ผู้เขียน หัวข้อ: สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรณพีร์ วันที่ 27 มิถุนายน 2556  (อ่าน 722 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “ผมจะอธิบายให้ทุกคนทราบความจริง วันนั้นผมมาจอดรถหน้าบ้านเพียงขวัญ เพราะสงสัยว่าเธอมาหลอกเพื่อนผม แบบที่ทุกคนเข้าใจหรือเปล่า แล้ววันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น ผมไม่ปฏิเสธคุณน้า เรื่องผมเป็นชาวนา เพราะผมกำลังคิดไม่ดีกับขวัญ เข้าใจผิดว่าเธอมาจับเพื่อนผม ผมจึงสมอ้างว่าผมเป็นชาวนาจริง ๆ อย่างที่คุณน้าว่า ผมยอมรับผิดว่าผมโกหกคนบ้านนี้ทั้งบ้าน ผมขอ...โทษ”
    
    “บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณ” เพียงขวัญออกมาโวยก่อนเดินหนีไป
    
    บุหลัน ชนะ ประณต นภา โกรธแบบเกรง ๆ ว่าเค้าเป็นหม่อมราชวงศ์ จึงเลือกที่จะเดินหนีกันไปคนละทาง เหลือแต่ยายนั่งอยู่เพียงคนเดียว รณพีร์เดินไปกราบที่เท้ายาย
    
    “ผมกราบขอโทษคุณยาย”
    
    “ยายแก่แล้ว เห็นโลกมามาก ไม่มีแรงจะโกรธใครหรอกลูก แต่สำหรับคนอื่น ๆ ในบ้านนี้ คุณชายก็ไปอธิบายให้เค้าเข้าใจเองแล้วกัน”
    
    รณพีร์เดินตามไปคุยกับประณตเป็นคนแรก “คุณประณตโกรธพี่เหมือนคนอื่นหรือเปล่าครับ ที่พี่โกหก”
    
    ประณตครุ่นคิดว่าเอาไงดี แล้วตัดสินใจได้ “ไม่หรอกฮะ คุณชาย พระองค์จะเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า พระองค์รักพี่ขวัญ แค่นี้ผมก็พอใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
    
    “ขอบใจมากน้องรัก แต่เราคุยกันเหมือนเดิมดีกว่านะครับ” รณพีร์ยิ้ม ขอบคุณมากที่ประณตเข้าใจ
    
    บุหลันเป็นคนที่สองที่รณพีร์ตามไปปรับความเข้าใจ บุหลันยังโกรธอยู่ เลือกที่จะเดินหนีไปอีกครั้ง รณพีร์ตัดสินใจเดินเข้าไปคุยแบบเปิดอกกับนภาในครัวแทน เพียงขวัญตามมาแอบฟัง
    
    “ทำไมคุณชายต้องโกหกเรื่องสถานะตัวเองด้วยคะ วันแรกที่มาพอเข้าใจ เพราะดิฉันเองเป็นคนทึกทักเองว่าคุณชายเป็นคนพิจิตรเป็นชาวนา แต่วันต่อ ๆ มาล่ะ ทำไมไม่บอกความจริง”
    
    “น้าครับ ตอนแรกผมคิดว่าผมจะไม่มาที่นี่ กลับบ้านคิดตลอดเวลาว่าจะไม่มา แต่ผมก็ไม่สามารถจะห้ามใจตัวเองได้ คุณน้าครับผมกราบขอโทษ ตอนนั้นพอจะดูออกว่าขวัญเป็นคนดี ผมชื่นชมเธอมาก แต่เธอเป็นที่หมายปองของยอดยศเพื่อนสนิทของผม คงไม่เหมาะที่ผมจะมาชอบเธอ ยิ่งคิดหนัก ผมก็ยิ่งอยากเห็นหน้าเธอ เลยต้องมาที่นี่ทุกวัน”
    
    “น้ารู้ ขวัญมีใจให้พ่อพีร์ พ่อพีร์ไม่รู้เหรอรึว่าขวัญจะเสียใจแค่ไหน”
    
    “ผมกลัวไปหมด ม.ร.ว.รณพีร์ เกิดมาไม่เคยผิดหวังเลยครับ ผมเรียน ผมสอบจนเป็นนักบิน มีแต่ผู้หญิงรายล้อม ส่วนขวัญนับวันยิ่งแสดงออกว่าเธอไม่ต้องการใคร คนสมบูรณ์พร้อมอย่างยอดยศ เธอยังปฏิเสธไม่ไยดี ผมเห็นกับตา”
    
