แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - RobotNew

หน้า: 1 ... 222 223 [224] 225 226 ... 228
3346
ข่าว IT / iRing แหวนควบคุมทีวีจาก Apple
« เมื่อ: เมษายน 13, 2013, 06:45:59 pm »
iRing แหวนควบคุมทีวีจาก Apple !! Apple TV เป็นนวัตกรรมที่ตกเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องหลายปีก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน แม้ทีวีจะยังไม่มาแต่ตัวควบคุมกลับมีข่าวหลุดมาแล้วในรูปแบบสวมใส่นิ้วได้                                                                                     

 Brian White นักวิเคราะห์ของบริษัท Topeka Capital กล่าวว่า ตัวเขามีโอกาสได้ร่วมประชุมกับซัพพลายเออร์ของ Apple ในจีนและไต้หวัน และเชื่อว่าทีวีของ Apple จะเปิดตัวในปีนี้ในชื่อ iTV ขนาด 60 นิ้ว อาจรวมถึง 50-55 นิ้วด้วย พร้อมแหวนควบคุมที่เรียกว่า iRing อุปกรณ์ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวจากนิ้วของผู้สวมใส่เป็นนวัตกรรมที่จะมาแทนการใช้รีโมท นอกจากนี้ iTV ยังสามารถควบคุมผ่าน iWatch ได้อีกทางหนึ่งด้วย อีกสิ่งที่จะมาพร้อมกับ iTV คืออุปกรณ์เสริมแบบพกพาที่เรียกว่า mini iTV มีขนาด 9.7 นิ้ว ทำหน้าที่เป็นอีกหน้าจอหนึ่งของ iTV สามารถติดตัวไปได้ภายในบ้าน แต่ต้องอยู่ในระยะ 200 เมตร ซึ่ง mini iTV ยังเชื่อมต่อกับ iTV ได้ถึง 4 เครื่อง ทั้งนี้ Brian White ยังคาดการณ์ว่า iTV น่าจะมีราคาอยู่ 1,500 - 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ และน่าจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ทำกำไรให้กับ Apple ได้อีกมหาศาล อย่างไรก็ตามก็มีนักวิเคราะห์บางรายที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับข้อมูลของ Brian White ว่า Apple ไม่น่าจะมีการเปิดตัวทีวีของพวกเขา เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานนาน ประกอบกับการเลือกพัฒนา Set-top-box ให้มีความสามารถมากกขึ้นน่าจะเป็นหนทางที่ดีมากกว่า                                                                                                                                                                               


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

3347
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ขอแนะนำตัวชาร์ตแบตเตอรี่รุ่นใหม่ 2 รุ่น ที่มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ น้ำหนักเบา รุ่น CP-F1L และ CP-F2L เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพา สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์พกพาอื่นรองรับไลฟ์สไตล์การสื่อสารในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงใจ                                                                                     

 ในรุ่น CP-F1L มีความบางเพียง 9.4 ม.ม. และหนักเพียง 125รัม มีความจุ 3,500 mAh, สามารถชาร์ตสมาร์ทโฟนได้ 1.5 ครั้ง ในขณะที่รุ่น CP-F2L  สามารถจุพลังได้ถึง 7,000 mAh และมีความบางเพียง 12.9 ม.ม. น้ำหนัก 198 กรัม และสามารถชาร์ตสมาร์ทโฟนได้ถึง 3 ครั้ง1 นอกจากนี้ ในรุ่น CP-F2L ยังมีช่องต่อ USB output แบบคู่ จึงสามารถใช้ชาร์ตอุปกรณ์พกพาพร้อมกันได้มากกว่าหนึ่งเครื่อง  ยิ่งกว่านั้น ทั้ง  2 รุ่น ยังเพิ่มคุณสมบัติใหม่ในการชาร์ต โดยสามารถใช้ชาร์ตผ่านสาย USB ที่เสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ค หรือจะชาร์ตตรงกับไฟบ้านผ่าน AC Adaptor ก็สามารถทำได้โดยสะดวกเช่นกัน นอกจากนี้ทั้ง CP-F1L และ CP-F2L ได้บรรจุพลังไฟไว้แล้ว 50% ดังนั้นผู้ซื้อจึงสามารถใช้งานได้ทันทีที่ซื้อ โดยไม่จำเป็นต้องนำไปชาร์ตก่อน ผู้สนใจสามารถหาซื้อ CP-F1L และ CP-F2L ได้แล้ววันนี้ที่ โชว์รูมโซนี่ สโตร์ ร้านโซนี่ เซ็นเตอร์ และร้านตัวแทนจำหน่ายโซนี่ CP-F1L วางจำหน่ายราคา 1,690 บาท และ CP-F2L จำหน่ายราคา 2,990 บาท                                                                                                                                                                                 


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

3348
ข่าว IT / ย้อนอดีต"มือถือ"ครบรอบ 40 ปีแล้ว!!!
« เมื่อ: เมษายน 13, 2013, 05:51:00 pm »
รายการ 60 minutes ทำสกู๊ปพิเศษในวาระครบรอบ 40 ปีของ"มือถือ" (cell-phone) ที่เกิดขึ้นมา และเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถึงวันนี้ โดยในรายการได้สัมภาษณ์ Martin Cooper หนึ่งในผู้สร้างมือถือเครื่องแรกของโลกเป็นผลสำเร็จ เมื่อย้อนกลับไปวันที 3 เมษายน 1973                                                                                     

Martin Cooper มาพร้อมกับ DaynaTAC มือถือทีมีน้ำหนัก 2.2 ปอนด์ (ประมาณ 1 กิโลกรัม) และความยาวของตัวเครื่องอยู่ที่ 10 นิ้ว (ความยาวเกือบเท่ากับไม้บรรทัด) มันเป็นมือถือที่ออกมาก่อนถึง 10 ปีกว่าที่ทาง Motorola จะผลิตมือถือออกมาวางจำหน่ายในตลาด Cooper และเพื่อนของเขาได้จดสิทธิบัตรสำหรับระบบโทรศัพท์คลื่นวิทยุในเดือนตุลาคม 1973 แต่มือถือของพวกเขาไม่ได้วางจำหน่ายจนกระทั่งปี 1983 โดยสนนราคาต่อเครื่องประมาณ 4,000 เหรียญฯ (เทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันก็ประมาณ 120,000 บาท...อุ๊ปส์!!!) สำหรับไอเดียของมือถือเกิดขึ้นที่ Bell laboratories ในช่วงปลาย 1940 ซึ่งในตอนนั้นมีการทำนายกันด้วยว่า การสื่อสารด้วยอุปกรณ์โมบายจะถูกใช้แพร่หลายในอนาคต และ 40 ปีต่อมาก็เป็นจริง

อย่างไรก็ตาม 40 ปีต่อมาหลังจากการเกิดมือถือขึ้นบนโลก พวกมันได้เปลี่ยนจากการสื่อสารด้วยเสียงไปสู่การเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่สามารถใช้เซย์ฮัลโหลได้ เมื่อมือถือเริ่มกลายเป็นสินค้าสำหรับผู้บริโภค ขนาดของมันจึงถูกปรับให้เล็กลงมาเรื่อยๆ ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนหน้ายุค smartphone มือถือที่มีขนาดเล็กลงจนพกพาได้สะดวกอย่าง StarTAC ของ Motorola และอีกหลายๆ รุ่นของ Nokia ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วง 1990 และในปี 2000 เมื่อ BlackBerry เปิดตัว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของมือถือที่ฉลาดกว่าเดิม เพราะไม่ใช่แค่ใช้ฮัลโหลอย่างเดียว แต่รับส่งอีเมล์ได้ด้วย จนกระทั่งในปี 2007 บริษัท Apple ได้ออก iPhone เครื่องแรก ไอเดียของมือถือได้ขยับเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่ใช้โทรศัพท์ได้ก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั่วโลกอย่างท่วมท้น

สำหรับในวาระครบ 40 ปีของมือถือ เรากำลังจะเห็นความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมโมบายอีกครั้งโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เตรียมยกระดับจากมือถือ และสมาร์ทโฟนไปสู่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้สวมใส่ หรือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายผู้ใช้ทีเรียกว่า wearable computing อย่างเช่น Google Glass หรือ Smart Watch (นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ) จาก Apple และ Samsung อย่างไรก็ตาม Cipper คิดว่า มือถือสมัยใหม่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และเชื่อว่า มันยังมีช่องว่างของการพัฒนาอุปกรณ์สื่อสารไร้สายอีกมากมาย เทคโนโลยีที่แท้จริงในความคิดของ Cooper ต้องมองไม่เห็นมันโดดเด่นเป็นตัวตนอย่างทุกวันนี้ เรายังคงทำได้แค่ทำให้พวกมันเล็กลง และเบากว่าคู่มือที่มากับอุปกรณ์พวกนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นยังคงมีช่องว่างของการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีก                                                                                                                                                                               


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

3349
บล็อกอย่างเป็นทางการของ Twitter ประกาศการอัพเดทไมโครบล็อกเวอร์ชันแอพฯบน iOS และ Android โดยเฉพาะเวอร์ชันบนระบบปฎิบัติการ Android จะใช้งานไหลลื่น หรือมีความเป็นแอพมากกว่าเว็บ ในขณะที่เวอร์ชันบน iOS จะมีการยกเครื่องการทำงานให้สามารถแสดงชนิดของคอนเท็นต์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น เมื่อคลิกขยายข้อความทวีต                                                                                     

ทวิตเตอร์ (Twitter) แอพฯ เวอร์ชันล่าสุดพร้อมกับมีการอัพเดททั้งการออกแบบ และการทำงาน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ได้สะดวกกว่าเดิม แถมยังช่วยให้การค้นหาชื่อผู้ใช้ และแฮชแท็กทีเกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ทางบริษัทได้เปิดเผยในบล็อกเมื่อวานนี้ระบุว่า ทวิตเตอร์ยังได้ออกแบบใหม่สำหรับ Twitter app เวอร์ชันบน Android เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่มีความเป็นแอพมากกว่าเว็บเพจ พร้อมกันนี้ยังเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลไทม์ไลน์ทั้งความสูง และความกว้าง แถบนำร่องการใช้งานที่เรียบง่าย คุณสมบัติการแตะค้างบนเมนูเพื่อเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่า ถ้าคุณใช้ Twitter บน Android ก็ไม่ควรพลาดที่จะรีบอัพเดทเป็นการด่วน 

ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ Twitter บน Android ล่าสุดยังสามารถเข้าถึงแท็บต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพียงแค่ลากนิ้วผ่านหน้าจอ และเมื่อพิมพ์ข้อความทวีต หรือทำการค้นหา คุณยังจะได้รับการแนะนำชื่อผู้ใช้ และแฮชแท็ก (hashtag) ให้อีกด้วย ส่วนเวอร์ชันบนอุปกรณ์ iOS และการใช้บริการผ่าน mobile.twitter.com ในเวอร์ชันล่าสุดจะสามารถแสดงขยายข้อความทวีตเพื่อเข้าถึงแกลอรี่รูปภาพ แอพฯต่างๆ และรายการผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ Twitter เวอร์ชันใหม่ยังจะมีการแสดงลิงค์ใต้คอนเท็นต์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพต่างๆ อย่างโฟร์สแควร์ หรือพาธ หากต้องการใช้เพื่อแชร์ข้อมูลข่าวสารผ่านทวิตเตอร์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า การอัพเดทเวอร์ชันครั้งนี้ ทางบริษัทจัดเต็มให้กับผู้ใช้อย่างแท้จริง                                                                                                                                                                               


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

3350

 ถูกนางเอกรุ่นพี่ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต แอบแชะรูปคู่หนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ กับสาว ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ตอนกำลังกะหนุงกะหนิงอยู่หลังเวทีงาน “ซุป’ตาร์ ปาร์ตี้ฉลอง 43 ปีช่อง 3” ก็เลยทำเอาหลายคนแอบสงสัยว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ๆ พอมีโอกาสเจอตัวสาวญาญ่า เจ้าตัวเลยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
    
    “อ๋อ! พี่เขากำลังแกล้งหนูอยู่ คือเราแต่งหน้าตรงที่นั่งแถวเดียวกันค่ะ ถ้าหนูไม่คุยกับพี่ณเดชน์หนูก็ไม่มีคนคุยแล้ว ถามใครก็ได้ที่อยู่ในห้องนั้น โดนแกล้งหมด ส่วนที่หลายคนมองว่าเหมือนชมพู่ออกมาคอนเฟิร์มในความสัมพันธ์เลย ก็ไม่ค่ะ หนูสนิทกับพี่ณเดชน์พอสมควร เพราะว่าทำงานด้วยกันบ่อย มันก็ต้องมีการคุยกันบ้างอะไรบ้าง ถามว่าเขินไหม หนูว่าหนูไม่ค่อยเขินนะ แรก ๆ น่ะเขิน แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้วค่ะ (หัวเราะ)”
    
    “ส่วนกระแสในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กว่ามีกระแสข่าวเกาเหลากับคิมเบอร์ลี่รอบสองอีกแล้ว ก็อย่าเลยค่ะ คิมเป็นคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด เป็นคนที่หนูปรึกษาได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอย่ามาทำข่าวเกาเหลากันเลยค่ะ เขาเป็นเพื่อนที่หนูรักมากจริง ๆ ถามว่ามีเครียดไหมที่ข่าวไม่หยุดสักที มันก็ปกตินะคะ หนูก็เจอข่าวแบบนี้บ่อยเหมือนกัน เราก็พยายามไม่คิดนะ ทั้งสองคนก็รู้ว่าอะไรเป็นยังไง มันไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรค่ะ”.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3351

 เห็นสาว มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วเพื่อนชายคนสนิทอย่าง ภูผา เตชะณรงค์ ก็ตามไปให้กำลังใจด้วย งานนี้สาวมิ้นต์เลยแจงว่าไปกันหลายคน ไม่ได้สวีทอะไรเป็นพิเศษ แต่ฝ่ายชายก็มีซื้อเสื้อหนาวให้ ส่วนความสัมพันธ์เจ้าตัวก็บอกว่าอยากศึกษาไปเรื่อย ๆ ไม่อยากรีบร้อน และหากใครมีโอกาสได้เจอคนที่ใช่กว่าก็ยินดี  มิ้นต์ เผยว่า “มิ้นต์ไปทำงานมา อยู่ประมาณ 5 วันได้เที่ยวด้วยหลังเสร็จงาน ภูผาไปอยู่แล้วกับแก๊งพี่ต้อง-จุลวุฒิ ก็มีได้ไปด้วยกันบางที่ มีไปกับพี่มาร์กี้-ราศี, พี่ต้อง-จุลวุฒิ, พี่จ๋า-ยศสินี และสามี พี่เปิ้ล เยอะมาก ส่วนที่คนมองว่าไปเป็นคู่ ๆ เลย หนูไปกับคุณแม่และน้องชายค่ะ ถือเป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมภูผา สนุกดี หนูได้เที่ยวน้อย อยู่ในฮาราจูกุ ชินจูกุ” คนจับตามองว่าน่ามีรูปถ่ายคู่กันด้วย? “ยังไม่มีรูปคู่ค่ะ ส่วนใหญ่ถ่ายกันหลายคน จริง ๆ เหมือนเราคบแบบเป็นเพื่อนกันไปก่อน หนูไม่ได้ปิดกั้นตัวเองแต่เรายังไม่อยากจะเปิดตัว อยากเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ จริง ๆ ก็ไม่กล้าลงภาพคู่ เพราะคนชอบจับตามอง แล้วเราก็ไม่รู้จะลงทำไม ชอบลงรูปตัวเองมากกว่า ส่วนตอนนี้เรียกว่าศึกษาดูใจกันอยู่ไหม คือไม่ได้เรียกว่าศึกษาเต็มร้อย ค่อย ๆ คุยกันไปดีกว่า ถ้าต่างคนต่างเจอใครก็เปิดโอกาสให้กันได้”
    
    ไปญี่ปุ่นภูผามีซื้อของอะไรให้หรือเปล่า? “เขามีซื้อเสื้อกันหนาวให้ ตอนแรกไปไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ ตอนแรกที่ไปคิดว่าประมาณ 20 องศา พอไปถึงหนาวมาก 6 องศา เขาก็เลยซื้อให้ ก็สวยดี ส่วนเราได้ซื้ออะไรให้เขารึเปล่า ก็ไม่ได้ซื้อเลยค่ะ ถามว่ามีมุมสวีทบ้างไหม ไม่มีอะไรสวีทเลย ถามว่าเขาผ่านด้านคุณแม่และน้องชายหรือยัง คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านเฉย ๆ ส่วนน้องชายจะหวงมาก ทริปนี้น้องชายไปด้วย ตัวเราไม่ได้โฟกัสอะไร ถามว่าถ้าศึกษากับภูผาจริง ๆ คุณแม่จะโอเคไหม คือคุณแม่เขาก็ช่วย ๆ ดู เรียกว่าเป็นหูเป็นตาค่ะ”.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3352

 เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ออกปากว่าหาเวลาเจอกันยากสุด ๆ จนมีข่าวว่าทั้งคู่มีปัญหากัน สำหรับ แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และ แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา แต่ล่าสุดทั้งคู่ได้มาร่วมงานมหกรรมฟุตบอลฉลอง 43 ปี ช่อง 3 “ซุปตาร์ ปาร์ตี้” ที่ราชมังคลากีฬาสถานด้วยกัน เลยต้องอัพเดทความสัมพันธ์ พร้อมถามแพลนไปสวีทเติมรักกันซะหน่อย ว่าจะมีบ้าง มั้ย               
    
