ผู้เขียน หัวข้อ: อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ วันที่ 20 ตุลาคม 2556  (อ่าน 818 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 แสนขึ้นไปบนเวที และเริ่มพูด “ขอเรียนให้ทราบก่อนนะครับ ว่าผมจะไม่ใช้โปรแกรมพรีเซนต์เทชั่น ผมขอเล่าโครงการที่เตรียมมาให้ฟังอย่างง่าย ๆ ก็แล้วกันนะครับ”
    
    พนักงานทุกคนงง พิลาสินีก็ไม่เข้าใจเพราะทุกปีการพรีเซนต์ของแสนและเธอถือเป็นการแข่งขันกัน บุรินทร์เหลือบมองพิลาสินี ยิ่งรู้สึกขัดใจมาก แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้
    
    แสนเรียกอันยาขึ้นมาบนเวที อันยางงแต่ก็ขึ้นมาโดยดี “แตงโมเนี่ย” แสนชี้ไปที่แอคเซสซอรี่ที่เป็นแตงโมในตัวอันยา “ราคาเท่าไหร่เหรอคุณ”
    
    “ฉัน...ฉันจะไปจำได้ยังไงล่ะ ซื้อมาตั้งนานแล้ว”
    
    “เอ๊ะ แต่ผมเห็นป้ายราคาติดอยู่” แสนทำเป็นมอง อันยารีบจับแอคเซสซอรี่ตัวเอง “ไม่...ไม่จริงอ่ะ!!”
    
    “ก็...ไม่จริงจริง ๆ แหละ” แสนยิ้ม อันยาเหวอ พิลาสินีมองแสนที่หยอกอันยาอยู่...สายตาหยั่งเชิง ว่าแสนทำอะไร แล้วทำไมดูสนิทกับเลขาฯ แปลก ๆ “ผมขอเดาว่าคุณซื้อแตงโมนี่มาหมื่นสอง”
    
    “บ้า!! หมื่นสองมันราคากระเป๋าย่ะ” อันยาเหวอ นี่เผลอโก๊ะอีกแล้ว พนักงานฮาครืน
    
    “โอเค คุณซื้อแตงโมราคาไม่ถึงหมื่นสอง เพราะคุณว่ามันแพงเกินไปใช่มั้ย แต่ทุกคนทราบมั้ยครับ ว่าเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์แตงโมกิโลกรัมละหนึ่งหมื่นสองพันบาท”
    
    ทุกคนที่ฟังอยู่อึ้ง ๆ กันไป อันยาตกใจ “หมื่นสอง ค่าเม็ดแตงโมเนี่ยนะ ฉันเห็นพวกชาวบ้าน เดือน ๆ นึงใช้เงินไม่เกินสองสามพัน!”
    
    “ใช่ครับ คุณก็เห็นใช่มั้ย แต่พวกเค้าต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์แพงมาก แล้วยังไม่รวมค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืชที่ต้องใช้กับเมล็ดพันธุ์พวกนี้อีก ข้อเท็จจริงที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ก็คือ เมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมาจากบริษัทพาณิชย์เกษตร ขาดปุ๋ย และยาไม่ได้ พวกนั้นจงใจพัฒนาพันธุ์พืชที่ตอบสนองต่อปุ๋ยและยาของตัวเอง ถ้าขาดมันพืชก็จะไม่โต ยิ่งกว่านั้นพวกเค้ายังใช้เทคโนโลยีที่ทำให้เมล็ดใช้ได้แค่ปีต่อปี เกษตรกรนำไปเพาะใช้เองไม่ได้ เพื่อที่ทางบริษัทจะได้ผูกขาดผลประโยชน์ไว้ หมายความว่า ทุกวันนี้ถ้าเกษตรกรลงทุนปลูกแตงโมไปหนึ่งแสนบาท ประมาณหกหมื่นบาทเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายให้กับบริษัท เท่ากับเกษตรกรของเราไม่ได้กำลังทำงานเพื่อตัวเอง แต่กำลังเหนื่อยยากเพื่อความรํ่ารวยของบริษัท”
    
    พิลาสินีชักจะอึดอัดจนทนไม่ไหว “ทั้งมุกก่อนหน้านี้ แล้วก็เรื่องที่คุณพูดมา มันอาจจะน่าสนใจ แต่ยังไงนี่ก็เป็นสัมมนาวิชาการนะคะ ดอกเตอร์แสน ฉันฟังมาตั้งนานก็ยังไม่ทราบโปรเจคท์ของคุณเลย”
    
