ผู้เขียน หัวข้อ: สุภาพบุรุษจุฑาเทพ"คุณชายพุฒิภัทร" วันที่ 22 เมษายน 2556  (อ่าน 437 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 อิงอรฝึกให้เหล่าสาวงามซึ่งรวมทั้งแก้ว หัดเดินด้วยรองเท้าส้นสูง แก้วเพิ่งเคยใส่รองเท้าส้นสูงเป็นครั้งแรก หญิงสาวเดินเท้าพลิก ล้มโครมลงไปนั่งพับเพียบ อิงอรไล่ให้แก้วรีบไปนั่งพักที่ห้อง
    แพนทรี่ และให้มะลิไปช่วยนวดเท้าให้ สุนันท์เดินมาเห็นก็โวยวายลั่น
    
    “ต๊าย..อะไรน่ะ มะลิ เธอกลายเป็นคนใช้ยัยนี่ไปแล้วเหรอ ต๊าย..ตาย..ยังไม่ทันได้เป็นนางงามเลย ทำตัวเป็นเจ้าคนนายคนไปแล้วเหรอยะ แม่กรองแก้ว”
    
    “ไม่ใช่นะคะ..คือ..”
    
    “ทุเรศ..ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ยัยมะลิ..รีบไปหาอาหารเช้าให้ชั้นกะพี่ไกรฤกษ์กินเดี๋ยวนี้ พี่ไกรฤกษ์ยิ่งแฮ้ง ๆ อยู่ด้วย อารมณ์ไม่ดี เข้าใจไหม ไปทำอะไรร้อน ๆ มา 2 ที่..แล้วขึ้นไปเสิร์ฟที่ข้างบนด้วย เร็ว ๆ”
    
    สุนันท์สั่งเสร็จก็เดินสะบัดปัง ๆ ไป มะลิรีบร้อนออกไปทำอาหารตามคำสั่งสุนันท์ แก้วลุกเดินเขยก ๆ ไปเปิดตู้เย็น จะหาน้ำแข็งมาประคบเท้าเอง แต่แล้วแก้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อหันมาเจอไกรฤกษ์ ซึ่งใส่แต่กางเกงนอนลายทาง เปลือยอก ยืนอยู่ใกล้มาก จนเหมือนตัวของกรองแก้วอยู่ในอ้อมอก เพราะไกรฤกษ์ใช้มือนึง จับฝาตู้เย็นไว้ อีกมือจับขอบตู้
    
    “จะทานน้ำแข็งเหรอครับ..ผมก็จะทานเหมือนกัน..ให้ผมทำให้ไหมครับ”
    
    กรองแก้วรีบส่งถาดน้ำแข็งให้ พอไกรฤกษ์ใช้มือทั้งสองรับถาด แก้วก็รีบมุดลอดออกมาให้พ้นจากมุมนั้นอย่างรวดเร็วสุดชีวิต แล้วถอยออกมาจนไกลที่สุด
    
    “คุณ..เป็นใครคะ”
    
    “ผม..ลูกชายคุณอิงอรไงครับ..ผมชื่อไกรฤกษ์ ส่วนคุณ..คงเป็นพวกที่มาเตรียมตัวจะเข้าประกวดนางสาวศรีสยามสิฮะ คุณชื่ออะไรครับ”
    
    “กรองแก้วค่ะ”
    
    “กรองแก้ว..ไกรฤกษ์..แหม..ชื่อเราคล้อง จอง เข้ากันดีจังนะครับ คุณขาเจ็บนี่นา อ๋อ จะเอาน้ำแข็งนี่ไปประคบเท้าแน่ ๆ เลย..ให้ผมช่วยจัดการให้นะครับ ไหนดูซิ เท้าเป็นยังไงบ้าง”
    
    ไกรฤกษ์เข้ามานั่งคุกเข่าลง จับที่เท้าแก้ว แก้วตกใจตัวแข็ง พอตั้งสติได้รีบเก็บรองเท้าที่วางอยู่ วิ่งกะเผลก ๆ หนีไปห้องซ้อม ไกรฤกษ์ยิ้มกระหยิ่ม ขำ เอ็นดู
     
    ไกรฤกษ์แอบดูอิงอรใช้ขมิ้นกับมะขามเปียกขัดตัวให้แก้วด้วยสายตาวาววับ คืนนั้น ขณะที่แก้วกำลังจะอาบน้ำ จู่ ๆ ไกรฤกษ์ก็เปิดประตูห้องน้ำพรวดเข้ามา แก้วเห็นท่าไม่ดี ทำท่าจะหนีกลับออกไป ไกรฤกษ์คว้าแขนแก้วหมับ
    
    “จะไปไหนล่ะจ๊ะน้องแก้ว จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอครับ ขืนอาบดึกกว่านี้ เดี๋ยวจะหนาวนะ”
    
    “คุณจะทำอะไรน่ะ”
    
    “เปล่า..ผมก็แค่..เป็นห่วงคุณ” อยู่ ๆ ไกรฤกษ์ก็ดึงผ้าขนหนูที่คลุมไหล่แก้วออก “โอ้โห..ขัดผิวด้วยขมิ้นนี่..มันได้ผลจริง ๆ นะครับ”
    
    กรองแก้วสะบัดเต็มแรง แล้ววิ่งหนี ไกรฤกษ์ตามมาคว้าเอวไว้ได้จากข้างหลัง
    
    “อย่าดิ้นสิแก้ว ผมจะสอนให้ อีกหน่อย ตอนคุณไปเป็นอนุฯของไอ้ท่านคนนั้น เธอจะได้เก่ง ๆ ไงล่ะ”
    
    กรองแก้วทำตัวแข็ง หยุดดิ้น ไกรฤกษ์ได้ใจ เอามือนึงมาจับหน้าแก้วให้หันไป จะจูบ แก้วหันไป แล้วประเคนขันทั้งขันเต็มกบาลไกรฤกษ์ ไกรฤกษ์ปล่อยมือจากแก้ว แก้วซัดขันอีกที เข้าหน้าไกรฤกษ์ แล้ววิ่งสุดฝีเท้าหนีเข้าห้องไป ไกรฤกษ์ตามไปเคาะประตูเรียก มะลิเดินหน้าหงิกมาจ้องไกรฤกษ์เขม็ง ไกรฤกษ์จำต้องล่าถอยกลับไป
     
    แก้วเอาแต่นั่งร้องไห้ นอนไม่หลับทั้งคืน อิงอรเห็นแก้วตาบวมไม่ทันเอะใจ มะลิช่วยแก้ตัวบอกแก้วคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ อิงอรไม่ติดใจสงสัย จับแก้วไปแต่งหน้าทำผมพร้อมกับเพื่อนนางงามคนอื่น ๆ ก่อนคุณนายใบบัวจะมารับ
    
    พอใบบัวมาถึงเห็นแก้วแต่งตัวสวยก็ถึงกับตะลึง “สวยจริง ๆ ด้วย คุณอิงอร งั้นชั้นจะรีบไปโทรฯเรียนท่านเดี๋ยวนี้เลย..ว่างานนี้ คุ้ม คุณอิงอร..แบบนี้ท่านไม่อั้นแน่ ๆ”
    
    พอแก้วแต่งตัวเสร็จ ใบบัวก็รีบประคองพาแก้วไปขึ้นรถ กะจะพาแก้วไปเจอกับท่านพินิจก่อน มะลิเห็นแก้วลืมรองเท้าส้นสูง จึงอาสาจะไปหยิบมาให้ แก้วเกรงใจบอกจะเดินไปหยิบเอง
    
    แก้วเดินไปเห็นไกรฤกษ์กำลังก้ม ๆ เงย ๆจะขโมยเงินจากกระเป๋าอิงอร จึงชะงักแอบดูอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว อิงอรกับสุนันท์เดินมาอีกทาง ไม่ทันเห็นแก้ว
    
    “ไอ้ฤกษ์..ทำอะไรน่ะ”
    
    “แม่..ขอตังค์หน่อย”
    