    แดน เผยว่า “วันนี้น้องเขามาทำงาน เราก็เคยร่วมงานกับช่อง 3 ด้วย เลยเป็นโอกาสดีที่มาร่วมงานเดียวกัน ล่าสุดเพิ่งเจอกันที่งานเลี้ยงของสหมงคลฟิล์ม ส่วนใหญ่จะเจอตามงาน แต่ถ้านัดกันเองน้อยครับ เพราะแบบนั้นเหมือนเราต้องใช้เวลาทั้งวัน แล้วเราไม่ค่อยมีเวลาว่างเต็มวัน ส่วนใหญ่งานไหนที่สามารถไปได้สบาย ๆ ก็จะหาโอกาสมาเจอกัน” แพทตี้งอนบ้างมั้ย แดนทำงานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา? แพทตี้ : “ไม่มีงอน ไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ ยังไงก็ได้ มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์ก็โอเคแล้ว” ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าห่าง ๆ กัน? แพทตี้ : “ก็มีคุยว่ามีข่าวแบบนี้ออกมานะ ก็ปกติ ไม่มีอะไร” แดน : “มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ห่าง ๆ กันมาตั้งแต่แรก หมายถึงว่าต่างคนก็ต่างทำงานหนักอยู่แล้วครับ ช่วงสวีทก็นาน ๆ ทีครับ เวลาว่างเต็มวันพร้อมกันที ดูหนังก็ดู 3 เรื่อง จองทีเดียว ดูหนังเสร็จ ออกมาทานข้าว กลับไปดูหนังต่อ” แพทตี้รีบแทรกว่า “แต่บ่อยแบบนี้ก็ไม่เวิร์กนะ (หัวเราะ) ถามว่าเราอยากให้เขาพาไปไหนมั้ย ก็ไม่หรอกค่ะ จริง ๆ ไม่ได้ซีเรียส อย่างพี่แดนชอบดูหนัง หนูเองก็ชอบดูหนังเหมือนกัน การที่มีเวลาไปดูหนังก็ดีแล้ว เราก็เอ็นจอยกับการดูหนังอยู่แล้วค่ะ” แดน : “ส่วนจะไปไหนด้วยกันอีกยังเลยครับ เพราะว่าอาจจะเปิดซีรีส์บางอย่างอีก ก็ยังไม่ได้ว่าง ๆ ยาว ๆ ขนาดนั้น เลยจะไม่ได้แพลนยาวขนาดนั้น ถามว่าถึงไม่เจอกันแต่เราก็ยังเข้าใจกันมั้ย มันก็ดีครับ ผมว่าเราเหมือนทางเดียวกัน เวลาที่คุยเรื่องอะไร ก็หัวเราะในสิ่งเดียวกัน ไม่ชอบสิ่งเดียวกัน ฉะนั้นคือการคุยกันนิดเดียวมันก็สบายใจ เหมือนซัพพอร์ตในเรื่องความรู้สึกแล้ว ไม่ได้เจอกันนาน ๆ แต่เราก็อาศัยคุยกันทางโทรศัพท์ เดี๋ยวนี้ก็มีในเรื่องของการสื่อสารที่เห็นหน้า คุยง่าย สะดวกขึ้นครับ”.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3353

 อยู่ ๆ นางเอกสาว คิม-คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ก็ขึ้นอินสตาแกรม ทำนองเหมือนทำให้คนอื่นผิดหวัง ต่อด้วยบางเรื่องไม่ต้องตัดสินใจเอง แต่ควรปล่อยให้เวลาจัดการ เหมือนมีปัญหากับหวานใจผู้จัดฯ อย่าง เจ็ท-ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช แถมหนุ่มคู่จิ้นอย่าง หมาก-ปริญ สุภารัตน์ ก็โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมเหมือนปลอบใจสาวคิม คนเลยคิดไปกันใหญ่ว่าบางทีคิมอาจจะปันใจให้หมากเกินคำว่าคู่จิ้น งานนี้เลยต้องให้สาวคิมเคลียร์สักหน่อย
    
    คิม เผยว่า “กับพี่เจ็ทไม่มีอะไรเลยค่ะ แฮปปี้ดีอยู่ ถามว่าช่วงนี้ก็ห่างกันด้วย มีทะเลาะกันไหม ไม่มีเลย เราก็เป็นพี่น้องที่สนิทที่สุด เรายังคุยกันเหมือนเดิม แต่ว่าทุกอย่างอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราจะยังไง แต่ตอนนี้เรายังมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน” เห็นมีขึ้นรูปว่าเราทำให้เขาต้องผิดหวัง? “ไม่จริง พอข่าวออกมาเราก็ย้อนกลับไปดูว่าเราหมายถึงใครรึเปล่า ลองดูในมุมคนอื่นจะมองยังไง แต่เราไม่ได้ด่าหรือกระทบกระเทือนใคร เราแค่ขึ้นมาเพราะว่าเราชอบ ช่วงนี้ทะเลาะกับที่บ้านด้วย ก็เลยนอยด์นิดหน่อย” หมากก็ขึ้นรูปคนจับมือกันต่อด้วยคนเลยจับมาโยงกัน? “ต้องไปถามหมากค่ะว่าเขายังไง เราไม่ได้ถามเขาด้วย เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาค่ะ เขาเป็นคนติสต์อยู่แล้ว คิดว่าคงไม่น่าจะมีอะไร”
    
    ทะเลาะกับที่บ้านมีปัญหาอะไร? “เป็นปัญหาครอบครัวค่ะ เขาก็น้อยใจว่าเราไม่มีเวลาให้ ทุกคนมาเจอพร้อมหน้าพร้อมตากันหมด เราเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไป ก็น้อยใจกันไปแค่นั้นค่ะ” คนมองว่าเราเกินคำว่า “คู่จิ้น” เพราะหมากไปไหนก็แทคคิมเบอร์ลี่ตลอด? “เราเจอหน้ากันทุกวัน หันหน้าไปก็เจอพี่หมาก ก็อาจจะทำให้คิดกันไปได้ ถามว่ามีอะไรทำให้เราอินนอกบทไหม ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกัน พี่หมากเป็นพี่ชายที่น่ารัก นิสัยเขาน่ารักอยู่แล้ว ถ่ายด้วยกันมากี่เรื่องแล้ว ก็เลยทำงานง่าย เรื่องอะไรก็แล้วแต่ คิมก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ดี” เราใกล้ชิดกันมากจนทำให้เจ็ทหึงบ้างไหม? “ไม่หึงเลยค่ะ หมากก็เป็นพระเอกของพี่เจ็ทเหมือนกัน ตอนนี้เขาก็ถ่ายละคร “ต้นรักริมรั้ว” อยู่ กับพี่เจ็ททุกอย่างยังโอเค”.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3354

 เป็นนางเอกสาวสุดฮอตที่ไม่ว่าจะทำอะไรคนต้องจับตามองสำหรับสาว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่าช่วงนี้ที่สาวอั้มไม่ค่อยรับงานละครเพราะจะผันตัวเองไปเป็นผู้จัดละครตามรอยเพื่อนซี้ เมย์ เฟื่องอารมย์ ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาวอั้มที่งาน
    
    อั้ม กล่าวว่า “ช่วงนี้ไปโชว์ตัวต่างจังหวัดก็มีคนมารอเจอเยอะ เราก็มีความสุขนะ เรื่องงานละครก็คงอีกสักพัก แต่จะตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะยังมีโชว์ตัวต่างจังหวัด ละครก็ติดต่อมาเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้อั้มยังพักอยู่ แต่อั้มได้ยินมาว่ามีกระแสข่าวว่าอั้มจะผันตัวไปเป็นผู้จัดละครเหมือนพี่เมย์ ใช่มั้ยคะ ตอนนี้ไม่เคยคิดเลย แต่ต่อไปเราก็ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เรายังแฮปปี้กับการทำงานค่ะ ถามถึงข่าวกับแอมป์คนบอกว่าพอมาคบแอมป์แล้วเราปรับลุคหวานมากขึ้นเหรอคะ ไม่นะคะ จริง ๆ เป็นคนหวานอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับอะไรเลย เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว รู้จักกันมาก็หลายปีแล้ว คบกับใครเราก็เป็นตัวของตัวเองหมดเลย เพราะถ้าจะคบกับใครสักคนถ้าไม่เป็นตัวของตัวเองก็คงไม่ไหว หลายคนก็ถามอั้มเมื่อไหร่จะมีข่าวดี แต่เรายังไม่ได้คิดเลย ขอทำงานเก็บเงินก่อน หมอดูก็ฟันธงเยอะว่าสิ้นปี แต่เราอยากเก็บเงินก่อน ตอนนี้ยังรู้สึก ตัวเองเด็กและวัยรุ่นอยู่ตลอดเลยไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลยค่ะ แอมป์เองเขาก็ไม่เคยมาถามเรา ถามว่าหวงความโสดไหม ไม่ได้หวง แต่เราหวงเงินไง เรายังมีงานทำงานได้ แต่งงานไปเงินก็ต้องหายอยู่ดี ครอบครัวเราสองฝ่ายแม่อั้มไม่เคยถามเลย แม่ยังเห็นเราเด็กตลอดเวลาด้วย”.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3355

