![](http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/219033.jpg)
“เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” หรือ “หม่ำ จ๊กมก” กับผลงานภาพยนตร์ที่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสีสันโดยเฉพาะเสื้อผ้า ที่โดดเด่นชัดเจน แบบไม่มีใครเกิน และในครั้งนี้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ หม่ำ ก็ยังรับหน้าที่ เล่นเองกำกับเองเหมือนเดิม แถมภาคนี้ยังได้ศรีภรรยาตัวจริง มาร่วมแสดงอีกด้วย และในวันนี้ หม่ำ จ๊กมก ได้ให้สัมภาษณ์ยาว ๆ ถึงการทำงานในภาพยนตร์ “แหยม ยโสธร 3” ครั้งนี้ว่า
จุดเริ่มต้น-ที่มาที่ไปของ “แหยมยโสธร 3” เป็นมายังไง? “มันเริ่มจากตอนที่จบจากแหยม 2 ผมก็คุยกับเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ว่าอยากจะทำภาค 3 ต่อ เสี่ยก็โอเคให้ทำ แต่ตอนนั้นด้วยตัวเราติดอะไรหลายอย่างเลยต้องพักไว้ก่อน พอมาปีนี้ด้วยเวลาที่ลงตัวก็เลยลุยถ่ายกันเลย สำหรับแหยมภาคใหม่นี้ก็จะพูดถึงเรื่องราวความรักของรุ่นลูก ภาคที่แล้วเป็นเรื่องของลูกสาว คราวนี้ก็เป็นเรื่องของลูกชาย เราก็ไม่พยายามคิดอะไรให้ซับซ้อน เพราะหนังเรามันซื่อ ๆ บ้าน ๆ อยู่แล้ว ก็พยายามสร้างปมความรักขึ้นมา ก็นึกถึงหนังเช็กสเปียร์ ความรักที่ถูกกีดกันแบบโรมิโอกับจูเลียต แล้วก็แตกเรื่องออกไป รวมถึงคิดตัวละครใหม่ ๆ ขึ้นมาเพิ่มสีสันความสนุกด้วย”
การสร้างสรรค์เรื่องราวและตัวละครใหม่ ๆ ในแหยม 3 นี้เป็นอย่างไรบ้าง? “มันเริ่มจากเราเล่าเรื่องลูกสาวเราไปแล้วในภาค 2 แล้วภาคนั้นมันมีลูกชายอยู่คนเดียวในเรื่องคือคำผาน แต่ตอนจบภาคหนึ่งเรื่องมันบอกไปแล้วว่าแหยมกับเจ้ยมีลูกสิบกว่าคน ก็เลยคิดว่าภาคสามจะเล่าเรื่องลูกสักคนที่มาจากกรุงเทพฯ เป็นคนที่หน้าตาดี ๆ หล่อ ๆ เลย มาจับคู่กับคำผาน เราคิดผูกเรื่องไปต่อว่ามันต้องมีตัวละครผู้หญิงสองคนที่ลูกเราไปชอบ คือแหยมมันเป็นหนังรักนะ รักแบบอีสาน คิดต่อไปอีกว่าความรักมันต้องมีปัญหา คนดูต้องได้ลุ้น ก็เลยคิดว่าถ้าอดีตแหยมเคยมีคนที่รักมาก่อนเจ้ย แล้วบังเอิญคนรักคนนั้นเป็นเมียของคู่ปรับของแหยม แล้วก็เป็นพ่อแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายของแหยมไปชอบ มันก็เป็นสตอรี่ไทย ๆ ดีนะ เรื่องพ่อแม่กีดกันความรัก เราก็คิดทำเรื่องราวออกมาประมาณนี้”
ได้ข่าวว่า ภาคนี้ได้พี่มด (เอ็นดู วงษ์คำเหลา) ศรีภรรยาสุดที่รักมาเล่นบท “รำพึง” ด้วย? “ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดหรอกว่าจะเอาเค้ามาเล่น กะว่าจะหานักแสดงใหม่เลย ก็นั่งคิดไปคิดมาว่าเมียเรามันน่าจะเล่นได้นะ ก็เลยพูดเปรย ๆ หยอกเค้าเล่นไปเรื่อย ๆ จนเค้ายอมเล่นเฉยเลย แต่ที่เน้นหนักมาก ๆ คือค่าตัวเท่าไหร่ ชัดเจนเอาให้เคลียร์ ไปมาเก๊าเนี่ยซื้อกระเป๋า หลุยส์ เอย ชาแนล เอยให้อีกลงทุนนะ 4-5 แสน ต้องเอาของมาหลอกล่อ ให้มาเล่นรวมแล้วค่าตัวนี่เป็นล้าน ๆ นะ นึกว่าจ้างอั้ม พัชราภา มาเล่นซะอีก (หัวเราะ) ยังไงก็ฝากภรรยาผมด้วย เค้าก็เล่นโอเคนะ เสียอย่างเดียวคือไปบอกไปสอนไม่ได้ (หัวเราะ)”
ภาคนี้ยังมีเสื้อผ้าเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิมใช่มั้ย? “ภาคนี้เสื้อผ้าก็แซบเหมือนเดิมครับ ก็จะเปลี่ยนยุคไปอีกซัก 3-4 ปี เป็นยุค 70 ช่วงหลังเอลวิส เป็นยุคที่เค้าไว้ผมฮิปปี้ ๆ ส่วนสีสันก็ฉูดฉาดเหมือนเดิม ลงทุนเสื้อผ้าเยอะเหมือนเดิม ตัวละครแต่ละตัวก็จะมีคนละเป็นสิบชุดได้เลย”
ถ้านับตั้งแต่ภาคแรกถึงภาคล่าสุดนี้ก็เป็นเวลา 8 ปีแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้กำกับและนักแสดงรู้สึกอย่างไรบ้าง? “ก็คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ภาคแรก (2548), ภาคสอง (2552) ก็คิดถึงนะ เผลอแป๊บเดียว 8-9 ปีแล้ว คิดถึงพระเอกนางเอกยุคเก่า ตอนภาคสองลูกสาวก็เพิ่งอายุยี่สิบ ตอนนี้ลูกสาวก็ยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้ว แต่ก็คิดเล่น ๆ นะว่าจะทำภาคต่อ ๆ ไป แต่อาจจะเป็นอนาคต ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ปีนี้เอา “แหยม 3” ก่อน ก็กลับมาแล้ว จะได้เฮฮาภาษาบ้าน ๆ เหมือนเดิม 8 สิงหานี้ ได้ฮากันแน่ทั่วทุกหมู่บ้านครับ”.
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง