“คุณเจ็บ ผมเจ็บ เราเสมอกัน”พ่อเลี้ยงพูนทวียิ้มขมขื่น
“แต่เกมการแข่งขัน ยังไงก็ต้องมีผู้ชนะ”
“และผู้แพ้”
“ตราบใดที่เกมยังดำเนินอยู่ ผมก็มีสิทธิจะกลับเป็นผู้ชนะได้เสมอ”
“สุดยอดเลยครับ สารวัตรเลือดนักสู้” พ่อเลี้ยงพูนทวียกนิ้วให้
“จบเรื่องรึยัง ผมต้องทำงาน”
“ไม่ต้องไล่ครับ...ภารกิจของผมเสร็จสิ้นแล้ว...ลาล่ะครับ นักสู้คงไม่ชอบทานสตรอเบอรี่”
พูนทวีหยิบกระเช้าสตรอเบอรี่คืน เดินออกไป...ปวุฒินั่งลง หยิบภาพรจนาไฉนออกมามองอย่างเศร้าใจ
รจนาไฉนยืนที่ระเบียงห้องนอน...รู้สึกละอายใจที่ผิดคำสัญญาโลมฤทัย ปัทม์เข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง...
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“จะให้ฉันนอนหลับได้ยังไง ในเมื่อภรรยามีเรื่องกังวลใจ”
“คุณรู้” “ผู้หญิงอ่อนโยนอย่างเธอปกปิดความรู้สึกไม่ได้หรอก มีปัญหาอะไรบอกฉันเถอะ ฉันพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
ปัทม์มองหน้ารจนาไฉน ไม่เชื่อคำพูด...รจนาไฉนจำต้องสร้างเรื่องปิดบัง..
“ฉันกังวลใจว่า...สักวันหนึ่งถ้าฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอหน้าคุณ ฉันคง...”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องทุกข์ใจเลย เพราะฉันจะอยู่เคียงข้างเธอทั้งยามหลับและตื่น”
ปัทม์ยิ้มให้รจนาไฉน จุมพิตที่หน้าผากเธอเบา ๆ
“กี่โมงแล้วครับ”
“ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้วค่ะ”
“แขกคงมาถึงแล้ว”
รจนาไฉนแปลกใจว่า แขกที่ว่าคือใคร ปัทม์จับมือรจนาไฉนเดินไปที่ห้องรับรอง เห็นนพรัตน์นอนอยู่บนเตียง โดยมีพยาบาลดูแลอยู่ใกล้ ๆ ก็วิ่งเข้ามากอดด้วยความดีใจ
“คุณพ่อขึ้นมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
นพรัตน์มองไปยังปัทม์
“อากาศที่บริสุทธิ์ สิ่งแวดล้อมที่ดีน่าจะช่วยให้คุณพ่อมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น”
“แต่คุณพ่อต้องฟอกไตทุกอาทิตย์”
“ผมประสานงานกับคุณหมอโรงพยาบาลประจำจังหวัดไว้แล้ว อยู่ที่นี่ท่านจะมีพยาบาลส่วนตัวดูแล...หมดความกังวลใจได้รึยัง...พักผ่อนให้สบายนะครับ ที่นี่คือบ้านของคุณพ่อ”
ปัทม์ขอตัวไปทำงานต่อ รจนาไฉนมองตามแล้วยิ้มอย่างสุขใจที่ปัทม์ให้ความเคารพและช่วยเหลือนพรัตน์
“พ่อมีความสุขที่สุด ไม่ใช่เพราะได้รับการรักษาหรือดูแลเป็นอย่างดี แต่เพราะพ่อหมดห่วงที่เห็นลูกได้คู่ครองที่รัก...และเป็นคนดีอย่างพ่อเลี้ยงปัทม์”
“ค่ะ...เขาเป็นเจ้านายที่ดีของลูกน้อง...และเป็นสามีที่ดีค่ะ”
“ลูกต้องรักและดูแลคุณปัทม์ให้ดีนะ”
เวลาถัดมา ปัทม์เดินตามรจนาไฉนที่จูงมือเขามาที่สุสานด้วยความแปลกใจ ว่าเธอจะทำอะไร
“คุณปัทม์...ฉันขอบคุณมากนะคะ”
“พอเถอะ ไม่ต้องขอบคุณฉันอีกแล้ว ไม่งั้นฉันคงต้องฟังคำขอบคุณจากเธอทั้งชีวิต”
รจนาไฉนยิ้มแอบหมั่นไส้ ที่ปัทม์ได้ทีโอ้อวดน้ำใจของเขา
“คุณพาคุณพ่อมาอยู่ที่นี่ ทำให้ฉันหมดความกังวลใจในชีวิตแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะช่วยปลดปล่อยคุณออกจากความทุกข์บ้าง”
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ถึงเวลาที่คุณควรอโหสิกรรมให้คุณแสงจันทร์ได้แล้วค่ะ การให้อภัยจะช่วยปลดพันธนาการ ทำให้วิญญาณของเธอหลุดพ้นจากความเกลียดชัง...เชื่อฉันเถอะ ไม่มีใครเกิดมาอยากเป็นคนเลวหรอกค่ะ ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำเสมอ สิ่งที่เธอทำไปอาจไม่ถูกใจคุณ เธอก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มี รัก โลภ โกรธหลง”
“แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอมีแต่ความโลภ เธอไม่เคยมีความรักให้ใคร”ปัทม์ยังรับไม่ได้ “ยังไงเธอก็จากไปแล้ว...อย่าเก็บเธอไว้ด้วยความเกลียดชังอีกเลยเพื่อเธอ...และเพื่อตัวคุณเอง”
“เพื่อฉันอย่างนั้นเหรอ” ปัทม์หันมามองรจนาไฉน
“คุณจะก้าวไปหาความสุขในวันข้างหน้าได้ยังไง...ถ้าคุณยังแบกความทุกข์ใจไว้อย่างนี้ ความอาฆาตแค้นไม่เคยสร้างความสุขใจให้ใคร...แต่ความรักและการให้อภัย....จะทำให้โลกนี้มีแต่สันติสุข”
รจนาไฉนยืนมอง รอลุ้นว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร...ปัทม์เดินตรงไปยังสุสานแสงจันทร์
“มันยากที่ฉันจะอภัยให้เธอ แต่ความรักของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ...ยิ่งใหญ่พอที่จะลบล้างอคติในใจฉันให้หมดสิ้นไปได้ ขอให้เธอไปสู่สุคติ ฉันอโหสิกรรมให้เธอ...แสงจันทร์” รจนาไฉนถือพานใส่กลีบดอกไม้ มายื่นให้ ปัทม์กำกลีบดอกไม้ แล้วโปรยไปยังสุสานของแสง จันทร์...จากนั้นก็ควบม้าพารจนาไฉนไปปิกนิกที่น้ำตก รจนาไฉนยืนตะลึงมองอย่างหลงใหล ปัทม์แกล้งจับตัวรจนาไฉนจะผลักตกน้ำ
“ไม่เอานะคะ ฉันไม่อยากเปียก”
“ฉันเตรียมผ้ามาเปลี่ยนให้แล้ว”
“น้ำเย็น...ฉันจะหนาวตาย”
“มีฉันอยู่ทั้งคน ชีวิตเธอจะไม่หนาวอีกแล้ว ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ...”
ปัทม์สวมกอดรจนาไฉนไว้...รจนาไฉนจะแกล้งเอาคืนทำให้ทั้งคู่ตกลงไปในน้ำ ปัทม์ร้องเสียงหลง
“เฮ้ย...เธอ”
“คุณพูดเองนี่คะ เราจะอยู่เคียงข้างกัน...” รจนาไฉนวักน้ำใส่ปัทม์
“ฉันหนาวนะ...ขอกอดหน่อย” ปัทม์จะเข้าไปกอดรจนาไฉน รจนาไฉนว่ายน้ำหนีไป...ปัทม์ดำน้ำมาโผล่มาด้านหลังรจนาไฉน เธอตกใจหันกลับ ทำให้หน้าทั้งสองชิดกัน...ปัทม์ทำซึ้งจะจูบ รจนาไฉนเอามือมาดักไว้สีหน้าผิดปกติ...
“คุณเป็นอะไร”
“ปลาตอดเท้า” ปัทม์ยิ้มให้รจนาไฉน...ทำหน้าจั๊กกะเดียม
“คุณโดนด้วยเหรอ”
แล้วสองหนุ่มสาวก็ยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข...หลังเปลี่ยนเสื้อผ้า รจนาไฉนนวดให้ ปัทม์ร้องโวยวาย
“ไม่เอา...เดี๋ยวเธอแกล้งนวดกดจุดทำร้ายฉัน”
“กลัวฉันด้วยเหรอคะ”
“กลัวสิ ฉันแกล้งเธอไว้มากนี่” “ใช่...ฉันเจ็บแค้นมาก อย่างนี้ต้องเอาคืน ฉันจะกดจุดให้กลายเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ไปเลย”
รจนาไฉนแกล้งขู่ ทำท่าจะนวดอย่างแรง ...ปัทม์ไม่ขัดขืนบอกพร้อมยอมรับผิดที่ก่อไว้ รจนาไฉนยิ้มลงมือนวด
“ทำไมเธอถึงปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล”
“การแก้แค้นมีแต่จะทำให้เกิดความสูญเสีย ทุกอย่างหยุดได้ด้วยตัวเรา”
“โดยที่เธอไม่คิดว่าศัตรูจะหาโอกาสมา กลั่นแกล้งเธออีก”
“ฉันเชื่อว่าความรัก และความดีจะเปลี่ยนใจคนได้...ตราบใดที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างให้มีหัวใจ ไม่มีมนุษย์คนไหน...จะฝืนต้านทานความรักหรือความดีได้”
“ถ้าฉันหลงทางมาเจอเธอที่กลางป่า...ฉันคงคิดว่าเธอเป็นนางไม้ผู้อารี”
รจนาไฉนแกล้งปัทม์ นวดกดอย่างแรง...
“โอ๊ย ๆ เจ็บ...ไหงนางไม้กลายร่างเป็นนางมารไปได้”
“ฉันแค่อยากยืนยัน...ว่าฉันเป็นมนุษย์ ที่มีความโกรธ” ปัทม์จับมือรจนาไฉนที่กำลังนวด แล้วโน้มตัวจูบรจนาไฉนด้วยความรัก...
ทั้งสองกลับถึงบ้านพบโลมฤทัย เธอค่อนขอดเชิงน้อยใจว่าปัทม์ใจดำ รับนพรัตน์มาโดยไม่บอกเลยสักคำ รจนาไฉนดีใจถามน้องสาวว่ามาได้ยังไง “พบเป็นห่วงคุณพ่อนี่คะ ปกติพบต้องคอยป้อนยาป้อนอาหารให้คุณพ่อ พอรู้ข่าวว่าคุณพ่อหายไป พบใจหายหมดเลย”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณคอยดูแลท่านด้วย เอาเป็นว่า...ผมขอโทษ ที่ไม่ได้บอกคุณ”
“พี่เพื่อนอย่าลืมทำโทษพี่เขยด้วยนะคะ ไม่งั้นพบไม่ยอมด้วย”
“น้องพบมาเยี่ยมคุณพ่อกี่วันจ๊ะ”
“เจอหน้าไม่ทันไร พี่เพื่อนหาเรื่องไล่พบซะแล้ว พบเสียใจนะคะ”
“พี่ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น พี่แค่...”
“พบแหย่เล่นค่ะ...พบตั้งใจมาดูแลคุณพ่อ จนกว่าคุณพ่อจะหาย ตายจริง พบยังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านเลย ไม่ทราบว่าคุณปัทม์...”
“บ้านนี้เป็นบ้านของคุณเพื่อน ในฐานะน้องสาวของคุณเพื่อน...คุณโลมฤทัยจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“พี่ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ปัทม์โอบกอดพารจนาไฉนเดินไปที่ห้อง โลมฤทัยมองตามอย่างไม่พอใจที่เห็นทั้งสองรักกันมาก...หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว รจนาไฉนขอร้องปัทม์ให้ช่วยยอมรับลำเพากับโลมฤทัยเป็นคนในครอบครัว ก่อนจะไปพบกับลำเพาและโลมฤทัยที่ห้อง
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง