ผู้เขียน หัวข้อ: “ เบน ชลาทิศ” เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ! - หนุ่มฮอต หนุ่มฮิพ  (อ่าน 516 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “ชลาทิศ ตันติวุฒิ” หรือที่เรารู้กันดีในนาม “เบน ชลาทิศ” คนดนตรีตัวจริง ที่เกิดมาเพื่อร้องเพลง และในเร็วๆนี้ เขาจะมีคอนเสิร์ตของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต กับชื่อคอนเสริต์ที่ตอกย้ำความเป็นตัวตน บอร์ด ทู บี เบน ( เบน เกิดมาเพื่อสิ่งนี้) และนอนแน่ว่าวันนี้เรามีโอกาสดีที่ได้พูดคุยกับเบน ในทุกๆเรื่องร่วมถึงเรื่องความรัก ที่เจ้าตัวเปิดใจคุยกันแบบหมดเปลือก ในเรื่องที่เราข้องใจและตั้งคำถาม เพราะฉะนั้นอย่าช้า ไปคุยกับเขากันเลยดีกว่า “คนดนตรี”
    คำนักร้อง มันเกิดขึ้นในหัวเบน ตั้งแต่เมื่อไร ?
“ทุกอย่างมันมาเป็นธรรมชาติเลย ตั้งแต่เด็ก ถ้าถามถึงความใฝ่ฝันตั้งแต่เลยว่าอยากจะเป็นนักร้อง แต่ไม่มีประกวดอะไรเลยนอกจากในโรงเรียน แต่ว่าตอนที่ไปเรียนที่มหิดล เราเรียนดนตรี มีเพื่อนในกลุ่มที่เรียนดนตรีด้วยกัน ก็แบบว่าอยากจะทำเพลง อยากมีผลงานของตัวเองด้วยกัน ไม่มีใครทำให้ เราก็ต้องทำกันเอง ก็พอทำเสร็จเราก็เอาไปยืนให้กับคลื่นวิทยุ คลื่นหนึ่งเพลงก็ติดอันดับ 1ของคลื่น ทำให้พี่บอย โกสิยพงษ์ ได้ยินเสียงของเบน เขาก็เรียกเข้าไปคุย แล้วก็ถามเบนว่าอยากทำเพลงด้วยกันมั้ย ก็แบบดีใจ เป็นความฝันที่เป็นจริงของเรา วันนี้จะมีคอนเสิร์ต เป็นของตัวเองแล้ว ? “คือจริงๆแล้วผมเองก็มีความสุขกับการร้องเพลงทุกๆครั้ง ร้องเพลงมาปีนี้ก็ขึ้นปีที่ 13 แล้ว แต่มันมีคำถามตลอดเลย ทุกครั้งที่เราไปเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตคนอื่น มันจะมีคำถามกับตัวเองตลอดเลยว่า มีคนมาดูเรากี่คน เรามีความสามารถพอที่จะมีคอนเสิร์ตของเราเองได้หรือยัง หรือว่าเพลงเราไม่ดัง เพลงดังเราไม่มากพอ เอ๊ะ....เราเห็นว่าน้องๆรุ่นใหม่ เขามีเพลงดังเพลงเดียว หรือว่ากึ่งๆจะดัง ก็มีคอนเสริต์ใหญ่แล้ว ก็เลยคิดว่ามันน่าจะมีคอนเสริต์ของเราเองเสียที มันก็เลยมีคอนเสิร์ตครั้งนี้เกิดขึ้น” คาดหวังกับคอนเสริต์ที่จะเกิดขึ้นมั้ย ? “คือผมเป็นคนที่รู้สึกว่าวันนี้เราได้ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เรื่องงาน และมีเพลงของตัวเองก็ได้ทำ รู้สึกว่าทุกวันนี้ที่ได้มาคือกำไร ทุกวันนี้มีความสุขแล้ว เลยไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เราขอทำให้มันดีที่สุด คนมาดูเราจะได้มีความสุขกลับไป และบอกเลยว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เราจะลงจากเวทีน้อยมาก (หัวเราะ) รับเชิญคอนเสิร์ตคนอื่นมาเยอะแล้ว ก็ไม่อยากจะเสียเวลาในการลงพัก 15 นาที แล้วให้แขกรับเชิญเล่นไป ไม่เอา เวลา 3 ช.ม มันสั้นมากนะ ผมจะอยู่บนเวทีให้มากที่สุด ( หัวเรา) เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือว่า ซับหน้า อะไรก็บนเวทีนั้นแหละ สดๆกันเลย ( หัวเราะ )” “ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้”
    ทำไมต้องตั้งชื่อคอนเสิร์ตว่า ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ?
