แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Warden

หน้า: [1] 2 3 ... 26
1
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด ชาร์ป (Sharp) ในญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางบริษัทเริ่มส่งมอบหน้าจอของ"ไอโฟน 5" (iPhone 5) ซึ่งนั่นหมายความว่า iPhone 5 น่าจะมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม หรือเร็วกว่านั้นตามที่เป็นข่าวออกมาว่า น่าจะเป็นวันที่ 12 กันยายน ศกนี้

"การส่งมอบ(จอ)จะเริ่มในเดือนสิงหาคมนี้" ทาคาชิ โอคุดะ ประธานคนใหม่ของบริษัทชาร์ป กล่าวในงานแถลงข่าวที่โตเกียว หลังจากเปิดเผยตัวเลขรายได้ในไตรมาสที่สาม อย่างไรก็ดี ทางผู้บริหารของชาร์ปปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกียวกับวันส่งมอบจอที่แน่นอน แอปเปิ้ล (Apple) กำลังมีแผนที่จะเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ในวันที่ 12 กันยายน ทั้งนี้ชาร์ปเป็นหนึ่งในสามของบริษัทผู้ผลิตที่แอปเปิ้ลซื้อชิ้นส่วนสำหรับการผลิต iPhone 5 โดยอีกสองบริษัทที่ส่งจอให้แอปเปิ้ลได้แก่ LG Display และ Japan Display



นักวิเคราะห์เชื่อว่า แอปเปิ้ลกำลังผลิต iPhone 5 ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อไล่ตาม Samsung ที่ประสบความสำเร็จกับสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy ที่มีหน้าจอสัมผัสใหญ่ถึง 4.8 นิ้ว โดยแหล่งข่าวก่อนหน้านี้มีการระบุว่า iPhone 5 จะมีหน้าจออยู่ที่ 4 นิ้ว (วัดในแนวทะแยงมุม) หรือใหญ่กว่า iPhone 4S ถึง 30% นอกจากจะใหญ่กว่าเดิมแล้ว มันยังบางกว่าเดิมด้วย เนื่องจากฝังเซ็นเซอร์ระบบสัมผัสเข้าไปในหน้าจอ LCD เลย ส่วนข่าวลือเกี่ยวกับสเป็กของ iPhone 5 อีกข่าวหนึ่งที่ดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจนมากขึ้นก็คือ ด็อคกิ้งที่มีขนาดเล็กลง โดยรายงานล่าสุดระบุว่า มันมีจำนวนพินแค่ 8 พินเท่านั้น (จากเดิม 30 พิน)

ที่มา : arip

2
ข่าว IT / Facebook เพิ่ม Stories เว็บใหม่เพื่อ...
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2012, 01:23:59 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เฟซบุ๊ก (Facebook) เปิดเว็บไซต์ใหม่ชื่อว่า Facebook Stories ซึ่งจะเน้นการให้บริการ "แชร์" เรื่องราวที่ไม่ธรรมดา แปลกๆ และกระตุ้นความคิด ตลอดจนไอเดียต่างๆ จากผู้คนทั่วโลกที่อยู่ในสังคมออนไลน์ ด้วยวิธีเปิดช่องทางใหม่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์เรื่องเหล่านี้จะทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นที่เป็นสาธารณะ (มีคอนเท็นต์ มากกว่าแค่ลิงค์) บนสังคมออนไลน์

ไอเดียของ Facebook Stories ก็คือ การเปิดเวทีให้กับผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ได้แชร์นวตกรรมทางความคิดที่ทำให้บรรลุผลสำเร็จในการกระทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ การพุ่งความสนใจไปในเรื่องราวลักษณะนี้ ทางเฟซบุ๊กหวังว่า จะทำให้ได้คอนเท็นต์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการที่จะค้นหาวิธีใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ (เทคโนโลยีของเฟซบุ๊ก :D) กับชีวิตของตนเอง (Facebook Stories จัดเป็นเว็บไซต์ที่ได้คอนเท็นต์จากผู้ใช้ หรือที่เรียกว่า UGC : User Generated Content)



หากมองง่ายๆ  Facebook Stories จะมีลักษณะคล้ายกับเฟซบุ๊กเพจของทางบริษัทที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกได้เข้าไป Like และ Share เรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ กระตุ้นต่อมความคิดในการใช้เทคโนโลยีของเฟซบุ๊กให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตนั่นเอง ตัวแทนเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ทางเว็บไซต์จะสำรวจ และนำเสนอเรื่องราวจากผู้ใช้ด้วยธีมที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน โดยธีมแรกทีใช้ในการเปิดตัวจะเรียกว่า "Remembering" ซึ่งหากเข้าไปในเว็บไซต์ คุณผู้อ่านอาจจะสังเกตเห็นคลิปวิดีโอด้านบนสุดของเพจเป็นหน้าเด็กชายชาวอินเดียชื่อว่า Mayank Sharma ที่ประสบปัญหากับระบบประสาทส่วนกลางทำให้เขาสูญเสียความทรงจำ 27 ปี เขาจำไม่ได้แม้แต่คนในครอบครัว แต่ด้วยฟีเจอร์ People You May Know ของ Facebook ทำให้เขาสามารถเรียกคืนความทรงจำกลับมาได้ นับเป็นไอเดียในการสร้างคอนเท็นต์ของ Facebook ที่น่าสนใจมากทีเดียว

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=HpO_M6kpOVc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=HpO_M6kpOVc</a>

ที่มา : arip

3
ข่าว IT / MS ไม่ใช้ชื่อ Metro UI กับ Windows 8?
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2012, 01:23:29 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เชื่อว่า คุณผู้อ่านที่ติดตามข่าวจากเว็บไซต์ arip อยู่เป็นประจำ คงจคุ้นเคยกันดีสำหรับอินเตอร์เฟซใหม่ของ Windows 8 ที่เรียกว่า Metro UI ล่าสุดมีข่าวลือว่า ชื่อเรียกดังกล่าวไปละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทในเยอรมัน ซึ่งส่งผลให้ทางบริษัทต้องเปลียนชื่อเรียกทันทีเป็น Windows 8-Style UI