 สุดท้ายรสาตัดสินใจไม่ร่วมเดินทางไปกับพวกปวรรุจ เอื้อย อ้าย แอบเสียดายที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับอั๋นและปกรณ์ สามสาวต้องลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟกันเอง ระหว่างทางทั้งสามเห็นมีร้านกาแฟและขนมเล็ก ๆ ข้างทาง จึงพากันเข้าไปนั่งพัก อ้ายเอื้อยพอรู้ว่าภัทรพนักงานในร้านเป็นคนไทยที่มาเรียนหนังสือที่สวิสก็รีบชวนคุยเป็นการใหญ่
    
    “ฉันหนูเอื้อย หนูอ้าย และนี่ท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์”
    
    “หนูเอื้อยน่ะไปบอกเขาทำไม” 
    
    “ไหน ๆ บอกไปแล้วก็บอกไปเถอะ นี่....ท่านหญิงจริง ๆ นะเราไม่ได้หลอกคุณเล่น”
    
    “กระหม่อมขอต้อนรับท่านหญิงที่เสด็จมาร้านเล็ก ๆ ของกระหม่อมขอรับ”
     
    ระหว่างแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม อั๋นจับได้ว่าอิ่มแอบขโมยกระเป๋าสตางค์ของสามสาวมา อิ่มกลัวปวรรุจกับปกรณ์จะรู้ความจริง อั๋นต้องช่วยโกหกว่าเก็บกระเป๋าสตางค์ได้ในรถ ปกรณ์กับปวรรุจนึกเป็นห่วงสามสาว รีบชวนกันขับรถย้อนกลับไปตามหา
     
    สามสาวดื่มกาแฟ ทานขนมเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเรียกภัทรมาเช็กบิล รสาเปิดกระเป๋าสะพายของตน แล้วควานหากระเป๋าสตางค์ แต่ไม่เจอ ทั้งกระเป๋าสตางค์ของตนเอง และของฝาแฝดที่ฝากไว้ ภัทรเดินมาเช็กบิล อ้ายรีบแก้สถานการณ์ด้วยการสั่งขนมมาเพิ่มเพื่อถ่วงเวลา พอเห็นภัทรกำลังยุ่งอยู่กับลูกค้าในร้าน อ้ายก็รีบฉุดรสากับเอื้อยวิ่งหนีออกไปจากร้านทันที ภัทรหันมาเห็นรีบวิ่งตามสามสาวไป
    
    สามสาววิ่งไปถึงทางแยก รสาวิ่งนำมา พอพ้นแยกรสาเลี้ยวเข้าตัวตึกเก่าโบราณ แต่อ้ายและเอื้อยไม่รู้ วิ่งเลยไป ภัทรวิ่งตามแฝดทิ้งระยะไม่มาก  รสาหลบอยู่ในตัวตึกที่ดูทึบทึมน่ากลัว
    
    อ้ายเอื้อยวิ่งไปเจอปกรณ์กับอั๋นที่วิ่งมาตามหาสามสาวพอดี ภัทรวิ่งตามมาทัน ปกรณ์กับภัทรรู้จักกันเพราะภัทรเคยทำงานที่ร้านปกรณ์มาก่อน อ้ายขอให้ปกรณ์ช่วยคุยกับภัทรให้ ภัทรมีท่าทีอ่อนลงเมื่อรู้จากปกรณ์ว่าสามสาวทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ในรถปกรณ์
     
    รสาเดินฝ่าความมืดเข้าไปในตัวอาคาร เห็นแสงสว่างรำไรอยู่ที่ปลายทาง รสาเดินตรงไปที่ปลายทางนั้น เสียงฝีเท้าสะท้อนก้อง รสาเริ่มหวาดหวั่น ภาพเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่ถูกปวรรุจแกล้งหลอกให้เดินหลงไปในบ้านร้างหลังวังอรุณรัศมีผุดขึ้นมาในหัว ปวรรุจตามมาเจอรสาเข้าพอดี รสาผวาเข้ากอดร่างปวรรุจไว้ ซบหน้ากับแผงอก
    
    “พี่ชาย ช่วยด้วย ช่วยรสาด้วย พี่ชายอย่าแกล้งรสาแบบนี้อีก รสากลัวความมืดพี่ชายก็รู้ รสาจะไม่ดื้อกับพี่ชายอีกแล้ว”
    
    ปวรรุจกอดหญิงสาวไว้ รสาค่อย ๆ ได้สติกลับคืนมา ปวรรุจช่วยประคองพารสาออกไปจากตัวอาคาร
    
    “เห็นไหม ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด”
    
    “น่าอายจังที่ฉันกลัวจนขาดสติแบบนี้”
    
    “เธอร้องเหมือนเด็ก ๆ คงเป็นวัยเด็กของเธอละมัง เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”   “เรื่องของฉันมันก็แค่เรื่องเด็ก ๆ ไร้สาระแค่นั้น” “แต่มันต้องสำคัญกับเธอมาก และการที่เธอได้ระบายมันออกมามันอาจจะช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายกับมันมากขึ้น”
    
    “คุณชายอยากฟังจริง ๆ เหรอคะ”
    
    “จริงซี ฉันอยากฟังเรื่องทั้งหมด รวมทั้งเรื่องของพี่ชายของเธอที่แกล้งเธอนั่นด้วย”
    
    รสายิ้มและเริ่มเล่า “ค่ะ พี่ชายคนนั้นเขาไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของฉันหรอก แต่เขาก็เป็นพี่ชายคนเดียวที่ยอมเล่นกับฉัน ทั้ง ๆ ที่เขารู้ว่าการมาเล่นกับเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างฉัน  มันน่าเบื่อแค่ไหน”
     
    ภัทรพาทุกคนกลับมาที่ร้าน อ้ายกับเอื้อยนึกเป็นห่วงรสาจะออกไปตามหา แต่ปกรณ์กับอั๋นบอกให้รออยู่ที่ร้านก่อนดีกว่า เพราะปวรรุจก็หายตัวไปด้วยเหมือนกัน ถ้าออกไปตามหากลัวจะคลาดกันอีก ทางร้านคิดค่าปรับสามสาวเป็นเงินสามเท่าของราคาอาหาร อ้ายบอกให้รอรสามาก่อนถึงจะมีเงินจ่าย ปกรณ์รีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายค่าอาหารแทนสามสาว อ้ายยิ้มดีใจ มองปกรณ์อย่างเทิดทูน
     
    รสาเล่าเรื่องราวครั้งอดีตให้ปวรรุจฟังต่อเนื่องจนจบ ปวรรุจนึกถึงเรื่องของตนเองกับท่านหญิงแต้วขึ้นมาทันที
    
    “เรื่องราวของเธอมันคล้าย ๆ เรื่องของฉันเหมือนกันนะ เรื่องของฉันกับพระองค์หญิงองค์น้อยองค์นึง”
    
    รสามองปวรรุจอย่างคาดหวัง “ใครคะ”
    
    “หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์  หรือที่เรียกกันว่า ท่านหญิงแต้ว”
    
    “แล้วเรื่องมันคล้ายกันยังไงคะ”
    
    “ฉันเคยแกล้งหญิงแต้ว พาเข้าไปในตึกร้างหลังวังท่านหญิงน่ะซี เหมือนเรื่องของเธอเลย”
    
    “เหรอคะ แล้วเกิดอะไรขึ้น” ปวรรุจเล่าให้รสาฟังว่าตอนเด็กเขาหลอกพาท่านหญิงแต้วเข้าไปในตึกร้าง ท่านหญิงแต้วเดินไปเจองูในตึกร้าง แม้ปวรรุจจะกลับมาช่วยไม่ให้ท่านหญิงแต้วโดนงูกัดได้ แต่ท่านหญิงแต้วก็กลัวมาก จนถึงกับเป็นลมล้มพับไปทันที
    
    “ฉันรู้สึกผิดมากจนถึงทุกวันนี้ ที่แกล้งหญิงแต้วจนเธอหมดสติไป ฉันน่าจะดูแลหญิงแต้วให้ดีตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่” 
    
    “คุณชายบอกเองว่าหญิงแต้วดื้อและเอาแต่พระทัย เล่นด้วยไม่สนุกนี่คะ”
    
    “ก็ใช่....แต่ฉันก็ไม่ควรแกล้งท่านหญิงให้ทรงเข้าไปในที่อันตรายอย่างนั้น ถ้างูตัวนั้นฉกกัดท่านหญิง และท่านหญิงเป็นอะไรไป ฉันคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองอีกเลย”
    
    รสายิ้มปลื้ม “คุณชายจำทุกอย่างของท่านหญิงได้เหรอคะ”
    