“เพราะว่ามันเป็นคอนเสิรต์ครั้งแรกของเรา เราก็อยากจะบอกความเป็นตัวตนของเราด้วย เรามีคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเราไม่ร้องเพลงเราจะทำอะไร นึกไม่ออกจริงๆ เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราไม่เคยออกไปนอกทางเลย และเราเองก็ทำเป็นอยู่สิ่งเดียวคือร้องเพลง จริงๆผมทำอะไรไม่เป็นเลย ผมใช้ชีวิตโง่มาก ถ้าไม่มีแฟน ไม่มีผู้จัดการที่คอยดูแลชีวิตให้ผม ผมบอกเลยว่าชีวิตผมพังแน่ คือไม่ว่าจะจ่ายบิลโทรศัพท์ โน้นนี้นั้น กับข้าวก็ไม่เป็น มันก็เลยย้ำว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ บอนด์ ทู บี เบน เราเกิดมาเพื่อร้องเพลง” บนเวที เราจะได้เห็นอะไรบ้าง ? “แน่นอนว่า คอนเสริต์ระดับ อิมเพค อารีน่า ฮอลล์ใหญ่สุดในเมืองไทยแล้ว ทุกอย่าง แสง สี เสียง มันจะต้องเต็มที่ อลังการ แน่นอนไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวังแน่นอน ส่วนแขกรับเชิญก็มี บีไฟว์ จากที่เห็น โต๋ เล่นเปียนโน แล้วเรายืนร้องกันนิ่งๆ แต่สำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ของผม ไม่มีจ๊ะ เต้นแหลก (หัวเราะ) นอกจากนั้นก็ยังมี เจนนิเฟอร์ คิม เพราะเราไปเป็นแขกรับเชิญเขาหลายรอบแล้ว คราวนี้เขาต้องมาเป็นแขกรับเชิญให้เราบ้าง แล้วมีน้องอ๊อฟ ปองศักดิ์ และยังมีพี่ป๊อด โมเดริน์ด๊อก , มีพี่รัดเกล้า มาด้วย ผมเลือกแขกรับเชิญมาจากความสนิทสนม เลือกมาจากใกล้ตัวเรา และเราเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะมอบความสุขให้แฟนเพลงเราแน่นอน” “ แต่งหญิง” มีคนถามมาว่า เราจะได้เห็น เบน แต่งหญิงบนเวทีมั้ย ? “โน จ๊ะ อยู่บ้านเราก็ไม่แต่งนะ จริงๆเราไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ ถ้าทำแล้วสนุกใช่ แต่มันไม่ได้เป็นตัวตนของเรานะ ( หัวเราะ) อยู่บ้านเราก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่บางครั้งมันคือการแสดงสนุกสนาน กระตุงระติเพื่อความสนุก แต่ไม่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่มีเหตุเหตุที่ต้องแต่งหญิง ให้คนที่เขาเป็นแบบว่าใส่แล้วมีความสุขเขาทำไปแล้วกัน ส่วนท่าทางเราก็ไปตามเพลง มันเหมือนเป็นท่าประจำเพลงนั้นๆ ไว้เคราขนาดนี้นะ (หัวเราะ)” เบนจริงๆเป็นคนที่มีมุมเครียด หรือโลกส่วนตัวสูงมั้ย? “ผมก็เหมือนคนปกติทั่วไป มีหลายมุม มีหลานด้าน แต่ผมจะเป็นคนที่ทำงานสนุกกับเพื่อน คนที่เราสนิท แต่ถ้าต้องอยู่กับคนที่เราไม่สนิท เราก็ต้องนิ่งๆไป มันเป็นสังคมนะ แต่อยู่กับเพื่อนเราสนุกเต็มที่ แต่จริงๆผมก็เป็นโลกส่วนตัวสูงนะ เวลาที่ไม่มีงาน อยู่บ้าน ผมก็จะอยู่กับคนที่เรารัก เราสนิท ไม่ออกไปไหน ผมไม่ปาร์ตี้นานมากแล้ว เพราะตลอด 10 ปี การทำงานของผม มันทำงานในผับ เจอคนเยอะแยะ เวลาที่มันเสร็จงาน ขออยู่บ้านกับแฟน ไม่ค่อยคุยใคร ไม่เดินเที่ยวไหน ส่วนมุมเครียด ไม่มีนะ น้อยมาก” “ชัดเจน” หลังจากที่เปิดตัวเรื่องแฟนไปแล้ว เสียงตอบรับเป็นยังไงบ้าง ? “ เราไม่ได้เปิดตัวอะไรนะ ถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆมาตั้งแต่แรกเลย จะรู้ว่าผมใช้ชีวิตปกตินะ แต่ว่าเราไม่ได้เป็นคนที่แบบกรี๊ดกร๊าดๆ อะไรแบบนั้น เราเองเป็นคนนิ่งๆ คนก็จะมีแบบคำถามกับเราตลอด ใช่ไม่ใช่ และเราไม่ได้ไปประกาศให้โลกรู้ว่าเราเป็นยังไง แต่ว่าวันนั้นพอดีมีนักข่าวมาถาม เราก็บอกตรงๆ และไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนว่าจะเปิดตอนนั้น และถ้าเขามาถามเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมก็จะตอบคำตอบนี้ แต่ว่ามันไม่มีใครเข้ามาถาม” หลังจากที่ตอบไปแล้ว มีความกังวลอะไรมั้ย ? “ไม่มีเลยครับ เพราะว่าผมคุยกับตัวเองตลอดอยู่แล้วว่าจริงๆ ด้วยความเชื่อว่าเป็นนักร้องต้องเก็บอะไรแบบนี้ให้มิดชิด ผมคิดว่าถ้าเกิดว่าเราต้องทำงานที่เรารักด้วย และเราไม่ได้เป็นตัวเราเองด้วย มันต้องเป็นงานที่ไม่มีความสุขแน่เลย เราก็ขอเป็นเราเองดีกว่า” แต่คนก็ยอมรับในสิ่งที่เบนเป็น ? “ผมถือว่าโชคดีของผมมากครับ เป็นกำไรชีวิตที่รู้สึกดี” “แฟน”
    ข่าวว่าเบน ให้แฟนลาออกจากงาน เพื่อมาดูแลเบนและที่บ้านเลย ?
“จริงๆผมไม่ได้เป็นประเด็ดการณ์ แต่ด้วยว่าช่วงชีวิตที่มันลงตัวในตอนนี้ พอดีว่าเขาก็ว่างพอดี ผมก็บอกว่าไม่ต้องทำแล้ว มาอยู่กับเรา เพราะว่าเราเองก็อยากอยู่กับเขาตลอด เวลาไปทำงานไปไหนเราก็ไปด้วยกัน 24 ชั่วโมง บางคนอาจจะบอกว่า อยู่ด้วยกันตลอดมันอึดอัด มันต้องมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง แต่ผมสองคนโชคดี ที่แบบเหมือนกัน ไม่มีความคิดนั้นเลย” ชอบเขาตรงไหน ประทับใจตรงไหน ถึงเรียกเขาว่าแฟน คนนี้แหละ ? “จริงๆเรื่องแบบนี้เราจะรู้ด้วยตัวเราเองนะ มันบอกไม่ถูก แต่จริงๆผมเป็นคนไม่มีสเป๊กอยู่แล้ว แต่เราจะแบบว่าถ้าเราอยู่กับใครแล้วสบายใจ เขาแทคแคร์เรา เราแทคแคร์เขา เป็นที่พึ่งให้แก่กันแล้วกัน และรู้สึกว่าอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข ก็พอแล้ว” เบน มีแต่งเพลงให้เขามั้ย ? “ไม่มี แต่ในอนาคตน่าจะมี ที่ผ่านมีแต่งให้แฟนเก่า ( หัวเราะ ) แต่กับคนนี้ยังไม่ได้แต่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเศร้า แต่ด้วยตัวเราเองไม่ได้มีอัลบั้มชุดใหม่มา 8 ปีแล้ว แต่อัลบั้มชุดใหม่อาจจะมีแต่งให้เขานะ (ยิ้ม)” “งานแต่งงาน”
    ในอนาคต เบน อยากจะจัดงานแต่งงานหรือเปล่า ?
“มันก็อยู่ที่ว่า การจัดการแต่งงานรองรับอะไร ทุกวันนี้ ถ้าเราอยากจะแต่งงานเพื่อบอกให้โลกรู้ ก็ไม่ต้องแล้ว เพราะว่าทุกวันนี้ทุกคนรู้กันหมดเลย (หัวเราะ) ว่าเบนอยู่กับแฟน แต่ถ้าวันหนึ่ง มีกฏหมายออกมาว่ามนุบย์เท่าเทียมกันในทุกเพศ ทุกวัย มีอะไรที่เกิดขึ้นหมายถึงการแต่งงานที่เพื่อสมเกียรติกับความรักที่เรามีให้กัน และมีตัวบทกฏหมายออกมารองรับ มันก็สมควรที่จะต้องทำ แต่ ณวันนี้มันไม่มีอะไรที่จะใช้การแต่งงานประกาศให้ใครรู้ ถ้าประเทศเรามีกฏหมายที่ออกมารองรับตรงนี้ได้ ประเทศเราก็จะเป็นประเทศที่น่าอยู่ และมันบ่งบอกถึงความคิดของคนในประเทศได้ ว่าเขามองถึงความมนุษย์เท่าเทียมกันแค่ไหน ผมไม่ได้สับสนใจทางเพศ แต่ผมรู้ว่าผมชอบอะไร คนที่สับสนก็คือคนที่ถามว่าตัวว่าใช่ไม่ใช่ แต่ผมชัดเจนกับตัวเองมาตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องแต่งงานก็อย่างบอก รอดูอนาคตกัน” ในเรื่องนี้ หลายคนเอาเบนเป็นไอดอล ? “เวลาใครถามแบบนี้ ผมมองตัวเองตลอดว่า ตัวผมเองไม่ได้น่าจะเป็นไอดอลใครได้เลยนะ ถ้าจะมองว่าเป็นไอดอล มุมมองผมในกรณีนี้ คือการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วก็เคารพในสิทธิของตัวเองเท่านั้นเอง ผมไม่ได้มองว่า เป็นเกย์แล้วต้องมาเปิดเผย มีแฟนต้องปิด แต่ผมมองว่าผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตปกติ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ได้พิเศษกว่าใคร ผมแค่อยากจะให้ทุกคนจริงใจกับความรู้สึกตัวเองเท่านั้น เต็มร้อยกับตัวเองเขาก็มีความสุขกับชีวิต อย่างน้อยก็ไม่ต้องหลอกตัวเอง คนไม่หลอกตัวเอง เข้าใจตัวเองได้ก็จะมีความสุขนะผมว่า แล้วจากนั้นเขาจะมอบความสุขให้กับคนรอบข้างและโลกนี้ได้นะผมว่า” ขออนุญาติถามนะคะ มีหลายคนที่บอกว่า ไม่มีรักแท้ในเพศที่ 3 ตรงนี้ เบน คิดว่ายังไง ? “ผมว่ามันอยู่ที่เทคนิคของคู่ใครคู่มันนะ ที่ว่าจะทำยังไงให้ความรักมันมีอยู่ ผมว่ามันธรรมชาติของทุกคู่แหละที่จะตื้นเต้นกันในช่วงแรกๆ แล้วจากนั้นมันก็จะเหลือความผูกพันและความรักที่มีให้ต่อกัน แล้วก็ไม่น่าจะมาตั้งนิยามอะไรแบบนี้นะ เพราะว่าผู้หญิง ผู้ชาย เองแต่งงานแล้ว อยู่กินกันหลายสิบปียังเลิกกันเลย สิ่งที่พูดกันมาผมว่าเราเอากรอบของสังคมมาด้วยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ด้วยมุมมองของคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ที่เอามาครอบให้สังคมคิดตามว่าอันนนี้ผิด อันนี้ถูก อันนี้แย่ ซึ่งมันก็มาจากความไม่เท่าเทียมกัน ถ้าเรามองในมุมมองว่าทุกคนเท่ากัน ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ทุกคนมีโอกาสที่จะมีความรัก เพราะมันห้ามไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ผมว่าสังคมก็น่าอยู่ขึ้นอีกเลยเลยครับ” ชัดเจนในทุกคำตอบกันไปแล้วสำหรับ เบน ชลาทิศ คนดนตรีเสียงคุณภาพที่ชัดเจนในเรื่องความรัก และแน่นอนว่าในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ คอนเสริต์ครั้งแรกของเขาจะเกิดขึ้นแล้ว ใครที่ยังไม่มีบัตร รีบหาซื้อกันเลยนะจ๊ะ กาญจนา สิทธิเม่ง รายงาน   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)