Messages

61

ข่าว IT / หุ่นยนต์น้องหมาควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน

« เมื่อ: มิถุนายน 18, 2012, 04:31:45 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด ทาคาระโทมี (Takara Tomy) บริษัทผู้ผลิตของเล่นชั้นนำในญี่ปุ่นกำลังพัฒนาของเล่นใหม่เป็นหุ่นยนต์น้องหมาชื่อว่า Omnibot i-SODOG ซึ่งทางบริษัทอ้างว่า หุ่นยนต์น้องหมาตัวนี้จะมีท่าทางการเคลื่อนไหวที่เหมือนสุนัขจริงๆ โดยใช้มอเตอร์เซอโวทั้งสิ้น 15 ตัวด้วยกัน แถมยังสามารถควบคุมการทำงานของมันด้วยสมาร์ทโฟนอีกต่างหาก



i-SODOG หุ่นยนต์น้องหมารุ่นใหม่ที่อาจจะทำให้หลายๆ คนได้หายคิดถึงเจ้า Aibo หุ่นยนต์สุนัขของโซนี่ที่เคยได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในช่วงแรกที่มันปรากฎตัว และตามมาอีกหลายเวอร์ชันก่อนทางบริษัทจะหยุดพัฒนาพวกมันต่อไป โดยสำหรับ i-SODOG นอกจากจะมาพร้อมกับเซอโวถึง 15 ตัวที่ช่วยให้มันเคลื่อนไหวได้สมจริงแล้ว มันยังมีคุณสมบัติรู้จำเสียง (voice recognition) ที่ทำให้รับคำสั่ง หรือจำเสียงเจ้าของได้ แถมยังตอบสนองต่อสัญญาณมือด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวได้อีกด้วย

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=tKwMqb01n-c" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=tKwMqb01n-c</a>

-SODOG ควบคุมด้วยรีโมท แต่ในขณะเดียวกันมันสามารถควบคุมด้วยสมาร์ทโฟนได้ โดยเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ เชื่อว่า คุณผู้อ่านบางท่านที่ติดตามเว็บไซต์ arip มาก่อนหน้านี้สองสามปีที่แล้ว อาจจะคุ้นชื่อมัน โดยเฉพาะ i-SODOG เพราะความจริง โทมี่เคยออกของเล่นชื่อว่า i-SOBOT หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์จิ๋วที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 31,500 เยน หรือประมาณ บาท เข้าใจว่า ราคาของ i-SODOG ก็ไม่น่าจะหนีไปจากนี้สักเท่าไร สำหรับกำหนดการวางตลาดจะเป็นช่วงต้นปี 2013 ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=LFJiUF1Bs4w" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=LFJiUF1Bs4w</a>

ที่มา : arip

62

ข่าว IT / MS จะทำ"แท็บเล็ต" Windows 8 เอง?

« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2012, 06:06:21 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด ไมโครซอฟท์ (Microsoft) กำลังซุ่มพัฒนาอุปกรณ์ของตนเองที่ไม่ใช่เกมคอนโซลรุ่นใหม่ แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่พุ่งเป้าไปยังคู่แข่งอย่างแอปเปิ้ล (Apple) โดยตรง นั่นก็คือ การสรรค์สร้าง "แท็บเล็ต" สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Windows ที่จะออกช่วงปลายปีนี้

แหล่งข่าวอ้างว่า ไมโครซอฟท์จะประกาศเปิดตัว "แท็บเล็ต" ของทางบริษัทเองในงานที่จะจัดให้ขึ้นที่ลอสแองเจลีส โดยเป็นการโต้ตอบคู่แข่งด้วยกลยุทธ์เดียวกันกับของคู่แข่ง (Apple) เรียกได้ว่า ตั้งใจออกมาชน iPad ของ Apple นั่นเอง ซึ่งหากเป็นไปตามรายงานข่าวที่ออกมาจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ไมโครซอฟท์ตัดสินใจเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของตนเองที่ปกติจะไม่ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ใช้กับโอเอสของทางบริษัท แต่จะเปิดโอกาสให้้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่เป็นพันธมิตรโดยเฉพาะอุตสาหกรรมพีซี ซึ่งความจริงโมเดลธุรกิจดั้งเดิมก็ยังคงใช้กับ"แท็บเล็ต" Windows 8 และ Windows RT ที่มีพันธมิตรอย่าง Acer และ Asus ที่พัฒนาอุปกรณ์ทั้งแท็บเล็ต และไฮบริดออกมาโชว์ในงาน Computex เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว



แต่รายงานข่าวจากในงาน AllThingsD อ้างว่า ไมโครซอฟท์มีแผนการอย่างอื่นเพิ่มเติมที่ไม่เหมือนเดิมด้วย นั่นก็คือ ไมโครซอฟท์ได้ข้อสรุปว่า ทางบริษัทต้องมีแท็บเล็ตของตนเอง ซึ่งรวมถึงการออกแบบฮาร์ดแวร์ด้วย แหล่งข่าวยังรายงานอีกด้วยว่า มันเป็นการต่อสู้แบบซึ่งๆ หน้ากับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิ้ล เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า Apple ทำหน้าที่ออกแบบทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ และเป็นจุดแข็งที่ทำให้สามารถเอาชนะไมโครซอฟท์ และพันธมิตรในช่วงทีผ่านมา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า แท็บเล็ตของไมโครซอฟท์มีโอกาสที่จะทำให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทที่เป็นพันธมิตรไม่พอใจได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เอชพี เดลล์ เลอโนโว โตชิบา โนเกีย และผู้ผลิตพีซีรายอื่นๆ อีกมากมายกำลังพัฒนา"แท็บเล็ต" และไฮบริดที่ใช้กับ Windows 8 และ Windows RT ซึ่งแทบทุกรายหวังเปิดฮาร์ดแวร์ของตนเองหลังการเปิดตัว Windows 8 ช่วงปลายปีนี้ จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกที่ไมโครซอฟท์จะทำแท็บเล็ตเอง เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2010 มีการปล่อยคลิปแนะนำ Courier โปรเจ็กต์แท็บเล็ตของบริษัท แต่ในท้ายทีสุดก็ปิดตัวไป คุณผู้อ่าน 

ที่มา : arip

63

ข่าว IT / Nokia เลิกจ้างอีก 10,000 ตำแหน่ง - -"

« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2012, 06:05:43 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] สองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รายหนึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ส่วนอีกรายเป็นเจ้าแห่งระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์ หนึ่งในนั้นกำลังลดขนาดของบริษัทอีกครั้ง นั่นก็คือ โนเกีย (Nokia) ที่ภายหลังร่วมมือกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในการพัฒนา Windows Phone ล่าสุดได้ออกมาประกาศหั่นพนักงานออกไปอีก 10,000 ตำแหน่ง เพื่อลดภาระของบริษัท



โดยนอกจากจะมีในส่วนของพนักงาน 10,000 ตำแหน่งที่เลิกจ้างแล้ว ทางบริษัทยังกล่าวอีกด้วยว่า ได้ปิดโรงงานในฟินแลนด์ และส่วนวิจัยผลิตภัณฑ์ในเยอรมัน และแคนาดาอีกด้วย โครงการเลิกจ้างนี้ โนเกียเปิดเผยว่า เป็นส่วนหนึ่งของการปรับแผนกลยุทธ์ ภายหลังที่ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อพัฒนาวินโดวส์โฟนร่วมกัน หวังเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนที่จนถึงวันนี้ยังคงเป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่อย่าง iPhone และ Android ซึ่ง Stephen Elop ซีอีโอของโนเกียเปิดเผยว่า กลยุทธ์ของบริษัทจะไม่มุ่งเน้นการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอ็นด์ พร้อมทั้งบอกว่า โนเกียกับไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาสมาร์ทโฟนที่ถูกกว่ารุ่นที่ถูกทีสุดอย่าง Lumia 610 เพื่อตัดราคาสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (ก่อนตัดราคาก็ตัดคนออกไปก่อน เพื่อลดภาระ?)



"เราจำเป็นต้องคว่ำรแอนดรอยด์ให้ได้" Elop กล่าว "สมาร์ทโฟนราคาถูกจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเจาะยางแอนดรอยด์" ประเด็นของที่่มาในการตัดสินใจครั้งนี้น่าจะจากการที่โนเกียไม่สามารถยกระดับขึ้นไปเป็นคู่ต่อสู้ในตลาดไฮเอ็นด์สมาร์ทโฟนอย่าง แอปเปิ้ล ซัมซุง แอลจี เอชทีซี หรือแม้แต่โมโตโรลา โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ทุ่มงบการตลาดก้อนใหญ่ในสหรัฐฯ ในการเปิดตัว Lumia 900 สมาร์ทโฟนเรือธง แถมยังได้ข่าวฟรีจากการที่ Siri ของ iPhone ตอบว่า Lumia 900 สีฟ้า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ดีที่สุดเท่าทีเคยมีมา อย่างไรก็ตาม ยอดขายของ Nokia Lumia ในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านเครื่อง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับ 35 ล้านเครื่องของ iPhone ข้อเท็จจริงก็คือ ปัจจุบัน Windows Phone มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกแค่ 2.2% เท่านั้น การเดิมพันด้วยสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกกว่าที่เป็นอยู่ของ Nokia จะนำพาให้ Windows Phone สำเร็จได้หรือไม่? และ Windows 8 ของไมโครซอฟท์ที่มาพร้อมกับ Metro UI ที่คาดว่าจะสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ใช้ในการที่จะเลือกใช้ Windows Phone ที่อินเตอร์เฟซคล้ายกันในทีสุด จะเป็นดังหวัง หรือเปล่า? คงต้องติดตามกันต่อไป

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=h48KQRebsUc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=h48KQRebsUc</a>

ที่มา : arip

64

ข่าว IT / ระวัง!!! ฮาร์ดไดรฟ์พกพา"ปลอม"จากจีน

« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2012, 06:05:07 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวนี้เกิดขึ้นกับลูกค้าหนุ่มในจีนที่สั่งซื้อแก็ดเจ็ตอย่างฮาร์ดไดรฟ์พกพา (Portable Hard Drive) จากเว็บไซต์เถาเป่า (Taobao) แล้วเจอดี จึงนำมาฝากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่าให้ของถูกล่อใจจนได้ของปลอมแบบหนุ่มรายนี้



เรื่องของเรื่องก็คือ หนุ่มจีนรายหนึ่งพบรายการสินค้าอย่าง Samsung Portable Hard Drive ความจุ 160GB ที่เสนอขายบนเว็บไซต์ Taobao ในจีนด้วยราคาแค่ 35 เหรียญฯ หรือประมาณ 1,000 บาท (ความจริงก็ไม่ถูกเท่าไรนะ) หลังจากที่ได้ของมาเรียบร้อยแล้ว เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง นั่นก็คือ แม้ด้านหน้าของเครื่องจะสกรีนโลโก้ไว้ชัดเจนว่า Samsung แต่ด้านหลังของมันมีข้อความว่า "Made in HONG KONG" แล้วบางอย่างก็ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาว่า ลองเปิดฝาดูด้านในหน่อยดีไหม?



หลังจากที่หนุ่มจีนรายนี้ตัดสินใจเปิดฝาครอบของฮาร์ดไดรฟ์พกพาที่ซื้อมาก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น เมื่อภายในของมันประกอบด้วย น็อตเหล็กตัวใหญ่ 2 ชุดยึดด้วยกาว พร้อมกับแฟลชไดรฟ์ขนาดเล็ก (ความจุก็ไม่น่าจะถึง 160GB) ที่ต่อเชื่อมกับสายสัญญาณ USB ไปยังพอร์ต ซึ่งแน่นอนว่า ฮาร์ดดิสก์ที่เขาซื้อมาในราคาแสนภูมิใจนั้นเป็นของปลอมที่ทำให้ดูมีน้ำหนักเหมือนฮาร์ดไดรฟ์พกพาด้วยการใส่โลหะหนักอย่างน็อตเหล็กตัวเขื่องเข้าไปแทน เจออย่างนี้ ของถูกจริงๆ ก็เลยหลายเป็น"ของถูก(หลอก)"ไปซะได้ ยังไงก็คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่สนใจสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์พวกนี้ก็ระวังหน่อยก็แล้วกันนะครับ

ที่มา : arip

65

ข่าว IT / ภาพถ่าย iPhone 5 ที่ดูเหมือนจริงมากๆ

« เมื่อ: มิถุนายน 15, 2012, 06:04:33 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] จากภาพถ่ายชิ้นส่วนเคสของไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่หลุดออกมาจนถึงผลงานของนักออกแบบที่ใช้ข้อมูลจากภาพหลุดมาเรนเตอร์เป็นกราฟิกต้นแบบของไอโฟน 5 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาล่าสุดเป็นภาพถ่ายจัดเต็มที่อ้างว่า มันคือ iPhone 5 ซึ่งเชื่อว่า คุณผู้อ่านเห็นแล้วต้องอยากได้อย่างแน่นอน ขยันสร้างกระแสกันจริงๆ



ภาพหลุดเครื่องต้นแบบของ iPhone 5 ที่กำลังแพร่กระจายว่อนเน็ตอยู่ในขณะนี้ เผยให้เห็นตัวเครื่องที่ใช้ชิ้นส่วนของเคสด้านหน้า และหลังของภาพถ่ายที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาคต่อเนื่องของภาพหลุดชุดดังกล่าวก็พอจะได้อยู่ โดยจะสังเกตเห็นแจ็คเสียบหูฟังทีด้านล่าง กล้องหน้าที่อยู่ตรงกลางเหนือลำโพง ตัวเครื่องที่ยาวกว่าเดิม และคอนเน็คเตอร์สำหรับด็อคกิ้งที่เล็กลง (mini-dock) ซึ่งโดยรวมจากภาพที่หลุดออกมา iPhone 5 ในรูปลักษณ์ใหม่นี้ดูน่าใช้ไม่ใช่เลยนะครับ คุณผู้อ่านว่าไหม?







ที่มา : arip

66

ข่าว IT / Skype แทรก"โฆษณา"เข้าไปในบริการ

« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2012, 10:18:25 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] และแล้ววันคืนของการใช้บริการ Skype แบบไร้โฆษณาก็สิ้นสุดลง เมื่อล่าสุดทางบริษัทได้ออกมาประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า Skype มีแผนการที่จะแทรกโฆษณาที่เป็น display ads เข้าไปในบริการสนทนาผ่านเว็บแล้ว โดยข้อความดังกล่าวเปิดเผยอยู่ในบล็อกของทางบริษัท

Skype กล่าวว่า ทางบริษัทมีความ"ตื่นเต้น"ในการที่จะแนะนำบริการโฆษณาใหม่ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้หลายร้อยล้านคนในส่วนการใช้งานที่สามารถสื่อสารแบรนด์ทีมีความหมายต่อความสนใจของลูกค้าได้โดยตรง โดยในขณะนี้ โฆษณาต่างๆ จะแสดงขึ้นเมื่อมีการสื่อสารแบบ 1:1 ระหว่างผู้ใช้ Skype ด้วยกันทั้งสองฝั่งทำการเรียกสายผ่านโปรแกรม Skype for Windows แต่นี่แค่จุดเริ่มต้น เพราะเชื่อว่า ทางบริษัทคงจะไม่ปล่อยโฆษณาแค่ช่องทางนี้เพียงอย่างเดียว คาดว่าจะมีการขยายรูปแบบไปยังบริการอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ที่มีเครดิต Skype หรือสมัครเสียค่าบริการจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องชมโฆษณาในระหว่างการสนทนา แต่ถ้าใช้บริการฟรี ทางบริษัทจะจัดเต็มให้ได้เห็นโฆษณากันจะๆ ไปเลย โดยเฉพาะเวลาเรียกสายสนทนาแบบ 1:1 Skype-To-Skype ซึ่งรุปแบบโฆษณานี้จะเปิดใช้กับลูกค้าใน 55 ประเทศทั่วโลก



อย่างไรก็ตาม ยังพอจะให้รู้สึกว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ตรงที่อย่างน้อยโฆษณาต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นมาในขณะเรียกสายจะไม่มีเสียง และไม่สามารถขยายขนาดเต็มหน้าจอได้ (นับว่ายังปราณี) ปัจจุบัน Skype เป็นของ Microsoft ที่ได้จ่ายเงินสูงถึง 8.5 พันล้านเหรียญฯ ซื้อมาไว้ในครอบครองเมื่อปี 2011 โดยความเห็นชอบของสตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์ที่สังเกตว่า มีผู้ใช้ที่ชื่อชอบ Skype หลายร้อยลานรายทั่วโลก แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์กันอีกทีว่า โฆษณาทีเพิ่มเข้ามาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับ Skype หรือไม่? อย่างไร?

ที่มา : arip

67

ข่าว IT / เอเซอร์ผุด"แท็บเล็ต"จอไฮเดฟฯ 1080p

« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2012, 10:17:57 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ในขณะที่เมื่อสามเดือนก่อน แอปเปิ้ล (Apple) ส่งมอบ new iPad ที่มาพร้อมกับความละเอียดของหน้าจอ 2048 x 1536 พิกเซล ซึ่งทิ้งห่าง"แท็บเล็ต" Android ที่เป็นคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น ล่าสุด ทางบริษัทผู้ผลิตแท็บเล็ต Android อย่าง Acer ได้เปิดให้ลูกค้าสามารถสั่งจอง Iconia Tab A700 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับความละอียดที่สูงขึ้น โดยอยู่ที่ 1920 x 1200 พิกเซล ซึ่งแม้จะยังไม่เท่ากับ new iPad แต่มันก็ใกล้เคียงมากแล้ว มันยังสามารถเล่นวิดีโอฟูลไฮเดฟฯ 1080p ได้อีกต่างหาก

นอกจากนี้ Acer Iconia Tab A700 ยังมีมุมมองที่กว้างถึง 178 องศา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแชร์ภาพยนตร์ที่เล่นบนแท็บเล็ตรุ่นใหม่ให้เพื่อนๆ ได้รับชมอีกด้วย A700 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 อัตราคอนทราส 800:1 (เท่ากับ Iconia Tab A510 ควอดคอร์แท็บเล็ตที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้) สตอเรจ 32GB (เพิ่มการ์ดหน่วยความจำ microSD ความจุ 64GB ได้) รองรับการสัมผัสได้ 10 จุดพร้อกมัน และใช้โพรเซสเซอร์ Tegra 3 ความเร็ว 1.3GHz หน่วยความจำ 1GB ระบบปฎิบัติการทีใช้เป็น Android 4.0 ICS ชิป GPU เป็น 12-Core GeForce Nvidia GPU จะให้ภาพกราฟิกทีมีรายละเอียดสูง และแสดงผลได้อย่างลื่นไหล โดยมีซอฟต์แวร์อินเตอร์เฟซของ Acer ครอบคลุมการทำงานเหมือนทุกรุ่น (จะว่าไปแล้ว สเป็กส่วนใหญ่จะเหมือนกับ A510 แต่ที่แตกต่างอย่างเด่นชัดก็คือ ความละเอียดของหน้าจอ)