    “ไม่เคยลืม ยิ่งวันสุดท้ายที่ฉันได้เจอท่านหญิง และรู้ความจริงบางอย่างฉันยิ่งไม่มีวันลืมท่านหญิงอีกเลย”
    
    “ความจริงอะไรคะ”
    
    ปวรรุจกำลังจะเล่า ปกรณ์วิ่งเข้ามาขัด จังหวะเสียก่อน “คุณชาย คุณรสา โธ่....มาอยู่ที่นี่เอง”
    
    “หนูอ้าย หนูเอื้อยล่ะคะ”
    
    “รออยู่ที่ร้านแล้วครับ เคลียร์ค่าปรับให้เรียบร้อยแล้ว ไปเถอะ”
    
    ทั้งสามเดินกลับร้าน รสาเสียดายที่ไม่ได้ฟังเรื่องของปวรรุจต่อ
     
    แม้ปกรณ์จะช่วยเคลียร์เรื่องค่าอาหารให้แล้ว แต่ภัทรยังไม่พอใจสามสาวอยู่ดี พอสามสาวมาขอใช้ห้องน้ำ ภัทรตัดสินใจพูดออกมา
    
    “ผมขอเตือนหน่อย อย่าไปหลอกชาวบ้านเขาแบบนี้ โดยเฉพาะคนไทยอย่างผม”
    
    “เอ๊ะ คุณพูดเรื่องอะไร”
    
    “ก็เรื่องที่คุณอ้างว่าคุณเป็นท่านหญิงน่ะซีครับ คุณรสา ถึงผมจะอยู่ไกลบ้านไกลเมือง ผมก็ไม่ใช่ไอ้โง่ที่พวกคุณมาหลอกกันได้ง่าย ๆ เชิญเข้าห้องน้ำ แล้วรีบออกไปจากร้านผมเลยครับ”
    
    สามสาวอ้าปากค้าง ปวรรุจมองตรงมาที่รสา รสาอึ้งพูดไม่ออก พอภัทรเดินไปแล้ว ปกรณ์ก็รีบหันไปถามสามสาว
    
    “พวกคุณหลอกนายภัทรว่าเป็นท่านหญิงเหรอ”
    
    “เออ....คือ เราพูดเล่นกันน่ะค่ะนายภัทรมาได้ยินเข้าก็คิดเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเรื่องจริง”
    
    “แต่ก็ไม่สมควรไปหลอกเขาแบบนั้น”
    
    รสาหลบตาปวรรุจที่มองมาอย่างดุ อ้าย เอื้อยเจื่อนไป
    
    “รสา ขอคุยส่วนตัวสักเดี๋ยวเถอะ”
    
    ปวรรุจเดินนำไป รสาตามไป แฝดและ ปกรณ์มองตามอย่างเป็นห่วง
    
    “ฉันไม่นึกว่าเธอจะชอบเล่นตลกแผลง ๆแบบนี้”
    
    “ยังไงคะ”
    
    “ก็อ้างตัวเป็นท่านหญิงน่ะซี”
    
    “อ้าย เอื้อยแกล้งพูดเล่นขึ้นมา เขาไม่ได้ตั้งใจ”
    
    “แต่เธอก็รับสมอ้างไม่ใช่เหรอ ถ้ามีคนเข้าใจผิดเธอก็ควรจะรีบแก้ไขเสีย เรื่องพระยศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เธอไม่ควรเอามาล้อเล่น”
    
    “เหรอคะ ที่คุณชายเตือนฉัน เพื่อให้ฉันเคารพในตัวคุณชายมากขึ้นกระมัง  ให้สมกับความเป็นหม่อมราชวงศ์ของคุณชาย”   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3356

 มัทนาอึ้งปนโกรธ หน้าเริ่มฉุนขึ้นมา ตวันพูดหน้านิ่ง “เพื่อนฉันเป็นคนฉลาด แต่ยังมีจุดอ่อนที่ไม่ทันผู้หญิงหน้าซื่ออย่างเธอ ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนฉันต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก เพราะฉะนั้น แม่นักข่าวเจ้าแผนการ อย่าพยายามปั่นหัวเพื่อนฉันเพื่อจะได้เรื่องราวที่เธอต้องการอีกเลย ถ้าเธอไม่หยุด ฉันซัดเธอไม่ยั้งแน่”
    
    จากไม่พอใจกลายเป็นโกรธ มัทนาโพล่งออกมา “น่าเกลียด ในใจคุณมีแต่เรื่องสกปรก คิดอกุศล” ตวันอึ้ง ไม่คิดว่ามัทนาจะกล้าด่าต่อหน้าตนขนาดนี้ มัทนายังไม่หยุด “ถามหน่อยเหอะ คุณเคยคิดกับคนอื่นดี ๆ มั่งมั้ย”
    
    “ฉันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรดี ๆ ฉันจะคิดแต่สิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น”
    
    “ความจริงอะไรของคุณ”
    
    “ความจริงที่คุณกำลังใช้เสน่ห์ ใช้สายตาซื่อ ๆ ใช้สีหน้าเหมือนเด็กหลงทางผู้น่าสงสาร หลอกล่อให้คนของฉันเล่าเรื่องที่เธออยากรู้น่ะสิ เธอกำลังใช้ความเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางน่าสงสาร หาข่าวที่ต้องการอยู่ใช่มั้ยมัทนา”
    
    “เรื่องของคุณไม่มีค่าพอที่ฉันจะต้องเร่ขายตัวเพื่อให้ได้มันมาหรอกนะ ฉันเป็นนักข่าว ไม่ใช่โสเภณี” มัทนาโกรธจัด พูดพร้อมดึงหมอนพิงหลังออกมาฟาดใส่ตวันอย่างแรง ตวันจับหมอนดึงกระชากแย่งมา ความที่แรงทั้งสองฝ่าย มัทนาเสียหลักถลามาตามหมอน พลาดลงมายืนข้างเก้าอี้ แต่ขาเจ็บ ทำให้ทรุดฮวบไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาตวัน ตวันหน้าตายไม่ได้ช่วยประคองแต่อย่างใด แต่กลับโยนหมอนในมือใส่มัทนาซ้ำให้อีก
     
    เขตต์ตวันจ้างพยาบาลมาดูแลมัทนาอย่างดี จนเธอหายเป็นปกติ ส่วนมีคณาได้เจอกับหิรัณย์โดยบังเอิญขณะเขากำลังปฏิบัติหน้าที่
    
    “ถอยไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับเด็กคนนี้ ถ้าแกก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันจะเรียกตำรวจ”
    
    “คุณนั่นแหละอย่ายุ่ง ถอยออกไป ผมมีธุระกับเด็กคนนี้”
    
    “อย่าเข้ามานะ ฉันร้องจริง ๆ ด้วย” เด็กสาวที่หลบอยู่หลังมีคณาหาจังหวะหลบหนี หิรัณย์จะเข้าไปจับตัว แต่ถูกมีคณาใช้หนังสือพิมพ์ฟาดใส่ไม่ยั้งพร้อมตะโกนลั่น “ช่วยด้วยค่ะ คนร้าย มันจะทำร้ายฉันกับเด็ก”
    
    “โธ่โว้ย ผู้หญิงนี่ หยุดซะทีได้มั้ยคุณ”
    
    “ไม่หยุด ไอ้ผู้ร้ายหลอกเด็ก ไอ้...โอ๊ย”
    
    หิรัณย์เหลืออดคว้ามือมีคณามาบิดล็อกไว้ เด็กสาวสบโอกาสวิ่งหนีทันที หิรัณย์กระซิบข้างหูมีคณา “หยุดนะคุณ เดี๋ยวแขนก็หักหรอก”
    
    “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเรียกตำรวจที”
    
    “หุบปากซะทีได้มั้ย ผมนี่ล่ะตำรวจ” มีคณาชะงักเล็กน้อย “แล้วคุณก็กำลังขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่รู้ตัวมั้ยคุณแว่น”
    
    มีคณาโกรธ “ถ้าแกเป็นตำรวจ ฉันก็เป็นรัฐมนตรีหญิงแล้วล่ะ ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อย” ตำรวจนอกเครื่องแบบหญิงและชายวิ่งฝ่าไทยมุงมาหาหิรัณย์ มีคณาดีใจที่มีคนมาช่วย
    
    “ไอ้คนนี้จะล่อลวงเด็กไปขาย คุณช่วยเรียกตำรวจที”
    
    “คนนี้เหรอคะสารวัตร” ตำรวจหญิงถามอย่างแปลกใจ “เห็นสายบอกเป็นเด็กสิบห้าสิบหก ทำไมสาวขนาดนี้ หรือว่ามีสองราย”
    
    “อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นแม่ค้าล่ะ เธอเป็นรัฐมนตรีหญิง”
    