ความจริง ไมโครซอฟท์ได้ใช้อินเตอร์เฟซสไตล์ Metro นี่มาหลายปีแล้วเหมือนกัน โดยการปรากฎตัวครั้งแรกของส่วนติดต่อผู้ใช้รูปแบบใหม่นี้จะอยู่ในเครื่องเล่นมีเดีย Zune (ไมโครซอฟท์เลิกทำไปแล้ว) ดังรูป จากนั้นก็มาเห็นบน Windows Phone ก่อนที่จะได้ยินชื่อเรียกนี้คุ้นหูกันมากยิ่งขึ้น เมื่อมีรายงานข่าวว่า มันจะถูกนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่เน้นตอบสนองการใช้การใช้งานในระบบสัมผัส อย่างไรก็ตาม ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศว่า Metro ที่ใช้เรียกอินเตอร์เฟซนั้น ความจริงเป็นแค่ "โค้ดเนม" สำหรับการอ้างอิงในเอกสารของไมโครซอฟท์ แต่อย่างเป็นที่ทราบกันดีว่า ชื่อนี้ถูกนำไปใช้เรียกผ่านสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมา ตลอดจนพบได้ในเครื่องมือพัฒนาสำหรับโปรแกรมเมอร์ รวมถึงข้อความที่โพสต์บนบล็อก ที่สำคัญมันถูกใช้เรียก Metro Style เวลาอ้างถึงอินเตอร์เฟซของ Windows Phone ไม่ได้เรียก Windows Phone Style UI ซึ่งหากจะบอกว่ามันเป็นแค่โค้ดเนมก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน



แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า การที่ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนชื่อเรียกอินเตอร์เฟซใหม่ (จาก Metro UI เป็น Windows 8-Style UI) ทันทีทันใดเช่นนี้ ไม่ใช่ว่า ต้องการเลิกใช้โค้ดเนมอย่างที่อ้าง แต่เนื่องจากพบว่า มันมีปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กับร้านค้าปลีกที่มีสาขามากมายอย่าง Metro AG ในเยอรมัน อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อประเด็นดังกล่าว แต่ตัดสินใจเปลี่ยนชื่ออินเตอร์เฟซที่เริ่มเป็นที่คุ้นเคยอย่าง Metro UI เป็นชื่อใหม่ทันที แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จากนี้ไป คำทีเรียกใช้ดีไซน์อินเตอร์เฟซบนระบบปฏิบัติการตัวใหม่อย่าง Metro จะถูกเรียกใหม่ว่าเป็น "Windows 8-Style UI" แทน ถ้าไมโครซอฟท์ไม่คิดว่าจะเปลียนชื่อเรียกอีกครั้งในอนาคต :D

ที่มา : arip

4
ข่าว IT / iPad mini เริ่มผลิต"จอ"สิงหาคม ศกนี้!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2012, 01:22:59 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ตามหลังมาติดๆ หลังจากมีรายงานข่าวว่า ชาร์ปจะส่งจอ iPhone 5 ให้กับแอปเปิ้ล (Apple) ในเดือนสิงหาคมนี้ ล่าสุด NPD DisplaySearch อ้างว่า การผลิตจอสัมผัสขนาด 7.85 นิ้วสำหรับ iPad mini เริ่มเดินเครื่องแล้วในเดือนนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งก็สอดรับกับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ทีระบุว่า แอปเปิ้ลเตรียมจัดงานเปิดตัว iPhone 5 และ iPad mini ในวันที่ 12 กันยายน ศกนี้

ปัจจุบัน iPad ของ Apple ครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตทั่วโลกอยู่ที่ 68% ในขณะที่คู่แข่งเริ่มประสบความสำเร็จในตลาดแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอเล็กกว่า (ประมาณ 7 นิ้ว) ซึ่งหากแอปเปิ้ลต้องการจะรักษาส่วนแบ่งตลาด และเพือ่การเติบโตของบริษัทต่อไป การเพิ่มสายผลิตภัณฑ์อย่าง iPad mini ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ชัดเจนที่สุด โดยตามรายงานข่าวจากเว็บไซต์ NPD DisplaySearch อ้างว่า การผลิตจอสัมผัสขนาด 7.85 นิ้วจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้แล้ว และมันจะใช้กับ iPad mini "เราคาดว่า การผลิตหน้าจอสัมผัส (ขนาด 7.85 นิ้ว) จะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม และกำลังผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าล้านจอต่อเดือนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้" นักวิเคราะห์จาก NPD DisplaySearch กล่าว



นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกด้วยว่า จอสัมผัส 7.85 นิ้วที่เริ่มมีการผลิตอยู่ในขณะนี้ จะส่งมอบให้กับแอปเปิ้ล เพื่อนำไปใช้ในการผลิต iPad mini ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ ผู้บริโภคจะได้มีโอกาสสัมผัสกับ iPad mini ช่วงปลายปี 2012 อย่างแน่นอน และถ้าโชคดี เราอาจจะได้เห็นมันพร้อมกันกับ iPhone 5 ในวันที่ 12 กันยายน (หรือตุลาคม ตามวาระปกติของการเปิดตัว) แม้จะลดขนาดของหน้าจอลงจาก 9.7 เป็น 7.85 นิ้ว ทำให้ iPad mini ต้องเผชิญกับคู่แข่งหลักๆ อย่าง Kindle Fire ของ Amazon และ Google Nexus 7 แล้ว มันยังต้องเจอกับ Motorola Xyboard ทีมีหน้าจอขนาด 8.2 นิ้วอีกด้วย ทั้งนี้ราคาของ iPad mini น่าจะถูกกว่า iPad ทีมีราคา 499 เหรียญฯ (ประมาณ 15,000 บาท) และน่าจะใกล้เคียง หรือเท่ากับ Google Nexus 7 ที่ราคา 199 เหรียญฯ (ประมาณ 6,000 บาท)

ที่มา : arip

5
ข่าว IT / MS เปลี่ยน Hotmail เป็น Outlook.com
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2012, 10:36:52 am »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดตัวเว็บเมล์ทีให้บริการฟรีเวอร์ชันใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อบริการจาก Hotmail ที่ทางบริษัทได้ซื้อกิจการมาตั้งแต่ในปี 1998 (14 ปีที่แล้ว) ไปเป็น Outlook.com โดยบริการเว็บเมล์ตัวใหม่จะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ด้วยการเชื่อมบริการเมสเสจเข้ากับโซเชียลเน็ตเวิร์ก และ Skype บริการฮัลโหลผ่านเน็ต ซึ่งเป้าหมายของการยกเครื่องครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ให้เห็นผลว่า มันจะช่วยแก้ปัญหา Inbox ที่วุ่นวายของผู้ใช้ได้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ไมโครซอฟท์ต้องการพัฒนาบริการ Hotmail ที่แทบจะไม่ได้รับการปรับปรุงตลอด 7 ปีทีผ่านมา ให้สามารถต่อกรกับบริการ Gmail ของ Google ทีนับวันจะเติบโตและแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อีเมล์ของ Gmail สามารถใช้ล็อกอินเพื่อเข้าใช้บริการต่างๆ ของ Google ได้ทันที Outlook.com จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับ Inbox ตลอดจนเมสเสจทั้งหมดบนโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook, Twitter และ LinkedIn ได้ในที่เดียว โดยการทำงานของบริการจะสามารถเรียงลำดับเมสเสจที่มาจากที่ต่างๆ ให้ผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ที่มาจากคอนแท็คส์ นิวสเล็ตเตอร์ที่เปิดรับ คำแจ้งเตือน โพสต์ต่างๆ ทีมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก ตลอดจนสามารถระบุตัวตน และเลือกรับผู้ส่งข้อความเข้ามาในอินบ๊อกซ์ได้ด้วยตัวผู้ใช้เอง



ข้อความที่เปิดเผยในบล็อกของไมโครซอฟท์ระบุว่า "เรากำลังส่งมอบบริการอีเมล์ตัวแรกที่เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับ Facebook, Twitter, LinkedIn, Google และเร็วๆ นี้ ก็ยังจะมี Skype เพื่อนำบริบท และการสื่อสารที่เกียวข้องเข้าไปอยู่ในอีเมล์ของคุณ ซึ่งใน inbox ของ Outlook.com อีเมล์ส่วนตัวของคุณจะมาพร้อมกับภาพของเพื่อนๆ status ที่มีการอัพเดทล่าสุด และทวีตต่างๆ ที่เพื่อนๆ ของคุณได้แชร์ให้คุณ ตลอดจนความสามารถในการแชท และสนทนาผ่านระบบวิดีโอ โดยคุณสมบัติการทำงานทั้งหมดนี้จะอัพเดทกับรายชื่อผู้ติดต่อที่เชื่อมโยงกับคุณบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก" ซึ่งจะว่าไปแล้วไอเดียในการผูกอีเมล์เข้ากับโซเชียลเน็ตเวิร์กของ Outlook.com ดูน่าสนใจมากทีเดียว



ทางทีมงาน Outlook.com ยังเปิดเผย (แกมเหน็บ Gmail ของ Google) ไว้อีกด้วยว่า ไมโครซอฟท์จะไม่สแกนเนื้อหา หรือไฟล์แนบที่มากับอีเมล์ของผู้ใช้ เพื่อที่จะขายข้อมูลให้กับผู้ลงโฆษณา หรือใครก็ตาม นอกจากนี้ Office apps ของทางบริษัทยังสามารถทำงานร่วมกับ Outlook.com ได้อย่างลื่นไหลอีกด้วย ซึ่งไมโครซอฟ์เชื่อว่า การเชื่อมโยงบริการเว็บเมล์เข้ากับโซเชียล และแอพฯ Office จะทำให้บริการของบริษัทมีจุดแข็งที่มาพอต่อความสามารถในการต่อกรกับบริการของคุณแข่งอย่าง Google Docs และ Zoho Docs ได้ นอกจากนี้ Outlook.com ยังเชื่อมโยงกับคลาวด์สตอเรจอย่าง Skydrive อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งภาพถ่าย ตลอตจนเอกสารต่างๆ ไปเก็บไว้บน Skydrive เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถแนบไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จำกัดไว้ได้ ซึ่งการเชื่อมโยงคลาวด์สตอเรจเข้าไปด้วย น่าจะส่งผลกระทบกับบริการของคู่แข่งอย่าง Google Drive, Dropbox, Sugarsync และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์กำลังเปิดให้บริการ Outlook.com ในโหมดพรีวิวก่อน โดยยังไม่ประกาศการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ (ล็อกอินด้วยแอคเคาท์ Hotmail ได้เลย อินเตอร์เฟซเรียบง่าย น่าใช้ดีครับ :D)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=XFamMtp6tG8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=XFamMtp6tG8</a>

ที่มา : arip

6
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ในขณะที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับไอโฟน 5 (iPhone 5) ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของภาพหลุดไปจนถึงกำหนดการเปิดตัว ล่าสุดแม้แต่เรื่องของชื่อเรียกไอโฟนรุ่นใหม่นี้ ยังมีการวิเคราะห์ออกมาว่า แอปเปิ้ล (Apple) อาจไม่ใช้ชื่อ iPhone 5 กับไอโฟนรุ่นใหม่ หรือกล่าวโดยสรุปมันไม่มี iPhone 5 นั่นเอง



แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะยังไงซะ Apple ก็คงต้องออกไอโฟนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน แต่มันอาจจะถูกเรียกว่า new iPhone ไม่ใช่ iPhone 5 สิ้นสุดการใช้ตัวเลข เพื่อเรียกชื่อรุ่นอย่างที่เคย โดยเหตุผลสำคัญก็คือ การใช้ตัวเลขระบุชื่อรุ่นของไอโฟนมันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร ซึ่งสามารถแจกแจงที่มาทางความคิดได้ดังนี้