    “คุณเลยคิดว่า ถ้าคุณบอกความจริงเธอจะปฏิเสธคุณ”
    
    “ใช่ครับ ผมโง่มากใช่ไหมครับ ผมขอสารภาพว่า พอรู้จักขวัญผมกลายเป็นคนสับสน ไม่ว่าทำอะไรก็ดูผิดพลาดไปหมด รวมทั้งครั้งนี้ด้วย”
    
    “คุณยอมรับผิดก็ดีแล้ว สำหรับน้า คนทำผิดแล้วยอมรับผิด น้าจะอภัยและให้โอกาสเขาแก้ตัว แต่สำหรับขวัญ น้าไม่แน่ใจ”
    
    “ผมเข้าใจครับ ขอบคุณครับ” รณพีร์ยกมือไหว้นภา
    
    รณพีร์ตามไปเคาะประตูห้องเพียงขวัญ เรียกให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่เพียงขวัญเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา หลายชั่วโมงผ่านไป บุหลันกับนภาตัดสินใจบอกรณพีร์ให้กลับไปก่อน รณพีร์จำต้องยอมล่าถอยกลับไป เพียงขวัญพอได้ยินว่ารณพีร์แล้วก็น้ำตาไหลออกมา
     
    วันแรกของการถ่ายทำกินรีต่อ ช่างไฟกับแม่ครัวรู้ข่าวเสี่ยเพ้งกับบงกชแล้วก็พากันรู้สึกผิดกับเพียงขวัญ ยิ่งมารู้ว่าเพียงขวัญเป็นหลานของชนะ ไม่ได้เป็นเมียน้อยเหมือนที่บงกชเคยบอก และยังมาได้ยินเพียงขวัญคุยกับศักดาขอให้เปลี่ยนระบบการจ่ายเงินใหม่ ให้พวกช่างไฟกับแม่ครัวเบิกเงินล่วงหน้าได้ก่อน ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
     
    ตั้งแต่เกิดเรื่องรณพีร์ก็เอาแต่นั่งซึม ไม่ยอมกินข้าวกินปลา อ่อนบอกให้แจ๋วไปจัดซุปไก่ซึ่งเป็นของโปรดมาให้รณพีร์ถ้วยหนึ่ง เผื่อรณพีร์จะยอมทานอะไรบ้าง วิไลรัมภาอาสาทำซุปไก่ให้รณพีร์ด้วยท่าทางกระตือรือร้น แต่พอลับหลังอ่อน วิไลรัมภาก็เลิกกระตือรือร้น ทำหน้านิ่ว ขี้เกียจทำซุปไก่ ตั้งใจจะใช้แจ๋วที่เดินตามมาทำซุปไก่ให้ แต่พอเห็นกรองแก้วอยู่ในครัว วิไลรัมภาก็เปลี่ยนเป้าหมาย ใช้กรองแก้วให้ทำซุปไก่แทนทันที แจ๋วอึ้งกับอาการตีสองหน้าของวิไลรัมภา กรองแก้วไม่อยากมีปัญหา หันไปเตรียมทำซุปไก่ วิไลรัมภาได้ทีเดินตามไปพูดข่ม
    
    “ถ้าฉันแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ แปลว่าเราต้องอยู่ด้วยกันเธอกลัวไหม”
    
    “ทำไมต้องกลัวคะ”
    
    “พี่มารตีเป็นพี่ที่ฉันรักมากที่สุด เธอทำให้ชีวิตพี่มารตีพังพินาศ”
    
    “แล้วคุณจะทำยังไงกับฉันคะ”
    
    “โฮ้ย คุณเป็นที่รักของพี่ชายภัทรขนาดนั้น ใครจะไปกล้า แต่การที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนที่เราเกลียดไปตลอดชีวิต ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เธอจะทนฉันได้ไหมล่ะ”
    
    พอกรองแก้วทำซุปไก่เสร็จ วิไลรัมภาก็แย่งเอาซุปไปให้รณพีร์เอง แถมยังบอกรณพีร์หน้าตาเฉยว่าเป็นคนลงมือทำเอง กรองแก้วนิ่งคิด วิไลรัมภาร้ายให้เห็นตรง ๆ กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะอยู่ยังไงดี
     