    มีคณาชะงักปนเจ็บใจที่ถูกหิรัณย์แขวะ “เธอคงคิดว่ากำลังออกตรวจราชการอยู่ เลยต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชน” พูดจบหิรัณย์คลายมือออกจากมีคณา
    
    “คุณเป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ”
    
    “จะตรวจบัตรประจำตัวมั้ยครับ”
    
    “ฉันขอโทษ เด็กคนนั้นท่าทางกลัวมาก”
    
    “กลัวถูกจับน่ะสิ ในกระเป๋านั่นมียาบ้าไม่รู้กี่เม็ด อาจจะถึงพัน”
    
    “ท่าทางเธอยังเด็ก”
    
    “เด็กแค่ตัวน่ะสิ คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากจะเล่นบทรัฐมนตรีหญิงอีกล่ะก็ กรุณามองตาม้าตาเรือหน่อย”
    
    “ฉันบอกแล้วไงว่าขอโทษ ขอโทษ...ก็ท่าทางคุณไม่เหมือนตำรวจนี่คะ”
    
    “คุณพูดเหมือนรู้จักตำรวจดีงั้นล่ะ”
    
    “ดีกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน”
    
    “เอาอาวุธคุณคืนไป”
    
    มีคณารับหนังสือพิมพ์คืนมา “ขอบคุณค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้คนร้ายของคุณหนีไปได้”
    
    “ไม่เป็นไร คราวหน้าระวังกว่านี้นิดนึงแล้วกัน ถ้าโดดเข้าช่วยใครแบบถวายหัวยังงี้ คุณเองที่จะเดือดร้อน”
    
    “ฉันจะจำคำสอนคุณไว้ค่ะ ไปได้แล้วใช่มั้ยคะ ต้องรีบไปรับคุณแม่”
    
    “เชิญครับ”
     
    เขตต์ตวันเข็นรถพยาบาลเข้ามาพามัทนาออกไปสูดอากาศนอกบ้าน มัทนาดีใจ
    
    “ฉันรู้ว่าตอนนี้งานคุณยุ่งมาก แต่ยังต้องเจียดเวลามาคุมฉันอีก เอ๊ย...ดูแลฉันอีก...คุณเอางานมาออกแบบด้วยก็ได้นะคะ ฉันไม่แอบดูงานคุณหรอก”
    
    “รู้สึกว่าเอกชัยจะพูดมากเกินไป”
    
    “เพราะคุณเอกมั่นใจว่าฉันไม่ปากโป้งเที่ยวเอาเรื่องที่เค้าพูดไปขยายต่อน่ะสิคะ เค้าถึงได้บอกฉัน”
    
    “มั่นใจซะจริงนะสาวน้อย อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หน่อยเลย เรื่องพวกนี้เป็นอาหารอันโอชะของพวกคุณอยู่แล้วนี่ จะอดใจไหวเรอะ”
    
    น้ำเสียงหยามหยันของเขตต์ตวัน ทำมัทนาฉุนสวนกลับทันควัน
    
    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเติบโตและมีประสบการณ์ในการไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นแค่ไหน แต่ฉันถูกสอนมาแต่เด็กว่า พูดอะไรแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่พูด คนที่ผิดคำพูดหรือพูดปัด ๆ ไปให้พ้นตัว ก็เหมือนกับคนไม่มีศักดิ์ศรี ไม่เคารพตัวเอง ถ้าทำไม่ได้อย่าพูดเลยจะดีกว่า”
    
    “ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง เมื่อฉันไม่เคยรู้จักเธอ เธอจะพูดยังไงก็ได้”
    
    “ใช่สิ อย่าว่าแต่ฉันเลย คุณไม่มีทางได้รู้ จักใครหรอก ถ้าคุณมัวแต่สร้างกำแพงปิดกั้นตัวเอง เอาแต่ตัดสินคนอื่นจากประสบการณ์เลวร้ายในอดีตของคุณ ชาตินี้ทั้งชาติคุณก็ไม่รู้จักฉันหรือ      ใคร ๆ ทั้งนั้น”
    
    เขตต์ตวันอึ้ง มัทนาจ้องหน้าเขตต์ตวันแววตาน้อยใจ “ผ่านวันสองวันนี้ไป คุณก็คงจำได้แค่ว่า คุณเคยช่วยนักข่าวที่คุณแสนจะเกลียดชังไว้คนนึง มันก็แค่นั้น”
    
    “ฉันจะลองเชื่อคำพูดเธอสักครั้ง มัทนา ฉันจะลองทำใจกว้างเพื่อจะได้รู้จักเธอมากขึ้น แต่ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าถ้าฉันเชื่อใจเธอแล้ว แต่เธอยังทำลายคำพูดของเธอเอง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอมั่ง”
    
    “คุณยอมให้ฉันสัมภาษณ์แล้วใช่มั้ยคะ” มัทนาดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
     
    ฝ่ายสาระวารีอารมณ์เสีย เพราะคิดว่าษมาเป็นหนุ่มโรคจิตตามจีบเธอ ครั้นทิ้งห่างจากษมา    ได้สาระวารีรีบกดโทรศัพท์เล่าให้มีคณาฟัง สอง สาวเมาท์กันสนุกปาก หลังวางสาย สาระวารีเก็บกระเป๋าย้ายโรงแรมหนีษมาทันที ขณะที่เขตต์ตวันยังลังเลที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตให้มัทนาฟัง
    
    “ฉันมันลูกไม่มีพ่อ แม่ทิ้งให้เป็นเด็กวัด แล้วก็ถามต่อเลยสิ ว่าฉันเป็นคนทุบตีผู้หญิงคนนั้นจนตายใช่มั้ย นี่ไม่ใช่เรอะคือสิ่งที่นักข่าวอยากรู้กันนัก อยากรู้ว่านายเขตต์ตวันคนนี้ มีเบื้องหลังแหลกเหลวยังไง” 
    
    “ฉันตามอารมณ์คุณไม่ทันแล้ว”
    
    “ฉันขอโทษ”
    
    “คุณเคยบอกฉันว่า ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเค้าดูถูก ก็อย่าดูถูกตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอคะ คุณไม่ควรสอนฉันหรอกถ้าตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ฉันว่าคุณควรจะภูมิใจตัวเองมากกว่า ที่คุณมานะบากบั่นจนมีเงินมีชื่อเสียงได้ขนาดนี้ คนเราจะดีได้ไม่ใช่เพราะชาติตระกูลหรือมาจากครอบครัวที่สูงส่งหรอกนะคะ แต่มาจากนี่ ตัวเราเองตะหาก”
    
    เขตต์ตวันแค่นหัวเราะออกมาเพื่อให้มัทนาผ่อนคลาย   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3357

 “เป็นหมาบ้าหรือไง! ปล่อย!”
     
    “ไอ้อ่อย!!! ”
     
    พิแสงเงยหน้าขึ้นมองถนนอีกครั้ง รถสวนทางสาดไฟส่องเข้าหน้ามาแต่ไกล ทั้งสองตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ แล้วรถของพิแสงก็พุ่งลงข้างทางตกจากไหล่เขาลงไปอย่างรวดเร็ว เขมมิกตกใจร้องลั่นกอดชายหนุ่มแน่น พิแสงพยายามประคองรถ แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายรถก็ไปกระแทกกับโขดหิน
    
    คนทั้งสองหน้ากระแทกคอนโซลอย่างแรง กระโปรงหน้ารถกระแทกกับโขดหินจนฝากระโปรงเด้งเปิดขึ้นมา ควันขึ้นโขมงและวงจรช็อต พิแสงตกใจ รีบลากตัวเขมมิกออกมาจากรถ แล้วกอดเธอไว้แน่นเพื่อปกป้องสุดชีวิต ก่อนที่รถจะระเบิด
    
    พิแสงล้มลงข้าง ๆ ร่างของเขมมิก เสียงระเบิดและแรงกระแทกให้เขมมิกได้สติ เศษซากรถปลิวกระจายว่อน พิแสงพลิกตัวใช้ตัวเองปกป้องเขมมิกจากเศษซากรถ เขมมิกจ้องหน้าชายหนุ่มที่เคร่งเครียดกับวินาทีเฉียดตายและต้องการปกป้องเธอด้วยความรู้สึกเต็มตื้น เขมมิกยิ่งแน่ใจว่าตอนนี้เธอได้มอบหัวใจให้พิแสงไปหมดแล้ว
    
    พิแสงกอดเขมมิกเอาไว้ทั้งตัวและศีรษะเพื่อไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของเขมมิกถูกเศษซากรถ เขมมิกซุกอยู่ในอ้อมกอดของพิแสงด้วยตัวสั่นเทาแต่อุ่นใจเหลือเกิน
    
    เขมมิกปลอดภัย แต่พิแสงเจ็บที่หลัง ตอนอุ้มเขมมิกออกมาจากรถ เขมมิกร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกผิดมากที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้   
    
    “ร้องไห้ทำไม หือ?” พิแสงถามเสียงอ่อนโยน
     
    “ฉันทำให้เกิดอุบัติเหตุ ฉันทำให้เราทั้งคู่เกือบตาย ฉันทำให้หลังคุณเจ็บ ฉันทำให้...”
    