ไอโฟนรุ่นแรกเรียก iPhone ในขณะที่ 2G ของ iPhone เรียกแค่ The iPhone
ไอโฟนรุ่นที่สองจริงๆ คือ iPhone 3G
ไอโฟนรุ่นที่สามคือ iPhone 3GS
ไอโฟนรุ่นที่สี่คือ iPhone 4
ไอโฟนรุ่นที่ห้าคือ iPhone 4S หรือแท้จริงมันก็คือ iPhone 5 นั่นเอง
ดังนั้นการจะเรียกไอโฟนรุ่นที่หกว่า iPhone 5 จึงไม่สอดคล้องกับหลักการเบื้องต้น ทั้งนี้ตามรายงานข่าวยังอ้างอีกด้วยว่า Apple เริ่มรู้สึกการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ตามด้วยตัวเลขไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร ดูอย่าง iPad รุ่นล่าสุดที่แอปเปิ้ลตัดสินใจเรียกมันว่า New iPad แทนการเรียก iPad 3 ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ไอโฟนรุ่นใหม่มันอาจจะถูกเรียกว่า New iPhone ก็ได้ โดยการกำหนดการเรียกชื่อแบบนี้ จะทำให้ผู้ใช้รับรู้ว่า มันคือ iPhone รุ่นใหม่ที่ออกมา เช่นเดียวกับ MacBook ที่ไม่เห็นว่าจะต้องเรียก MacBook 6 แต่เราก็รู้ดีว่า ตอนนี้มีแมคบุ๊กรุ่นใหม่ออกมา แน่นอนว่า การใช้ชื่อ New iPhone มันอาจจะเกิดความสับสนในช่วงแรกของการเดินเข้าไปสอบถาม iPhone 5 กับร้านค้า Apple Stores ในช่วงแรก แต่ในทีสุดผู้ใช้จะคุ้นเคยกับการเรียกแค่ iPhone และ iPad แค่นั้น ซึ่งมันจะทำให้แบรนด์ของ iPhone และ iPad แข็งแรงในระยะยาวมากกว่าการใช้ชื่อเรียกตามด้วยตัวเลข ไม่เช่นนั้นในปี 2017 เราอาจได้ใช้ iPhone 8S ก็ได้นะ คุณผู้อ่านล่ะครับ คิดเห็นตามกระแสข่าวทีมีการรายงานออกมานี หรือเปล่า?

ที่มา : arip

7
ข่าว IT / iPhone 5,iPad mini เปิตดัว 12 ก.ย. นี้
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 08:42:36 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุดที่อ้างว่า มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เพราะเคยให้ข่าวได้อย่างถูกต้องแล้วก่อนหน้านี้ระบุ แอปเปิ้ล (Apple) จะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ (iPhone 5 ?) ตามด้วยไอแพด มินิ (iPad mini) ในวันที่ 12 กันยายน 2012 ซึ่งหลังจากมีรายงานข่าวออกมาหุ้นแอปเปิ้ลก็พุ่งขึ้นทันที

Rene Ritchie จาก iMore อ้างว่า เขาได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวที่เคยให้ข้อมูลอย่างถูกต้องมาแล้วในอดีตว่า ทั้ง iPhone 5 และ iPad mini จะประกาศเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายน แต่จะมีเพียงไอโฟนเท่านั้นที่เริ่มวางตลาดหลังจากนั้น 9 วัน หรือวันที่ 21 กันยายน ส่วนไอแพดมินิยังไม่ได้มีการระบุกำหนดการวางตลาดที่ชัดเจนออกมา อย่างไรก็ดี ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดเปิดตัวที่ Ritchie ได้ให้ข่าวมานั้น สอดคล้องกับข่าวลือที่ว่า iPhone 5 จะเปิดตัวในช่วงกันยายน และ iPad mini จะวางตลาดในช่วงวันหยุดปลายปี



สำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ iPhone 5 โดยรวมจะคล้ายกับ iPhone 4S แต่จะบางกว่าเล็กน้อย และมีหน้าจอทีใหญ่ขึ้น เชื่อมต่อด้วย 4G LTE (เช่นเดียวกับ iPad รุ่นล่าสุด) พอร์ตด็อค 19 พินแทนที่จะเป็น 30 พินแบบทีใช้ใน iPhone, iPod touch และ iPad รุ่นปัจจุบัน ลาก่อนที่ชาร์จอันเก่า และเตรียมเงินไว้ซื้อพอร์ตอะแดปเตอร์ (ถ้ามีนะ :D) ส่วน iPad mini จะมีขนาด 7.8 นิ้ว จอแสดงผลปกติไม่ใช่ retina display และสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 249.99 เหรียญฯ (7,500 บาท) เพื่อต่อสู้กับ Nexus 7 ของ Google ในส่วนของกำหนดการเปิดตัว แหล่งข่าวบางแห่งได้มีการเปิดเผยว่า แอปเปิ้ลมีกำหนดการจัดงานในช่วงวันที่ 12 กันยายน ด้วยเหมือนกัน

ที่มา : arip

8
ข่าว IT / คีย์บอร์ด,เมาส์สัมผัสสำหรับ Windows 8
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 08:42:14 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] หลังจากเปิดตัว Surface แท็บเล็ต Windows 8 ที่ออกแบบโดยทางไมโครซอฟท์ (Microsoft) เอง ล่าสุดทางบริษัทได้แนะนำอุปกรณ์เสริมสำหรับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่อีก 2 อย่างด้วยกันได้แก่ "เมาส์สัมผัส" (Wedge Touch Mouse) และคีย์บอร์ด (Wedge Keyboard) ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน "แท็บเล็ต" Windows 8 ให้กลายเป็นเดสก์ทอปพร้อมใช้งานได้ในบัดดล



ไมโครซอฟท์เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับอุปกรณ์เสริม Windows 8 ซึ่งได้แก่ เมาส์สัมผัส และคีย์บอร์ดไร้สาย โดยเน้นดีไซน์ที่แปลกตา และการใช้งานที่สะดวกสบาย อุปกรณ์เสริมทั้งสองอย่างจะทำงานในระบบไร้สายบลูทูธ (bluetooth) ในการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับแท็บเล็ต Windows 8 ด้วยการเชื่อมต่อลักษณะนี้ทำให้มันสามารถใช้งานร่วมกับแท็บเล็ตของผู้ผลิตรายอื่นๆ ทีไม่ได้มาพร้อมกับพอร์ต USB ได้อีกด้วย สำหรับคีย์บอร์ดพับได้ที่มีชื่อเรียกว่า Wedge Keyboard จะมาพร้อมกับฝาปิดแม่เหล็กที่ตรงกลางพับได้ โดยมีผิวสัมผัสเป็นยาง ซึ่งเจ้าฝาที่ว่านี้สามารถนำมาพับตรงกลางเป็นรูปตัว V (ลักษณะคล้าย"ลิ่ม"ที่ใช้ทิ่มประตู มิน่าล่ะถึงมีคำว่า Wedge ทีแปลว่าลิ่มอยู่ด้วย) เพื่อใช้ทำเป็นขาตั้งสำหรับ"แท็บเล็ต" หรือ Surface ได้ ด้วยความที่มันมีผิวสัมผัสเป็นยางทำให้เวลาวางบนผิวเรียบช่วยให้มันไม่ลื่นไถล เนื่องจากมีแรงดึงดูดระหว่างผิวสัมผัสนั่นเอง ทีมงานออกแบบให้เวลาผู้ใช้เปิดฝาของคีย์บอร์ดออกมา บลูทูธจะทำงาน เพื่อพร้อมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทันที (ทำงานแบบเดียวกับ Smart Cover ของ iPad ที่พอเปิดขึ้นมาปุ๊บหน้าจอไอแพดก็พร้อมทำงานทันที) ตัวคีย์บอร์ดจะเป็น QWERTTY พร้อมปุ่มฟังก์ชัน 12 ปุ่มครบถ้วน แถมยังมีปุ่มฟังก์ชันสำหรับควบคุมการเล่นมีเดียต่างๆ บน Windows 8 อีกด้วย Wedge Keyboard ทำงานด้วยแบตเตอรี่ AAA 2 ก้อน




สำหรับ Wedge Touch Mouse จะมีดีไซน์แปลกตามชื่อเรียกของมันเลย เพราะรูปร่างคล้ายกับ "ลิ่ม" (Wedge) ที่ใช้สอดด้านล่างของประตูไม่ให้เปิดมากกว่าที่จะมาอยู่บนโต๊ะทำงาน อย่างไรก็ดี เมาส์รุ่นนี้จะทำงานด้วยระบบสัมผัสบนตัวมัน ทำให้คุณสามารถเลื่อนหน้าจอในทิศทางต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย นอกจากนี้ Wedge Touch Mouse ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Bue Track laser system ซึ่งนั่นหมายถึง มันสามารถใช้งานได้บนพื้นผิวทุกชนิด ทำงานด้วยแบตเตอรี่ AA ก้อนเดียวอยู่ได้ 18 เดือน สนนราคาของมันอยู่ที่ 69.95 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,100 บาท ส่วนราคาของ Wedge Keyboard จะอยู่ที่ 79.95 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,400 บาท แม้อุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้จะทำงานร่วมกับ Surface ได้ แต่เนื่องจากมันมาพร้อมกับคีย์บอร์ดที่พร้อมใช้งานในตัวอยู่แล้ว ทางไมโครซอฟท์มองว่า อุปกรณ์เสริมทั้งสองอย่างนี้จะเหมาะกับเหล่าบรรดาพาร์ทเนอร์ฮาร์ดแวร์ที่ผลิต"แท็บเล็ต" Windows 8 ออกมามากกว่า ทั้งนี้ทางไมโครซอฟท์ยังไม่ได้กำหนดวันวางจำหน่ายทีแน่ชัด แต่เชื่อว่า มันจะต้องออก่อนสิ้นเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ Windows 8 เปิดตัวแล้วอย่างแน่นอน :D



ที่มา : arip

9
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เชื่อว่า คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip หลายๆ ท่าน น่าจะเคยผ่านตาคลิปเหตุการณ์ผู้ใช้สมาร์ทโฟนระหว่างเดิน ประสบอุบัติเหตุในลักษณะต่างๆ ตั้งแต่ตกท่อ สะดุดตกบ่อน้ำพุของห้างสรรพสินค้าไปจนถึงเดินรถชน ซึ่งชาวมะกันได้มีการสำรวจเรื่องนี้ พบว่า จำนวนของผู้คนที่ประสบปัญหา "distracted walking" หรือการเดินแบบขาดสติ (ไร้สมาธิขณะเดิน) เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับสมาร์ทโฟนตรงหน้าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา

ผลการสำรวจโดย Consumer Product Safety Commission เปิดเผยอีกว่า จำนวนของชาวมะกันที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เนื่องจากประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่เดินพร้อมกับ ส่งข้อความ ไลน์ วอตแอพฯ ชิตแชต ทวีต เล่นเกมส์ ถ่ายรูป หรือแม้แต่เลือกเพลงที่ต้องการฟังจากสมาร์ทโฟน (หรือเครื่องเล่นเอ็มพีสาม) มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับเจ็ดปีที่แล้ว โดยตัวเลขในปี 2011 ปีเดียวมีผู้คนที่ประสบอุบัติเหตุจากปัญหา Distracted Walking มากถึง 1,152 ราย ที่สำคัญตัวเลขนี้อาจจะต่ำจากความเป็นจริงก็ได้ เนื่องจากแพทย์ และพยาบาลอาจจะไม่ได้ถาม หรือรับรู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้ใช้สมาร์ทโฟนในขณะทีเกิดเหตุ หรือไม่?



ดูเหมือนเรากำลังอยู่ในช่วงเดียวกันกับที่เคยเกิดปัญหาการใช้มือถือในรถยนต์จนเกิดอุบัติเหตุอย่างที่รับทราบกันมาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว แต่เราก็ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ประเด็นคือ คนส่วนใหญ่คิดว่า การเดินไปด้วยพิมพ์ข้ความไปด้วยเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้ว หลังจากหลายคนเริ่มตระหนักถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะกำลังสร้างความรำคาญให้กับคนที่เดินตามหลัง หรือเพื่อนๆ ทีต้องรอคุณเดินตามให้ทัน เพราะคนส่วนใหญ่เวลาเดินไปพร้อมๆ กับแชทข้อความไปด้วยจะเดินช้ากว่าปกติเล็กน้อย แต่ทีแย่ยิ่งกว่าคือ เดินไปชนคนอื่น นอกจากนี้มันยังมีผลต่อความสัมพันธ์กับคนสนิท เนื่องจากคุณเล่นไลน์กับเพื่อนๆ จนลืมแฟนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังถือเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับการที่คุณต้องประสบอุบัติเหตุต่างๆ ที่มีตั้งแต่สร้างความอับอายผสมกับความเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งแมรี่แลนด์ระบุว่า พบ 116 เคสของอุบัติเหตุที่่น่าเศร้ามากๆ เกิดขึ้นกับคนเดินถนนที่ต้องเสียชีวิต หรือบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากการใส่เฮดโฟนในขณะเดินทาง สองในสามของผู้ประสบอุบัติเหตุในส่วนนนี้จะเป็นผู้ชายทีมีอายุต่ำกว่า 30 ปี และครึ่งหนึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ระวังกันหน่อยนะครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ZXYY_ep5Nh0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ZXYY_ep5Nh0</a>