    ตอนที่ 16
    
    เดชคำแหงซื้อโปสเตอร์หนังนางเสือสาวที่กำลังจะเข้าฉายมาให้เพียงขวัญเก็บไว้เป็นที่ระลึก อดุลย์ซื้อผ้านอกมาให้เพียงขวัญตัดชุดเอาไว้ใส่เวลาต้องไปโชว์ตัว เพียงขวัญไม่ยอมรับผ้าของอดุลย์แต่ยอมรับโปสเตอร์จากเดชคำแหง
    
    เดชคำแหงหัวเราะชอบใจเสียงดังลั่น “เอ๊า เอาแล้ว ท่าทาง ทั้งนภากับหนูขวัญจะเลือกผม ไม่ใช่คุณเสียใจด้วยนะ”
    
    อดุลย์เดินตามไปคุยกับเพียงขวัญ “เรื่องคุณชายรณพีร์ พ่อรู้หมดแล้ว”
    
    “ดิฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้”
    
    “หนูมีพ่อ พ่อเลี้ยงอดุลย์เป็นเจ้าของปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ไม่มีอะไรด้อยกว่าเขา พ่อจะพาหนูเข้าวังจุฑาเทพ ไปประกาศให้คนที่นั่นรู้ว่าหนูเป็นใคร”
    
    “ฉันเป็นใครหรือคะ ฉันเป็นกำพร้า พ่อเป็นใครไม่รู้ฉันชื่อเพียงขวัญ เพราะเป็นขวัญกำลังใจอย่างเดียวของแม่นี่คือสิ่งที่แม่บอกฉันมา ตั้งแต่เด็ก ชั้นเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
    
    “แต่พ่อก็ยอมรับผิดแล้วก็ขอโทษหนูไปแล้ว แต่หนูจะให้คนพวกนั้นมาดูถูกหนูอย่างนี้ไม่ได้ ไปกับพ่อนะลูก พ่อจะพาไปคุยกับพวกนั้นให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหนูเป็นใคร”
    
    “คุณนี่แปลก ผู้ชายคนนั้นไม่เห็นมีอะไรแตกต่างจากคุณ ปกปิดความจริงเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น”
    
    “ถ้าหนูไม่ไป งั้นพ่อก็จะไปเอง วังจุฑาเทพพ่อก็รู้จัก”
    
    “ถ้าคุณไป ฉันจะไม่พูดกับคุณอีก คุณไม่มีสิทธิเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉันนะคะ”
     
    คุณเดือนจากห้องเสื้อเดือนเพ็ญมาวัดตัวตัดชุดแต่งงานให้ธราธรกับมะปราง เอียดกับอ่อนให้วัดตัวตัดชุดให้รณพีร์กับวิไลรัมภาด้วย รณพีร์ชักสีหน้าไม่พอใจ
    
    “เรื่องแต่งงานของผม ยกเลิกไปเถอะครับ ผมคงไม่แต่งงานหรอกครับขอโทษนะครับน้องวิไลรัมภา กราบขอโทษครับหม่อมย่าเอียด”
    
    วิไลรัมภาโกรธมาก รีบเดินตามไปคุยกับรณพีร์ “พี่ชายพีร์กับเพียงขวัญเลิกกันแล้ว ทำไมไม่เปิดใจให้รัมภาบ้างคู่แต่งงานหลายคู่ไม่ได้รักกัน แต่พออยู่ ๆ ไป ก็รักกันเอง”
    
    “น้องรัมภาครับ พี่อยากให้น้องรัมภาทราบไว้แต่งงานกันไปก็ไม่ได้รักกันพี่รักเพียงขวัญ ถ้าไม่ใช่เพียงขวัญพี่จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต”
     
    วิไลรัมภาไม่ยอมแพ้ พาไฉไลบุกไปหาเพียงขวัญที่กองถ่าย วิไลรัมภาอ้างว่าเป็นแฟนคลับของเพียงขวัญ ไฉไลจะแนะนำตัวว่าเป็นเพื่อน แต่วิไลรัมภาพูดตัดหน้าบอกไฉไลเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทที่คอยดูแลเธอ ไฉไลอึ้งไป วิไลรัมภาไม่จำเป็นต้องเหยียดหยามตนขนาดนั้น
    
