ผู้เขียน หัวข้อ: สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันที่ 13 ตุลาคม 2556  (อ่าน 696 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “หนึ่งไม่ได้ถามถึงเรื่องงานของโจ้ หนึ่งถามถึงตอนนี้ โจ้กับคุณกรรณกำลังทำอะไรกันอยู่ใช่ไหมจ๊ะ”
    
    “ทำไมรู้ล่ะ”
    
    “ทำไมหนึ่งจะไม่รู้ โจ้ไม่มีน้องสาว โจ้ไม่ไว้ผมยาวเกินบ่าเพราะโจ้ไม่ชอบหวีผม แล้วคนอย่างโจ้ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับคนที่โจ้รัก โจ้ไม่มาคร่ำครวญขอความช่วยเหลือจากใครหรอก โจ้จะไปถล่มเอง”
    
    พงอินทร์เป็นห่วงน้ำหนึ่ง จึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้น้ำหนึ่งฟัง เพื่อที่น้ำหนึ่งจะได้ระวังตัว ไม่ตกเป็นเหยื่อของแผนยุทธ พงอินทร์แนะนำให้น้ำหนึ่งรู้จักกรรณาในฐานะนักสืบที่จะมาช่วยสืบคดีพิมอร และขอให้ทั้งคู่แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ เผื่อมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่อเพชร ให้น้ำหนึ่งรีบโทรฯบอกกรรณา
    
    ช่อเพชรตามแผนยุทธมาที่ทำงาน พอรู้ว่ากรรณากับพงอินทร์มาหาแผนยุทธก็ไม่พอใจมาก ส่งเสียงกรีดร้องเสียงดังจนกรรณาแทบทนไม่ไหว น้ำหนึ่งช่วยเบนความสนใจจากแผนยุทธ ให้พงอินทร์พากรรณาหลบออกไปได้โดยที่แผนยุทธไม่เห็น
    
    พอกรรณาไปแล้ว ช่อเพชรก็รีบเข้าไปแทรกกลางระหว่างน้ำหนึ่งกับแผนยุทธ “อีน้องชั่ว แกอีกคนมาแย่งผัวชั้น คุณแผนยุทธอย่าไปยุ่งกับมัน นังนี่มันบ้า มันเป็นโรคจิต”
     
    พลังของสุคนธรสและญาณินไม่สามารถทำอะไรได้ ติณห์ตัดสินใจพาญาณินไปคุยกับกำนันพงษ์ที่เรือนจำ โดยเอารูปจากโทรศัพท์มือถือญาณินที่ถ่ายยันต์อักขระไปให้กำนันพงษ์ดูด้วย กำนันพงษ์บอกว่ายันต์อักขระแบบนี้ มีเพียงสองคนที่ทำได้ คนหนึ่งคือกำนันพงษ์ แต่อีกคนคือหมอสมคิด
    
    ติณห์กับญาณินกลับมาปรึกษา สุคนธรส ไตรรัตน์ ป้าออ คุณหลวง และกุมาริกาที่รออยู่ที่เรือนรับรอง ญาณินคิดว่าคนที่เขียนยันต์อักขระที่เรือนไทย น่าจะเป็นลูกศิษย์ของกำนันพงษ์หรือไม่ก็หมอสมคิด
    
    ญาณินพูดยังไม่ทันขาดคำ บานกระจกหน้าต่างที่เรือนรับรองก็สั่นเทาระริก ฉับพลันทันใด คุณหลวงและกุมาริกาตัวซ่าเหมือนภาพทีวีล้มและชั่วอึดใจก็ปลิวลิ่วหายออกไปนอกห้อง สุคนธรส ญาณิน รับรู้ถึงพลังมาคุบางอย่างพร้อมกันทันที
    
    ประตู หน้าต่างในห้องที่สั่นระรัว ไล่จากด้านในสุดของห้องออกมาถึงที่ประตูทางเข้าที่ตอนนี้เปิดโล่ง ทุกคนหันไปมอง เห็นเบญจาก้าวเข้ามาหยุดยืนยิ้มทักทาย
    