เอเซอร์กล่าวว่า การที่ Iconia Tab A700 มีความละเอียดของหน้าจอที่สูงขึ้น อาจทำให้พลังงานของแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่กระนั้น มันก็ยังสามารถเล่นวิดีโอได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง เทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่เล่นได้ 12 ชั่วโมงที่ใช้แบตฯ 9800mAh เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เอเซอร์ไม่ได้แลกเปลี่ยนแค่แบตฯ ที่หมดเร็วขึ้นกับความละเอียดหน้าจอที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ Iconia Tab A700 ยังคงมีราคาเท่ากับ A510 ด้วย โดยอยู่ที่ 449.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 13,500 บาท ทั้งนี้จะเริ่มส่งมอบสินค้าปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม การออก A700 มาในตลาดจะส่งผลกระทบต่อ A510 โดยตรง เพราะคงต้องเลือกระหว่างจอที่ชัดขึ้น กับแบตฯ ทีใช้ได้น้อยลง แต่ผู้บริโภคยังต้องสินใจอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เมื่อมีข่าวว่า Iconia Tab A700 จะมีรู่น LTE ออกมาอีกด้วย แต่คิดว่าคงไม่ยาก เพราะรุ่นนี้คงจะมีราคาแพงกว่าอย่างแน่นอน

ที่มา : arip

68

ข่าว IT / LINE ออกสติ๊กเกอร์ประหลาดลาย "เห็ด"

« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2012, 10:17:27 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ไลน์ถือได้ว่าเป็นแอพสมาร์ทโฟนที่ประสบความสำเร็จจากยอดดาวโหลดอันดับ1 ทั่วโลก ด้วยความสามารถที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ "สติ๊กเกอร์" รูปตัวการ์ตูนที่น่ารักหลากหลายอารมณ์ที่ทำให้ชนะแอพแชทในตระกูลเดียวกันไปได้อย่างขาดลอย ทำให้ผู้ผลิตLINE ต้องคอยออกตัวการ์ตูนออกมาใหม่ๆให้ดาวโหลดกัน(ทั้งฟรีและเสียตังค์)เรียกความนิยมกันอยู่เรื่อยๆ แม้กระทั้งตัว "เห็ด"



   เชื่อว่าแฟนๆ ARiP หลายคนที่มีสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะเป็นไอโฟนหรือแอนดรอยด์ส่วนใหญ่ลง LINE แอพส่ง Messange กันทั้งนั้น เพราะคนรอบตัวใครๆก็ใช้ และมันฟรี!!! (ประหยัดค่าโทรไปได้หลาย 555) หลายคนติดหนึบส่งสติ๊กเกอร์หรือรูปแสดงอารมณ์ บ้างด้วยเพราะรูปมันน่ารักกวนๆดี หรือบางทีเป็นเพราะขี้เกียจพิมพ์กดส่งสติ๊กเกอร์จึ้กเดียวไปง่ายกว่าก็มี (บางคนลบไลน์ไปแล้วด้วยความรำคาญเพราะคุยกันแต่สติ๊กเกอร์)



พวกนายจะไม่พิมพ์คุยกันบ้างเลยหรือ

ส่งแต่รูปกันอย่างเดียว -_-



               ด้วยความนิยมในตัวสติ๊กเกอร์พุ่งกระฉูด บ.ผู้ผลิตไลน์ NAVER ไม่รอช้าทยอยออกสติ๊กเกอร์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ มีตัวประหลาดออกมาให้ดาวโหลด(เสียตังค์)มากมายไม่หยุดหย่อนออกมายั่วกันตลอด และครั้งนี้ ARiP ไม่รอช้าขอจับสติ๊กเกอร์ตัวประหลาดมานำเสนอสักตัวนั่นก็คือ "เห็ด" หรือมีชื่อเล่นว่า "Nameko" ใครดาวโหลดมาใช้แล้วอย่าลืมมาเล่าประสบการณ์การใช้มาให้ฟังกันบ้างนะ







ช่างคิดได้ ออกมาเป็นตุ๊กตาด้วย

ที่มา : arip

69

ข่าว IT / อินเทล อ้าง ชิปหลายแกน ไม่เหมาะกับระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ :O

« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 08:47:14 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด อินเทล (Intel) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตโพรเซสเซอร์บนพีซีประกาศไปทั่วว่า การสนับสนุนชิปดูอัลคอร์ (dual-core) ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆ ซึ่งมันกลายเป็นว่า การมีแกนหลักการทำงานที่สองของชิปกลับทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์โมบายทีใช้โอเอสตัวนี้ด้อยลงไป

เมื่อปีที่แล้ว สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บางรุ่นเปิดตัวพร้อมกับการใช้โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะสนับสนุนการทำงานร่วมกับชิปแบบนี้ ซึ่งการสนับสนุนการทำงานร่วมกับชิปดูอัลคอร์จริงๆ จะเริ่มตั้งแต่ Android 2.3.4 ที่ออกในเดือนเมษายน 2011 อย่างไรก็ตาม อินเทล (Intel) อ้างว่า ทางบริษัทได้ทดสอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์กับโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ โดยใช้ Android 4.0 Ice Cream Sandwich ซึ่งได้ข้อสรุปว่า การใช้ชิปดูอัลคอร์ช่วยให้ได้ประโยชน์ (ความเร็ว) กลับคืนมาเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ จากผลการทดสอบยังแสดงข้อมูลที่น่าตกใจอีกด้วยนั่นคือ ชิปดูอัลคอร์กลายเป็นตัวปัญหาของประสิทธิภาพการทำงาน เนื่องจากตารางจัดการเธรด (thread scheduler) การทำงานของแอนดรอยด์ไม่พร้อมสำหรับชิป"มัลติคอร์" (ตั้งแต่ดูอัลคอร์ขึ้นไป)



อินเทลสรุปผลการทดสอบที่ได้ว่า ส่วนโค้ดการทำงานบน"มัลติคอร์"ของแอนดรอยด์จะทำงานช้ากว่าการทำงานบนซิงเกิ้ลคอร์ อย่างไรก็ตาม ทางบริษํทกลับไม่ได้เฉพาะเจาะจงลงไปว่า พวกเขาใช้โพรเซสเซอร์ตัวไหนในการทดสอบ และทดสอบบนสมาร์ทโฟนรุ่นใด? หรือแม้แต่วิธีที่ใช้ในการทดสอบโพรเซสเซอร์ (แทงกั๊ก???) เพราะฉะนั้นคงจะตัดสินใจจากสิ่งที่ประกาศออกมาโดยไม่มีหลักฐานแม้แต่อย่างเดียวเห็นทีจะยังเชื่อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อินเทล กำลังจุดประเด็นร้อนให้กับแอนดรอยด์ โดยเน้นย้ำว่า การที่โอเอสไม่สนับสนุนการทำงานของชิปมัลติคอร์ โดยเฉพาะส่วนของ Thread Scheduler ที่เป็นปัญหาใน Android จะทำให้สิ่งที่ผู้บริโภคได้ (สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์บนชิปมัลติคอร์) ไม่คุ้มเสีย เพราะมันจะทำให้ไม่ได้ประโยชน์จากชิปมัลติคอร์ หรือพูดง่ายๆ มันแทบจะไม่ต่าง หรือแย่กว่าการทำงานบนชิปซิงเกิ้ลคอร์ (แกนเดียว) เสียด้วยซ้ำ เอ้า...จัดมาอย่างนี้ คงต้องดูว่า Google และเหล่าบรรดาบริษัทผู้ผลิตชิปมัลติคอร์บนสถาปัตยกรรม ARM จะตอบโต้ยังไง?

ที่มา : arip

70

ข่าว IT / Line แจก"ตุ๊กตา"ฉลอง40ล้านโหลด!!!

« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 08:46:51 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] "ไลน์" แอพพลิเคชั่นแชทสุดฮิตไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทยเท่านั้น แต่ตอนนี้กำลังระบาดไปทั่วโลกแล้ว โดยเฉพาะแถบเอเชียที่มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนมากอย่างเกาหลี ไต้หวันก็ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น ล่าสุดมีผู้ดาวโหลดไปแล้วกว่า 40 ล้านครั้งจนต้องออกตุ๊กตาเพื่อเป็นการฉลองที่แอพประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี



           LINE จากบ. Naver ประเทศญี่ปุ่น เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟนให้บริการโทรและส่งข้อความฟรี ซึ่งเป็นแอพที่มีคนโหลดเยอะสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มฟรีแอพพลิเคชั่นของประเทศญี่ปุ่น สิงค์โปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย มาเก๊า ซาอุดีอาระเบีย คูเวต บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ จอร์แดน อิสราเอล สวิสเซอร์แลนด์และตุรกี LINE มี ฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เช่น อย่าง สติ๊กเกอร์ /  อิโมติคอน ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนๆอย่างมากและเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ LINE ประสบความสำเร็จเหนือแอพอื่นๆและได้รับความนิยมไปทั่วโลกไม่ยาก





ยอดดาวโหลดทะยานหลายล้า้นภายในเวลาไม่ถึงปี

                          ล่าสุดยอดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40ล้านกว่าดาวโหลดทั่วโลก NAVERได้ออกตุ๊กตา "บราวน์"(หมี) "มูน"(หน้ากลม) "โคนี่"(กระต่าย) เพื่อขอบคุณแฟนๆที่ได้ต้อนรับไลน์กันอย่างดี โดยสำหรับประเทศไทยตุ๊กตาไลน์จะแจกแก่ผู้โชคดีผ่าน LINE Thailand - Official ใครเป็นแฟนไลน์ก็อย่าลืมไปเล่นกิจกรรมบนแฟนเพจไลน์ได้







ที่มา : arip

71

ข่าว IT / Apple ซุ่มเปิดตัว iPad Smart Case

« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 08:46:06 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] นอกจากในงาน WWDC 2012 จะมีการแนะนำ iOS 6 ตลอดจน MacBook Pro รุ่นใหม่ที่บางลงมากจนหลายคนถึงกับออกปากว่า งานนี้อัลตร้าบุ๊กเจอคู่แข่งที่น่ากลัวซะแล้ว Apple ยังได้มีการอัพเกรดผลิตภัณฑ์เล็กๆ น้อยๆ แบบเงียบๆ อีกด้วยนั่นก็คือ iPad Smart Case ที่จะช่วยปกป้องไอแพดของคุณได้ตลอดทั่วทั้งตัวเครื่อง (สักที)




คงจำกันได้เมื่อครั้งเปิดตัว iPad 2 ทางบริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอย่าง Smart Cover ปกแม่เหล็กที่สามารถยึดติดกับขอบของ iPad 2 ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ปกของมันสามารถพับเป็นสามเหลี่ยม เพื่อใช้เป็นขาตั้งไอแพดได้ด้วย ล่าสุดในงาน WWDC 2012 แอปเปิ้ลเปิดตัวเคสรุ่นใหม่สำหรับ iPad โดยใช้ชื่อว่า iPad Smart Case ที่ไม่ได้มีแค่ปกและแถบแม่เหล็กเท่านั้น แต่มันมาพร้อมกับเคสที่ปกป้องด้านหลังของไอแพดได้ด้วย ดีไซน์ของ iPad Smart Case (ดูคล้ายๆ ที่วางจำหน่ายในงาน COMMART NEXT GEN 2012 ที่ผ่านมา แต่ดีไซน์บางกว่า) จะทำจากวัสดุทีมีความยืดหยุ่น และทนทางสูง ช่วยปกป้องทั้งหน้าจอ และด้านหลังเครื่อง ผู้ซื้อ Smart Case กับ Apple จะสามารถสั่งให้ทางบริษัทสลักชื่อ (ยิงด้วยเลเซอร์) ของคุณ (หรือคนพิเศษ) ลงบนเคสได้โดยไม่คิดค่าบริการ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=OFtHiZwi8zY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=OFtHiZwi8zY</a>

อย่างไรก็ตาม นอกจาก iPad Smart Case จะช่วยปกป้องด้านหลังของ iPad 2 และ new iPad ให้แล้ว มันไม่ได้มีการอัพเกรดฟังก์ชันเพิ่มเติมแต่อย่างใด ผู้ใช้สามารถพับปกของ Smart Case ได้แบบเดียวกับ Smart Cover เพื่อตั้ง iPad สำหรับการรับชมวิดีโอ หรือ FaceTime และสามารถวางลง เพื่อใช้พิมพ์ข้อความ สนนราคาของ iPad Smart Case มีให้เลือก 6 สีด้วยกันได้แก่ สีเทาอ่อน เทาเข้ม น้ำเงิน เขียว ชมพู และแดง จะมีราคา 49 เหรียญฯ หรือประมาณ 1,500 บาท ส่วน Smart Cover ยังมีจำหน่ายด้วยเหมือนกัน โดยราคาสำหรับเวอร์ชันที่ใช้โพลียูรีเทน (แบบเดียวกับ Smart Case) จะอยู่ที่ 39 เหรียญฯ (ประมาณ 1,200 บาท) และ 60 เหรียญฯ (ประมาณ 1,800 บาท) วัสดุที่ใช้ทำจะเป็น"หนัง"