ที่มา : arip

10
ข่าว IT / HTC แจง Desire HD ไม่มีอัพเดท ICS
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 02:36:58 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานข่าวที่ทำให้เจ้าของสมาร์ทโฟน HTC Desire HD เกิดอาการเซ็งเป็ด เนื่องจากทางบริษัทประกาศอย่างเป็นทางการว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวจะไม่ได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการเป็น Android 4.0 Ice Cream Sandwich ทั้งๆ ที่ฮาร์ดแวร์ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีสเป็กที่ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่กว่า ซึ่งรัน ICS ได้

อย่างไรก็ตาม HTC พยายามจะอธิบายให้ลูกค้าที่ใช้ Desire HD เข้าใจ โดยระบุว่า เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีการแบ่งพาร์ติชั่นของสตอเรจที่อยู่ภายใน ซึ่งนั่นหมายความว่า ผู้ใช้จะต้องลบข้อมูลทั้งหมดออกจากเครื่องไปก่อนถึงจะทำการอัพเดทได้ นอกจากเรื่องของสตอเรจภายในที่มีการแบ่งพาร์ติชันจนต้องลบข้อมูลทิ้งก่อนอัพเกรดแล้ว ยังมีเรื่องของประสิทธิภาพที่อาจจะไม่ได้ทำให้ให้รู้สึกได้ว่ามันมีอะไรที่เหนือกว่าเดิมถึงจะอัพเดทแล้วก็ตาม ประมาณว่า มันไม่ได้ต่างกันสักเท่าใด เหมือนปลอบใจ แต่ฟังดูเศร้าใจมากกว่า



สำหรับ HTC Thunderbolt ที่มีคุณสมบัติ และสเป็กคล้ายๆ กับ Desire HD มีโอกาสที่จะได้รับการอัพเดทเป็น ICS ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ประหลาดมากทีเดียว งานนี้เชื่อว่า เจ้าของ Desire HD หลายๆ คนคงจะเซ็งกับประกาศดังกล่าวมิใช่น้อย ว่าแต่คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ท่านใดบ้างที่ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่ รู้สึกอย่างไรกับการประกาศดังกล่าวครับ

ที่มา : arip

11
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] เชื่อว่า หลายคนคงจะเคยนึกอยากได้นาฬิกาที่สามารถมองเห็นทะลุด้านหลังได้ และเช่นเคยที่มันจะต้องมีนักพัฒนาที่คิดเหมือนกัน และทำแอพฯ iOS สำหรับ iPhone & iPad ออกมา ซึ่ง Chameleon Clock เป็นแอพฯ นาฬิกาที่ทำให้คุณสามารถมองทะลุจอ เพื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังไอโฟน,ไอแพด จนดูเหมือนอุปกรณ์พวกนี้เปลี่ยนสีให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีตามชื่อเรียกของแอพฯ ตัวนี้นั่นเอง



Chameleon Clock ออกแบบโดย Dave Homsby ด้วยไอเดียที่เรียบง่าย เมื่อรันแอพฯ นาฬิกาตัวนี้บนอุปกรณ์ iOS นาฬิกาที่คุณเห็นจะมีแบคกราวด์ทีราวกับด้่านหลังของหน้าจอ iPhone หรือ iPad ของคุณถูกเปิดออกไป ทำให้สามารถมองเห็นตัวเลขแสดงนาฬิกาบนแบคกราวด์เป็นสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งความลับของการทำงานในโหมดกิ้งก่าเปลี่ยนสี หรือ Chameleon mode ก็คือ การถ่ายภาพนิ่งของสิ่งที่อยู่ด้านหลังเครื่อง เพื่อนำมาใช้เป็นแบคกราวด์ให้กับนาฬิกา โดยเมื่อมองการทำงานของแอพฯ ตัวนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนว่า ภาพฉากหลังของแอพฯ Cahameleon Clock ต่อเนื่องกับสิ่งที่อยู่ด้านหลัง iPhone หรือ iPad ของคุณ จนดูเหมือนเราสามารถมองเห็นทะลุจอด้านหลังไปได้ นับเป็นแอพฯ ที่ใช้ไอเดียในการสร้างลูกเล่นที่แปลกตาได้อย่างลงตัว แม้จะดูเป็นแอพฯเรียบง่าย แต่ไอเดียไม่ธรรมดาเลยทีเดียว



Chameleon Clock สามารถดาวน์โหลได้ที่  iTunes App Store สนนราคาอยู่ที่ 0.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 30 บาทครับ :D

ที่มา : arip

12
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] แม้กูเกิ้ล (Google) บนอุปกรณ์โมบาย (ไอโฟน ไอแพด สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต แอนดรอยด์) จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถป้อนคำค้น (keywords) ด้วยการพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ด หรือสั่งค้นด้วยเสียง (voice search) ได้แล้ว ล่าสุดทางบริษัทได้เพิ่มความง่ายในการป้อนคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการค้นให้ง่ายขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มฟังก์ชัน Handwrite หรือการใช้นิ้ว หรือสไตลัส "เขียนคำค้นด้วยลายมือ" ได้อีกทางหนึ่ง...ว้าว!!!