    “สวัสดีค่ะ แหมอยู่กันครบเลย..ขอโทษที่หนูมาเสียค่ำ..อ้อ แล้วก็เมื่อกลางวัน ก็ไม่ทันได้รู้ว่าพี่ติณห์มีเพื่อนมาเที่ยวด้วยสองคน หนูเลยไม่ได้ต้อนรับเป็นพิเศษ”
    
    สุคนธรสที่พยายามจับความรู้สึกกับเบญจาแต่ไม่รู้สึกถึงพลังภายในอะไร จนกระทั่งเบญจารู้ว่าสุคนธรสคือใครถึงค่อยเผยพลังที่แท้จริงออกมา สุคนธรสบอกให้ทุกคนมาหลบอยู่ด้านหลัง
    
    “สุคนธรส!! เจอกันจนได้นะ ชั้นอยากเจอเธอมานานแล้ว”
    
    ทันใดนั้น ข้าวของทั่วห้องต่างลอยตัวพุ่งตรงเข้าใส่ทุกคนที่อยู่ในห้อง ยกเว้นติณห์ ทุกคนโดนข้าวของที่ไม่อันตรายมาก ยกเว้นสุคนธรสจะโดนพวกของแตกได้ เช่น แก้ว แจกัน ติณห์ตะโกนบอกเบญจาให้หยุด เบญจาเหมือนไม่ได้ยินเสียงติณห์ โฟกัสที่สุคนธรสอย่างเดียว สุคนธรสหลับตาท่องคาถาบางอย่างในช่วงเสี้ยววินาที พลันลืมตาพร้อมกับวาดมือโค้งจากล่างขึ้นบนข้ามไปหลังศีรษะ ข้าวของที่ตรงเข้ามาหาเธอทั้งหมดก็กระเด้งกระดอนคล้ายลูกปิงปองกลับออกไปกระทบฝาบ้านแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
    
    “เธอเป็นใคร รู้จักชั้นได้ยังไง”
    
    เบญจาไม่ตอบ แต่ในชั่วแวบเสี้ยววินาทีนั้น ญาณินสังเกตคล้ายมีรูปอีกากระพือปีกบินในแววตาดำของเบญจาได้ชัดเจน ทันใดนั้นตู้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้สุคนธรสกำลังล้มเอี๊ยดลงมา ติณห์โผพุ่งไปคว้าตัวสุคนธรสกลิ้งหลบหลุน ๆ พลันตู้อีกใบที่ติณห์และสุคนธรสกลิ้งไปอยู่ใกล้ก็ล้มลงมาอีก ทั้งสองต้องกลิ้งตัวหลบแยกออกคนละทาง เบญจาฉุนที่พลาด “นี่เธอ...มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ไตรรัตน์วิ่งตรงเข้าไปหาเบญจา
    
    “นายไตรรัตน์ อย่า...”
    
    “ไตรรัตน์เหรอ...แกก็อีกตัว”
    
    ไม่ทันที่ทุกคนจะห้ามไตรรัตน์ เบญจายกมือขึ้นมาขนานกับพื้น ทันใดนั้นไตรรัตน์เหมือนโดนค้อนขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาปะทะลำตัว ลอยกระเด็นไปชนข้างฝา กลิ้งลงมากองกับพื้นเลือดออกปาก ติณห์ลุกขึ้นมาขวางเบญจา เบญจาบอกให้ติณห์หลบ แต่ติณห์ไม่ยอมหลบ
    
    เสียงตูมตาม โครมคราม ข้าวของแตกในเรือนรับรองดังออกมาข้างนอก คุณหลวงกับกุมาริกา ยืนลุ้นไปมาอยู่หน้าบ้าน จู่ ๆ มิรันตีกับทนายสมชาติก็เดินมาหยุดอยู่หน้าบ้าน
    
    “ชั้นจะมาดูให้เห็นกะตาเลย ถ้ายัยยิปซีนั่นยังอยู่ ชั้นจะไล่มันออกไปเอง”
     
    สมชาติสังเกตเห็นข้างในบ้าน “โอโห เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น”
    
    มิรันตีหันไปมองเรือนรับรอง ตาโต
     
    ตอนที่ 18
    
    สุคนธรสอาศัยจังหวะที่เบญจาไม่กล้าทำร้ายติณห์ สวดคาถาพุทธชยันโตใส่เบญจา คลื่นพลังกระแทกเบญจาถึงกับตัวงอ ลื่นไถลถอยหลังไปหนึ่งช่วงตัว แต่ไม่เป็นอะไรมาก เบญจาโกรธมาก รวบรวมพลังจิตเป็นทรงกลม ๆ ดำ ๆ แล้วโยนขึ้นสูง สิ่งกลม ๆ บานออกเหมือนหอยเม่น สลัดเข็มแหลม ๆ นับไม่ถ้วน พุ่งเข้าสู่กลุ่มติณห์
    
    เบญจาได้ยินเสียงมิรันตีกับทนายสมชาติ จึงรีบหยุดการโจมตีพวกญาณิน แล้วทำเป็นสะบักสะบอมเดินออกไปฟ้องมิรันตีว่าถูกพวกญาณินรุมทำร้าย ติณห์พยายามอธิบายแต่มิรันตีไม่ฟัง ไล่ญาณินกับพวกให้ออกไปจากรีสอร์ท ติณห์จะตามญาณินไปด้วย แต่ญาณินกับคุณหลวงช่วยกันห้ามไว้ และก่อนที่พวกญาณินจะไป สุคนธรสได้แอบมอบตะกรุดสามกษัตริย์ให้ติณห์เก็บไว้ป้องกันคุณไสย
     
    ระหว่างขับรถพากรรณาไปส่งที่บริษัท พงอินทร์ได้ยินกรรณาพูดว่านํ้าหนึ่งเป็นแฟน ก็รีบอธิบายว่าตนไม่เคยเป็นแฟนกับนํ้าหนึ่ง เพราะนํ้าหนึ่งไม่เชื่อว่าตนจะรักเดียวใจเดียว กรรณาบอกเป็นเธอก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน พงอินทร์รีบทำตาหวานใส่ บอกจะทำให้กรรณาเชื่อให้ได้
    
    คืนนั้น พงอินทร์โทรศัพท์มาหากรรณา บอกว่าตัวเองเหงา กรรณาใจเต้นประหลาด แต่ก็ทำห้าวกลบเกลื่อน ไล่ให้พงอินทร์โทรศัพท์ไปคุยกับก๊องหรือไม่ก็นํ้าหนึ่งแทน พงอินทร์บอกนํ้าหนึ่งไม่ให้โทรฯ หาหลังสี่ทุ่ม กรรณาแอบน้อยใจคิดว่าพงอินทร์โทรฯ มาหาเพราะโทรฯ ไปหานํ้าหนึ่งไม่ได้
    
    วางสายจากพงอินทร์เสร็จปุ๊บก็มีข้อความส่งเข้ามาในมือถือ กรรณารีบกดเปิดอ่าน พบว่าเป็นนํ้าหนึ่งส่งข้อความมาบอกว่ามีความคืบหน้าเรื่องช่อเพชร ให้รีบติดต่อกลับ กรรณารีบโทรศัพท์ไปหานํ้าหนึ่ง ทั้งคู่นัดพบกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
    
    กรรณาไปถึงร้านไม่เห็นนํ้าหนึ่ง จึงสั่งกาแฟมาดื่มฆ่าเวลา แต่ขณะที่กรรณายกกาแฟดื่ม กลับมีเสียงท้าทายมาจากโต๊ะที่ติดกัน กรรณาแปลกใจที่นํ้าหนึ่งนั่งอยู่โต๊ะติดกันมาตั้งแต่แรก แต่ทำไมเธอจึงไม่เห็น แต่ไม่เป็นไร กรรณาคิด ตอนนี้เอาเรื่องช่อเพชรก่อน
    
    นํ้าหนึ่งเอาซองบิลค่าโทรศัพท์ของช่อเพชรมาให้กรรณาดู นํ้าหนึ่งอ้างว่าเมื่อเย็นจัดโต๊ะทำงานเจอซองบิลอยู่ในตะกร้า คิดว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อการสืบคดีเลยเอามาให้ แต่พอดีเธอเพิ่งเลิกประชุม เลยติดต่อหากรรณาดึกไปหน่อย กรรณาถามนํ้าหนึ่งว่าบอกพงอินทร์หรือยัง นํ้าหนึ่งรีบปฏิเสธ
    
    เช้าวันรุ่งขึ้น กรรณานั่งมอเตอร์ไซค์วินเข้าไปที่คอนโดของช่อเพชร ตามที่อยู่ที่จ่าหน้าซองบิลค่าโทรศัพท์ คอนโดสภาพเก่าทรุดโทรม มีไฟเปิดสว่างสลัวบริเวณโถงลิฟต์ บ่งบอกว่ามีคนอยู่น้อยมาก ทันทีที่กรรณาไปถึงก็ได้ยินเสียงวิญญาณดังลั่น ทำให้รู้ว่า สาเหตุที่ทำให้คอนโดนี้เกือบเป็นคอนโดร้างเพราะสร้างทับที่ใครบางคนเอาไว้
    
    กรรณาคิดจะล่าถอย แต่ประตูลิฟต์เปิดรับเธอเสียก่อน กรรณารีบดึงหูฟังขึ้นมาใส่แล้วรีบวิ่งเข้าไปในลิฟต์ แล้วกดชั้น 12 ตามที่อยู่ในใบแจ้งหนี้ พอไปถึงชั้น 12 กรรณารู้สึกเหมือนถูกจับตามอง หญิงสาวสูดลมหายใจเรียกกำลังใจตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปตามทาง ตามองประตูห้อง ไล่เลขห้องไปเรื่อย ๆ มีประตูห้องบานหนึ่ง มีแผ่นไม้ตอกปิดหน้าห้อง หน้าแผ่นไม้ติดผ้ายันต์สีแดง กรรณาถอยห่างจากประตู จนพ้นระยะน่ากลัว จึงหันเดินไปต่อ
    
    กรรณาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของช่อเพชร หญิงสาวก้มมองตํ่า เห็นมีเงาเหมือนคนเดินอยู่ในห้องวับแวบผ่านใต้ประตู จึงพยายามเคาะประตูเรียก แต่คนที่เปิดประตูออกมาคุยกับกรรณากลับเป็นยายแก่ห้องตรงข้าม กรรณาถามหาช่อเพชร ยายแก่รีบบอกว่าเธอไม่สนใจ และไม่อยากรู้จักพวกเมียน้อย แต่กลับเล่าเมาท์เรื่องช่อเพชรได้เป็นคุ้งเป็นแคว กรรณาคิดว่ามีคนอยู่ในห้องแน่ จึงแกล้งพูดกับยายแก่เสียงดัง กะให้คนในห้องได้ยิน
    
    “ฝากคุณยายบอกเขาให้หน่อยนะคะ ว่าหนูต้องการคุยกับเขา เรื่องการตายของเมียหลวงของผู้ชายที่มาหาเขาบ่อย ๆ นั่นแหละค่ะ ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณยายก็บอกเขาให้โทรฯ กลับหาหนูนะคะ หนูจะทิ้งเบอร์ไว้ให้”
    