ที่มา : arip

72

ข่าว IT / iOS 6 อัพเกรด Maps, Siri, Facebook

« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 08:45:38 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานเข่าวเช้านี้ขอเอาใจสาวก Apple ที่กำลังใจจดใจจ่อกับฟุตบอลยูโรฯ อุ๊ปส์!!! ไม่ใช่สิต้องเป็น iOS 6 ที่มีการแนะนำ และปล่อยเวอร์ชันเบต้าออกมาแล้วในงาน WWDC 2012 โดยผู้ใช้ iPhone และ iPad จะได้อัพเดทเวอร์ชันสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. - พ.ย.) ของปีนี้ โดยจะมาพร้อมกับบริการแผนที่ที่แตกต่าง และเป็นไปตามรายงานก่อนหน้านี้นั่นคือ การติดตั้งการทำงานของเฟซบุ๊กไว้ใน iOS 6 ด้วยเลย

แอปเปิ้ลกล่าวว่า ระบบปฏิบัติการ iOS 6 ได้รับการอัพเดทคุณสมบัติการทำงานใหม่มากกว่า 200 รายการ โดยจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่พบในอุปกรณ์ทุกตัว ทั้งนี้การอัพเกรด iOS 6 จะเปิดให้บริการฟรีกับอุปกรณ์โมบายทุกตัวตั้งแต่ iPhone รุ่นทีวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2009 จนถึงไอแพดรุ่นล่าสุด นอกจากนี้ยังรวมถึงอุปกรณ์รุ่นใหม่ของ iPod Touch ด้วย อย่างไรก็ตาม ทางแอปเปิ้ลยังไม่ได้กำหนดวันเปิดให้อัพเกรด iOS 6 เวอร์ชันสมบูรณ์ให้ทราบแต่อย่างใด เพียงแต่บอกว่า จะเป็นในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้่ ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว แอปเปิ้ลจะอัพเกรดโอเอสในช่วงเวลาใกล้ๆ กับการเริ่มจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็น iPhone 5 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่า แอปเปิ้ลหวังแรงส่งในการซื้อไอโฟนรุ่นใหม่ในช่วงเดือนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง



คราวนี้มาติดตามรายละเอียดกันคร่าวๆ ว่า iOS 6 มีคุณสมบัติใหม่อะไรทีน่าสนใจบ้าง เริ่มต้นด้วย แผนที่ (maps) ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่นี้เลย ซึ่งในอดีต แอปเปิ้ลจะใช้บริการแอพฯ แผนที่ของ Google แต่เนื่องจากทั้งสองบริษัทเริ่มแข่งขันกันมากขึ้น โดยเฉพาะการทีผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจซื้ออุปกรณ์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android ของ Google มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันกูเกิ้ลเองได้เพิ่มลูกเล่นการใช้งานใหม่ๆ ให้เฉพาะ Android เท่านั้นอีกด้วย ซึ่งแผนที่ตัวใหม่ของ Apple จะมาพร้อมกับคุณสมบัตินำทางด้วยเสียง พร้อมทั้งมีการอัพเดทข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ และการเสนอทางเลือกสำหรับเส้นทางใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงจราจรที่ติดขัด นอกจากนี้ maps ของ iOS 6 ยังมีฟังก์ชัน flyover ที่แสดงภาพ 3 มิติในมุมมองจากเฮลิคอปเตอร์ที่บริษัทเช่ามา เพื่อบินเหนือเมืองใหญ่ๆ ซึ่งทางกูเกิ้ลเพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะใช้เครื่องบินสร้างภาพมุมมองสามมิติทึีคล้ายกัน เพื่อให้บริการแผนที่ของตน maps ของ iOS6 ยังทำงานร่วมกับเลขาสเมือนอย่าง Siri เพื่อให้คุณสอบถามเส้นทางได้อีกด้วย



ถัดจากเรื่องของแผนที่ iOS 6 ยังมาพร้อมกับแอพฯ ใหม่ที่ได้มีการสัญญากับผู้ใช้ไว้แล้ว นั่นก็คือ การเชื่อมการทำงานของเฟซบุ๊ก (Facebook) โดยในไอเดียก็คือ ผู้ใช้สามารถล็อกอินด้วยพาสเวิร์ดแค่ครั้งเดียว คุณจะสามารถโพสต์ข้อความต่างๆ เข้าไปในเฟซบุ๊กจากแอพฯ ต่างๆ บนเครื่องได้เลย แถมยังสมารถโพสต์เกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างๆ ได้จากบราวเซอร์ Safari ของ Apple ได้อีกด้วย นอกจากนี้ เฟซบุ๊กบน iOS 6 ยังเชื่อมกับ App Store เพื่อว่า ผู้ใช้จะได้สามารถเพิ่ม "Like" สำหรับแอพฯ ที่ชื่นชอบได้จากที่นั่นเลย รวมถึงเพลง และภาพยนตร์บน iTunes นอกจากนี้ อีเวนต์ในปฏิธิน และวันเกิดของเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กยังจะปรากฎบนปฏิธิน iPhone ของคุณได้อีกด้วย