    “ดิฉันอยากมาเยี่ยม มาให้กำลังใจการทำงานของคุณ นี่ ของขวัญจากดีไซเนอร์ชาวปารีส เพิ่งวางขายที่ห้างหยกฟ้าเมื่อวานนี้ค่ะรัมภาเลยซื้อมาสองใบ กับของตัวเองนี่ไงคะ” วิไลรัมภายื่นกระเป๋าให้เพียงขวัญและชี้ให้ดูของตนเองที่เหมือนกันแต่คนละสี “ดิฉันคงรับไม่ได้”
    
    “รับไปเถอะค่ะ ให้คนของคุณเก็บไว้” วิไลรัมภายัดกระเป๋าใส่มือจันท์กระพ้อ เหมือนจันท์กระพ้อเป็นคนใช้ “ไปทานข้าวกันนะคะ ดิฉันขอคุณศักดาไว้แล้วร้านอาหารใกล้ ๆ ตรงนี้เอง เดี๋ยวมาส่งค่ะ”
    
    วิไลรัมภาพาเพียงขวัญไปทานอาหารที่โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก พอไปถึงเจ้าของร้านรีบออกมาต้อนรับ ไฉไลแยกตัวไปจัดการสั่งอาหารให้วิไลรัมภา เพียงขวัญอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าวิไลรัมภาดูเลิศลอยกว่ามนุษย์ธรรมดา
    
    “วันนั้นคุณขวัญรำสวยมากเลยนะคะ ท่านพ่อของรัมภา ม.ร.ว.เทวพันธ์ เทวพรหม เป็นคนให้ไฉไลโทรฯ ไปจ้างคุณค่ะ เพื่อเป็นของขวัญให้หม่อมย่าเอียด คุณพ่อของรัมภากับคุณพ่อของคุณชายทั้งห้าเป็นเพื่อนสนิทกันรัมภาโตมากับคุณชายทั้งห้า”
    
    “อ๋อ มิน่าถึงเห็นคุณกับคุณพีร์อยู่ด้วยกันที่สโมสรนั่น”
    
    “คุณชายรณพีร์ค่ะ”
    
    “คุณชายรณพีร์บอกดิฉันว่าพวกคุณเป็นญาติเป็นพี่น้องกัน”
    
    “อุ๊ย...เข้าใจผิดแล้วค่ะ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ กับ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม เราเป็นคู่หมั้นกันมาก่อนที่รัมภาจะเกิดด้วยซ้ำไปค่ะ เราผูกพันกัน ผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้ งานแต่งงานของเรากำลังจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้ค่ะ เราตั้งใจจะติดต่อคุณขวัญไปรำแสดงความยินดีในงานแต่งงานของเราด้วยนะคะ”
    
    “ครั้งที่แล้วคุณตั้งใจเชิญดิฉันไปรำเพราะรู้เรื่องฉันกับคุณชายรณพีร์อยู่แล้ว คุณไม่ใช่แฟนหนังของดิฉัน และที่พาฉันมากินข้าวที่นี่ก็เพื่อจะตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง”
    
    “ดิฉันเป็นผู้หญิงจากตระกูลสูงศักดิ์ ดิฉันสู้รบปรบมือกับนางเอกนางรำอย่างคุณ คงไม่ไหวหรอกค่ะ”
    
    “พูดจาดี เอาของมาให้ เชิญมากินข้าว ผู้ดีเขาทำกันแบบนี้นี่เอง ฉันบอกคุณได้เลย ว่าฉันเลิกติดต่อกับคุณชายรณพีร์แล้ว”
    
    “แต่พี่ชายพีร์ ยังตามตื๊อคุณอยู่ ฉันจะเชื่อได้ยังไงคะว่าคุณจะไม่คิดมักใหญ่ใฝ่สูง”
    
    “คนทุกคนมีศักดิ์ศรีนะคะไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนต้องวิ่งโร่จับผู้ชายต้องถีบตัวเองเข้าไปในสังคมชั้นสูง ยิ้มหวานให้กัน มือขวาให้ของขวัญแต่มือซ้ายถือมีด ฉันไม่คิดจะทำอย่างงั้นหรอกคะ ที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้ว”
    
    เพียงขวัญลุกขึ้นยืน วิไลรัมภายืนตาม
    
    “ฉันจะให้รถกลับไปส่งคุณที่กองถ่าย”
    
    “คุณไม่เหนื่อยเหรอคะที่จะต้องเสแสร้งทำดีกับฉันแบบนี้ แต่ฉันเหนื่อยค่ะ เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ สวัสดีค่ะ”
     
    เพียงขวัญกลับมาเจอรณพีร์ที่กองถ่าย
    
    “เพียงขวัญ คุณจะโกรธจะเกลียดผมยังไงก็ได้ แต่คุณห้ามไม่ให้ผมรักคุณไม่ได้หรอก ผมรักคุณ ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็น เรืออากาศโท ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ แต่ผมรักคุณด้วยหัวใจของนายพีร์ ผู้ชายธรรมดา ๆ คนนึง” รณพีร์ใส่แหวนช่อที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพียงขวัญ
    
    วิไลรัมภาตามมาเจอ โวยวายลั่น “พี่ชายพีร์ ทำอย่างงี้ได้ยังไงคะ”
    
    “รัมภา...พี่ไม่ได้รักรัมภา พี่เห็นรัมภาเป็นน้องสาวของพี่มาตลอดเวลา ผู้หญิงที่พี่รักและจะแต่งงานด้วย คือเพียงขวัญคนนี้คนเดียวเท่านั้น ขอให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักและจะรักตลอดไปคือเพียงขวัญคนเดียว”
    
    วิไลรัมภาช็อก ทำอะไรไม่ถูกได้แต่กรีดร้อง น้ำตาไหลพราก
     
    เย็นนั้น ชนะกลับมาเล่าเรื่องรณพีร์ให้ยาย นภา บุหลันฟัง ทุกคนเริ่มมองรณพีร์ดีขึ้น รู้สึกว่ารณพีร์มีความจริงใจให้เพียงขวัญ  ขณะเดียวกัน วิไลรัมภากับไฉไลช่วยกันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พิมพรรณฟัง
    
    “ยายผู้หญิงไม่มีระดับคนนั้น พี่ชายพีร์ก็หลงนังนั่นหัวปักหัวปำมันน่าหลงใหลตรงไหน อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมแพ้นังนั่น” วิไลรัมภาขว้างกระเป๋าลงพื้น
    
    ไฉไลรีบวิ่งไปเก็บกระเป๋า “เดี๋ยวกระเป๋าพังหมดค่ะ เพิ่งซื้อมาวานนี้เอง แพงด้วย”
    
    “นี่ไฉไล พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แค่ให้ออกเงินไปก่อนเศษเงินแค่นั้นยังมีหน้ามาทวงฉันอีก ทำไมมันมีค่ามากนักรึไง”
    
    วิไลรัมภากระชากกระเป๋าจากไฉไล ตีกระเป๋าลงโต๊ะอย่างบ้าคลั่ง พิมพรรณกับไฉไล มองหน้ากัน เวลาร้ายรัมภาร้ายสุด ๆ
     
    ประณตสอบได้ที่สาม ได้เลื่อนมานั่งใกล้กับสลักจิตที่สอบได้ที่หนึ่ง ประณตอยากเอาคะแนนสอบไปอวดรณพีร์ จึงแอบหลบออกจากบ้านไปหารณพีร์ที่กองบิน พอเพียงขวัญรู้เรื่องจากแดงก็ตกใจมาก รีบไปตามหาประณตที่กองบินทันที
    
    เพียงขวัญไปถึงไม่เห็นประณตอยู่กับรณพีร์ก็ยิ่งร้อนใจ พอดีมีเสียงประกาศว่าเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำหน้าฐานทัพ มีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ รณพีร์กับเพียงขวัญคิดว่าเป็นประณตรีบพากันไปดู แต่พอไปถึงเห็นว่าไม่ใช่ประณตก็พากันโล่งใจ
    
    ที่แท้ประณตไปดูการฝึกทหารกับจ่าละมัยที่ลานฝึก เพียงขวัญกับรณพีร์ตามไปหาประณตที่ลานฝึก รณพีร์สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ประณตหนีออกจากบ้านมาพบตนที่กองบินอีก “คุณชายพีร์โกรธผมหรือ”
    
    “เมื่อกี้มีอุบัติเหตุ พี่ขวัญหน้าตกใจมาก ไหนจะคุณยาย แม่ป้าที่บ้าน ถ้าเด็กคนนั้นเป็นประณต พวกเราจะเป็นยังไงสัญญาสิว่าจะไม่หนีมาที่นี่คนเดียวอีก”
    
    “ครับ สัญญา ผมขอโทษครับพี่ขวัญ ขอโทษครับคุณชาย”
    
    “งั้นก็กลับกันเถอะ พี่เอารถมารับแล้ว”
    