ผู้ใช้ Google บนอุปกรณ์โมบายจะได้รับความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่แตะปุ่มคำสั่งใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถป้อนคำค้นด้วยการเขียนด้วย "ลายมือ" ของตนเอง (ใช้สไตลัส หรือนิ้วก็ได้) แทนการพิมพ์ หรือสั่งด้วยเสียง  ข้อมูลจากบล็อกของกูเกิ้ลระบุว่า การที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำค้นที่ต้องการบนบริเวณไหนบนหน้าจอก็ได้เป็นเรื่องที่เยี่ยมมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียพื้นที่ให้คีย์บอร์ดขึ้นมากินพื้นที่บนหน้าจอถึงครึ่งหนึ่ง และไม่ต้องคอยมองหาปุ่มที่ต้องการพิมพ์ อีกทั้งยังสะดวกกว่าการพิมพ์ในเวลาที่อยู่ในสถานที่ไม่เอื้ออำนวยให้พิมพ์ได้โดยง่าย แต่ด้วย Handwrite คุณสามารถใช้นิ้วเขียนคำค้นด้วยลายมือของคุณขึ้นไปบนหน้าจอได้เต็มๆ ช่างสะดวกง่ายดายจริงๆ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=uyeJXKfAcpc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=uyeJXKfAcpc</a>

Handwrite มีความฉลาดในการแยกตัวอักษรจากคำที่เขียนในแบบตัวอักษรลากต่อเนื่องกันไป เพื่อวิเคราะห์ว่ามันหมายถึงคำว่าอะไรได้อีกด้วย แทนทีผู้ใช้จะต้องยกมือเขียนทีละตัวอักษร อย่างไรก็ตาม Handwrite คงไม่สามารถเข้ามาแทนที่การป้อนคำค้นด้วยคีย์บอร์ด หรือเสียง และมันคงไม่เหมาะกับทุกคน แต่มันเป็นลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น เพราะคุณยังต้องแตะปุ่ม เพื่อวรรค และลบอยู่ดี สำหรับคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่สนใจอยากลองใช้ฟีเจอร์นี้ ให้ใช้อุปกรณ์โมบายเปิดบราวเซอร์แล้วคลิกเข้าไปที่ Google.com จากนั้นแตะปุ่ม Settings ที่ด้านล่าง เลือก Handwrite คลิก Save ที่ด้านล่างของหน้าเว็บ เพียงแค่นี้ก็สามารถใช้ฟังก์ชัน Handwrite ได้แล้ว เวลาใช้ให้แตะที่ตัวอักษร g ที่มุมล่างขวา ลองใช้ดูนะครับ อ้อ...เกือบลืมไป สำหรับสมาร์ทโฟนที่จะใช้ฟังก์ชันนี้ได้ต้องทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 5 หรือ Android 2.3 ขึ้นไป ส่วนแท็บเล็ตจะต้องเป็น iOS 5 หรือ Android 4.0 ICS

ที่มา : arip

13
ข่าว IT / ภาพหลุด iPhone 5 ประกอบเสร็จโผล่
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2012, 09:20:58 am »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ข่าวลือเกี่ยวกับไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังคงมีให้ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าลุ้นดีเหมือนกันว่า ตอนเปิดตัวมันจะแตกต่างจากภาพหลุดเหล่านี้มากน้อยเท่าใด เพราะจะว่าไปแล้ว กรณีการยื่นเอกสารต่อศาลคดี Apple กับ Samsung เรายังได้เห็นต้นแบบ iPad & iPhone หลากหลายสไตล์ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้เหมือนกันว่า ที่สุดแล้ว iPhone 5 อาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเห็นในภาพหลุดก็ได้



สำหรับภาพหลุด iPhone 5 ล่าสุด มาจากเว็บไซต์ iLab Factory ซึ่งโพสต์ภาพที่อ้างว่า มันคือ iPhone 5 ที่ประกอบเสร็จแล้ว อย่างน้อยก็เป็นภายนอกของเครื่องที่เห็น ส่วนภายในคงบอกไม่ได้ว่า มันพร้อมทำงาน หรือไม่? อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวได้รับการต้อนรับจากบรรดาบล็อกต่างๆ อีกเช่นเคย เรียกได้ว่า Apple ไม่ต้องเสียค่าประชาสัมพันธ์เลย แต่ในทางกลับกัน ความคาดหวังที่สูงมากของ iPhone 5 หากแอปเปิ้ลไม่สามารถตอบโจทย์ความหวังดังกล่าวได้ มันอาจจะเสี่ยงเกินไปเหมือนกัน



เว็บไซต์ iLab เผยแพร่ภาพ iPhone 5 ประกอบเสร็จ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมาพร้อมกับคอนเน็คเตอร์เชื่อมต่อ (Dock Connector) ที่เล็กลงกว่าเดิม (เหลือ 19 พินจาก 30 พิน) และดูเหมือนที่ด้านข้างจะมีช่องเสียงหูฟัง หรือลำโพง ซึ่งแตกต่างจากที่เคยมีการนำเสนอก่อนหน้านี้ว่า ช่องต่อสัญญาณดังกล่าวอยู่ด้านบน อย่างไรก็ดี รายงานข่าวเกี่ยวกับชิ้นส่วน หรือเครื่องประกอบ iPhone 5 ที่มีการปล่อยออกมาจะไม่มีความหมายใดๆ เลยหากผู้ใช้ไม่ได้ต้องการมัน ในขณะที่ทิมคุกมั่นใจว่า ผู้บริโภคจะต้องอยากได้ iPhone 5 อย่างแน่นอน แล้วคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ล่ะครับ อยากใช้ iPhone 5 หรือเปล่า? หรือเปลี่ยนใจไปใช้ Android กันแล้ว?