    “ขอโทษด้วยนะครับ ผมแค่อยากชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ เมื่อก่อน...บ้านเรามีพืชผักที่ปลูกได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้สารเคมี พืชพันธุ์เหล่านี้เป็นแหล่งอาหารคุณประโยชน์สูง ไม่มีต้นทุน และเกษตรกรก็สามารถเพาะพันธุ์ได้เอง แต่ทุกวันนี้พืชพันธุ์พื้นบ้านได้สูญหายไปกว่าหลายร้อยชนิดแล้ว ดังนั้นโครงการที่ผมอยากจะทำต่อไป คือการอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน รวบรวมเมล็ดพันธุ์กลับคืนสู่มือของเกษตรกร ให้พวกเค้าได้เป็นเจ้าของเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง รวมทั้งสร้างเครือข่ายการบริโภคพืชผักพื้นบ้าน เพื่อลดวงจรการผูกขาดของบริษัท โปรเจคท์นี้จะแก้ได้ตั้งแต่ที่รากของปัญหา เมื่อเกษตรกรไม่ต้องเป็นทาสบริษัท พวกเค้าจะปลดหนี้ได้ สามารถกลับมาเป็นนายของตัวเอง เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง...”
    
    ทุกคนเงียบกริบ ราวกับโดนสะกด ก่อนที่บุรินทร์จะปรบมือขึ้น แล้วพนักงานส่วนมากก็พร้อมใจกันยืนขึ้น แล้วปรบมือให้กับแสน...พิลาสินีอึ้ง นึกไม่ถึงว่าแสนจะทำเรื่องที่เหนือกว่าขนาดนี้ แต่ก็ยืนขึ้น และปรบมือให้อย่างมีสปิริต อันยามองภาพความสำเร็จของแสนก็ปลื้มใจ แต่ใจนึงก็รู้ว่าตัวเองจะยิ่งตกที่นั่งลำบาก อันยาปรบมือไปตามนํ้าเพื่อสร้างภาพของเลขาฯ...ทว่าในใจสับสนวุ่นวาย...
     
    อันยาโกรธจัดมาต่อว่าคิมหันต์ที่แอบเอาข้อมูลใส่เข้าไปในทรัมฟ์ไดร์ฟของเมขลา ทำให้พิลาสินี เอาโครงการของแสนไปพรีเซนต์แทน คิมหันต์ก็โมโหอันยาที่อันยาไม่ยอมปิดจ๊อบเสียที แถมยังมีท่าทีเปลี่ยนไป วัน ๆ เอาแต่ห่วงแสน ว่าอันยาที่หลงแสนจนลืมงาน คิมบอมบ์ระเบิดสิ่งที่อัดอั้นใจออกมา มองอันยาอย่างผิดหวังมาก ๆ และเดินไปเลย
    
    แสนถามพิลาสินีเรื่องข้อมูลโปรเจคท์ พิลาสินี บอกเอามาจากฐานข้อมูลของบริษัท แสนบอกว่าโปรเจคท์นี้เป็นของเขาที่ตั้งใจจะพรีเซนต์ในปีนี้ พิลาสินี เหวอมากและเอาเรื่องกับเมขลาที่เป็นคนเอาข้อมูลมาให้ เมขลาคิดว่าเป็นความผิดของตนเองที่เผลอเอาไฟล์โครงการของแสนคิดมาด้วย เพราะต้องยืมคอมพิวเตอร์ของอันยามาใช้ พิลาสินีไม่ยอมจะไล่เมขลาออก เมขลาร้องไห้ขอร้องพิลาสินี แต่พิลาสินีไม่ยอม จนแสนต้องขอร้องเพราะเป็นความผิดครั้งแรก และเมขลาก็ไม่ได้ตั้งใจ
     
    พิลาสินีบอกจะคืนโปรเจคท์ให้แสน แต่แสนอยากให้พิลาสินีทำต่อเพราะไม่อยากให้เสียเครดิต พิลาสินีไม่ยอม แสนขอร้องให้พิลาสินีทำต่อ
    
    “คุณต้องมาช่วยผมสานโครงการนี้ต่อ โครง การอนุรักษ์เมล็ดพันธุ์ ต้องมีโครงการชุมชนสีเขียวมาช่วยขยายผล คุณลืมเรื่องใครเป็นคนต้นคิดไปได้มั้ย นี่คือผลงานที่พวกเราจะทำมันเพื่อบริษัท และเพื่อชาวบ้าน...
    
    “แต่แบบนี้มันไม่แฟร์กับคุณ”
    
    “ผมจะดีใจและวางใจ ถ้าคนที่จะมารับผิดชอบโปรเจคท์นี้เป็นคุณ ช่วยรับทำโปรเจคท์นี้ เพื่อเพื่อนตาดำ ๆ ได้มั้ยครับ ดอกเตอร์แพม...”
    