    “ว่าแล้ว..ไอ้ลูกชั่ว..คนเลว ๆ อย่างแก จะมีอะไร นอกจากแอบขโมยเงินไปกินเหล้า”
    
    กรองแก้วได้ยินวาจากระด้างของอิงอร ตกใจ ตาโต
    
    “แม่..อย่าไปให้ไอ้ฤกษ์มันเกือบทำสินค้าของแม่มีราคี รู้หรือเปล่า ดีนะ ที่นังแก้วมันไม่เล่นด้วย ไม่งั้น ท่านจับได้ว่ามันไม่สดซะแล้ว..เราจะโดนหนัก”
    
    “แหม อีน้องปากบอน ไม่ต้องมาทำฟ้องเลย คราวที่แล้วชั้นก็จัดการยัยนางงามช้างเผือกจากในป่านั่นไปเหมือนกัน..ไอ้แก่ท่านมันไม่เห็นจะรู้เลย แต่ที่จริงพวกมีประสบการณ์กับผมแล้วนี่..ท่านน่าจะชอบนะ เพราะจะได้รู้จักบำรุงบำเรอท่านให้ถึงอกถึงใจได้”
    
    “พอเถอะ ฤกษ์ วัน ๆ แกเคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเราบ้างไหม รู้ก็รู้ ว่ากิจการร้านเสื้ออิงอรของเรา..ที่ไม่เจ๊งไป ก็เพราะท่านอุปภัมภ์อยู่ เพราะเราคอยจัดหานางงาม ดารา นางแบบให้ท่านไม่ขาด ไม่งั้นป่านนี้เราคงต้องขายบ้านไปแล้วมั้ง แกยังหน้ามืด..ข่มขืนเด็กนางงามที่ท่านจองได้ลงคอ อยากจะไม่มีที่ซุกหัวนอนหรือไง”
    
    “แล้วนังกรองแก้วคนนี้ ท่านจะให้ราคาแม่เท่าไหร่ล่ะ สวย ๆ แบบนี้คงได้เยอะกว่าคนปีที่แล้วล่ะสิ ยังไงแม่ก็แบ่งลูกบ้างนะ ลูกอดอยากจะตายแล้ว”
    
    “ถ้าได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ก็ได้เป็นแสน ท่านอยากได้คนที่ครองมงกุฎ แต่ถ้าได้รอง ก็เหลือไม่กี่หมื่น ถ้าตกรอบ..ก็เหลือไม่กี่พัน”
    
    “โอ้โห..ท่านนี่ก็รวยจริง ๆ ให้ค่าตัวนางงามเท่ารางวัลที่ตัวนางงามได้จากกองประกวดเลยแล้วแม่ได้จากท่านแล้ว ยังจะแบ่งรางวัลจากเด็กอีกหรือเปล่าล่ะ”
    
    “ถ้ารับจากท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ แม่ก็ไม่ใจดำพอที่จะไปหักเปอร์เซ็นต์เด็กมันอีกหรอก..อย่างยายแก้วเนี่ย..พ่อมันเป็นภารโรงโรงเรียนป้าบุษไงล่ะ..แล้วป่วยเป็นอะไรที่สมองไม่รู้..ถ้ามันได้ตำแหน่ง ก็ให้มันเอาเงินรางวัลไปรักษาพ่อได้ทั้งหมดเลย”
    
    “อ้าว..ได้เหรอแม่ ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ยังไงแม่ก็ต้องหักมา 30% แม่ไม่เอา หนูเอา”
    
    “ผมก็เอา”
    
    แก้วที่แอบฟังอยู่หน้าซีด ช็อกสุด ๆ
     
    รณพีร์พาพุฒิภัทรเดินไปที่หน้าเวที ตรงกลางพอดี “เป็นไงล่ะครับ พี่ชายภัทร..ผมบอกแล้ว ว่าที่นั่งของเราใกล้ชิดที่สุด เห็นชัดที่สุด รับรอง..ว่าพี่ชายจะสามารถสบตานางงามได้แบบในระยะประชิดเชียวล่ะ..โอ๊ะ ท่านพินิจ..มาช้อนนางงามกลับบ้านอีกแล้ว” รณพีร์กระซิบบอกพุฒิภัทรหลังจากหันไปเห็นคณะของพินิจกำลังเดินเข้ามาในงาน “ดูสิ ภรรยาของท่านสวยขนาดไหน ท่านยังไม่รู้จักพอ..แย่มาก”
    
    “แล้วภรรยาท่านก็รู้เห็นเป็นใจกับกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอ”
    
    “พี่ชายภัทร..เห็นยัยป้าชุดเขียว..ที่ใส่เพชรพรึ่บนั่นไหม” รณพีร์ชี้ให้พุฒิภัทรดูใบบัว “นั่นแหละ นายหน้า..หรือจะเรียกว่า..แม่เล้าของท่านก็ได้ ยัยนี่ทำหน้าที่เป็นสเก๊าท์..แมวมอง..เที่ยวล่าหาหญิงสาวสวยมาป้อนวิมานสีชมพูของท่านพินิจ”
    
    ใบบัวนำคณะของพินิจ มาเจอกับสองหนุ่ม พินิจมองหน้าพุฒิภัทร เลิกคิ้วอย่างจำได้ ปนสงสัย พุฒิภัทรกับรณพีร์ ต่างพากันยกมือไหว้
    
    “คุณหมอ..ไม่ยักทราบ..ว่าคุณหมอก็ชอบดูประกวดนางงามเหมือนกัน”
    
    “พอดี..ผมได้บัตรเชิญน่ะครับ”
    
    เจ้าหน้าที่ดูเลขบัตร แล้วจัดให้พินิจกับพุฒิภัทรต่างนั่งลง ในที่นั่งกลางที่ติดกันพอดี โดยรณพีร์นั่งทางขวาของพุฒิภัทร ท่านนั่งซ้าย และคนอื่น ๆ ในคณะพินิจ ก็ลงนั่งที่ถัดออกไปด้านข้างของพินิจตามลำดับ เมื่อนั่งเรียบร้อย คุณหญิงก็ชะโงกมายิ้มให้พุฒิภัทร พุฒิภัทรไหว้ รณพีร์รีบยื่นหน้าไปไหว้ด้วย พินิจกับพุฒิภัทรนั่งไหล่กระทบไหล่ ทั้งสองต่างหันมายิ้มให้กัน แบบไม่มีใครยอมใคร 
     
    กรองแก้วตัดสินใจจะหลบออกไปหลังเวที แต่มะลิเดินเข้ามาเห็นพอดี แก้วกราบที่อกมะลิ วิงวอนทั้งน้ำตา
    
    “แก้ว...ไม่อยากประกวดแล้ว”
    
    “อ้าว...ทำไมล่ะ”
    
    “แก้ว..กำลังจะขึ้นไป..เป็นสินค้า..ให้เค้าเอาขึ้นไปเร่ขายบนนั้น..พี่มะลิก็รู้ใช่ไหม คุณอิงอร..หน้าตาสวย ๆ แต่ใจร้ายเหลือเกิน พ่อบอกแก้วแล้ว ว่าจะไว้ใจใครได้เหรอ แต่แก้วไม่เชื่อ แก้วเพิ่งรู้ว่าคนกรุงเทพฯเขาหน้าตาดี ๆ แต่งตัวดี ๆ พูดจาเพราะ แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น พวกเค้าใจร้ายมาก..เราก็เป็นแค่เหยื่อ แค่ผักปลาอะไรซักชนิดนึงสำหรับเค้า เค้าไม่ได้มองเราเป็นคน..ไม่ได้เห็นว่าเราก็เป็นเด็กคนนึง..เท่า ๆ กับลูกสาวเค้าเหมือนกัน”
    
    “แก้ว..ถ้าอย่างนั้น..แก้วก็ไม่ต้องขึ้นไปประกวดก็ได้นะ..พี่จะบอกทุกคน..ว่าแก้ว..ไม่สบาย แก้วรีบไปซะ”
    
