ผู้เขียน หัวข้อ: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง วันที่ 10 มิถุนายน 2556  (อ่าน 413 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง วันที่ 10 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 10, 2013, 04:13:59 am »

 “ในความสัมพันธ์ส่วนตัว ผมไม่เคยลืมว่าคุณไม่ใช่เพื่อนของผม” ปวุฒิยื่นมือมาจับปัทม์เป็นการขอบคุณ  
    “เช่นกันครับ...ผมจดจำไว้เสมอว่าคุณแย่งชิงคนรักของผมไป...และอีกไม่นานผมจะเอาของรักของผมคืน”
     
    “คงไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ถ้าผมจะบอกว่า...มันคงสายไปแล้ว...”
    
    “ไม่มีคำว่าสาย...เพราะคุณได้เพียงตัวคุณเพื่อน...แต่หัวใจเธออยู่ที่ผม” ปัทม์บอกอย่างมั่นใจ
      
    พ่อเลี้ยงเจงเก็บของเตรียมจะหนี อุรารัตน์เห็นก็เข้ามาช่วย
     
    “พ่อหลบไปชายแดนสักพัก รอดูสถาน การณ์อีกที ลูกเองก็ไปอยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯก่อน”
    
    “แอรี่ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น”
    
    “พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย พ่อจะรีบติดต่อกลับมา พ่อสัญญา เราต้องไปเล่นสกีด้วยกัน”
     
    อุรารัตน์กอดพ่อเลี้ยงเจงร้องไห้ ศักดิ์เข้ามาให้รีบหนี เพราะตำรวจบุกมาแล้ว...อุรารัตน์ตกใจ รีบมาขวางตำรวจไว้ เพื่อถ่วงเวลาให้พ่อหนีไป แต่ปวุฒิไหวตัวทัน สั่งตำรวจให้ค้นให้ทั่วทุกห้อง แต่ไม่พบพ่อเลี้ยงเจง
    
    “ทำการอายัดทรัพย์ไว้ทั้งหมด”
    
    “ยึดทรัพย์!”อุรารัตน์ตกใจ
    
    “ถ้าศาลตัดสินว่าพ่อเลี้ยงเจงมีความผิดจริง และสืบได้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการค้ายา...ทุกอย่างต้องตกเป็นของราชการ...และผมจำเป็นต้องเชิญคุณไปให้ปากคำครับ”
    
    อุรารัตน์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะบ้านและรีสอร์ทถูกยึด...รจนาไฉนกังวลใจเป็นห่วงอุรารัตน์
    
    “ใครทำกรรมไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น”
    
    “ป่านนี้เธอคงจะลำบากมาก”
    
    “รจนาไฉน...บางครั้งฉันกลัวว่าความรักและความสงสารของเธอ...จะนำภัยมาสู่ตัวเธอเอง”
    
    “คุณปัทม์...นับตั้งแต่วันที่เรามีกันและกัน ฉันไม่เคยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้าย...ฉันเชื่อว่า...คุณจะยืนอยู่เคียงข้างฉันและคอยช่วยเหลือฉันตลอดไป”
     
    ปัทม์โอบกอดรจนาไฉนยืนมองท้องฟ้าอย่างมีความสุขที่ระเบียงห้อง โลมฤทัยยืนกางร่ม แอบมองอย่างอิจฉาริษยา แสงฟ้าแลบบนท้องฟ้าฉาบที่หน้าโลมฤทัย ทำให้ดูน่ากลัว  “ที่ตรงนั้น...มันต้องเป็นของฉัน...ไม่ใช่แก”
    
    โลมฤทัยครุ่นคิดวางแผนจะแย่งปัทม์กลับคืนมา เวลาต่อมาเธอไปหาปวุฒิเพื่อเป็นตัวช่วยในการร่วมมือ
    
    “คุณไม่น่าเสียเวลามาตื๊อผมอีก”
    
    “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วค่ะ ฉันมาเจรจาผลประโยชน์ร่วมกัน”
    
    “ผมไม่มีความคิดจะร่วมธุรกิจหรือเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับคุณ”
    
    “อย่าด่วนปฏิเสธโดยที่ยังไม่ได้ฟังข้อเสนอ...ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสที่ไม่น่าให้อภัย”
    
    “คุณมีอะไรก็ว่ามา”
    
    “คุณต้องการพี่เพื่อน ฉันต้องการคุณปัทม์ ...เราต่างมีเป้าหมายร่วมกันเล่นเกมตามฉัน...แล้วคุณจะสมหวัง”
    
    “คุณคิดจะทำอะไร”
    
    “ฉันจะหลอกล่อพี่เพื่อนไปเที่ยวน้ำตก ให้คุณได้อยู่กับพี่เพื่อนตามลำพัง ช่วงเวลานั้นจะเป็นนาทีทองของคุณ....จะเคลียร์ใจ รื้อฟื้นความหลัง ...หรือทำในสิ่งที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิต...ที่นั่นจะเป็นสวรรค์ของคุณ”
    
    “มันน่าตกใจที่คำพูดนี้หลุดจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว...ความรักที่คุณเพื่อนมีให้คุณ ไม่สามารถลบล้างความคิดชั่วช้าของคุณไปได้เลย”
    
    “โปรโมชั่นนี้มีแค่ครั้งเดียว เสาร์นี้เจอกันที่น้ำตกค่ะ”
     
    โลมฤทัยลุกขึ้นเดินออกไปมั่นใจว่าปวุฒิจะยอมทำตามข้อเสนอ ปวุฒิไม่พอใจที่โลมฤทัยคิดวางแผนให้เขาจัดการรจนาไฉน...
     
    คุณเปรมแปลกใจเมื่อเห็นลำเพาและโลมฤทัยอยู่ที่บ้าน รจนาไฉนเข้ามาช่วยอธิบาย
    
    “คุณแม่กับน้องพบมาช่วยดูแลคุณพ่อค่ะ เพื่อนขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้คุณแม่ทราบเรื่องนี้”
    
    “จะมาขอโทษขอโพยกันทำไม เราทั้งหมดในที่นี้ ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงมั้ยจ๊ะตาปัทม์”
     
    “ครับคุณแม่” ปัทม์จำต้องรับคำ
    
    นพรัตน์นอนอยู่บนเตียง ยกมือไหว้ขอบ คุณเปรม
    
    “ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณที่ครอบครัวคุณเปรมมีต่อพวกเรายังไงดี”
    
    “พอเถอะค่ะ ให้ถือซะว่าเป็นการตอบ แทนน้ำใจที่คุณนพรัตน์เองก็เคยช่วยเหลือครอบ ครัวของดิฉัน และได้มอบหนูเพื่อนมาเป็นของขวัญให้กับครอบครัวของเรา...เธอเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจประเสริฐมาก”
    
    “คุณเปรมพูดอย่างนี้ทำให้คนเป็นแม่พลอยชื่นใจไปด้วย ไม่เสียแรงที่ดิฉันหมั่นอบรมบ่มสอนให้ลูกเพื่อนคิดดี ทำดี” ลำเพาคุย
    
    “พบจะพยายามทำดี อย่างน้อยก็ขอให้ได้ครึ่งของพี่เพื่อนค่ะ”  ปัทม์ถือกระเป๋ามาส่งเปรมที่ห้อง พลางถือโอกาสปรึกษาเรื่องลำเพาและโลมฤทัย
    
    “บอกตามตรงครับ ผมไม่ไว้ใจสองแม่ลูกนั่นนัก ผมไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร? ต้องการอะไรกันแน่ ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้มาดี”
    
    “ในเมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทุกข์ ก็หยุดคิด...จำคำแม่ไว้...สิ่งที่ทำร้ายจิตใจเราได้ร้ายกาจที่สุดคือ...ความคิดของเราเอง...ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ ยิ่งยึดยิ่งติด...ปล่อยวางซะ”
     
    “ครับคุณแม่...ผมจะให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง” ปัทม์เข้าสวมกอดเปรมด้วยความรักและคิดถึง...
     
    รจนาไฉนที่ยืนฟังการสนทนาอยู่ด้านนอกยิ้มพอใจที่ปัทม์ยอมเปิดใจรับลำเพาและโลมฤทัยมากขึ้น
      
    ทั้งบ้านและรีสอร์ทถูกยึดไปหมดแล้ว อุรารัตน์ตกที่นั่งลำบากเพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน นงนุชหิ้วกระเป๋าออกมาจากในบ้าน
    
    “ไปอยู่กับนงนุชค่ะ..ห้องเช่าหลังตลาดพอจะซุกหัวนอนได้ แถวนั้นหาของกินง่าย อร่อยถูก ๆ ด้วยค่ะ”
    
    “จะบ้าเหรอ แกจะให้ฉันไปอยู่ที่ห้องเช่าปนกับพวกแรงงาน ฉันไม่ไป”
    
    “ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนงนุชซื้อหมอนให้ใหม่ ชุดละ 199 เอาลายดอกกุหลาบที่คุณแอรี่ชอบค่ะ”
     
    นงนุชพยายามพาอุรารัตน์ไป แต่อุรารัตน์ไม่ยอมผลักนงนุชล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
    
    “คุณแอรี่!”
    
    “ฉันไม่มีวันไปเกลือกกลั้วกับชนชั้นต่ำเด็ดขาด แกต้องหาที่พักให้เหมาะกับคนระดับฉัน”
    
    นงนุชโมโหลุกขึ้นมาโวย   “เรื่องมากก็หาที่ซุกหัวนอนเองแล้วกัน”
    
    “แกขึ้นเสียงกับฉัน! ฉันไล่แกออก”
    
    “ไม่ต้องไล่กูก็ออก จะอดตายอยู่แล้วยังหยิ่งผยองอีก”
    
    “แกด่าฉัน”
    
    “เอ่อ เป็นหงส์ปีกหัก บินไม่ได้ก็หัดเดิน ขืนมัวคิดแต่จะบินขึ้นฟ้า เดี๋ยวก็โดนหมาฟัดกัดตาย”
    
    “ไป๊ แกออกไปจากบ้านฉัน”
     
    นงนุชเดินออกไป แล้วหันกลับมาตะโกนใส่อุรารัตน์
    
    “ไม่มีที่ซุกหัวก็อย่ามาง้อ”
    
    “คนอย่างฉันไม่เคยง้อใคร ฉันไม่มีวันตกอับ”อุรารัตน์ตะโกนไล่หลัง
     
    อุรารัตน์อับจนหนทาง เพราะบัตรเครดิตถูกอายัด เงินติดตัวก็ไม่มี ในที่สุดเธอก็จำใจมาขอความช่วยเหลือจากปลัดวราห์
     
    “ฉันคงไม่ต้องขอบใจนายถือเป็นการชดใช้บุญคุณที่พ่อฉันเคยเกื้อหนุนนาย”
    
    “อย่าเอาผมไปพัวพันกับผู้ต้องหาค้ายาสิครับ”
    
    “แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ไอ้คนไม่สำนึกบุญคุณ”
     
    “คุณมันอ่อนต่อโลกจริง ๆ ถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้กฎการดำรงชีวิตที่สำคัญที่สุดของมนุษย์”
     
    วราห์เดินอ้อมไปด้านหลังที่นั่งของอุรารัตน์ แล้วโน้มตัวมาบอกข้างหู
    
    “นั่นคือการ...เอาตัวรอด ผมรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันยากที่คุณจะแบกรับมันไว้ได้ ผมเป็นห่วงคุณนะ...ผมอยากช่วยเหลือคุณ... อย่างน้อยคุณก็ได้ชื่อว่าเป็น...”ปลัดวราห์จะพูดคำว่าเมีย
    
    “หุบปากนะ! ฉันขยะแขยงกับสิ่งที่แกเคยทำกับฉัน เอามือโสโครกของแกออกไป”
     
    ปลัดวราห์ยกมือออก พลางยิ้มให้อุรารัตน์อย่างเหนือกว่า
    
    “ไม่เอาน่า ผมอยากช่วยคุณด้วยใจจริง ผมจะใช้หน้าที่การงานของผม ช่วยคดีของพ่อคุณ รวมทั้งเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีของคุณคืนมา...นี่เป็นของขวัญมีค่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้หญิงที่เขารักได้”
     
    ว่าแล้วปลัดวราห์หยิบกุญแจห้องพักโรงแรมวางบนโต๊ะ อุรารัตน์รู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร
    
    “อย่าลืมกฎการดำรงชีวิตที่ผมสอนล่ะ”
     
    วราห์เดินยิ้มออกไป อุรารัตน์โกรธ แต่หมดหนทาง จึงตัดสินใจไปที่ห้องพักโรงแรม ปลัดวราห์นอนยิ้มรออยู่บนเตียง อุรารัตน์จำต้องเดินตรงมาแล้วหยุดอยู่ข้างเตียง
    
    “ความฉลาดของคุณไม่ได้ด้อยกว่าความสวยเลย”
    
    “รับปากกับฉันได้มั้ยว่าจะรักษาคำพูด ช่วยเหลือพ่อฉันและดูแลฉันอย่างสมศักดิ์ศรี”
    
    “ด้วยความสัตย์”วราห์ยิ้มตอบจริงจังอุรารัตน์จำฝืนทนปลดเสื้อผ้า ก้าวขึ้นบนเตียงคู่กับวราห์...
      
    ปวุฒิโทรฯมานัดให้รจนาไฉนออกไปพบเพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย รจนาไฉนรู้สึกลำบากใจจึงพูดบ่ายเบี่ยง   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)