    “เอ้า เดี๋ยวสิครับ ตอนที่ผมมาเจอ ผมเห็นเขานั่งดูทหารฝึกอยู่ เขาสนใจมาก ผมเลยรับปากเขาว่าจะพาไปดูให้ทั่ว ๆ ขออนุญาตพาเขาไปดูการฝึกทหารได้ไหมครับหมวด  ได้ไหมครับคุณเพียงขวัญ”
    
    “ผมอยากเป็นทหารอากาศ ผมก็สอบได้ที่ 3 แล้วนะครับ ผมอยากขออนุญาต ไหน ๆ จะได้มาเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็ดูให้ทั่ว ๆ ก่อนนะครับ นะพี่ขวัญนะ แป๊บเดียวเอง”
    
    เพียงขวัญจำใจพยักหน้า “แค่ชั่วโมงเดียว พี่ไม่อยากกลับมืดนะ”
     
    ละมัย รณพีร์ เพียงขวัญ พาประณตไปดูทหารฝึกรบ ประณตเห็นทหารตัวเลอะเปรอะโคลน ลอดลวดหนามสกปรก เจ็บก็เจ็บ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย
    
    “คุณชายพีร์ ต้องทำแบบนี้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
    
    “พูดเหมือนเดิมเถอะ ขอร้อง...พี่ก็ฝึกเหมือนเขา ไม่มีข้อยกเว้น”
    
    “หล่อ ๆ เป็นเจ้าชาย ก็ต้องทำหรือครับ”
    
    “ทำไมทหารต้องแต่งตัว ตัดผมเหมือนกันรู้ไหม” ละมัยหันไปถามประณต
    
    “ไม่รู้ครับ”
    
    “ยศถาบรรดาศักดิ์ รวย จน เป็นคนจังหวัดไหน อำเภอไหน ต้องลืมให้หมด มาอยู่ตรงนี้ ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
    
    “ต้องสามัคคีกันใช่ไหมฮะ”
    
    “เสือมีเขี้ยว หมีมีกรงเล็บ มนุษย์น่ะไม่มีอะไรเลยนะ เกิดมาอ่อนแอที่สุดแต่มนุษย์มีนี่ สติปัญญา แล้วก็มีกันและกัน ต้องสามัคคีกัน”
    
    ประณตพยักหน้าเริ่มเข้าใจ ละมัยพาประณตไปดูทหารหุงข้าวกินกันเอง และให้ประณตลองชิมอาหารที่พวกทหารกินกัน เพียงขวัญเดินแยกตัวออกมา รณพีร์เดินตามไปคุย
    
    “ที่วัง มีแต่อาหารชาววัง ผักต้องสลัก นั่งเคี่ยวแกงเป็นวัน ๆ ตอนมาเป็นนักเรียนทหารเดือนแรก ผมกินไม่ได้เลย ผอมหัวโต ย่าอ่อนโวยวาย ส่งอาหารมาให้ทั้งโรงเรียน ผลก็คืออาจารย์ว่าผมอย่ามาเป็นทหารเลย”
    
    “มาบอกฉันทำไม”
    
    “ผมก็เหมือนลูกผู้ชายคนอื่น ๆ ผมเป็นทหารมีหน้าที่รับใช้และปกป้องประเทศชาติ ที่ผมพูดก็แค่อยากให้คุณรู้ความรู้สึกจริง ๆ ของผม ว่าที่จริงแล้วผมไม่ได้สูงศักดิ์อะไรเลย ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นลูกเมียน้อย เพราะเลือกเกิดไม่ได้ ผมก็เลือกเกิดไม่ได้เหมือนกัน คุณกำลังโกรธ ในสิ่งที่ผมเลือกไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
    
    “ฉันไม่ได้โกรธคุณ ฉันโกรธตัวเอง”
    
    “คุณขวัญครับที่กองบิน ผมให้เพื่อนเรียกชื่อผมเฉย ๆ ไม่มีคำว่าคุณชาย เพราะผมมีความสุขมาก ที่เขาทำตัวกับผมตามปกติ ผมจงใจไม่บอกคุณอยู่นานเพราะผมอยากเป็นแค่นายพีร์ นายพีร์กับผู้หญิงของเขากับผู้หญิงที่เขารักจริง ๆ”
     
    รณพีร์เดินไปส่งประณตกับเพียงขวัญที่หน้ากองบิน เพียงขวัญเดินไปคอยที่รถก่อน ปล่อยให้รณพีร์กับประณตยืนคุยกันตามลำพัง   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)