สำหรับคุณสมบัติที่ได้รับการอัพเกรดใน iOS 6 ด้วยเช่นกันนั่นก็คือ Siri เลขาส่วนตัวที่ช่วยตอบคำถามต่างๆ ให้คุณได้มากมาย ซึ่งในเวอร์ชันใหม่นี้ มันจะสามารถตีความคำสั่ง และตอบผู้ใช้ได้เก่งกว่าเดิม แถมยังเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ไปทำงานบนออฟฟิศใหม่อย่าง iPad หลังจาก Siri เปิดตัวบน iPhone 4S เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งก็ทำให้บริษัทได้รับข้อมูลมากมายในการปรับปรุงการทำงานให้โปรแกรมมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยในเวอร์ชันใหม่เธอจะสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับภาพยนตร์ ภัตคาร และสิ่งต่างๆ รอบตัวผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำมากกว่าเดิม แอปเปิ้ลยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Yelp ในการทำให้ Siri ใช้ข้อมูลการจัดอันดับ และราคาในร้านอาหารภัตตาคารต่างๆ ตอบผู้ใช้ได้ แถมยังจับมือกับ OpenTable ในการสั่ง Siri ให้จองโต๊ะผ่านเสียงของคุณได้อีต่างหาก การอัพเกรดครั้งนี้ยังหมายถึงการเพิ่มภาษาในการใช้งานประเทศต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ Apple ยังได้มีการเจรจาร่วมกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายๆ ราย (GM, BMW, etc.) ให้สามารถใช้ปุ่มบนพวงมาลัย เพื่อสั่งการ Siri ได้ เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องปล่อยมือออกจากพวงมาลัย

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=IJOl3d-nQcA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=IJOl3d-nQcA</a>

นอกจากการอัพเกรด maps เชื่อม Facebook และพัฒนาให้ Siri ฉลาดขึ้นแล้ว ในส่วนของการจัดการสายเรียกของ iOS 6 ยังมีการเพิ่มความสามารถในการจัดการเมสเสจ และข้อความแจ้งเตือนที่รบกวนคุณในยามค่ำคืนได้อีกด้วย รวมถึงการควบคุมวิธี และเวลาที่คุณจะติดต่อกลับไปยังผู้เรียกสายต้นทาง และหากคุณไม่สามารถโทรกลับหาใครบางคนได้ในขณะนั้น คุณยังสามารถตั้งเตือน เพื่อให้โทรหากลับไปในภายหลัง ตลอดจนให้มันส่งข้อความไปยังผู้เรียกสายต้นทางได้โดยตรง คุณสมบัติใหม่อย่าง Call when you leave จะสามารถเตือนคุณให้โทรกลับได้เมื่อออกจากอาคารสำนักงานได้ และทั้งหมดคือบางส่วนของการอัพเกรดคุณสมบัติของ iOS 6 ที่นำมาฝากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ในเช้านี้ นับเป็นนวตกรรมที่ทำให้ iPhone 5 และอุปกรณ์ iOS ที่พวกเราใช้อยู่มีความฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่มา : arip

73

ข่าว IT / ใช้หนังสือสร้างภาพหน้า"ซัคเคอร์เบิร์ก"

« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 08:43:42 pm »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ช่วงก่อนพักเที่ยง มาดูงานศิลปะที่ใช้ไอเดียในการสร้างสรรค์ภาพโดยศิลปินสาว Hong Yi จาก Ohiseered.com เธอกลับมาอีกครั้งด้วยผลงานเจ๋งๆ อีกแล้ว โดยคราวนี้เธอจะทำภาพใบหน้า (face) ของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ด้วยด้านตรงข้ามกับหนังสือ (book) เธอเลยเรียกผลงานนี้ว่า Mark Zuckerberg "Facebook" Portrait



ศิลปินสาวน่ารักคนนี้ เธอเล่าแรงบันดาลใจของงานศิลปะชิ้นล่าสุดว่า เมื่อเดือนที่แล้ว เธอได้เดินทางไปท่องเที่ยวในสหรัฐฯ เลยเกิดความคิดที่จะสร้างภาพของชาวมะกันที่น่าจดจำสำหรับการเดินทางครั้งนี้ของเธอ ว่าแล้วเธอก็ถามเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊ก (Facebook) เธอน่าจะทำภาพของชาวมะกันคนไหนดี ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า แล้วทำไมไม่ทำภาพของผู้สร้าง Facebook ขึ้นมาซะเลยล่ะ และนั่นคือที่มาของการเล่นสนุกกับคำว่า "Face" และ "Book" ผลงานชิ้นนี้ของเธอจึงเป็นการใช้หนังสือมาสร้างภาพใบหน้าของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก พอได้โจทย์แล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ แล้วจะใช้หนังสือทำเป็นภาพใบหน้าของซัคเคอร์เบิร์กด้วยเทคนิคอะไรดี?



คำตอบของโจทย์ข้อนี้ Hong Yi ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวันหนึ่งขณะที่ออกแบบสิ่งตกแต่งภายนอกด้านหน้าอาคารของ HASSELL ซึ่งมีลักษณะคล้่ายมู่ลี่บังแดด โดยเมื่อแดดส่องกระทบจะเกิดเงามึดแลเป็นเส้นสั้นยาวไม่เท่ากันตามขนาดของส่วนที่บังแสงไว้ ดังนั้นด้วยไอเดียนี้ หากนำมาใช้ในการตัดขอบของหน้าหนังสือหลายๆ หน้า เวลามองเข้าไปแสงสว่างที่ตกกระทบก็จะทำให้เกิดเงาขึ้นเป็นเสั้นยาว หนา บางแตกต่างกันตามจำนวน และความยาวของขอบหน้าหนังสือที่ถูกตัดเข้าไป เมื่อได้วิธีแล้ว เธอได้รวบรวมหนังสือ Game o Thrones ที่มีความหนามากมา 36 เล่ม แล้วค่อยใช้คัทเตอร์ตัดขอบของกระดาษให้ลึกเข้าไป โดยแบ่งจากภาพส่วนของใบหน้า Mark Zuckerberge ซึ่งเมื่อนำมาซ้อนกัน 3 แถวๆ ละ 12 เล่ม เส้นเงาที่เกิดจากร่องกระดาษที่ถูกตัดด้วยคัทเตอร์บนหนังสือแต่ละเล่มจะจัดเรียงกันเป็นภาพลายเส้นใบหน้าของ Zuckerberg ได้อย่างสวยงาม นอกจากเธอจะศิลปินที่น่ารักแล้ว ยังมีไอเดียศิลปะที่เจ๋งมากๆ เลยนะครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=o66_3PMQ8k0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=o66_3PMQ8k0</a>

ที่มา : arip

74

ข่าว IT / โลโก้ทวิตเตอร์แปลงร่างเป็น"แบทแมน"?

