ผู้เขียน หัวข้อ: แผนร้ายพ่ายรัก วันที่ 25 เมษายน 2556  (อ่าน 470 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แผนร้ายพ่ายรัก วันที่ 25 เมษายน 2556
« เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 07:49:07 am »

 พิสุทธิ์ แสงสุดาสบตากัน เห็นด้วย
     
    “คุณธรรมศักดิ์ จัดการหาทางติดต่อกับเจ้าสัวยูเอฟด่วนที่สุด”
     
    พิศินีมุ่งมั่นที่จะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ 
    
    พิแสงรีบเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาหาเขมมิกที่บ้าน แต่เขาต้องผิดหวังเพราะเขมมิกกับขนิษฐาย้ายออกไปแล้ว เขารู้สึกผิดที่ไม่ฟังเขมมิกที่จะบอกความจริงให้รู้ จึงกลับมานั่งเศร้าที่บ้าน พิศินีเจ็บปวดและเสียใจมาก แต่ต้องพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่สุดท้ายก็ปล่อยโฮออกมาบอกพี่ชาย ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ...พิแสงรู้สึกผิดที่เป็นพี่ใหญ่ แต่กลับไม่ได้สนใจเรื่องครอบครัวเลย
    
    “ผมมัวแต่หมกมุ่นกับปัญหาของตัวเอง จนไม่ได้สนใจเรื่องของครอบครัว ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นพี่ชายคนโต ผมควรจะดูแลน้องได้ดีกว่านี้”พิแสงบอกพิสุทธิ์
     
    “แกก็กำลังทำอยู่....อีกคนหนึ่งที่พ่อต้องขอบคุณคือเขมมิก”
    
    “คงจะทำเพื่อแก้ตัว...”
     
    “พ่อว่า...เขมมิกก็เป็นคนดีอยู่บ้างนะ”
     
    “เหรอครับ...แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงได้...”
     
    “ตาใหญ่...คนเราทำผิดพลาดกันได้ แต่ถ้าสำนึก และไม่กลับไปทำผิดซ้ำอีก ก็ควรจะได้รับการให้อภัย”
    
    “ไม่รู้สิครับ...ตอนนี้ผมเหมือนถูกตีหัว จนมึน งง สับสนไปหมดแล้ว”
     
    “งั้นก็ให้เวลาตัวเองสักพัก...ทำใจให้ปราศจากอคติ แล้วลองมองเขมมิกอีกที”
     
    พิแสงอึ้ง พิสุทธิ์ตบไหล่ให้กำลังใจลูกชาย
     
    “พรุ่งนี้ ยังมีความจริงให้เราต้องเผชิญอีกหลายเรื่อง เราต้องแข็งแรงที่สุดเท่าที่ทำได้ ในฐานะที่เราเป็นผู้ชายของบ้านนี้”  
    “ครับ...หมดเวลาที่ผมจะอ่อนแอแล้ว”
     
    สองพ่อลูกยืนให้กำลังใจกันและกัน
    
    เขมมิกพาขนิษฐามารักษาตัวที่อเมริกา เพราะได้รับความช่วยเหลือจากลุทซ์และครอบครัวหาที่พักให้ เธอไม่ได้บอกให้ใครรู้นอกจากเนตรนิภา สองเพื่อนสาวคุยกันทางไลน์ว่าเธอจะพาแม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ลุทซ์หาไว้ให้ และต้องขึ้นศาลเพื่อจัดการกับคดีที่ค้างคามานาน
    
    แสงสุดาเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นห่วงพิศินีที่ต้องเจอกับปัญหาเรื่องพิทยา พอเห็นพิแสงมากราบขอโทษที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ แสงสุดาก็คิดได้ พลางบอกว่าต่อไปเธอจะไม่ขัดใจลูก อะไรที่ลูกทำแล้วมีความสุขเธอก็พร้อมจะสนับสนุน เพื่อให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม...
    
    จู่ ๆ พิศาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกพิศินีซ้ำ ๆจนแสงสุดาสติแตกคิดว่าพิศินีคิดสั้น ช่วยตามหากันทั่วบ้าน สุดท้ายก็มาเห็นพิศินีกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ทุกคนพากันเข้ามากอดให้กำลังใจพิศินีอย่างอบอุ่น และหันไปตำหนิพิศาที่ชอบสร้างเรื่องวุ่นวาย พิศายืนซึม คิดว่าไม่มีใครสนใจและรักตน พิแสงรู้ว่าน้องสาวน้อยใจจึงเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ
     
    “ไม่มีใครทำให้น้องเล็กรู้สึกอย่างนั้นได้ นอกจากตัวน้องเล็กเอง”
     
    “ไม่เข้าใจค่ะ”     “ทำไมทุกคนถึงแคร์ความรู้สึกของศินีย์มาก”
     
    “พี่ศินีย์เป็นคนน่ารัก ใจดี อยู่ใกล้ ๆ แล้วเย็นเหมือนอยู่ใกล้...อะไรสักอย่าง สปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้ หรือไม่ก็...น้ำตกมั้ง”
     
    “ศินีย์เหมือนน้ำ แต่น้องเล็กเหมือนไฟ ตั้งแต่เด็ก ๆ ศินีย์จะคิดถึงความรู้สึกของทุกคนก่อนตัวเองเสมอ ยอมที่จะให้พี่ให้น้องเล็กเลือกของเล่นก่อน ไม่เคยเสนอว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหน แล้วแต่พี่กับน้องเล็กทุกครั้ง เลือกเรียนคณะที่จะออกมาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบทำธุรกิจ ศินีย์ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากใคร แต่จะเป็นคนแรกที่ยื่นมือให้กับทุกคน”
    
    “แต่น้องเล็ก....ชอบเอาแต่ใจ ชอบเรียกร้องความสำคัญ มีแต่จะเอา แต่ไม่คิดจะให้ใครก่อน ใช่มั้ยคะ”
     
    “ใช่!”พิแสงตอบตรง
     
    “อ้อม ๆ บ้างก็ได้ค่ะพี่ใหญ่...ยิงตรงแบบนี้ น้องเล็กเจ็บอ่ะ”
     
    “พี่ไม่อยากยื่นน้ำหวานใส่ยาพิษให้น้องเล็กกิน ถ้าอยากหายจากนิสัยที่ทำให้คุณค่าของตัวเองลดลง น้องเล็กก็ต้องยอมกินน้ำหมักสมุนไพรที่หน้าตาแย่พอ ๆ กับรสชาติ แต่...รักษาเราได้จริง”
     
    “เห็นภาพสุด ๆ อ่ะ”
     
    “อยากให้คนอื่นรู้สึกยังไงกับเรา ก็จงปฏิบัติอย่างนั้นกับเค้า”
     
    พิศาอึ้ง ในใจยอมรับ แต่ยังฟอร์ม
    
    “ก็ไม่รู้นะ...ว่าจะทำได้แค่ไหน”
    
    “มันก็ต้องใช้เวลาบ้างไรบ้าง ขอแค่ได้เริ่มต้น สักวันก็ทำได้”
     
    พิแสงขยี้ผมน้องสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดู...ทำให้พิศามีกำลังใจ
     
    เขมมิกยังทำใจให้ลืมพิแสงไม่ได้ เพื่อตัดใจเธอเอาโบที่พี่เสือเคยเก็บได้เอาไปทิ้งในชักโครก แล้วก็มานั่งร้องไห้อย่างเจ็บปวด ขนิษฐาสงสารลูกแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง....ลุทซ์เอาข่าวรับสมัครลูกเรือเครื่องบินส่วนพระองค์ของเชื้อพระวงศ์องค์หนึ่งในตะวันออกกลางมาให้ เขมมิกดีใจมากคิดจะไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตสในเครื่องบินลำนี้
     
    พิสุทธิ์ พิแสง แสงสุดา และธรรมศักดิ์นัดเจอกับเจ้าสัวในภัตตาคารชื่อดัง อาหารขึ้นชื่อติดอันดับท็อปเท็น ที่เขาเป็นเจ้าของ แต่ครอบครัวของพิแสงไม่ยึดติดกับเรื่องอาหารราคาแพง
     
    “ที่นี่อร่อยขึ้นชื่อติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศนะครับ ผมเป็นคนเลือกวัตถุดิบเข้าร้านด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ก็มาจากฟาร์มของผม ไม่ชิมถือว่าไม่ให้เกียรติ” เจ้าสัวคุยโว
    
    “จะอาหารเหลาหรือก๋วยเตี๋ยวข้างทาง มันก็ทำหน้าที่เดียวกันคือเลี้ยงร่างกายให้มีชีวิตอยู่รอด จะเอาเข้าหรือเอาออกก็ทางเดียวกัน...สิ่งที่ควรคำนึงคือความสะอาดและคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเรื่องความอร่อย...พวกเราไม่ยึดติด อีกอย่าง..การให้เกียรติกัน แสดงออกได้หลายวิธีครับ...หนึ่งในนั้นก็คือ การพูดความจริงต่อกัน และไม่เล่นตุกติก”   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)