    มะลิช่วยให้แก้วหนีไป แต่ก่อนจะถึงเวลาประกวด แก้วกลับตัดสินใจกลับมาขึ้นเวทีประกวด เพราะอยากได้เงินไปรักษาพ่อ                     ระหว่างรอการประกวด ใบบัว แจ้นเข้ามาคุกเข่าแทรกระหว่างพุฒิภัทร กับพิชิต จนไหล่เบียดตักพุฒิภัทร จนพุฒิภัทรต้องเอียงตัวให้พื้นที่แบบงง ๆ ปนรังเกียจหน่อย ๆ
    
    ใบบัวเอียงตัวไปแนบติด เอามือป้องหูท่าน กระซิบจนชิด “เดี๋ยวท่านคอยดูนะคะ หนูกรองแก้ว เบอร์ 8 สาวงามจากอยุธยา...เด็กของคุณนายอิงอร...สวยมาก...ได้ครองมงกุฎนางสาวศรีสยามแน่ ๆ”
    
    พิชิตหันไปชะโงกดูอิงอร อิงอรยิ้มหวาน กระชดกระช้อยย่อตัว พลางโบกมือให้พินิจ พินิจโบกมือตอบ ท่านผู้หญิงมองเหล่ ๆ แล้วค้อน หันไปทางอื่น ไม่อยากสนใจ
    
    พินิจหันกลับมา กระซิบตอบใบบัว “เด็กคุณอิงอรปีที่แล้วก็ได้มงกุฎ ผมเอามาเลี้ยงดูอย่างดีอยู่หลายเดือน”
    
    “หนูอ้อยคนนั้นแค่มีดีที่หน้าสวย...แต่กรองแก้วคนนี้...สวยทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งหน้าตาค่ะ อายุ 19 เพิ่งจบมัธยมมา สดเปรี๊ยะ ๆ ขบเผาะ ๆ รับรองค่ะ ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายแน่ ๆ”
    
    พุฒิภัทรได้ยิน ทำหน้าแขยง เอนตัวมากระซิบรณพีร์ “ได้ยินไหม ว่าพวกนางงามพวกนี้ มาประกวดเพื่อจะได้ขายตัวได้ราคาดี ๆ เท่านั้นเอง”
     
    หลังเวที มะลิบอกจะช่วยปัดมาสคาร่าเพิ่มให้กับแก้ว แก้วปฏิเสธ เพราะไม่อยากแต่งให้สวยมาก ไม่อยากได้รางวัลที่ 1 ที่จะต้องไปเป็นอนุพินิจ แต่พอได้ยินเพื่อนนางงามพูดว่าที่ 1 ได้เงินรางวัลต่างจากที่ 2 ครึ่งต่อครึ่ง แก้วก็รีบบอกให้มะลิช่วยปัดขนตาเพิ่มให้ทันที
    
    พอถึงเวลาประกวด พิธีกรทยอยเรียกสาวงามขึ้นมาโชว์ตัวบนเวทีทีละคน พุฒิภัทรทำหน้าเบื่อหน่าย รณพีร์มองดูสาวงามบนเวทีด้วยความตื่นเต้น แต่พอถึงคิวแก้วเดินออกมา พุฒิภัทรถึงกับตะลึงเหมือนโดนฟ้าผ่า ตัวชา นั่งนิ่งงัน รณพีร์สังเกตเห็นอาการพุฒิภัทรก็แอบดีใจ
    
    พินิจเองก็มีอาการไม่ต่างจากพุฒิภัทร มองตามแก้วน้ำลายแทบหก ใบบัวเห็นแล้วก็ชอบใจ รีบวิ่งไปคุยกับอิงอร ต่อรองค่าตัวแก้วกันใหญ่ อิงอรคิดว่าแก้วต้องได้รางวัลแน่ เลยจะโก่งราคาขอค่าตัวเพิ่มอีกเท่าตัว ใบบัวเตรียมขอแบ่งเปอร์เซ็นต์ เจ็ดสิบ-สามสิบ
     
