ผู้เขียน หัวข้อ: 'บ๊วย-ตุ๊ก' ร่วมงานกันได้ แต่ไม่รีเทิร์น  (อ่าน 389 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 เป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองทีเดียว สำหรับการโคจรมาเป็นพิธีกรคู่กันในรายการ “ยาหมอบอก” ของอดีตคู่รักที่เพิ่งเซ็นใบหย่ากันไปเมื่อปีที่แล้ว อย่าง ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ และ บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวทั้งคู่ในงานเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ “มหิดล แชแนล” ที่สยามเซ็นเตอร์ หนุ่มบ๊วยเลยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
    
    “เหตุผลก็ชัดเจนเลยว่าลูกจะได้   เห็นว่าพ่อแม่ทำงานด้วยกัน เป็นพิธีกรมีงานก็ดี ได้ทำงานกับตุ๊กก็ดี มันมีเหตุผลดี ๆ  ทุกข้อ ได้ทำรายการที่มีสาระของ “มหิดล แชแนล” มันก็ยอดเยี่ยม ส่วนที่บอกตุ๊กว่าเงินจากรายการนี้จะให้ตุ๊กหมดเลย ตุ๊กก็จริงเหรอ ผมก็บอกเท่าเดิมแหละตุ๊ก คือถ้าเราจัดการอะไรได้ดีกว่านี้เราก็ดูแลลูกอยู่แล้ว ส่วนถามว่าจะรีเทิร์นไหม คืออยู่ในสถานะแบบนี้มันก็ไม่มีอะไร จะบอกว่ามีอะไรตอนนี้มันก็ชี้นำ ก็เป็นแบบนี้อย่างที่เห็น เราไม่รู้ว่าสถานะอะไร เวลาคุยเรื่องลูกก็คือคุยเรื่องลูก เช่น พี่บ๊วยลูกเป็นแบบนี้ ไปญี่ปุ่นมาลูกมีพัฒนาการแบบนี้ ลูกเริ่มพูด 2-3 คำ วันนี้เราสนุกกับการคุยเรื่องลูก วันไหนเราสนุกกับการคุยเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ถามว่าอนาคตจะมีโอกาสพาลูก  ไปเที่ยวด้วยกันไหม ก็มีสิ ยังบอกตุ๊กเลยว่าวันไหนเดี๋ยวพี่พาลูกไปเที่ยวต่างประเทศบ้างนะ แล้วเดี๋ยวตุ๊กก็ไปด้วยนะ ถ้ามีเดี๋ยวก็เห็นแล้วกัน
    
    ด้าน ตุ๊ก “เรื่องรีเทิร์นคงไม่มีค่ะ ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของงาน เป็นเพื่อนร่วมงาน ยังไงรายการนี้ เราก็ต้องเป็นพิธีกรคู่ ถ้าเกิดเราทำงานตรงนี้ ก็ต้องเป็นพิธีกรคู่กับท่านใดท่านหนึ่งอยู่แล้ว โปรดิวเซอร์ชวนค่ะ พี่เขาชวนพี่บ๊วย แล้วก็มาชวนตุ๊ก เราก็ถือว่าเป็นงานชิ้นหนึ่ง เป็นอาชีพเราอยู่แล้ว เป็นอาชีพที่เราอยากจะทำอยู่แล้ว” ถามความคืบหน้าเรื่องบ้านบ้าง จะยังขายหรือเก็บไว้ให้ลูก? ตุ๊ก “ยังอยู่ในขั้นตอนขายเหมือนเดิมค่ะ เพียงแต่ว่ายังขายไม่ได้” บ๊วย กล่าวปิดท้าย “เราก็ขายครับ อย่างที่บอกว่ามันก็เป็นภาระหนี้สิน เราก็ประกาศขาย อะไรที่มันดีกับทั้งสองฝ่ายก็ตามนั้น คือตอนนี้ก็มีคนสนใจ อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการก็มี คนที่สนใจมีคนต่างประเทศบ้าง ถามว่าอยากเก็บไว้ให้ลูกไหมก็อยากให้แหละ แต่ว่ามันเป็นหนี้สิน เป็นภาระสำหรับเรา แต่ถ้าเห็นว่าให้ลูกก็ให้ลูก เห็นว่าขายก็ขายครับ”.   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)