ผู้เขียน หัวข้อ: ‘ไชยา มิตรชัย’ ลิเกพันล้านครั้งหนึ่งในชีวิตที่คิดฆ่าตัวตาย - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 770 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่วันนี้ “ไชยา มิตรชัย” จากเด็กท้องนา กลายเป็น “พระเอกลิเกพันล้าน” มีแม่ยกมากที่สุดในประเทศ แต่ใครจะคิดว่าครั้งหนึ่งผู้ชายคนนี้จะมีมุมมืดคิดสั้นฆ่าตัวตาย วันนี้เราจะคุยกับเขาทุกเรื่อง แบบหมดเปลือกไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรัก หรือล่าสุดกับบทบาทใหม่ในการเป็นพิธีกรครั้งแรกกับรายการ “ครัวลั่นทุ่ง” ทางช่องสตาร์แม็กซ์
    
    พูดถึงงานพิธีกรครั้งแรกก่อนเลย มาทำงานตรงนี้ได้ยังไง “ดีใจมากครับที่ทางสตาร์แม็กซ์ ให้โอกาสได้มาทำพิธีกร จริง ๆ เริ่มมาจากผมไปออกรายการ คนดังนั่งเคลียร์ แล้วมีโอกาสได้คุยกับทีมงานซึ่งตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกว่าทีมงานช่องนี้น่ารักเป็นกันเองทำงานเหมือนครอบครัว แอบคิดไว้ในใจว่าอยากจะทำงานกับที่นี่ พอทีมงานติดต่อมาว่าอยากจะให้เราทำงานพิธีกร ครัวลั่นทุ่ง ซึ่งรูปแบบรายการจะตะลุยไปทุกตำบลทั่วประเทศไทย เพื่อหาวัตถุดิบดี ๆ ชั้นเลิศมาปรุงเป็นอาหาร ผมก็รีบเคลียร์คิวเลย เพราะอยากทำมาก คือหนึ่ง ผมอยากทำงานพิธีกรอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาส สองเราเป็นคนชอบทำอาหาร ก็เหมือนกับเอาความชอบสองอย่างมารวมกันเป็นรายการนี้”
    
    ช่วงหลังดูเงียบไป ยังเล่นลิเกอยู่หรือเปล่า “ยังเล่นทั้งลิเกและร้องเพลงมีทัวร์คอนเสิร์ตตลอด ไม่ได้ห่างหายไปไหน แต่ก็มีหายจากหน้าจอไปบ้าง จริง ๆ งานลิเกก็มีเกือบทุกคืนและก็วงดนตรีรับ 2 อย่างบางเจ้าภาพจะเอาลิเก บางเจ้าภาพจะเอาคอนเสิร์ต บางเจ้าภาพไม่พอใจจะเอาทั้งลิเกและคอนเสิร์ต และก็มีไปออกงานการกุศลบ้างตามสภาพร่างกายที่พอไหว บอกตรง ๆ ทำงานอายุอานามก็ไม่ได้น้อย ๆ แล้ว บางครั้งร่างกายก็ไม่ไหว แต่สำหรับรายการทีวีไม่ค่อยได้ออกสักเท่าไหร่”
    
    ทำไมถึงทำงานเยอะขนาดนี้ “เงินทองมันเป็นของนอกกายก็จริง แต่ไม่ตายมันหายากมาก ถามว่ามีเวลาใช้เงินมั้ย มันก็มีนะครับ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ของตัวเองสักเท่าไหร่ เลี้ยงลูกน้องเยอะมาก แล้วไหนจะชุดลิเกอีก ตอนนี้ค่าชุดลิเกแพงมาก เคยได้ยินสุภาษิตว่า ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ เราจัดหนักมาตลอดมันต้องอลังการและเว่อร์ ไชยาจะไม่สวยไม่ได้ เพราะบางคนที่มาดูเขามาดูชุดลิเก มาดูความสวยงาม ชุดที่แพงที่สุด 5 แสนกว่าบาท มันเป็นเพชรสวารอฟสกี้ ทั้งคณะตัดเยอะมาก รายจ่ายของผมเยอะมาก ถามว่าเราทำอะไรเว่อร์ไปหรือเปล่า ไม่หรอกครับ เพราะเจ้าภาพเขาคาดหวังจะเห็นความสวยงาม ความอลังการจากเรา ซึ่งเราก็ทำให้เขาผิดหวังไม่ได้”
    
    มีคนเมาท์ว่า “ไชยา มิตรชัย” มีเงินเป็นพันล้าน “อย่าเลยครับ ไม่มีมากขนาดนั้นหรอกครับ ส่วนใหญ่จะเป็นอสังหาฯซะมากกว่า คุณพ่อคุณแม่ ซื้อไว้ตั้งแต่ที่ดินยังราคาถูก ๆ ที่เขาบอกว่าเป็นลิเกพันล้าน ถ้ามาเริ่มนับตั้งแต่ผมเริ่มเล่นรวม ๆ กันก็น่าจะได้ รถก็เป็น 10 คันเข้าไปแล้ว ไหนจะองค์ประกอบฉากไฟแสงสี ล่าสุดก็เพิ่งไปซื้อลำโพงมาใหม่ ทำไมหน้าฝนไชยาไม่รับลิเก ต้องบอกว่าถ้าโดนน้ำโดนฝน ลำโพงดอกหนึ่งก็ 6 หมื่น ถ้าขาดไปสัก 2-3 ดอกไม่ต้องพูดถึงเลย” ดูเป็นคนร่าเริง แต่ก็มีเรื่องเศร้าในชีวิต ถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย “มันเกิดมาจากตอนที่เราดังใหม่ ๆ ตอนเพลง กระทงหลงทาง เราเริ่มต้นจากการเป็นลิเกตอนนั้นก็หนักแล้ว แต่พอเปลี่ยนจากลิเกเริ่มเข้ามาเป็นนักร้อง มันก็หนักอีก ชีวิตความเป็นส่วนตัวหมดไป แล้วพอมาเล่นหนังเล่นละครงานมันรุมเข้ามาทุกอย่าง ชีวิตของ ไชยา มิตรชัย ถามว่าลำบากมั้ยลำบากครับ เพราะเรามาจากครอบครัวธรรมดา ครอบครัวลิเก ต่อสู้กับชีวิตมาจนรอดมาได้ แต่พอมาหลัง ๆ ชีวิตหน้าฉากที่ดูสวยหรู พอเรามีปัญหาแทบจะไม่เหลือใครเลย เหลือตัวคนเดียวกับชุดลิเกที่หนักอึ้ง ผมโดนนักข่าวตามด้วย นอกจากนั้นก็มีปัญหากับวัดที่เคยอยู่แต่ตอนนี้ก็เคลียร์หมดแล้ว ช่วงนั้นมีแต่ข่าวเสีย ชีวิตระแวงตลอดเวลา อีกหนึ่งประเด็นคือช่วงนั้นเราทำงานหนักมีถ่ายทำรายการทุกวัน พอกลับมาหลังเวทีลิเก ข้าวก็ยังไม่ได้กินก็ต้องรีบแต่งหน้า แต่มันสายทำให้การแสดงขาดช่วง พ่อก็ด่าที่เราทำให้เกิดความเสียหาย เราก็เลยรู้สึกน้อยใจ พอลิเกเลิกเราคว้ากุญแจรถขับรถออกไปเพื่อลาโลกแล้ว คิดว่าเสาไฟฟ้าสวยกะจะพุ่งเข้าไปชน แต่มีรถที่ตามมาปาดหน้า ผมก็คิดว่ารถพ่อ แต่เป็นรถคนดูเขาตามมา เขาเป็นห่วงเราแล้วก็ปลอบโยนเรา”
    
    คิดมั้ยว่า เกิดมาทำไมต้องรับภาระหนักอึ้งขนาดนี้ “ไม่เคยคิดเลยครับ พ่อแม่เป็นลิเก แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะได้เล่นลิเก ได้ออกทีวี ฟังเพลงนักร้องเมื่อก่อน ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นนักร้อง มาเป็นนักแสดงออกทีวี จนปัจจุบันได้เงินมาทุกบาททุกสตางค์ ก็พยายามสอนเด็กรุ่นหลังว่าเงินลิเกเป็นเงินที่ร้อน หมายความว่า พวกแม่ ๆ ที่มาดูเราเล่นลิเกเขามาทุกวัน แค่ค่ารถ ค่าซื้อเก้าอี้มาดูเราก็เยอะแล้ว ไหนจะมาติดเงินพวงมาลัยเราอีก ผมก็บอกเลยว่าแค่แม่ ๆ มาดูผมก็ดีใจแล้ว แต่บรรดาแม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้เดือดร้อน บางครั้งผมถึงกับประกาศไม่รับเงินเลย”
    
    รู้สึกยังไง ที่เป็นคนมีเสน่ห์มาก...ก “ผมทำงานผมทำด้วยความจริงใจ มีอยู่งานหนึ่งผมไปเล่นลิเก ก็มีแม่ค้าเดินเข้ามานะ บอกว่า ไชยา ขอของดีหน่อย ผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่มีพี่ ตั้งแต่เล่นลิเกมาผมไม่เคยเสกมนต์ คุณปู่เขาเคยจดให้แต่ผมไม่เคยใช้เลยจริง ๆ ผมไม่เคยเล่นไสยศาสตร์เลย ส่วนของดีที่มีติดตัวก็คือ ความจริงใจให้กับคนดู เราต้องจริงใจกับงานที่ทำ พ่อจะสอนอยู่เสมอ อย่างไปวัดต่าง ๆ หลวงพ่อแค่เป่ากระหม่อมเท่านั้น ไม่มีลงอะไรให้เลย”
    
    คิดว่าวันหนึ่งถ้าเรามีครอบครัว บรรดาแม่ยกเขาจะรับได้มั้ย “ก็ตกนะครับ เพียงแต่ว่าชีวิตส่วนตัวเราจะน้อยกว่าคนอื่น แต่ก็มีไปเที่ยวตามประสาบ้าง แต่ผมคิดว่าแฟน ๆ ไชยา คงจะรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน ทำงานมานานแล้ว ถ้าผมจะใช้ชีวิตในเรื่องส่วนตัวบ้าง ทุกคนก็คงจะกรุณาผม จริง ๆ ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มีกิเลสรักโลภโกรธหลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทุกวันนี้บอกตรง ๆ ว่าเอาธรรมะเข้าข่มเหมือนกัน ถามว่ามีความรักมั้ย มีความต้องการมั้ย ก็บอกตรง ๆ ว่ามีเหมือนทุกคนครับ ผมเป็นมนุษย์เดินดินเหมือนกัน แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าแม่ยกจะรับไม่ได้”
    
    สรุปง่าย ๆ ชีวิตวันนี้มีความสุขที่เป็น “ไชยา มิตรชัย” แล้วนะเอย...ย. ‘ปรางค์ ปิ๊กมี่’   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)