    กรรณาสอดกระดาษเข้าไปใต้ประตู แล้วทำเดินกลับไป แต่เดินห่างออกมาได้หน่อย กรรณาก็แอบเอาหลังติดกำแพง ชะเง้อมองไปที่แผ่นกระดาษใต้ประตู แผ่นกระดาษยังอยู่ที่เดิม ไม่มีการเคลื่อนไหว จู่ ๆ โทรศัพท์กรรณามีสายเข้าเสียงดังลั่น กรรณารีบกุมกระเป๋าไม่ให้เสียงดัง แล้ววิ่งไปจากตรงนั้น ไปหยุดแอบอยู่มุมหนึ่ง ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า แล้วมือก็ปัดไปโดนผ้ายันต์บนแผ่นไม้ ผ้ายันต์ปลิวตกพื้น ประตูหลังแผ่นไม้ค่อย ๆ เปิดเอี๊ยด กรรณาไม่อยู่แล้ว วิ่งเตลิดกลับไป เลยไม่ได้เห็นว่าแผ่นกระดาษที่สอดไว้ใต้ประตูห้องช่อเพชรถูกดึงเข้าไปข้างใน
     
    สุพิชชาไปหาณัฐเดชที่กำลังคุยกับวรวรรธอยู่ที่สถาบันนิติเวช หญิงสาวแอบยื่นขาไปเขี่ยขาวรวรรธใต้โต๊ะ จนวรวรรธทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นยืนคุยกับณัฐเดชแทน
    
    ติณห์เห็นมิรันตีพาเบญจาออกไปนอกบ้าน จึงแอบเข้าไปค้นกระเป๋าที่เบญจาสะพายติดตัวมาด้วย แต่เบญจาเหมือนรู้ตัว ย้อนกลับมาเอากระเป๋าสะพายติดตัวไปด้วย
    
    ช่วงบ่าย มิรันตีกับเบญจากลับมาถึงรีสอร์ท พบว่าญาณินกับป้าออกลับมาที่รีสอร์ท มิรันตีรีบเดินไปโวยวายไล่ทั้งคู่ให้กลับไป ญาณินพยายามอธิบายบอกเธอลืมสมุดออกแบบไว้ แต่มิรันตีไม่เชื่อ คนงานเห็นท่าไม่ดีรีบไปตามติณห์มา ติณห์จะเข้าไปหาญาณินแต่ถูกมิรันตีดึงตัวไว้
    
    ป้าออเข้ามาขวางไม่ยอมให้มิรันตีทำร้ายญาณิน มิรันตีกับป้าออมีปากเสียงทะเลาะตบตีกัน ติณห์เข้าไปดึงป้าออออกจากมิรันตี ป้าออถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกข้างฝา ญาณินโกรธติณห์มาก ติณห์ไม่อยากให้มีปัญหา จะให้ป้าออไปขอโทษมิรันตี ญาณินเห็นว่าผิดด้วยกันทั้งสองฝ่าย เลยไม่ยอมให้ป้าออไปขอโทษมิรันตีฝ่ายเดียว
    
    ญาณินไม่พอใจติณห์มาก ตัดสินใจประกาศยุติความสัมพันธ์ชั่วคราว มิรันตีกับเบญจายืนมองอยู่ที่ระเบียงบ้าน เบญจาสีหน้าเรียบเฉย ยังไม่ปักใจเชื่อซะ
    ทีเดียว
    
    ที่แท้ทั้งหมดเป็นแผนการของญาณินกับติณห์ที่จะทำให้เบญจาไว้ใจติณห์ แต่ญาณินคิดว่าเบญจาคงไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ ไตรรัตน์จะช่วยคิดวางแผนทำให้เบญจาไว้ใจติณห์มากขึ้น แต่เจ๊หญิงโทรศัพท์มาตามให้ไตรรัตน์กับสุคนธรสกลับไปที่บ้านด่วน
    
    วิญญาณโบตั๋นอาละวาดขว้างปาข้าวของ ทำเสียงดัง ไม่มีใครในบ้านกล้าขึ้นไปดู สุคนธรสไม่ฟังคำท้วงของไตรรัตน์ เดินเข้าไปดูในห้องของโบตั๋น ทุกคนวิ่งตามไปห้าม แต่ไม่ทัน อาม่าถึงกับเป็นลมเมื่อถูกโจมตีด้วยอดีตร้าย สุคนธรสพยายามหาทางช่วยโบตั๋น แต่กลับยิ่งถูกกลั่นแกล้งเมื่อโบตั๋นได้ยินสุคนธรสแนะนำตัวว่าเป็นสะใภ้ของบ้านนี้ สุดท้าย ไตรรัตน์ เสี่ยจำเริญ เจ๊หญิง ยอมเล่าเรื่องโบตั๋นให้สุคนธรสฟัง
    
    ที่แท้โบตั๋นเป็นน้องของไตรรัตน์ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนยังเด็ก หลังจากโบตั๋นเสียชีวิต ทุกคนในบ้านฝันเห็นโบตั๋นทุกวัน ทุกคนอยากให้โบตั๋นพ้นจากความทรมาน จึงไปขอให้หมอสมคิดช่วยปลดปล่อยโบตั๋น ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วหมอสมคิดใช้คาถาอาคมกักขังวิญญาณโบตั๋นไว้ สุคนธรสเห็นผ้ายันต์ที่หมอสมคิดใช้กักขังโบตั๋นก็รู้สึกสนใจมาก
     
    ติณห์แกล้งทำเป็นอาละวาด โวยวาย เสียใจที่ถูกญาณินบอกเลิก มิรันตีคิดหาผู้หญิงคนใหม่มาให้ติณห์ พอเห็นเบญจาเสนอตัวเอายาเข้าไปให้ติณห์ทา มิรันตีก็คิดจะจับคู่ให้เบญจากับติณห์ทันที
    
    ติณห์ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นคุณหลวง กุมาริกาคิดว่าติณห์เศร้าจนประสาทสัมผัสมืดบอดหมดแล้ว เบญจาช่วยทำแผล ปลอบใจให้ติณห์ ติณห์ทำเหมือนเคลิบเคลิ้ม แต่สุดท้ายกลับผลักเบญจาออกห่าง ก่อนประกาศก้องว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้หมดรักญาณินได้ เบญจาโกรธมาก เดินดิ่งเข้าไปในป่า ใช้รูปหล่อพ่องั่งแม่งั่งมาทำพิธีให้ติณห์รัก
     
    ตอนที่ 19
    
    เนตรสิตางศุ์ไม่พอใจมากที่ณัฐเดชให้สุพิชชามาดูแลบ้าน ทำกับข้าวแทนตน พอวรวรรธมาหาเนตรสิตางศุ์ก็รีบชวนออกไปทานข้าวข้างนอก แต่สุพิชชาไวกว่า อ้อนขอให้ณัฐเดชชวนวรวรรธอยู่ทานข้าวด้วยกันที่บ้านก่อน วรวรรธไม่อยากมีปัญหา จำต้องอยู่ทานข้าวกับณัฐเดช
    
    ระหว่างทานอาหาร สุพิชชาแอบเขี่ยขาวรวรรธใต้โต๊ะอีก วรวรรธหดขาเข้ามาชิดเก้าอี้ นั่งตัวเกร็ง สุพิชชาอ้างว่าจะไปเอาพั้นซ์ผลไม้มาเสิร์ฟ ให้วรวรรธไปช่วยยก เนตรสิตางศุ์ฉวยโอกาสคุยกับณัฐเดช ไม่อยากให้สุพิชชาเข้ามาวุ่นวายในบ้าน แต่ณัฐเดชไม่เข้าใจ กลับมองว่าเนตรสิตางศุ์งอแง เอาแต่ใจเหมือนที่สุพิชชาเคยบอก
    
    สุพิชชาพยายามยั่วยวน ถึงเนื้อถึงตัววรวรรธตลอด วรวรรธไม่กล้าโวยเสียงดัง กลัวเนตรสิตางศุ์จะเสียใจ พอดีเนตรสิตางศุ์เข้ามาตาม สุพิชชาถึงได้ยอมผละออกห่างจากวรวรรธ ณัฐเดชเดินตามมา จะบังคับให้เนตรสิตางศุ์กลับไปกินข้าวต่อ เนตรสิตางศุ์น้อยใจ ลากวรวรรธออกไปนอกบ้านทันที
     
    ติณห์จะเก็บเสื้อผ้าย้ายออกจากรีสอร์ทไปอยู่กับญาณิน แต่กลับถูกเบญจาทำเสน่ห์ใส่ ติณห์เปลี่ยนท่าที เลิกพูดถึงญาณิน ออกตามหาเบญจาไปทั่วรีสอร์ท มิรันตี ทนายสมชาติ คุณหลวง กุมาริกา พากันแปลกใจกับท่าทีของติณห์เป็นอย่างมาก
    
    คุณหลวงเห็นติณห์ทำท่าเหมือนกับทั้งรักทั้งหลงเบญจา เหมือนกับตอนที่ถูกเพนนีทำเสน่ห์ จึงพยายามจะพูดเตือนสติให้ติณห์รู้สึกตัว แต่ติณห์เหมือนกับมองไม่เห็นคุณหลวง ไม่สนใจฟังคำเตือน จริง ๆ แล้วผ้ายันต์ของสุคนธรสช่วยป้องกันไม่ให้ติณห์หลงเสน่ห์เบญจา แต่ที่ติณห์แกล้งทำเป็นเหมือนกับหลงเสน่ห์ก็เพื่อให้เบญจาไว้ใจ
    
    สุคนธรสส่งรูปยันต์ของหมอสมคิดที่ใช้ทำพิธีกักขังโบตั๋นไปให้ญาณินดู เทียบกับยันต์ที่ญาณินถ่ายมาจากสปาของมิรันตี พบว่ามีรูปแบบคล้ายกันมาก แต่ญาณินยังเชื่อว่ายันต์ที่สปาเป็นฝีมือเบญจาเพราะสมคิดถูกถอดของออกจากตัวหมดแล้ว
    
    ติณห์โอบกอดเบญจาชี้ชวนให้ดูดาวอยู่ที่ระเบียงบ้านด้วยกันจนดึก ก่อนไล่ให้เบญจาเข้าไปอาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า จะพาไปเดินเล่นริมนํ้าตกต่อ ระหว่างเบญจาอาบนํ้า ติณห์แอบค้นกระเป๋าสะพาย เบญจาเปิดประตูออกมาเจอ ติณห์แกล้งทำเป็นหึงหวง คิดว่าเบญจาซ่อนรูปถ่ายผู้ชายไว้ในกระเป๋า เบญจาคิดว่าติณห์หลงเสน่ห์จริง เลยไม่ติดใจสงสัยอะไร
     
    จุนจีพากรรัมภาไปคุยกับเจ้าของร้านเพชรที่กรรัมภามองเห็นตอนสัมผัสเพชรรูปหยดนํ้า เจ้าของเพชรยืนยันว่าชุดเครื่องเพชรที่จุนจีมีอยู่เป็นของปลอม ที่สำคัญเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน อติเทพกับทนายสมชายเพิ่งเอาเครื่องเพชรชุดนี้มาขายคืนให้กับทางร้าน เจ้าของร้านคิดว่าจุนจีกับกรรัมภาเป็นพวกต้มตุ๋น แต่พอรู้ว่าจุนจีเป็นใคร ถึงได้ยอมคุยต่อ
    
    กรรัมภาขอสัมผัสเครื่องเพชรของจริง เจ้าของร้านยอมเอาเครื่องเพชรออกมาให้ดู เพราะเห็นว่าในร้านมีกล้องวงจรปิด กรรัมภากับจุนจีคงไม่กล้าทำอะไร
    
    หลังจากสัมผัสเครื่องเพชร กรรัมภาก็ได้เห็นว่าที่พิมพ์พิลาสรักเครื่องเพชรชุดนี้มากเพราะอติเทพเป็นคนซื้อให้ แม้จะใช้เงินของพิมพ์พิลาสเองก็ตาม แต่ช่วงหลัง อติเทพเหมือนมีเรื่องร้อนเงิน จะเอาเครื่องเพชรไปขาย แต่พิมพ์พิลาสไม่ให้ อติเทพไม่พอใจถึงกับใช้ปืนขู่
    
    จุนจีสรุปว่าอติเทพเป็นคนฆ่าพิมพ์พิลาส แต่กรรัมภายังไม่ปักใจเชื่อ เพราะพิมพ์พิลาสเคยบอกไว้ว่า ก่อนสิ้นใจ มีผู้หญิงสวมรองเท้าคัทชูสีแดง ยืนมองอยู่ เกิดการท้าพนันระหว่างจุนจีกับกรรัมภา ถ้าใครหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ก่อนถือเป็นฝ่ายชนะ ส่วนคนแพ้ต้องเต้นควิโยมิ
     
    ผลการตรวจสภาพรถของพิมอร พบว่าสภาพรถยังดีอยู่ แสดงว่าพิมอรไม่ได้ขับรถมาแล้วยางแตก รถชนกับต้นไม้ ฟุตปาธทำให้เสียหลักพุ่งลงไปในนํ้าแน่นอน ช่วงล่างรถก็ไม่มีรอยกระแทก ทั้ง ๆ ที่ขอบสระนํ้ามีหินก้อนใหญ่ ๆ อยู่เยอะแสดงว่ารถค่อย ๆ ขับลงไปในบึง
    
    ผลการตรวจสอดคล้องกับภาพที่กรรัมภาเคยเห็น สรุปได้ว่าผู้หญิงที่อยู่กับพิมอรเป็นคนสุดท้าย เป็นคนเข็นรถพิมอรลงไปในนํ้า แต่ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พงอินทร์เพิ่งรู้ว่ากรรณาเคยได้ยินเสียงพิมอร จึงคิดจะให้กรรณาลองถามพิมอรโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะได้หาหลักฐานไปจับฆาตกรได้เร็วขึ้น
    
    กรรณาบอกให้พงอินทร์รีบหลับ พิมอรจะได้มาร้องเพลงกล่อม เธอจะได้คุยกับพิมอร แต่ตอนนี้ยังกลางวันอยู่ พงอินทร์นอนไม่หลับ กรรณาต้องเกาหลังให้เหมือนกับที่พิมอรเคยทำ พงอินทร์ถึงจะหลับได้ พอพงอินทร์หลับ หูกรรณาก็ได้ยินเสียงพิมอรร้องเพลงหวานเศร้าขึ้นมาทันที กรรณารีบขอให้พิมอรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
    
    พิมอรเล่าว่า วันนั้น ช่อเพชรโทรฯ มานัดให้ไปพบที่ริมถนนเปลี่ยวแห่งหนึ่ง อ้างว่าอยากเคลียร์ปัญหาเรื่องแผนยุทธ พิมอรเบื่อเต็มทน ตัดสินใจจะไปคุยกับช่อเพชรให้รู้เรื่อง
    
    “ชั้นไม่เคยคิดว่าจะโกรธจะเกลียดใครได้มากเท่านี้ ชั้นอยากให้เขาตาย จะได้ไม่ต้องมีใครมาแย่งความรักของคุณแผนยุทธไปจากชั้นอีก ชั้นนึกอยากจะฆ่าเขาเอง แต่ชั้นต้องข่มใจ เตือนตัวเองว่าจะไม่ทำลายชีวิตตัวเอง ชั้นจะคุยกับเขาดี ๆ ถ้าเขาอยากได้อะไร ชั้นจะให้เขา ขอให้เรื่องจบก็พอ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ชั้นคิด เพราะเขาไม่ใช่...”
    
    พิมอรยังพูดไม่จบ พงอินทร์ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน กรรณาเซ็งสุดขีด   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)