    พุฒิภัทรได้ยินพินิจบอกช่างภาพให้ถ่ายรูปกรองแก้ว แล้วเอาลงหน้า 1 ฉบับพรุ่งนี้เช้าทุกฉบับนะ พร้อมสัญญาว่าจะให้รางวัลอย่างจุใจทุกฉบับ ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนโกรธ งอน ไม่พอใจ แบบไร้เหตุผล
    
    รณพีร์แอบมองพี่ แล้วแกล้งถามลองใจ “ท่านพินิจเชียร์จนออกนอกหน้าเลยนะ พี่ชาย...แบบนี้เธอคงไม่รอด”
    
    “มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา อย่าไปพูดถึงดีกว่า”
    
    “อ้าว...พี่ชายภัทรไม่รู้สึกอะไรหรือครับ พี่ชอบไปว่าแต่พวกนางงามเค้า ว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ สาเหตุมันก็เพราะมีคนอย่างท่านคนนี้ไงครับ ที่เป็นตัวการทำให้วงการนางงามเค้าเสื่อมเสียน่ะ”
    
    “ถ้าพวกผู้หญิงพวกนั้นไม่ยอม ก็ควรจะปฏิเสธท่านสิ นี่ทุกคนก็อยากสบายทางลัด ไม่รักเกียรติไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเอง เราอย่าไปสนใจเลย” พุฒิภัทรหงุดหงิดมากขึ้น
     
    เหลือรอบสัมภาษณ์อีกรอบเดียว อิงอรบอกแก้วว่าให้พูดอะไรก็ได้ ให้ดูว่าเราการศึกษาสูง รู้อะไรลึกซึ้ง แต่ก็ต้องอ่อนหวาน น้ำใจงาม รักธรรมชาติ สายลม แสงแดด ไม่ดูถูกคนจน โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ และคนพิการ ห้ามทำตัวบ้านนอก หรือทำตัวเห็นแก่เงิน หรืออยากเด่นอยากดังเด็ดขาด ที่สำคัญ ต้องยิ้มตลอดเวลา อย่าทำหน้าบึ้งงอ และจะต้องยิ้มหวาน ๆ ให้พินิจที่นั่งแถวหน้าสุด ตรงกลางเป็นพิเศษ
    
    ในรอบนี้เหล่าสาวงามที่เข้ารอบทั้ง 15 คน ใส่ชุดราตรีขึ้นมายืนเรียงกันบนเวที ช่างภาพเข้ามารุมถ่ายภาพเหมือนเช่นเคย แก้วมองไปที่แถวหน้าสุด เห็นพินิจมองมาด้วยดวงตาคมปลาบดุจแววตาเสือ หน้าตาหื่น แก้วขยับไปยืนตรงที่แสงไฟจากสปอตไลต์จะช่วยบังหน้าพินิจไว้ได้ ทำให้แก้วก็ได้เห็นหน้าพุฒิภัทร ที่ฉายแววอ่อนโยน ดีงาม ที่นั่งอยู่ติดกับพินิจแทน แก้วยิ้มให้พุฒิภัทร พุฒิภัทรมีอาการเหมือนสะดุ้ง การยิ้มของแก้วส่งผลจนมือที่วางบนเข่าตัวเองสั่น จนพุฒิภัทรต้องรวบมือตัวเอง มากำไว้
    
    รณพีร์เอาศอกมากระทุ้งพอดี “ฮ้า...พี่ชายภัทร...เบอร์ 8 ยิ้มให้พี่ด้วยล่ะ เราเห็นนะ”
    
    “บ้า...ใครเค้าจะมายิ้มให้ชั้น”
    
    “อั้นแน่ ทำไมต้องหูแดงด้วย พี่ชายเรา แน้...เขิน ๆ ๆ”
    
    “พูดมาก...เดี๋ยวกลับเลย”
    
    “โฮ้ย...กล้ากลับเหรอ...ยังไม่รู้เลย ว่าเบอร์ 8 จะครองมงกุฎหรือเปล่า”
    
    พินิจหันมาพูดกับพุฒิภัทรอย่างลืมตัว “เห็นไหม ๆ เบอร์ 8 ยิ้มให้ผม ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ”
    
