ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 23 มิถุนายน 2556  (อ่าน 350 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 23 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 23, 2013, 02:50:54 am »

 “ป้าจะทำไม”
    
    “เอาลูกมันออกมาสิวะ”
    
    เสียงฟ้าคำรามเปรี้ยง ฝนตกกระหน่ำกลบเสียงหวีดร้องของบุหลันยามใกล้คลอด เสียงหวีดสุดท้ายดังขึ้นพร้อมเสียงอุแว้ของทารกเกิดใหม่ดังขึ้น แคล้วกับยอดสะดุ้งลุกขึ้นมองไปที่ห้อง..เฟืองอุ้มเด็กห่อผ้ามิดชิดเดินออกมา
    
    “ผู้ชาย เอ้า ไอ้แคล้ว นี่รกเด็ก ขุดหลุมฝังซะ ข้าจะเอาเด็กไปถวายท่านหญิง เอ็งบอกความไอ้ยอดแล้วนะ เอ้าไอ้ยอด เอาเงินไปพามันไปเดี๋ยวนี้เลย ไอ้แคล้วกวาดล้างให้หมดจดนะมึง อย่าให้เหลือรอย” เฟืองส่งห่อเงินให้
    
    “ป้า...ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ พี่แคล้วบอกแค่มาทำงานให้ป้า ไม่ได้บอกว่าจะให้ฉัน....”    “ไอ้ยอด มึงอย่าพิรี้พิไรกะกู ถ้ามึงไม่อยากไปจริง ๆ ก็ได้ แต่กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่ ๆ มึงจะเอามั้ย เอามั้ยไอ้ยอด บอกกูมาเลย” เฟืองเสียงดุหน้าดุ
    
    “แต่อย่างนี้มันบาปนี่ป้า... ฉันไม่อยากทำ” ยอดทั้งตกใจและหวาดหวั่น    “มึงอยู่ในวังเหมือนคนเดนคนอยู่แล้ว จะอยู่ไปทำไม เอาเงินไปตั้งตัวไม่ดีกว่าเรอะ โอ๋ ..โอ๋ คุณชายของบ่าว บ่าวจะพาไปหาท่านแม่นะคะ” เฟืองเดินออกไป       
    “เอาไปทิ้งปากน้ำสิไอ้ยอด ให้ศพมันลอยออกทะเลไปเลย” แคล้วบอก
    
    ยอดมองร่างบุหลันที่นอนสลบอย่างตัดสินใจ
     
    เฟืองอุ้มทารกน้อยเพศชายมาถวายท่านหญิง พร้อมทูลว่าบุหลันคลอดลูกชายและยกถวายให้เป็นลูกชายท่านหญิง ท่านหญิงแปลกพระทัย มองจ้องเด็กในห่อผ้าที่เฟืองอุ้มอยู่
    
    “หญิง..หญิงเกลียดมัน แล้วเฟืองจะให้หญิงเลี้ยงลูกมันเหรอ”     “เกลียดตัวกินไข่ได้มังคะ เพราะไข่ใบนี้จะเป็นของท่านหญิงองค์เดียว ต่อไปท่านหญิงจะมีลูกชายคนเดียวเป็นยอดขวัญเสริมบารมีแห่งวังรังสิยา เชื่อหม่อมฉันเถิดมังคะ คุณชายเกิดมาเพื่อเป็นลูกชายท่านหญิงเท่านั้น”
    
    เฟืองอุ้มคุณชายชูขึ้น ส่งให้ท่านหญิงค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับเด็กร้องไห้จ้า ท่านหญิงสะดุ้งถอยกลับ
    
    “ทรงอุ้มเถิดมังคะ คุณชายจะรู้สึกอบอุ่นเป็นครั้งแรก นังแม่มันยังไม่ได้แตะตัวลูกมันเลยมังคะ”
    
    “มันยังไม่ได้อุ้มลูกมัน เฟืองแย่งมาจากแม่มันเหรอ”
    
    “ท่านหญิงรับคุณชายไปเถิดมังคะ แล้วไม่ต้องรับสั่งอะไรอีก...คุณชายหยุดร้องแล้ว ดูสิมังคะ”
    
    ท่านหญิงอุ้มแล้วโยกตัวปลอบโยน พักตร์ยิ้มอ่อนหวาน จ้องที่คุณชาย     “ทูนหัวของหม่อมฉัน ต่อไปนี้จะไม่ทรงเงียบเหงาแล้ว คุณชายจะอยู่กับท่านหญิง จะรักท่านหญิงคนเดียว ใครไม่รักไม่ห่วงก็ไม่เป็นไรแล้วมังคะ แค่นี้หม่อมฉันก็ตายตาหลับมังคะ...หม่อมฉันไม่มีวันผิดสัญญาที่ถวายกับหม่อมแม่ของท่านหญิงว่า จะดูแลท่านหญิงจนลมหายใจสุดท้ายของหม่อมฉัน” เฟืองน้ำตาขึ้นมาคลอ ๆ
    
    ท่านหญิงมองเฟืองอย่างซาบซึ้ง ยื่นมือให้เฟืองรับมาทูนบนหัว....กลางดึกคืนนั้น เฟืองเอาเงินมาให้แคล้ว บอกให้ออกไปจากวังและปิดปากให้สนิท แคล้วรับคำหนักแน่น
    
    “ดี จำไว้นะ ใครทรยศกะข้าไม่มีวันตายดี แล้วทำอย่างที่สั่งรึเปล่า”
    
    “เจาะเรือไอ้ยอดเหรอ เจาะแล้ว ป่านนี้น้ำเต็มเรือแล้วมั้ง ฉันรู้น่าป้าว่าต้องปิดปากไอ้ยอดด้วย”
    
    ขณะที่ยอดกำลังจะจับบุหลันโยนน้ำ ต้องตกใจเห็นบุหลันยังไม่ตาย พร้อมกับร้องครวญครางเจ็บท้อง ยอดรู้สึกว่าน้ำไหลเข้ามาในเรือ ก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของแคล้ว จังหวะที่ยอดกระโดดน้ำหนีก็ได้ยินเสียงร้องจ้าของเด็กทารกอีกคนหนึ่ง
    
    ไกลออกไปตามแม่น้ำสายเดียวกัน ที่บ้านปัณณธร คุณหญิงเพ็ง ปัณณธร พจน์ลูกชายคนเดียวและฉัตต์ลูกชายวัยห้าขวบของพจน์ กระวนกระวายเพราะเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของราตรี ภรรยาที่รักยิ่งของพจน์กำลังจะคลอดลูก และในวันเดียวกันละเมียดต้นห้องของคุณหญิงเพ็งวิ่งมาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนสลบอยู่ที่ท่าน้ำ พร้อมด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นใบ้และทารกเพศหญิงอีกหนึ่งคน ทุกคนจึงพากันไปที่ท่าน้ำ     “ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย เมื่อเขาฟื้นขึ้นเขาก็จะบอกเราเองครับว่าเกิดเรื่องอะไรกับเขา ตาแนบเอารถไปรับคุณหลวงแพทย์ให้มาดูผู้หญิงคนนี้ก่อน คุณแม่จะกรุณามั้ยครับ”
    
    “กรุณาอะไร หลวงแพทย์นะหรือ ได้สิลูก แม่ก็คิดอยู่ ลูกนกบาดเจ็บเรายังให้มันอาศัยชายคา นี่คนมีเลือดมีเนื้อไม่รู้ตุหรัดตุเหร่มาจากไหนยังไงก็ต้องช่วยเอาบุญ”
    
    “ช่วยกันพาไปที่เรือนเล็กก่อน ละเมียดรับเด็กไว้ด้วย” พจน์หันไปสั่งคนใช้
    
    บุหลันรู้สึกตัว ลุกพรวดเหลียวไปดูรอบ ๆ เห็นคุณหญิงเพ็ง พจน์ และละเมียดนั่งอยู่ บอกบุหลันว่าคุณหญิงเพ็งเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้ บุหลันก้มลงกราบคุณหญิง
    
    “ขอบพระคุณมากค่ะ ขอประทานโทษ ลูกอิฉันอยู่ไหนเจ้าคะ”
    
    “นี่ไง.. ลูกเธอปลอดภัยแล้ว ละเมียดเอาลูกให้แม่เขา”
    
    บุหลันรับลูกมากอดแนบอก ร้องน้ำตาไหลพราก ฉัตต์แอบอยู่แถวนั้น จ้องมองไปที่เด็กในอ้อมแขนบุหลัน...แล้วจู่ ๆ สารภีก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกคุณหญิงและพจน์ให้รีบไปดูราตรีเพราะอาการไม่ดี และในที่สุดราตรีก็เสียชีวิตหลังจากคลอดลูกสาวในวันนั้น ทุกคนพากันเศร้าโศกเสียใจ โดยเฉพาะพจน์ที่เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้ราตรีต้องตาย เพราะอยากมีลูก ทั้ง ๆ รู้ว่าเธอเป็นโรคหัวใจ ฉัตต์ยืนสีหน้าเคียดแค้น
     
    “คุณแม่ตายไม่ใช่เพราะมีน้อง”
    
    “ฉัตต์ พูดอะไรหรือลูก”
    
    “เพราะพวกมัน พวกมันที่มันมาที่ท่าน้ำ แล้วคุณแม่ก็ตาย”
    
    “ไม่จริงลูก...อย่าพูดอย่างนั้น”
    
    “พวกมันไม่ตาย มันให้คุณแม่ตายแทน...คุณแม่ตายแทนมัน”
    
    “ฉัตต์ใครมาบอกอะไรเนี่ย”
    
    “ผมคิดเอง...ไม่มีใครบอก ผมคิดเองครับคุณพ่อ” ฉัตต์พร่ำพูดพลางร้องไห้     ฉัตต์ปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นแม่ของตนถึงตาย เขาถึงกับลั่นวาจาว่าเกลียดสองแม่ลูกที่สุด คุณหญิงเพ็งและพจน์ตะลึงพูดไม่ออก
     
    พจน์เอาแต่เศร้าโศกเสียใจเป็นที่สุดเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมไปเจอใคร จนคุณหญิงเพ็งเป็นห่วงจึงเข้ามาเตือนสติให้ลูกชายได้คิด
    
    “พจน์ แม่เสียลูกสะใภ้ไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้แม่ต้องเสียลูกชายไปอีกคนหนึ่งเลย แม่ตอบคนที่เขาถามถึงไม่ได้ว่าลูกไปไหน งานศพเมียทำไมไม่ออกไป ลูกไม่ใช่เด็กแล้วนะ หน้าที่การงานก็ดี เป็นถึงผู้พิพากษาคนนับหน้าถือตาทำไมต้องทำตัวน่าอเนจ อนาถแบบนี้”
    
    ฉัตต์เดินเข้ามากอดพ่อแล้วร้องไห้ พจน์สะเทือนใจเงยหน้ามองคุณหญิงอย่างรู้สึกผิด และเริ่มคิดได้...หลังงานเสร็จสิ้นเรียบร้อย คุณหญิงเพ็งเรียกบุหลันมาสอบถามความเป็นมา เมื่อถามถึงพ่อเด็กบุหลันนั่งนิ่งน้ำตาคลอ
    
    “ถ้ายังไม่มีที่ไป ลูกเต้ายังแบเบาะก็อยู่ที่นี่ไปก่อน หวังว่าเธอคงไม่มีคดีติดตัวมา ถ้ามีก็พูดกันตรงนี้อย่าปิดบัง ลูกชายฉันเป็นผู้พิพากษาเขาถือกฎหมายเป็นที่ตั้ง”
    
    “ดิฉันไม่มีคดี ไม่เคยทำร้าย มีแต่ถูกทำร้ายมาเจ้าค่ะ”
    
    คุณหญิงเพ่งมองบุหลันนิ่ง ๆ บุหลันมองตอบด้วยสายตาบริสุทธิ์
    
    “ฉันยังไม่คาดคั้นว่าเธอคือใคร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ธรรมดา วันหลังสบายใจ ก็ค่อยบอกเล่ากัน แล้วก็...ขอบใจที่มาช่วยให้นมหลานฉัน เขาอาภัพมาก แม่ตายวันที่เขาเกิดพอดี อ้อ...เธอจะให้เรียกเธอว่าอะไร”
    
    “จันทร์ค่ะ.....เรียกดิฉันว่าจันทร์”
    
    ท่านหญิงแขไขเจิดจรัส มองจ้องคุณชายที่กำลังร้องไห้เสียงดัง ใจคิดวนเวียนจะรักหรือไม่รักดี เฟืองได้ยินเสียงเด็กร้องรีบเข้ามาอุ้มแล้วเอาขวดนมให้คุณชายดูด
    
    “คุณชายร้อง ทำไมท่านหญิงไม่ทรงอุ้มคะ คุณชายร้องหาท่านแม่”
    
    “หยุด...หยุด..พอได้แล้วเฟือง เค้าไม่ใช่ลูกหญิง หญิงก็ไม่ใช่แม่ จะให้หลอกลวงตัวเองไปถึงไหน”
    
    “ทรงเหลวไหล หม่อมฉันคิดว่าทรงเข้าใจแล้ว”
    
    “แล้วเฟืองเข้าใจหรือเปล่าล่ะว่าเด็กนี่เป็นลูกของคนที่หญิงเกลียด เกลียดที่สุดในชีวิต เพราะมันเป็นมารหัวใจมารชีวิตของหญิง เฟืองจะให้หญิงรักเขาได้ไง”
    
    “รักได้มังคะ รักคุณชายแล้วคุณชายจะรักท่านหญิงองค์เดียว ถึงจะเป็นสายเลือดอยู่ในท้อง 9 เดือน หรือจะมาสู้อยู่ใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืนเป็นเดือนเป็นปี ต่อให้นังบุหลันมันฟื้นขึ้นมาทวงลูกมันคืน คุณชายก็ไม่มีวันเหลียวแล”
    
    “เฟือง...เฟือง พูดว่าอะไรนะ” ท่านหญิงตกใจ
    
    “ไม่มีอะไรมังคะ จดหมายท่านชายฝากคนมา..ทรงฝากให้ดูมันกระมัง ห่วงมันเหลือเกิน”
    
    “เฟือง... เฟืองบอกถ้าบุหลันฟื้น...เฟือง มันตายแล้วหรือ เฟืองฆ่ามันแล้วหรือ”
    
    “ไม่ทราบได้ว่ามันตายหรือยัง” 
    
    “ก็เฟืองพูดอยู่เดี๋ยวนี้ ว่าถ้ามันฟื้น”
    
    “ถ้าอย่างนั้น หมายความว่า ถ้ามันตายแล้วมันฟื้น หรือถ้ามันไม่ตายแล้วมันกลับมา...ได้ทั้งนั้นมังคะ”
    
    “เฟือง...บอกกับหญิงว่าเฟืองไม่ได้ฆ่ามัน ไม่อย่างนั้นหญิงจะไม่มีวันแตะต้องเด็กคนนี้ หญิงจะไม่มีวันเลี้ยงเขาโดยการฆ่าแม่เขาแล้วเอาลูกมาเลี้ยง...เฟือง”
    
    “หม่อมฉันไม่ได้ฆ่ามัน”
    
    “ใครฆ่า...”
    
    “มันไม่ตาย หม่อมฉันไม่เห็นมันตายมังคะ ทรงอุ้มคุณชายเถิดมังคะ ร้องไห้ใหญ่แล้ว”
    
    “เฟือง...หญิงรักเฟือง ไม่อยากให้เฟืองทำบาป ฆ่าคนมันบาปหนานะ จะตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย...หญิงถามจริง ๆ เฟืองฆ่าบุหลันรึเปล่า”
    
    “เปล่ามังคะ หม่อมฉันยืนยันได้ว่านังบุหลัน มันหนีไปกับไอ้ยอดชู้มัน”
    
    “ไม่จริง หญิงไม่เชื่อว่าเค้าจะเลวอย่างนั้น”
    
    “แต่หม่อมฉันเชื่อ เพราะไอ้ยอดหายไปพร้อมกัน ไอ้ยอดหน้าตาดี ยังหนุ่มแน่น กิริยามารยาทเรียบร้อย สุภาพพูดเพราะ มีหรือนังบุหลันจะไม่เอนเอียง ไอ้ยอดมันชอบนังบุหลันตั้งแต่ยังไม่เป็นหม่อม”
    
    ท่านหญิงจ้องหน้าเฟืองเขม็ง เฟืองใจแข็งปานหิน สบตาไม่มีพิรุธเลย
    
    “หม่อมฉันทำไม่ได้หรอกมังคะ ฆ่าคนน่ะ เพราะหม่อมฉันกลัวบาปถึงท่านหญิง”
    
    เฟืองเห็นสายตาที่ท่านหญิงมองคุณชายก็รู้ว่ารักเด็ก จึงส่งให้อุ้มคุณชาย คุณชายน้อยมองท่านหญิงตาแป๋ว ท่านหญิงมีสีหน้าอ่อนโยนลง
    
    “ลูกชายคนเดียวของแม่ ฉันจะเรียกเขาว่า ชายเดียว...นะเฟือง...หญิงอยากมีนมให้ลูกดื่ม”
    
    “หม่อมฉันนัดแม่ผ่องไว้จะให้มาเป็นแม่นมคุณชาย เขาเพิ่งคลอดลูกตาย นมกำลังคัด”
    
    จันทร์ ตั้งชื่อลูกสาวว่า รุ้ง จันทร์เป็นที่รักของคนทั้งบ้านโดยเฉพาะคุณหญิงเพ็ง เพราะจันทร์ขยันขันแข็งช่วยงานทุกอย่างในบ้าน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ฝีมือ เช่น ทำอาหาร ร้อยดอกไม้ แกะสลักผลไม้ และเย็บเสื้อผ้า นอกจากนี้จันทร์ยังเป็นแม่นมของจริมา ลูกสาววัยแค่เดือนเศษของพจน์ด้วย จันทร์รักและทะนุถนอมจริมาเช่นเดียวกับรุ้งลูกสาวของตนเอง
    
    คุณหญิงพอใจในตัวจันทร์มากถึงขนาดอยากให้เป็นลูกสะใภ้ พจน์เองแม้จะอาลัยอาวรณ์ภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ยังใจอ่อนต่อความดีและความอ่อนหวานของจันทร์ คนเดียวทีไม่พอใจอย่างยิ่งคือฉัตต์ ลูกชายคนโตของพจน์ ฉัตต์ปักใจว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นแม่ของตนถึงตาย และฉัตต์ลั่นวาจาว่าเกลียดสองแม่ลูกที่สุด
     
    ท่านชายรังสิโยภาสกลับมาถึงวัง พบแต่ลูกชายของบุหลัน ส่วนตัวบุหลัน นางเฟืองทูลว่าหนีไปกับชู้ คือไอ้ยอดท่านชายโกรธมาก หาว่าเฟืองแต่งเรื่องให้ร้ายบุหลัน เพราะไม่ชอบบุหลันมานานแล้ว เฟืองตีหน้าตาย ทำเนียนหาพยานยืนยันว่าเธอไม่ได้เกลียดบุหลันดังที่ถูกกล่าวหา
    
    “อีเฟือง เอ็งหยุดสาธยายเดี๋ยวนี้ บุหลันเป็นเมียข้า ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนใฝ่ต่ำ บอกความจริงมานะมึงว่ามึงทำอะไรเมียกู”
    
    “ไม่มีใครทำอะไรหม่อมมังคะท่านชาย”   ท่านชายหันไปทางท่านหญิงที่นั่งตีหน้าเฉย
    
    “เจ้าพี่จะทรงคาดคั้นว่าหญิงมีส่วนหรือคะ เจ้าพี่ไม่ให้เกียรติหญิงเลย หญิงจะทำอย่างนั้นทำไม เพราะทุกวันนี้เจ้าพี่ก็ไม่ได้เหลียวแลหญิงอยู่แล้ว ถ้าหญิงทำอะไรบุหลันหญิงจะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อหญิงรู้ว่าเจ้าพี่จะทรงเกลียดหญิงมากขึ้น คนหายไปสองคนเจ้าพี่โทษคนทั้งวังมันไม่ยุติธรรมเลย”
    
    “แต่หญิงดูแลคนทั้งวัง”    “หญิงไม่เคยดูแลบุหลัน เพราะเจ้าพี่ทรงทำหน้าที่นั้นอยู่องค์เดียว ใครแตะไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าเจ้าพี่ต้องเอาผิดอย่างหนัก บุหลันหายไปไม่มีร่องรอยทุกคนก็ออกตามหาไม่ได้นิ่งนอนใจ หญิงให้ใส่กุญแจเรือนเขาไว้ เจ้าพี่เด็จไปทอดเนตรเผื่อจะได้ร่องรอยอะไรบ้าง”
    
    แล้วท่านชายก็รีบไปที่เรือนของบุหลันทันที แต่ไม่พบร่องรอยอะไร ถามท่านหญิงว่าส่งคนไปหาบุหลันที่ไหนบ้าง
    
    “เฟืองส่งคนไปหาแล้วค่ะ แต่ไม่พบ”   “แจ้งความรึเปล่า”    “หญิงไม่กล้าเพราะกลัวเสียชื่อค่ะ”   “กลัวเสียชื่อ หญิงคิดว่าบุหลันเป็นชู้กับไอ้ยอดจริง ๆ หรือ”     “ไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากบุหลันกับยอด ตัวหญิงเองไม่กล้าคิดอะไร สาบานได้”   “เจ้าตัวเขาไม่อยู่ ใคร ๆ ก็สาบานได้ทั้งนั้น”  “เจ้าพี่” ท่านหญิงครางเบา ๆ สีหน้าปวดร้าว       “ท่านหญิงไม่เคยทำร้ายใครให้เจ็บพระทัย เสียพระทัยแทตายก็ไม่ทรงทำร้ายใครแน่นอน” เฟืองไม่พอใจ “หุบปากนังเฟืองอย่าสะเออะ วันนี้ข้าไม่รู้ความจริงก็แล้วไป แต่อย่าให้รู้เชียว ถ้ารู้ว่าใครทำอะไรกับบุหลัน ข้านี่แหละจะจัดการด้วยมือข้าเอง จำไว้นังเฟือง”  
    
    ท่านชายเดินพรวดออกไป เฟืองไม่พอใจมองตามด้วยสายตาดุดัน ท่านหญิงเสียใจนั่งน้ำตาไหลซึม “อย่ากันแสงมังคะ...แพ้ไม่ได้นะมังคะ”
    
    “ไม่ได้ยินรับสั่งเหรอ ฉันไม่มีความหมายเลย บุหลันอยู่ฉันก็สู้เขาไม่ได้ บุหลันไม่อยู่ฉันก็ยิ่งพ่ายแพ้หนักขึ้น” ทำไมทรงคิดอย่างนั้นมังคะ มันไปก็ดีแล้ว เพราะมันเหมือนหนามแหลมทิ่มแทงพระทัยตลอดเวลา ตอนนี้ปล่อยให้ท่ายชายอาละวาดไปก่อน อีกหน่อยก็ทรงลืม อย่าลืมนะมังคะเรายังมีคุณชาย”   “ทำไมเหรอเฟือง... เฟืองจะให้คุณชายทำอะไร”       “คุณชายคือเลือดเนื้อเชื้อไข ไม่ช้าท่านชายจะทรงรักทรงหลงคุณชายจนลืมอีบุหลันในที่สุด เชื่อหม่อมฉันมังคะ” แม้ท่านชายรังสิโยภาสไม่เชื่อว่าบุหลันจะเลวขนาดนั้น แต่ก็อดระแวงไม่ได้ มีผลทำให้ทรงไม่เอาใจใส่คุณชายศักดินา ไม่ยอมกินข้าวกินปลา กินแต่เหล้าและเก็บตัวไม่สนใจใคร รวมทั้งท่าทีเฉยชาไม่สนใจท่านหญิงเช่นกัน...จนคุณหญิงทนไม่ไหวอุ้มคุณชายศักดินาเข้ามาหา “มาก็ดีแล้ว พี่จะบอกเสียเลยว่าต่อไปนี้ไม่ต้องรอพี่ลงไปกินข้าว แล้วก็ไม่ต้องเอาขึ้นมาให้กินข้างบนด้วย ถ้าจะกินจะบอกเอง”
    
    “ทำไมคะ ทำไมต้องทรงทำอย่างนี้ เจ้าพี่โกรธหญิงเรื่องอะไร”     “หญิงทำอะไรให้โกรธด้วยหรือ หญิงไม่เคยทำผิด ทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง จนพี่ไม่กล้าสู้หน้าหญิง ขี้เกียจได้ยินคำพูดว่าไม่รู้...ไม่เห็น... ไม่มีอะไร ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เบื่อ” ท่านชายประชด “ไป ๆ มา ๆ ก็มาลงที่เรื่องบุหลัน ก็ในเมื่อหญิงไม่ทราบจริง ๆ จะให้ทูลว่าอะไร ต่อให้เจ้าพี่บีบคอหญิงให้ตายตอนนี้หญิงก็ยังยืนยันคำเดิม บุหลันหายไปเมื่อไหร่หญิงไม่ทราบ หายไปกับยอดหรือเปล่าหญิงก็ไม่ทราบ แม้แต่วันนั้นบุหลันคลอดลูกชาย หญิงก็ไม่ทราบ เฟืองเป็นคนอุ้มลูกมาให้บอกว่าบุหลันให้พามาถวาย หญิงมัววุ่นกับลูก ถึงหญิงจะผิดก็ผิดเรื่องเดียวที่ไม่ได้ลงไปเยี่ยมเขาจนกระทั่ง...”
    
    “คนหายทั้งคน ทำไมเธอถึงเป็นคน...อิ๊ก นอแรนซ์อย่างนี้”
    
    “อิ๊กนอแรนซ์ ทำไมเจ้าพี่ว่าหญิงขนาดนี้หญิงไม่ได้ถึงขนาดเพิกเฉยไม่สนใจอะไรเลย หญิงดูแลลูกของเจ้าพี่..”
    
    “ทำไมจะไม่ใช่ ทุกอย่างเธอปล่อยให้นังขี้ข้าบงการชีวิตเธอ ฉันไม่เคยไว้ใจอีผู้หญิงคนนี้ ฟังไว้นะฉันจะสืบเรื่องนี้ ถ้ารู้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องล่ะก็ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเอง...เธอไปได้แล้วแขไขเจิดจรัส ไปบอกมันด้วยแล้วกันว่าฉันพูดอะไร” ท่านชายเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าท่านหญิงอย่างแรง
    
    ท่านหญิงยืนตะลึง ร้อนใจมากจึงเรียกเฟืองให้มาคาดคั้นถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง     “เฟือง หญิงถามจริง ๆ อย่าพูดปดกับหญิงนะ...เฟืองทำอะไรบุหลันหรือเปล่า”    “โถ..ทูลกระหม่อม หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นความสัตย์จริงมังคะ คนมันสันดานชั่ว ขุนเท่าไหร่ก็ไม่ได้ดีหรอกมังคะ ท่านชายชันษาสูงแล้ว ไหนเลยจะสู้หนุ่ม ๆ ไอ้ยอดมันหน้าตาดีหยอกใคร”   “ท่านรับสั่งว่าจะสืบด้วยองค์เอง”   “ต้องให้พลิกแผ่นดิน...แผ่นน้ำ ค้นหาอีบุหลัน ก็ไม่มีวันจะหาเจอ” เฟืองสีหน้าเยือกเย็น   นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาสายใยความเป็นสามีภรรยาที่เกาะเกี่ยวอยู่เพียงบางเบาก็ขาดสะบั้น ท่านชายสงสัยนางเฟืองตลอดเวลาว่าต้องมีส่วนในเรื่องราวของบุหลัน จึงไปหาหลวงวิเศษ นายตำรวจให้ช่วยสืบคดีเรื่องนี้ “ฉันไม่เชื่อว่าบุหลันจะหนีตามเด็กในบ้านไป สังหรณ์ว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)