ที่มา : arip

14
ข่าว IT / Nexus 7 ทำผู้ใช้เซ็ง"หน้าจอ"ติดไม่สนิท
« เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 09:33:26 am »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ในขณะทีมีรายงานข่าวว่า Nexus 7 แท็บเล็ตของ Google ขายดีจนหมดสต็อก กลับมีรายงานข่าวพร้อมคลิปเสียงบ่นจากผู้ซื้อแพร่กระจายไปบนเน็ตเกียวกับคุณภาพการผลิต โดยส่วนใหญ่จะประสบปัญหาเดียวกันคือ "หน้าจอหลวม" หรือติดไม่สนิท ทำให้เกิดมีแสงแบคไลท์เล็ดลอดเข้าไปในหน้าจอได้ หรือขยับ (กระดกเล็กน้อย) เวลากดสัมผัส ลูกค้าบางรายกล่าวว่า กูเกิ้ล (Google) ตอบสนองช้าเกินไปกับปัญหาที่เกิดขึ้น



รายงานข่าวมากมายเกียวกับปัญหา "หน้าจอติดไม่สนิท" ของ Nexus 7 เริ่มมีการแพร่กระจายบนเน็ตตั้งแต่วันแรกที่วางตลาด ผู้ใช้บางรายบ่นว่า กระจกหน้าจอสัมผัสบริเวณขอบมีการยกตัว(เผยอ)เล็กน้อย ในบางกรณีถึงขั้นที่ว่า มีแสงรั่วเข้าไปในหน้าจอ ในขณะที่บางส่วนรายงานว่า หน้าจอมีการขยับเล็กน้อยเวลาใช้งาน แต่ที่ดูเหมือนจะร้ายแรงสุดก็คือ บางตำแหน่งของหน้าจอไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส - -



นอกจากปัญหาเรื่องหน้าจอที่ติดไม่แน่นจนมีแสงรั่วเข้าไป และเลยไปจนถึงบางตำแหน่งบนหน้าจอสัมผัสไม่ตอบสนอง บางรายต้องประหลาดใจเมื่อคีย์บอร์ดของมันพิมพ์ตัวอักษรซ้ำๆ เอง โดยไม่มีใครไปแตะต้องตัวเครื่องแต่อย่างใด ส่วนปัญหาอื่นๆ ก็จะมีเรื่องเปิดไม่ติดด้วย อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอ้างว่า มีลูกค้าทีประสบปัญหาได้ติดต่อไปทั้ง Google และ Asus แต่ก็ไม่สามารถตอบปัญหาได้ ความจริงกูเกิ้ลเคยประสบปัญหากับสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Nexus One เมื่อปี 2010 จนในทีทางบริษัทต้องเลิกขาย และปล่อยให้โอเปอเรเตอร์ขายต่อไป เนื่องจากซัพพอร์ตไม่ไหว อย่างไรก็ดี สำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องจากร้านค้า และพบปัญหาดังกล่าว สามารถนำของไปคืนได้

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=2Pb4p6vIUdM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=2Pb4p6vIUdM</a>

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Ra6BQ8xT8ko" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Ra6BQ8xT8ko</a>

ที่มา : arip

15
ข่าว IT / Galaxy Note 2 "ควอด-คอร์" สิงหาคมนี้
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2012, 09:51:08 pm »
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ด้วยยอดขายสมาร์ทโฟน Galaxy Note ที่สูงถึง 7 ล้านเครื่อง ย่อมการันตีถึงความสำเร็จของผลิตภัณฑ์โมบายท้อป 3 ของบริษัท (รองจาก Galaxy S2 & S3) ดังนั้น หากจะหยุดทำตลาดก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่เกือบเท่าแท็บเล็ตรุ่นเล็ก ล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่า Samsung เตรียมปล่อยน้องใหม่ Galaxy Note 2 ที่หน้าจอใหญ่กว่ารุ่นแรกอีกเล็กน้อยเข้าสู่ตลาดในเดือนสิงหาคม ศกนี้

แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่า Samsung Galaxy Note 2 จะมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นแรกที่ 5.3 นิ้ว โดยขยับขึ้นไปเป็น 5.5 นิ้ว และปรับอัตราส่วนของหน้าจอเล็กลงจาก 16:10 เป็น 16:9 แทน ซึ่งส่งผลให้ความละเอียดลดลงจาก 1280x800 เป็น 1280x720 แต่ก็ยังถือว่าเป็นความละเอียดที่สูงอยู่ดี นอกจากนี้ แหล่งข่าวบางแห่งยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับโพรเซสเซอร์ที่ใช้เป็น Quad-Core Exynos ความเร็ว 1.6GHz ของซัมซุงเอง และชิปกราฟิกเป็น Mali-400 ที่ใช้กับ Galaxy SIII ส่วนระบบปฏิบัติการที่ทำงานบน Galaxy Note 2 คาดว่าจะเป็น Android 4.0.4 แต่ในช่วงแรกที่เปิดตัวจะเป็น Android 4.1 Jellybean ไปก่อน แล้วค่อยอัพเกรดตามทีหลัง



และเพื่อเป็นการจุดพลุให้กับ Samsung Galaxy Note 2 ทางบริษัทได้ประกาศเชิญสื่อสำหรับการเปิดตัวอุปกรณ์ในตระกูล Galaxy ตัวใหม่ในวันที่ 15 สิงหาคม หรือไม่ก็เปิดตัวในงาน IFA ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีกำหนดการเป็นช่วงปลายเดือนหน้าคือวันที่ 30 สิงหาคม  ซึ่งคาดว่า มันน่าจะใช้ Note 2 แต่ถ้าไม่ใช่มันก็คงต้องเป็นอุปกรณ์ใหม่ในตระกูล Galaxy ไปเลย แต่จะเป็นอะไรนั้น คงต้องติดตามกันอีกที อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นสัปดาห์ โอเปอเรเตอร์รายยักษ์อย่าง T-Mobile ประกาศตัวเป็นผู้จำหน่าย Galaxy Note รายล่าสุด (เห็นตลาดของอุปกรณ์ตัวนี้) ในขณะที่ AT&T ได้สิทธิ์ในการขาย Note เป็นเจ้าเดียว มาตั้งแต่กุมภาพันธ์แล้ว ซึ่งการเพิ่มโอเปอเรเตอร์รายใหม่เข้ามา น่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายนี้ เพื่อเร่งตลาดไปด้วย ประเด็นของการชิงออก Note 2 ในข่วงที่เหล็กกำลังร้อนนี้ ยังเป็นการเตะตัดขา iPhone 5 ของ Apple ด้วยอีกทางหนึ่ง - -" สำหรับสเป็กโดยรวมของ Galaxy Note 2 ที่คาดไว้มีดังนี้

5.5 inches,Super AMOLED capacitive touchscreen, 16M
8 MP, 3264×2448 pixels, autofocus, LED flash
Android OS, v4.1 (Jelly Bean)
1.6GHz Quad-Core Exynos
2 GB RAM
Mali-400 ( GPU )

ที่มา : arip

หน้า: [1] 2 3 ... 26