    พิแสงเอามือปิดปากเขมมิกเอาไว้ เขมมิก อึ้งมองหน้าชายหนุ่ม
    
    “ฉันเองก็มีส่วนผิด ถ้าแค่ยอมคุยกับเธอดี ๆ เราคงไม่ต้องทะเลาะกันจนทำให้เรื่องเป็นแบบนี้” พิแสงปล่อยมือ
     
    “ไม่ต้องโทษตัวเองแล้วนะ...แล้วยังไงกันต่อดีล่ะทีนี้ มือถือก็แหลกเป็นจุณอยู่ในนั้น”
    
    “ของฉันก็เหมือนกัน...คุณว่า...จะมีใครได้ยินเสียงรถระเบิด หรือคนขับรถบรรทุกคันนั้นจะเห็นว่าเราร่วงลงข้างทางแล้วคิดจะมาช่วยเรามั้ย”
    
    “ก็อาจจะ...แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กว่าความช่วยเหลือจะมาถึง อาจจะต้องรอถึงเช้า กว่าคนจะหาเราเจอ” ทั้งสองมองไปรอบ ๆ มีแต่ป่าทึบมืด แล้วฝนก็ค่อย ๆ โปรยลงมา... ทั้งสองพยายามเดินหาบ้านคน เจอกระท่อมหลังหนึ่ง พิแสงชวนเขมมิกเข้าไปพัก แต่เธอคิดไปไกลว่าเข้าไปในกระท่อมเดี๋ยวก็เสร็จพิแสงเหมือนในละครน้ำเน่าทั่ว ๆ ไป แล้วสุดท้ายก็ลงเอยมีอะไรกัน  
    
    “ยอมหนาวเป็นปอดบวมตายอยู่นี่ดีกว่าเข้าไปให้คุณจุดจุดจุด” เขมมิกกอดต้นไม้แน่น
    
    “นี่ สภาพฉันยิ่งกว่าหมาหอบ ไม่มีอารมณ์จะจุดจุดจุดกับเธอหรอก...ยัยบ๊อง!” พิแสงขำกับความคิดของเขมมิก
    
    “ผู้ชายไว้ใจไม่ได้ ยิ่งมีประวัติอยู่แล้วด้วย”
    
    “ประวัติอะไร”
    
    “ช่างเหอะ...ไง ฉันก็ไม่ไป”
    
    “งั้นสาบานให้ฟ้าผ่าสิ เอาถ้าฉันคิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธอ”
    
    เขมมิกกับพิแสงนิ่งไม่มีเสียงฟ้าผ่า
    
    “เห็นมั้ยว่า...ฉันบริสุทธิ์ใจ ไป” พิแสงบอก
    
    “ยังไงก็ไม่!” เขมมิกปากคอสั่นไปหมดเพราะหนาวมาก
    
    พิแสงพยายามจะลากเขมมิกเข้าไปในกระท่อม แต่เธอไม่ยอมง่าย ๆ เกิดการยื้อยุดกัน จู่ ๆ ก็มีไม้หน้าสามฟาดใส่กลางหลังพิแสงอย่างแรง เขมมิกตกใจ....เป็นฝีมือชาวบ้านที่มากรีดยาง เห็นเหตุการณ์เข้าก็คิดว่าเขมมิกกำลังถูกฉุดไปทำมิดีมิร้ายจึงเข้ามาช่วย แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อเขมมิกเข้าไปกอดปกป้องพิแสงไว้ ชาวบ้านเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจว่าทั้งสองเป็นผัวเมียกัน
    
    ในที่สุดชาวบ้านสองผัวเมียก็พาพิแสงกับเขมมิกมาพักที่บ้าน โดยทั้งคู่ให้พักห้องเดียวกัน
    
    “พักที่บ้านพี่ก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าจะพาไปส่ง ตอนนี้ฝนตก ถนนเละ รถวิ่งลำบาก...ขอโทษจริง ๆ นะหนุ่มที่เข้าใจผิด พี่วางเสื้อผ้า ยาแก้ไข้ไว้ให้ในห้องแล้วนะน้อง ตากฝนมาตั้งนาน กินกันไว้ก่อน อ้อ...มียาหม่องด้วย นวดให้ผัวซะนะ สงสัยจะช้ำน่าดู” เมียของชายชาวบ้านบอก
    
    พิแสงกับเขมมิกสบตากันอย่างเขิน ๆ
    
    “เอ่อ...ไม่มีห้องอีกห้องเหรอคะ” เขมมิกถาม
    
    “ห้าย!! ผัวเมียกันจะนอนแยกห้องกันทำไม เอ๊ะ...หรือว่า...”
    
    “คงจะยังงอนอยู่ที่ผมขับรถไม่ระวัง ทำให้เกิดอุบัติเหตุ”
    
    เขมมิกหันมองพิแสงตาเขียว เขารีบโอบเขมมิกเอาไว้
    
    “ห้าย เมียพี่ก็ประจำ งอนปุ๊บ ไล่ให้ไปนอนนอกห้องปั๊บ แล้วพอดึก ๆ ก็ย่องมาสะกิดให้กลับไปนอนด้วยกัน...ไป เราก็ไปนอนกันได้แล้ว” พูดจบชาวบ้านสองผัวเมียก็พากันออกไป เขมมิกทำท่าจะเรียก แต่ถูกพิแสงห้ามไว้
    
    “อย่าทำให้พี่เค้าลำบากอีกเลย บ้านเขามีแค่ห้องเดียว เขาเสียสละให้เรานอนแล้ว หรือคุณจะให้พี่เค้าไปนอนนอกบ้าน”
    
    เขมมิกเหลือบมองพิแสงที่ยังโอบไหล่เธอไว้ไม่ปล่อย พิแสงยิ้มให้แต่ก็ยังไม่ปล่อย เขมมิกทำท่าจะถองแต่พิแสงจับแขนของเขมมิกเอาไว้
    
    “เมื่อกี้...ใครกันนะที่ขอร้องพี่เค้าไม่ให้ทำร้ายฉัน แต่ตอนนี้เธอกลับจะทำซะเอง...”
    
    เขมมิกหน้าแดง สะบัดแขนหลุดจากชายหนุ่มแล้วจะเดินเข้าห้อง พิแสงเข้าไปกั้นเอาไว้
    
    “เธอเป็นห่วงฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ...ทำไม” พิแสงมองหน้าถาม    เขมมิกเขิน ลอดแขนพิแสงเข้าห้องไป พิแสงเดินตามเข้ามานั่งใกล้ ๆ ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง พิแสงอยากรู้ว่าเขมมิกคิดยังไงกับตัวเขากันแน่ จึงตัดสินใจถามว่าเธอเป็นห่วงเขาใช่มั้ย ถึงปกป้องเขาแบบนั้น เขมมิกไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง พลางอธิบายว่าที่เธออ้อนวอนชาวบ้าน เพื่อเรียกร้องความสงสารเท่านั้น 
    
    “ตั้งแต่เธอเข้ามาป่วนชีวิตฉันที่นี่ ระบบความคิดของฉันที่เคยมี มันพังหมดเลยเธอรู้มั้ย”
    
    “พังยังไงคะ” เขมมิกถาม
    
    “อยากฟังจริง ๆ เหรอ”
     
    “ค่ะ” เขมมิกท่าทางสนใจ
    
    “ฉันไม่มีสมาธิทำงาน ในหัวคิดแต่เรื่องของเธอ ว่าวันนี้เธอจะสร้างเรื่องอะไรให้ฉันปวดหัวอีก ไอ้หลอดกับไอ้เสริมมันจะลืมเธอไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนอีกหรือเปล่า เธอจะไปอารมณ์เสียใส่ไอ้ทีเด็ดมั้ย หรือว่าฉันใช้งานเธอหนักเกินกว่าที่ควรหรือเปล่า ทำไมกับไอ้หมอเธอถึงได้มีเรื่องคุยมีเรื่องหัวเราะได้ตลอดเวลา แต่กับฉัน...ทำไมเธอไม่เคยคุยด้วยอย่างนั้นเลย...สายตาฉันจับจ้องอยู่ที่เธอ ไม่ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไร ไม่รู้ทำไมว่าฉันรู้สึกผูกพันกับเธอมานานนักหนา ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งจะเจอกัน”
    
    เขมมิกอึ้ง น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว เพราะสิ่งที่พิแสงพูดคือการสารภาพรักชัด ๆ พิแสงค่อย ๆ เอามือไปเช็ดน้ำตาให้เขมมิกอย่างแผ่วเบาแล้วคุกเข่าตรงหน้าเขมมิก
    
    “และที่สำคัญ...ทำไมเราไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้ ก่อนที่เธอจะมีคู่หมั้น”
    
