อน ถ้าเกิดมันใช่และโอเค ไม่นานคงจะเป็นแฟน แต่ตอนนี้ยังค่ะ ส่วนเราคุยกันเป็นคนพิเศษไหม เราก็คุยกันแบบถามสารทุกข์สุกดิบ ไม่ได้คิดถึงอนาคตจะคุยเป็นแฟน เราเริ่มคุยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เปิดกล้อง ก็ประมาณ 4 เดือน แต่ ณ ปัจจุบันก็ไม่ได้เป็นแฟน ถามว่าเรารู้สึกว่าเขาเข้ามาจีบเรารึเปล่า เรื่องอย่างนั้นก็คงยังไม่มีค่ะ ส่วนที่มีข่าวว่าสุมันต์ มีเจ้าของแล้ว คือเขาเคยแต่งงาน เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แล้วเขาก็เลิกมาประมาณปี ค.ศ. 2006 นานมาแล้ว ถามว่าพิ้งกี้ซีเรียสไหมที่จะคบกับคนที่เคยมีครอบครัวแล้ว  จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่คนเราจะเจอรักแท้ทั้งที เขาจะเจอรักแท้ในอนาคตมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าแต่งงานแล้วหย่าจะเป็นพ่อม่ายที่มีแฟนไม่ได้ ก็ไม่ใช่ ซึ่งที่นู่นเขาเล่นหนังมานานแล้ว และเขาก็เป็นนักธุรกิจ ตระกูลเขาทำเกี่ยวกับหนังค่ะ คือเขาก็มีโอกาสมาเที่ยวประเทศไทยอีกนะ เราก็ดูแลเขาปกติ เพราะเขาไม่มีเพื่อนที่เมืองไทย เขาชอบเมืองไทย ชอบทุกที่ เขาเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย เขาชอบกินน้ำปลา พอเราไปอินเดียก็เอาน้ำปลาไปให้เขากิน จริง ๆ กับสุมันต์เดี๋ยวรอเปิดตัวหนังคงได้เจอกัน เรื่องส่วนตัวยังไม่ได้คุย เราอยู่ประเทศไทยก็ยังคุยกับเขาปกติ เหมือนคุยไลน์กับเพื่อน แต่โอกาสพัฒนาเป็นเรื่องอนาคตค่ะ สำหรับที่มีข่าวว่ามีมหาเศรษฐีอินเดียมาจีบเราด้วย ก็ยังไม่มีเลย เพราะตอนนี้ไม่ค่อยเจอใคร เรื่องแต่งงานเราก็หวังไว้ว่าอยากมีลูกสัก 3 คน ชอบเด็กมากค่ะ ก็อยากแต่งงานไม่เกินอายุ 30 คู่ครองที่อยากได้ คือเอาแบบที่เขารักเรามากกว่าเรารักเขา แค่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันก็พอแล้ว ตอนนี้เราก็อยากมีความรัก สำหรับสิ่งที่เรากลัวที่สุดในเรื่องความรักก็คือเราไม่อยากทุ่มเทให้ใคร เพราะหัวใจเวลาที่เราทุ่มเทให้ใคร แล้วมันเกิดความหวัง ใจมันจะห่อเหี่ยวว่ารักแท้จะมีจริงรึเปล่า อยากรักตัวเองให้มากขึ้นค่ะ” เห็นว่าเราไปเซ็นสัญญาที่อินเดีย? “เราเซ็นสัญญาตั้งแต่ที่ไปเล่นหนังแล้ว เซ็นไป 3 ปี มีเงื่อนไขว่ามีหนัง 2 เรื่องต่อปี ที่ตัดสินใจเซ็นสัญญา เพราะจริง ๆ ทางโน้นถ้าเราไม่ได้เซ็นเขาก็จะโปรโมตหรือทำอะไรได้ไม่เต็มที่ เวลาเซ็นเราก็ไม่ต้องเล่นหนังเขาอย่างเดียว เวลาที่งานอื่นที่โน่น เขาก็จะช่วยสกรีนให้ด้วย คนที่เซ็นด้วยก็เป็นคนที่สร้างหนังที่เรากำลังเล่นอยู่ เลยมั่นใจและไว้ใจ ซึ่งมันไม่มีผลต่อการรับงานที่ประเทศไทยแน่ นอน เพราะที่นี่เราเป็นอิสระอยู่แล้วค่ะ”.   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)