« เมื่อ: มิถุนายน 11, 2012, 09:32:58 am »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] และแล้วงานคอมมาร์ตเน็กซ์เจนฯก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลามเมื่อวานนี้ เหล่า"คอนซูมเอร์ไอที"ได้ช้อปทั้งอัลตร้าบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยแคมเปญจ์ของแถม และแคชแบ็ค (cash back) กันอย่างคุ้มค่า กลับมาที่รายงานข่าวเช้านี้ ขอเริ่มด้วยเรื่องเบาๆ ก่อนแล้วกัน ว่าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ

หลังจากทวิตเตอร์ (Twitter) ประกาศเปลี่ยนโลโก้ใหม่ที่ยังคงเป็นรูปนกกระจิบเหมือนเดิม แต่ดูเพรียวลง ผมเผ้าเรียบร้อย แถมยังเชิดหน้าขึ้น นัยว่า ได้เวลาที่เจ้านกกระจิบตัวนี้ต้องเหิรฟ้าหาเงินทองอย่างจริงจังแล้ว โดยเฉพาะโอกาสบนสมาร์ทโฟนที่อ้างว่า ทางบริษัทพบคำตอบของรายได้ที่จะมาจากอุปกรณ์โมบายแล้ว ในขณะที่เฟซบุ๊ก (Facebook) ยังคลำทางอยู่ ว่าแต่แล้วข่าวนี้มันเกี่ยวอะไรกับโลโก้นกกระจิบของ Twitter ด้วยเล่า ประเด็นเริ่มต้นจากไอเดียของการออกแบบโลโก้ที่ว่า มันมาจากวงกลมหลายๆ วงที่แทนความหมายถึง เครือข่ายผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ ที่ follower - following กันอยู่มาซ้อนทับกันจนกลายเป็นโลโกนี้ ไม่ได้แค่วาดขึ้นมาลอยๆ เท่านั้น ดังภาพเฉลยที่ใช้ CSS บนเว็บไซต์ upperdog ซึ่งเมื่อลากเมาส์พาดผ่านไปบนโลโก้ ภาพวงกลมซ้อนกันจนเห็นเป็นรูปนกกระจิบสีฟ้าจะปรากฎขึ้นมา (แม้จะเห็นวงกลมด้านบนไม่ครบก็เถอะ)



นอกจากจะมีผู้สนใจโลโก้ใหม่ของ Twitter ด้วยการทำเฉลยที่มาให้ได้เห็นกันจะๆ แล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดปิ๊งไอเดียที่จะแปลงโฉมทวิตเตอร์ให้กลายร่าง หรือ avatar เป็นอย่างอื่นๆ โดยใช้โครงสร้างของโลโก้เดิมอย่างเช่น ผู้ใช้ Flickr รายหนึ่งได้รวบรวมกราฟิกโลโก้ของทวิตเตอร์ที่แปลงร่างเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ มากมาย ซึ่งเรียกว่า Twitter Avatars ดังรูป



ปิดท้ายด้วย เว็บไซต์อีกแห่งหนึ่งที่มองว่า หากนำโลโก้ของ Twitter มาปรับทิศทางสักหน่อย เต็มแต่งรายละเอียดเข้าไปภายในอีกเล็กน้อย เราจะได้...ฮีโร่แห่งรัตติกาลอย่าง "แบทเมน" โอ้ว...ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า จากนกกระจิบจะกลายเป็น"มนุษย์ค้างคาวได้ ซึ่งคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip สามารถเข้าไปลองดูที่มาทางความคิดในการบิดโลโก้นี้เป็นแบทแมนได้ที่เว็บไซต์ http://violatetwitterbrandguidelines.com/ หรือชมจากคลิปวิดีโอข้างล่างนี้

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5ihUQX44OqM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=5ihUQX44OqM</a>

ที่มา : arip

75

ข่าว IT / เผยคลิปดีไซน์ iPhone 5 แบบจัดเต็ม!!!

« เมื่อ: มิถุนายน 11, 2012, 09:32:21 am »

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] หลังจากทีมีภาพหลุดข่าวรั่วเกี่ยวกับ iPhone 5 ออกมาได้พักใหญ่ๆ โดยในระยะหลังภาพที่ออกมาจะเป็นชิ้นส่วนของตัวเครื่องที่เผยให้เห็นถึงขนาดหน้าจอ ตลอดจนวัสุดที่ใช้ในการผลิต แต่ก็ไม่ยักจะมีภาพแบบจัดเต็มให้เห็นกันทั้งเครื่องไปเลย หรือว่างานนี้อาจจะต้องรอให้แอปเปิ้ลเปิดตัว iPhone 5 อย่างเป็นทางการถึงจะได้เห็นรูปลักษณ์โดยคร่าวๆ แต่ข่าวดีก็คือ ล่าสุดมีนักออกแบบผลิตภัณฑ์ได้นำข้อมูลต่างๆ ที่ได้บนเน็ตสร้างภาพกราฟิกของ iPhone 5 ออกมาแล้ว

Bryce Haymond ได้นำภาพของชิ้นส่วนที่หลุดรั่วออกมาจากโรงงาน แล้วไปโผล่บนเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง มาสร้างขึ้นเป็นกราฟิกของ iPhone 5 ที่สมบูรณ์ทุกมุมมอง คงจะมีแต่หน้าจอทีเป็น iOS 5 ในขณะที่เชื่อว่า iPhone 5 น่าจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้แล้ว สำหรับดีไซน์ของ iPhone 5 ที่สร้างขึ้นเป็นกราฟิกที่ประกอบจากภาพหลุดของชิ้นส่วน โดยรวมดูคล้าย iPhone 4/4S ยกเว้นบริเวณมุมของเครื่อง และความสูงที่เพิ่มขึ้น



อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ที่แตกต่างของ iPhone 5 นอกจากบริเวณขอบมุมของตัวเครื่อง และความสูงที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีการออกแบบให้ตัวเครื่องเป็นแบบชิ้นเดียวตลอด ซึ่งทำให้มันดูแตกต่างจาก iPhone 4/4S อย่างเห็นได้ชัด ส่วนขนาดของหน้าจอที่ดูเบ่งบานกว่าเดิม น่าจะทำให้ผู้ใช้แฮปปี้ขึ้น ในขณะเดียวกัน ต้องมาดูกันว่า ถึงเวลานั้นผู้บริโภคจะเลือกอะไรระหว่าง iPhone 5 กับ Galaxy S3 ของ Samsung ที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้ทั่วโลกอย่างล้นหลามจน Apple ต้องออกมาพยายามแตะเบรคด้วยกฎหมาย เพื่่อไม่ให้มันเข้าไปวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ได้โดยง่าย

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=g0yYw3y_fYE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=g0yYw3y_fYE</a>

ที่มา : arip