    “คุณพิแสง...” เขมมิกตกใจ
    
    “เหตุการณ์เมื่อกี้...ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย รู้มั้ยว่าฉันคิดอะไร...ขอให้ฉันรอดตาย ขอให้เธอไม่เป็นอะไร...เพื่อที่ฉันจะยังมีลมหายใจมาบอกความรู้สึกของฉันกับเธอ ฉันไม่อยากตายไปโดยที่ยังเก็บมันเอาไว้ ถึงแม้จะรู้ดีว่า...เมื่อบอกไปแล้ว สิ่งที่ฉันได้กลับมา จะมีแค่เพียง...ความว่างเปล่า แต่ฉันก็จะไม่เสียใจ”
    
    เขมมิกโผเข้ากอดพิแสงไว้แล้วร้องไห้โฮ พิแสงอึ้ง เขาทั้งรู้สึกดีและเจ็บปวดในคราวเดียวกัน   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3358

 จัดเป็นงานช้างสมชื่อ เครื่องดื่มตราช้าง พรีเซนต์ “CHANG FEST” (ช้างเฟสต์) เทศกาลดนตรีร็อกกลางฤดูร้อน เพราะ...อากาศแบบนี้มันน่า Rock อะ! ...ที่ “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม ทุ่มทุนสร้างเตรียมชวนสาวกขาร็อกทั่วประเทศ ไปร่วมเปิดประสบการณ์ทางดนตรีครั้งใหม่นี้ โดยระดมพลังร็อกของ 4 วงร็อกแถวหน้าของเมืองไทย บิ๊กแอส, โปเตโต้, พาราด็อกซ์ และ บอดี้สแลม มาปลดปล่อยพลังทางดนตรี เตรียมตัวระเบิดเทศกาลดนตรีร็อกครั้งนี้ยาวถึง 4 ชั่วโมงเต็ม ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน นี้ เวลา 15.00 น. ณ ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี แถมครั้งนี้ยังเป็นคอนเสิร์ตทิ้งทวนอัลบั้มนี้ครั้งสุดท้ายของ บอดี้สแลม ก่อนเตรียมทำอัลบั้มใหม่ในปีหน้าอีกด้วย โดยเรื่องนี้ “ตูน-บอดี้สแลม” เผยว่า “ดีใจครับ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่บอดี้สแลมจะได้เล่นบนเวทีเดียวกันกับวงเพื่อน ๆ พี่น้องซึ่งเราค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้ว และก็ยังเป็นโชว์ของบอดี้สแลมโชว์สุดท้ายที่เราขอจัดกันแบบเต็ม ๆ สำหรับอัลบั้มนี้ครับ ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนที่เป็นแฟนของ ทั้ง บอดี้สแลม พี่ ๆ บิ๊กแอส พี่ ๆ โปเตโต้ พี่ ๆ พาราด็อกซ์ ยังไงถ้ารักใครชอบใครเชียร์ใครใน 4 วงนี้ ก็มาสนุกด้วยกันได้ครับ รวมถึงใครก็ตามที่ต้องการร่วมสนุกไปกับบูธกิจกรรมต่าง ๆ ของช้างเฟสต์ ไม่ว่าจะเป็นบูธของห้องซ้อมดนตรี โรงเรียน
    ดนตรี หรือการทำงานเบื้องหลังต่าง ๆ ไม่แน่ว่าในอนาคต น้อง ๆ พี่ ๆ หลาย ๆ คนอาจจะได้เข้ามาอยู่ในวงจรตรงนี้ก็ได้ “เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับใครที่รักดนตรีเหมือนเรา มาเจอกันให้ได้นะครับ ในเทศกาลดนตรีร็อกกลางฤดูร้อนครั้งนี้ ประตูเปิดบ่าย 3 ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี เปิดจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้! ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ บัตรราคา 1,200 บาท หรือสะสมฝาน้ำดื่มช้างและ/หรือโซดาช้างครบ 5 ฝา (รวมกันได้) ลดเหลือ 900 บาท ถึง 26 เมษายนนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook/changfest” .   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3359

 กลายเป็นเกมโชว์ที่ครองใจคนดูทุกเพศทุกวัย สำหรับ “เกมกำแพงซ่า น็อคเอาต์” ที่ได้ 2 พิธีกรอารมณ์ดี “กิฟท์-วรรธนะ กัมทรทิพย์” กับนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก “สมจิตร จงจอหอ” ล่าสุดขอปรับรูปแบบรายการใหม่ โดยเสริมทัพความสนุกด้วยผู้ร่วมแข่งขันจากทางบ้านที่จะมาสร้างสีสัน กิฟท์-วรรธนะ หนึ่งในพิธีกรเผยว่า “เกมกำแพงซ่ารูปแบบใหม่จะเริ่มเปิดโอกาสให้แฟน ๆ รายการจากทางบ้านมาร่วมเล่นเกมกับดารา เนื่องจากผู้ชมทางบ้านหลายท่านสงสัยว่าคำถามจากหมัดซ่าทำไมถึงยากจัง ดาราแต่ละคนมีการเตี๊ยมกันหรือเปล่า ทุกคนก็เลยลงความเห็นว่าเมื่อทางบ้านสงสัย เราก็ให้เขามาพิสูจน์เองเลยน่าจะดีกว่า โดยในแต่ละตอนจะมีผู้แข่งขันจากสาขาอาชีพต่าง ๆ 3 ท่าน เช่น พ่อค้าแม่ค้า, ลิเก, แท็กซี่ ฯลฯ โดย เบรก 1 พิธีกรเปิดรายการ แนะนำผู้แข่งขันดารา 2 ทีม สีแดงและสีน้ำเงิน ทีมละ 2 คน แต่ละทีมเล่นเกมตอบคำถามจากหมัดซ่าทีมละ 1 คำถาม ถ้ารอดได้ 10 คะแนน ร่วง 0 คะแนน หลังจากนั้นพิธีกรเปิดตัวผู้แข่งขันจากทางบ้าน 3 ท่าน ให้ทีมดาราลองเลือกดูว่าอยากได้คนไหนมาร่วมทีม” “เบรก 2 ผู้แข่งขันจากทางบ้านเล่นเกมตอบคำถามจากหมัดซ่าทีละคน คนละ 1 คำถาม ถ้ารอดได้ 3,000 บาท ถ้าร่วงไม่ได้เงินรางวัล ส่วนทีมดาราแต่ละทีมทายว่าผู้แข่งขันจะรอดหรือร่วง ถ้าทายถูกได้ 10 คะแนน ทายผิดไม่ได้คะแนน ทีมดาราที่มีคะแนนสะสมสูงสุดมีสิทธิเลือกผู้แข่งขันจากทางบ้าน 1 คนเข้าทีมตัวเอง และเลือกอีก 1 คนให้ทีมตรงข้าม เบรก 3 รอบโบนัส เงินรางวัล 30,000 บาท ทีมสีแดงและทีมสีน้ำเงิน (ทีมละ 3 คน) จะต้องเล่นเกมปริศนาจากหมัดเพชฌฆาตทีมละ 1 เกมโดยฝากชีวิตไว้กับผู้แข่งขันทางบ้าน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ อยากให้ติดตามชมกันครับ” กำแพงซ่า น็อคเอาต์” รูปแบบใหม่เทปแรกนี้ จะออกอากาศเสาร์ที่ 13 เม.ย.นี้ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7 สี.   

                         


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

3360
ซัมซุง เริ่มผลิตชิป NAND 10 นาโนเมตร ... ชิป NAND หรือเรียกอย่างว่า Flash Memory กำลังจะถูกซัมซุงพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีกขั้น เพื่อเพิ่มความจุเป็นระดับ 128GB                                                                                     

 วันนี้ ซัมซุง ได้ประกาศว่าพวกเขาเริ่มผลิตชิป NAND หรือ Flash Memory ความจุ 128GB ในสถาปัตยกรรม 10 นาโนเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตของซัมซุงก็ว่าได้ ซึ่งชิป NAND 128GB จะมีไว้สำหรับโทรศัพท์มือถือกับแท็บเล็ตของพวกเขา นอกจากนี้ทางซัมซุงยังวางแผนนำชิปดังกล่าวไปใช้กับ SSDs สำหรับโน้ตบุคเพื่อความจุที่มากกว่า 500GB พร้อมกับผลักดัน SSDs ที่ใช้ชิปตัวใหม่ให้ออกสู่ตลาดมากขึ้น และน่าจะเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ใช้โน้ตบุคที่มีฮาร์ดไดร์ฟรุ่นเก่าอย่าง HDDs หันมาใช้ SSD เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ซัมซุงต้องการที่จะยกระดับ SSDs ให้เป็นฮาร์ดไดรฟ์ที่ให้ทั้งความจุที่มากขึ้นและมีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และโน้ตบุคได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและยังเป็นการเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ของพวกเขาในอนาคตด้วย                                                                                                                                                                               


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์

หน้า: 1 ... 222 223 [224] 225 226 ... 228