    พิลาสินีรู้ว่าที่แสนพูดมาทั้งหมด ก็เพื่อให้เธอสบายใจ ซึ้งในความใจดีของแสน จนต้องเข้าไปกอดเขาไว้ “ฉันขอโทษนะคะ แสนขอโทษ” แสนลูบหลังปลอบพิลาสินี “ขอโทษทำไม คุณไม่ผิดซะหน่อย เรามาทำงานนี้ด้วยกันนะแพม ถือว่าเป็นโครงการของพวกเรา...” แสนกอดปลอบใจพิลาสินีแบบเพื่อน พิลาสินีพยักหน้ารับ รู้สึกดีกับแสนเหลือเกิน...
    
    อันยาซึ่งตามมาแอบสังเกตการณ์ เห็นภาพตรงหน้า รู้สึกเจ็บแปลบ อันยาหันหลังกลับมา ไม่กล้ามองทั้งสองอีก และเข้าใจว่าที่แสนยอมพิลาสินีทุกอย่าง กลัวพิลาสินีจะเสียชื่อ เป็นเพราะแสนรักพิลาสินี อันยาเศร้ามากซบหน้ากับมือ อันยาตกตะลึงมองนํ้าตาที่ติดปลายนิ้ว รีบมองกระจก เห็นนํ้าคลอดวงตา เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน!!! อันยาป้ายนํ้าตาออก แต่มันก็ยังคงซึมออกมา...และซึมออกมา...อันยาสะอื้นเบา ๆ งุนงงมาก ว่าตัวเองเป็นอะไรไป!! ไม่รู้เลยว่าหัวใจมันได้พ่ายแพ้ลงยับเยิน...
     
    
    อันยามาง้อคิมหันต์ที่งอนเธอไม่เลิก “ฉันก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว! ต้องมาง้อลูกน้องในที่แบบนี้ ก็น่าจะเห็นใจกันบ้าง”
    
    “ผมน่ะเหรอไม่เห็นใจเจ๊ คิดดูสิว่าที่ผ่านมา ผมช่วยเจ๊ทำอะไรไปบ้าง ทั้งเรื่องซีดี ทั้งขนปูน ทั้ง...”
    
    อันยาพูดแทรกทันที “แกพูดถูก ช่วงนี้ฉัน...ค่อนข้างจะ...(พูดยากจัง) ออกนอกลู่นอกทางไปนิดหน่อย...”
    
    “มากเลยล่ะ!” คิมหันต์บ่น อันยาสะดุ้ง แล้วช้อนตามองคิมหันต์ คิมหันต์เห็นสายตาเข้าก็ใจอ่อน “รู้แล้วน่า...คือฉัน...คงจะเป็นเพราะเค้าเชื่อฉันสนิทใจ เชื่อว่าฉันดีกับเค้าจริง ๆ เป็นถึงดอกเตอร์แท้ ๆ ทำไมไม่สงสัยอะไรบ้าง! เค้าเชื่อว่าฉันดี มันทำให้ฉัน...ไม่อยากจะทำไม่ดี ไม่อยากจะเชื่อ ว่าตัวเองต้องมารู้สึกแบบนี้”
    
    “ชอบเค้าใช่ป่ะ?” คิมหันต์ถามตรง อันยารีบส่ายหน้า คิมหันต์เหล่ ว่าอย่าโกหก! “ก็คง...เคลิ้ม ๆ ไปนิดหน่อยอ่ะ” อันยาต้องยอมรับหน้าเจื่อน ๆ...แบบไม่เต็มร้อย
    
    “นี่มันผิดกฎวิชาชีพเลยนะ เหมือนหมอห้ามปิ๊งกับคนไข้ ครูห้ามรักกับนักเรียน เฮดฮันเตอร์ก็ห้ามจีบแคนดิเดตของตัวเอง”
    
    “เกินไป! มันก็มีตั้งหลายคนที่เค้าลงเอยกัน”
    
    “แต่ไม่ใช่ เฮดฮันเตอร์ที่ไปปลอมตัว โกหกหลอกแคนดิเดต!! อย่างเจ๊น่ะ”
    
    “ไม่ต้องยํ้าได้มั้ย เฮ้อ...รู้น่าว่าไม่ควร แต่มันไม่ได้ตั้งใจนี่ ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่เค้าเข้ามาวุ่นวายในใจฉัน ไล่เท่าไหร่...ก็ไม่ยอมไป...”
    
    คิมหันต์มองอันยา ชักจะสงสาร “บอกมาซะแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ผมไม่ใช่ไม่มีหัวใจนะเจ๊ เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันลำบาก ถ้าเจ๊เจอใครสักคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้...ผมก็ไม่ต่อต้านหรอก แล้วถ้าหากว่า...ดอกเตอร์กับเจ๊ใจตรงกัน ก็ไม่เห็นจะต้องปิดกั้นตัวเอง...”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)