วันที่ ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธีสืบนาคะเสถียร มาออกรายการ “ตีข่าวแตก” ทางเดลินิวส์ ทีวี วันที่ 25 ก.ย. เป็นวันที่แกไปออกรายการ “เจาะข่าวเด่น” ทางช่อง 3 วันนั้น แกนั่งมอเตอร์ไซต์จากอโศก มายังสำนักงานเดลินิวส์ เพื่อมาออกอากาศสด เพราะกลัวไม่ทัน แต่ที่ออกไป ยังไม่ดังเท่ากับ การถูกระงับการออกอากาศของรายการ “คนค้นคน” ที่นำเสนอตอน การเดิน 338 กิโลเมตร ของ ศศิน เฉลิมลาภ ที่จะออกอากาศ ในวันเสาร์ที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลจากทาง อสมท บอกว่า เนื้อหายังไม่สมดุล เนื้อหารายการมุ่งไปทางฝ่ายค้านค้านมากว่าสนับสนุน แม้ทางผู้ผลิตรายการ จะมีการปรับปรุง ความเหมาะสมในการนำเสนอรายการเป็นครั้งที่ 2 แล้ง แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ออกอากาศจริงๆ การโผล่ขึ้นในยูทูปจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และปรากฏว่า บรรดาผู้ที่ติดตามเรื่องราวการรณรงค์ค้านการสร้างเขื่อน ก็ไม่พลาดที่รับสาร ผ่านออนไลน์ โดยตรง แถมยังได้ชม ฉบับไม่เซ็นเซอร์ อีกด้วย นี่เป็นปรากฏการณ์ ที่ เนื้อหา (Content) ไม่ง้อ ช่องทาง (Channel) ในเมื่อฟรีทีวี ที่อาจมีกฎ กติกา จำกัด หรือมีความเกรงใจ เกรงกลัว อะไรบางอย่าง จนไม่ผ่าน ให้รายการนำเสนอได้ ทุกอย่างไม่มีหายไป เจอกันได้บนออนไลน์ (...สมัยก่อน นักข่าวหนังสือพิมพ์ ที่ได้ข่าวเดียว ก็จะท้าทายเพื่อนร่วมวิชาชีพ จะบอกว่า “เจอกันบนแผง” ) จนทำให้ ความลับ ไม่มีในโลกอีกต่อไป และการนำเสนอผ่านออนไลน์ ก็สะท้อนกลับมายัง “คนบางการ” เพราะผู้ชมเขาได้ดู พินิจ พิจารณา เนื้อหาด้วยตนเอง ทำให้รู้ว่า การใช้ปัญญา ตัดสินใจนั้น มีความชัดเจนอย่างไร และสิ่งที่ในวงการโทรทัศน์จะต้องปรับตัวต่อไปอีกขั้น อันเนื่องมาจากพฤติกรรมคนดู เพราะต่อไป ไม่เพียง จอโทรทัศน์ เท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องมือ ในการรับชม ผู้ชมยังสามารถรับชมผ่านอุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ หลากหลายชนิด นี่แหละ การมาของทีวีดิจิตอลจะเป็นสิ่งที่น่าจับตามาก เพราะต่อไปการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะใช้เวลาไม่นาน เรื่องอะไรในอดีตที่ต้องรอยาวนาน ต่อไปก็อาจเร็วขึ้นเช่นกัน เหมือน “คนค้นคน” ไม่มีให้ดูในฟรีทีวี เพียง 5 ชั่วโมง หลังเวลารายการออกอากาศ ตอนที่ถูกแบน ก็ได้ดูทั้งโลกแล้ว เพราะฉะนั้น อย่าปิดหู ปิดตา คนดู!
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง
