ผู้เขียน หัวข้อ: มนต์จันทรา วันที่ 10 มิถุนายน 2556  (อ่าน 440 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
มนต์จันทรา วันที่ 10 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 10, 2013, 04:20:53 am »

 มัทนาลุกมันเขี้ยวจะมาอุ้ม แต่ไม่ทันระวังชนขวดน้ำผึ้งตกแตกกระจายที่พื้น ตวันและมัทนาตกใจ แต่ตุ่มลายดีใจ วิ่งจู๊ดมากินน้ำผึ้งกับพื้นทันที เลียกินอย่างตะกละชอบมาก
    
    “ว้าย ไม่ได้นะตุ่มลาย เดี๋ยวเศษแก้วบาดคอ” มัทนารีบอุ้มตุ่มลายขึ้นมา ไม่ให้กินน้ำผึ้งมากไปกว่านี้ เขตต์ตวันบอกจะไปเรียกเด็กมาเก็บกวาด แต่ตวันยังไม่ทันออกไป ตุ่มลายก็มีอาการชัก น้ำลายฟูมปากขึ้นมาทันที มัทนาตกใจเพราะคิดว่าเศษแก้วเข้าคอ แต่อรุณฉายสังเกตอาการแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่
    
    “ไม่ใช่เศษแก้วค่ะอาการตุ่มลายเหมือนโดนยาเบื่อมากกว่า”
    
    ตวันและมัทนามีสีหน้าตกใจ
    
    “คุณตวันคะช่วยตามคนมาช่วยดิฉันหน่อย แล้วก็ขอนม ไข่ไก่ กับสายยางด้วยนะคะ ดิฉันจะล้างท้องให้มัน คุณมัทมาช่วยดิฉันหน่อยค่ะ”
    
    มัทนารีบอุ้มตุ่มลายเข้าห้องน้ำพร้อมกับอรุณฉายทันที ในขณะที่เขตต์ตวันรีบออกจากห้องไปตามที่อรุณฉายบอก
     
    ทั้งบ้านวุ่นวาย เพราะช่วยกันหาของตามที่อรุณฉายต้องการ เพื่อล้างท้องให้ตุ่มลาย แลงพอรู้เรื่องก็หน้าซีดกลัวความผิด เพราะรู้ว่าตุ่มลายกินอะไรเข้าไป ก่อนจะนำเรื่องไปเล่าให้ลำแพงฟัง แลงชวนพี่สาวหนีแต่ลำแพงไม่ยอมไป
    
    “แกไม่ต้องกลัวไปไอ้แลง ไม่มีใครทำอะไรเราได้ทั้งนั้น ฉันจะบอกคุณษมาเอง ว่าฉันทำทุกอย่างไปเพื่อเค้า เค้าต้องเข้าใจ แล้วก็ไม่ถือโทษโกรธพวกเรา”
    
    แลงเห็นพี่เพ้อเจ้อสุด ๆ ก็ทนไม่ไหวแล้ว “พี่ไม่ไปก็ตามใจนะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ ฉันไม่อยากติดคุก”
    
    แลงรีบหนีเอาตัวรอดออกจากห้องไปทันที ส่วนลำแพงยืนนิ่งสงบ สายตาเลื่อนลอย เหมือนคนที่สติใกล้แตกเต็มทน มุมปากเริ่มกระตุก ๆ คุมตัวเองไม่อยู่
    
    แลงวิ่งไปที่ท่าเรือคิดจะขโมยเรือหนี แต่ษมาและพิพัชอยู่ที่ท่าเรือ เพราะเพิ่งกลับมา แลงตกใจสุดขีด วิ่งไปอีกทางไม่คิดชีวิต เพราะหากษมารู้เรื่องต้องตามล่าเขาแน่
     
    กว่าจะล้างท้องให้ตุ่มลายเสร็จ ทั้งอรุณฉาย และกูซอซึ่งตามเข้ามาช่วยอีกคนก็หมดสภาพ ตัวเปียกปอน ผมเผ้ายุ่งเหยิง และร่องรอยถูกข่วนทั้งตัว ษมากลับมาถึงเกาะก็ทราบข่าวเรื่องตุ่มลาย และปริศนาการป่วยของวารีก็ถูกคลี่คลายเพราะความซุ่มซ่ามของมัทนาแท้ ๆ
     
    ลำแพงมายืนที่หน้าผา ตาเหม่อลอย ท่า ทางสงบ ษมา พิพัช จันเลา และลูกน้อง ค่อย ๆ ล้อมเอาไว้ไม่ให้ลำแพงหนี ษมาโกรธสุด ๆ ถามลำแพงว่าทำแบบนี้ทำไม
    
    “คุณไม่เห็นเหรอคะนังผู้หญิงคนนั้นเข้ามาขวางทางของเรา นังตัวมารมันยั่วยวนทำให้คุณหลง”
    
    ษมาและคนอื่น ๆ พากันอึ้งไปหมด คิดไม่ถึงว่าลำแพงจะตอบอะไรแบบนี้ “วารีไม่ได้ยั่วฉัน ฉันรักเค้าเอง”
    
    ลำแพงแค้นสุดขีด ตะโกนลั่น น้ำตาท่วมตาขึ้นมาเรื่อย ๆ ขณะพูด “ไม่จริง คุณษมาไม่ได้รักมัน คุณรักฉันคนเดียว ฉันนี่แหละที่จะเป็นเมียคุณ คอยดูแลปรนนิบัติคุณ อยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต”
    
    ษมาอึ้ง ๆ ไป นึกไม่ถึง ลำแพงพูดทั้งน้ำตา “เราคือผัวเมียกัน ใครหน้าไหนก็มาแยกเราไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าใครบังอาจ ฉันก็จะฆ่ามัน ฆ่ามันให้หมดทุกคน”
    
    ษมาถอนใจหนัก ๆ รู้สึกว่าลำแพงเลอะ เทอะไปใหญ่แล้ว “พอทีเถอะลำแพง อย่าหลอกตัวเองอีกเลย เธอก็น่าจะรู้ ว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอ ฉันรักวารี นอกจากวารีแล้ว ฉันไม่ต้องการใครอีก”
    
    “ไม่จริง คุณโกหก คุณรักฉัน รักฉันคนเดียวเท่านั้น เหมือนที่ฉันรักคุณ เรารักกัน อยู่กินด้วยกันมานานแล้ว เรารู้ใจกันดีทุกอย่าง แต่นังผู้หญิงคนนั้น มันล่อลวงคุณไปจากฉัน” ลำแพงสติแตกไปแล้ว
    
    “ฟังนะลำแพง ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันรักสาระวารี”
    
    ลำแพงตัวสั่น ด้วยความแค้น ริษยาสุด ๆ สติแตกจนคุมไม่อยู่แล้ว ร้องแผดเสียงลั่น ชักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่ษมาทันที กะแทงให้ตายคามือ เพราะเมื่อตนไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ แต่พิพัช จันเลา รออยู่แล้ว พอลำแพงพุ่งเข้ามา ก็จับตัวล็อกไว้ทันที จันเลาบิดข้อมือลำแพงจนมีดหลุดมือ ลำแพงร้องโหยหวน ดิ้นรนสุดชีวิต แต่พิพัช จันเลาก็ล็อกไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด ษมาบอกให้ส่งตำรวจจัดการ ลำแพงร้องดิ้นไม่เลิก ษมาได้แต่มองตามด้วยความสังเวชใจ ลำแพงร้องไห้ ทุรนทุราย ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง จนพิพัช จันเลา จะลากตัวไปก็ลำบาก ษมาไม่อยากเห็นสภาพนั้นจึงหันสายตาไปทางหน้าผา แต่ทันใดนั้นเอง ลำแพงเหวี่ยงตัวหลุดจากการจับกุม และพุ่งชาร์จเข้าใส่ษมาทันที กะให้ตกเหวตายไปด้วยกันเลย ษมาหันมาพอดีเบี่ยงตัวหลบได้ทันแบบหวุดหวิด ร่างของลำแพงพลาดพุ่งตกเหวไปตามลำพังพร้อมเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บช้ำตามมา ท่าม กลางความตกใจของทุกคน
     
    ษมาเอื้อมมือไปลูบผมสาระวารีอย่างทะนุถนอม โดยมีเขตต์ตวัน และมัทนามองดูอยู่ใกล้ ๆ หลังจากเรื่องทุกอย่างยุติลงแล้ว ตวันว่าคงเป็นเพราะลำแพงมีอาการทางจิตและคงหวังจะได้เป็นคุณนายของเกาะเลยตัดสินใจผิด ๆ
    
    “แต่ก็น่าแปลกนะครับ คุณษมาบอกว่าให้คนจับตาดูไว้ตลอด แม้แต่ตอนที่ตีผึ้งด้วยซ้ำ แล้วยาพิษมันไปอยู่ในน้ำผึ้งได้ยังไง” ตวันตั้งข้อสงสัย
    
    “ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ยังไงผมก็ถือว่าเป็นความผิดของผมอยู่ดี” ษมาหันไปมองและจับมือสาระวารีไว้ หน้าเศร้า ๆ “เพราะผมไว้ใจคนของตัวเองมากเกินไป วารีถึงต้องมารับเคราะห์ขนาดนี้”
    
    มัทนา และเขตต์ตวัน เห็นษมามองสาระวารีด้วยความห่วงใย ทั้งคู่เลยหันมายิ้มให้กัน ดีใจไปกับสาระวารีที่มีคนห่วงใยขนาดนี้
     
    แลงหนีออกจากเกาะ ยอมเสี่ยงตายโดยการว่ายน้ำหนีดีกว่าถูกษมาจับตัว แต่ระหว่างที่หมดแรง ร่างกายไม่ไหวแล้ว ก็มีเรือประมงลำหนึ่งแล่นผ่านมา แลงจึงพยายามรวบรวมแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดตะโกนให้ช่วย ษมาสั่งให้คนออกตามหาแลงทั่วเกาะแต่ก็ไม่เจอ พิพัชเดินเข้ามาพร้อมกับผลการตรวจสอบน้ำผึ้ง โดยผลการวิเคราะห์บอกเป็นพิษจากต้นยี่โถ เพราะยางของยี่โถมีพิษร้ายแรง แต่ทุกคนก็คิดไม่ถึงว่าลำแพงจะเอาพิษของยี่โถมาใช้ฆ่าคน
    
    กูซอเข้ามาบอกว่าตำรวจมาแล้ว ษมาจึงให้ตำรวจชันสูตรศพของลำแพง รวมทั้งสั่งให้ดูแลงานศพของลำแพงด้วย เพราะถึงอย่างไรลำแพงก็ถือว่าเป็นคนเก่าแก่ของเกาะยานก
     
    สาระวารีรู้สึกว่าเธอเดินอยู่ในสวนกว้าง รอบกายมืดมิด และเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ พยายามตะโกนร้องเรียกหา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ยิ่งมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครสักคนยิ่งกลัวจับใจ
    
    “วารี” เสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วมาไกล ๆ “วารี อย่ายอมแพ้นะวารี” เสียงเรียกแว่วมาอีกแล้ว วารีเริ่มจำเสียงได้ “คุณษมา คุณใช่มั้ย” วารีตะโกนกลับไป
    
    “คุณต้องสู้นะวารี คุณต้องกลับมาหาผม คุณเป็นคนแกร่ง อย่ายอมแพ้อะไรง่าย ๆ แบบนี้สิ”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)