    พินิจหันมา ทำหน้าระริกระรี้ พุฒิภัทรอึ้ง คอแข็งทันที รณพีร์แอบขำ
     
    สาวงามทั้ง 15 ถูกคัดเหลือเพียง 5 คนเท่านั้น แก้วติดเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย พินิจ อิงอร ใบบัว พากันดีใจ แก้วแอบส่งกระแสจิตขอความช่วยเหลือไปยังพุฒิภัทร
    
    “คุณคนดีคะ...คุณจะช่วยแก้วได้ไหม คุณได้นั่งที่ของพวกผู้ดีมีเงินด้วยนี่คะ...คุณต้องมีอำนาจวาสนาไม่แพ้ท่านคนนั้นแน่ ๆ คุณจะช่วยไม่ให้เค้าซื้อขายแก้ว เหมือนแก้วไม่ใช่คน...ได้ไหมคะ”
    
    พุฒิภัทร มองตาแก้วเหมือนถูกสะกด หน้าค่อย ๆ แดงขึ้นมา คอฝืด กลืนน้ำลายเอื๊อก ที่ขมับเหงื่อผุดขึ้นมา พุฒิภัทรล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ มือสั่นจนเห็นได้
     
    รอบสัมภาษณ์ แก้วต้องตอบคำถามว่า หลังจากชนะการประกวดในคืนนี้จะทำอะไรบ้าง และในฐานะที่เป็นนางสาวศรีสยาม จะทำอะไรให้กับประเทศบ้าง แก้วเศร้า คิดอะไรไม่ออก แต่พอหันไปเห็นพุฒิภัทร ที่มองมาอย่างจริงจัง ลุ้น ๆ เอาใจช่วย สายตาให้กำลังใจสุด ๆ แก้วก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น มีกำลังใจ และมีสติขึ้นมา
    
    “แก้วมาประกวดนางสาวศรีสยาม...ก็เพื่อพ่อค่ะ หลังจากชนะการประกวดในคืนนี้แล้ว...แก้วจะได้รางวัล แก้วก็จะเอารางวัลที่เป็นเงิน...ไปเป็นค่ารักษาพ่อที่ป่วย...เพราะในชีวิตนี้ แก้วมีพ่ออยู่คนเดียว พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแก้ว ถ้าแก้วสามารถทำอะไรเพื่อช่วยพ่อได้ แก้วก็ยินดีทำอย่างเต็มใจค่ะ”
    
    พุฒิภัทรและรณพีร์ตบมือกราว พร้อม ๆกับทุกคน ที่ระเบิดเสียงตบมือทั้งงาน
    
    “เยี่ยม!...คนกตัญญูแบบนี้ ถูกใจคนไทยแน่นอน ฉลาดมาก”
    
    “และในฐานะที่เป็นนางสาวสยาม แก้วจะเป็นตัวแทนประเทศของเรา ทำทุกอย่าง ที่จะบอกให้ชาวโลกรู้ ว่าบ้านของเราคือเมืองพุทธ ที่มีแต่รอยยิ้มและความโอบอ้อมอารี ถ้าใครมาประเทศไทย ก็จะได้รับน้ำใจ การต้อนรับดูแลอย่างอบอุ่น และช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ทุกท่าน ให้ทุกคนกลับไปประเทศของตนด้วยความประทับใจ ในเมืองไทยและคนไทยค่ะ”
    
    พวกคนดูเฮ ตบมือกันสนั่นทั้งงาน พุฒิภัทรตบมือแบบชอบใจมาก ๆ ทันใดนั้นพินิจก็ลุกขึ้นยืนตบมือแบบแสตนดิ้งโอเวชั่น พร้อมเป่าปาก พวกอิงอร ไกรฤกษ์ สุนันท์ทำตาม เฮฮาลั่น หน้าตาประมาณว่าแก้วเข้าวินแน่นอนแล้ว แก้วมองอาการของคนพวกนี้ แล้วซีด ๆ หวาดกลัวขึ้นมา   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)