ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวเกี้ยวเดือน วันที่ 26 กันยายน 2556  (อ่าน 501 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ดาวเกี้ยวเดือน วันที่ 26 กันยายน 2556
« เมื่อ: กันยายน 26, 2013, 11:14:04 am »

 ประกายดาวมองชายจันทร์อย่างซาบซึ้ง “ข้อสุดท้าย คุณชายมีผู้หญิงที่อยากจะแต่งงานด้วยหรือยังคะ”
    
    “มี แต่ติดปัญหาอยู่อย่าง เธอบอกว่า เธอไม่ได้รักผม” ชายจันทร์สบตาประกายดาว ประกายดาวหัวใจพองโต รู้ได้ว่าชายจันทร์หมายถึงตัวเธอ “คุณดาว ผมขอถามคุณกลับบ้าง คำถามเดียวเท่านั้น คุณ...” ชายจันทร์ยังไม่ทันถาม พงศ์จันทรขับรถเข้ามาจอดและเดินมาหาประกายดาวอย่างเร็ว ประกายดาวเซ็งที่อดรู้คำถามของชายจันทร์
    
    ประกายดาวให้จันทรภานุพูดในสิ่งที่พูดค้างอยู่ ทั้งที่พงศ์จันทรอยู่ด้วย จันทรภานุตัดสินใจถามว่าประกายดาวไม่ได้รักเขาอย่างที่เคยพูดไว้หรือไม่ ประกายดาวอึ้ง ไม่คิดว่าชายจันทร์จะกล้าถามตอนนี้ พงศ์จันทรเร่ง เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะหากประกายดาวบอกไม่รักจันทรภานุ แสดงว่าเขายังมีหวัง ประกายดาวมองสองชายสลับไปมา จันทรภานุเก็บอาการนิ่ง ต่างจากพงศ์จันทรที่ลุ้นมาก ประกายดาวไม่อยากให้ใครเสียใจจึงบอกไม่อยากพูดตอนนี้และว่าจันทรภานุเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ควรจะกลับไปพักผ่อน ชายจันทร์ผิดหวังเพราะคิดว่าประกายดาวไม่รักเขา จึงขึ้นรถขับออกไปอย่างเศร้า ๆ
     
    พงศ์จันทรขอโทษประกายดาวที่เกือบหลุดปากเรื่องตามล่าหาสเปิร์ม ประกายดาวบอกไม่เป็นไรเพราะพงศ์จันทรยังไม่ได้พูด พงศ์จันทรสารภาพว่าเขารักประกายดาวและอยากแต่งงานด้วย แต่ประกายดาวบอกว่าไม่ได้รักพงศ์จันทรแต่รักจันทรภานุ พงศ์จันทรพยายามตื๊อประกายดาว ประกายดาวบอกว่าที่พงศ์จันทรกำลังทำอยู่ ไม่ได้เพราะรักเธอแต่เพราะต้องการเอาชนะจันทรภานุ และว่าแผนตามล่าหาสเปิร์มจบไปแล้ว พงศ์จันทรหมดหวัง เสียใจมาก
    
    ประกายดาวเข้าห้องมาก็เจอแดนดินอาละวาดเอาไม้เรียวมาตี ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงน้องที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแก๊งยาบ้า ประกายดาววิ่งหนีพร้อมกับร้องโวยวายเหมือนเด็ก ๆ ระหว่างนั้นรปภ.ขึ้นมาบอกว่ารถของประกายดาวถูกกรีดยับทั้งคัน สองพี่น้องจึงวิ่งลงมาดู รติรสซึ่งเจ็บใจประกายดาวที่เป็นต้นเหตุให้พ่อของเธอถูกจับ แอบมองผลงานของตนเองอย่างสะใจ
    
    รติรสต้องมาเช่าโรงแรมถูก ๆ อยู่ และเรียกศิวะมาหา ศิวะยื่นเงินหลายพันให้รติรสและบอกให้รีบหางานทำ เพราะตอนนี้รติรสไม่ใช่คุณหนูเหมือนเดิมอีกแล้ว รติรสขอให้ศิวะอย่าทิ้งเธอ พร้อมโผเข้ากอด ศิวะบอกถ้าเขาคิดจะทิ้งคงไม่มายืนตรงนี้ รติรสกอดศิวะอย่างรักใคร่ ขณะที่ศิวะลอบทำหน้าเซ็ง ๆ รติรสให้กุญแจสำรองห้องพักแก่ศิวะและว่าตอนนี้อรอุมาเริ่มรู้เรื่องศิวะและเธอ ศิวะเลยถือโอกาสบอกคงมาหารติรสบ่อยเหมือนเดิมไม่ได้ ศิวะออกมาจากห้องพักรติรสและเอากุญแจสำรองทิ้งขยะไป เพราะตอนนี้รติรสเหลือแต่ตัวแล้ว
     
    ประกายดาวจะซื้อรถคันใหม่จึงชวนจันทรภานุให้มาช่วยเลือก จันทรภานุมีสีหน้าซึม ๆ ไม่สดใสนัก
    
    “คุณชายคะ...เมื่อวานที่คุณชายถามฉันว่าที่ฉันพูดว่าฉันไม่ได้รักคุณชาย ฉันโกหกหรือเปล่า ฉันจะบอกว่า...” ยังไม่ทันพูด โทรศัพท์ของประกายดาวก็ดังขึ้นขัดจังหวะประกายดาวกดปิด พอจะเริ่มพูดอีกครั้ง ก็มีลูกค้าเดินมาดูรถ ทั้งสองจึงต้องขยับหลีก ประกายดาวจะเริ่มพูดอีก แต่...
    
    “คุณดาวไม่ต้องบอกผมก็ได้นะครับ ผมเข้าใจดี”
    
    “คุณชายเข้าใจฉันเหรอคะ” ประกายดาวดีใจ
    
    “ครับ เรื่องบางเรื่องสิ่งที่ตาเห็นทำให้เข้าใจได้ดีกว่าคำพูดซะอีก ผมเข้าใจแล้วว่าคุณคิดยังไงกับผม”
    
    “ขอบคุณมากค่ะที่เข้าใจฉัน ฉันจะได้ไม่ต้องพูด เฮ้อ...อึดอัดแทบแย่” ประกายดาวยิ้มร่าเริง แต่ชายจันทร์ยิ้มเศร้า ๆ เพราะเข้าใจไปว่าประกายดาวจะบอกว่าไม่ได้รักเขา
    
    นันทินีเอารถของตนเองมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และเห็นจันทรภานุและประกายดาวเดินดูรถกัน ก็เข้าใจว่าจันทรภานุซื้อรถให้ประกายดาวจึงนำเรื่องมาฟ้องหม่อมสุรีย์
     
    พอจันทรภานุกลับมาถึงบ้าน ก็ถูกหม่อมสุรีย์เรียกไปพบและต่อว่าที่ถูกผู้หญิงหลอก จันทรภานุไม่พอใจนันทินีที่เอาเรื่องมาฟ้องหม่อมแม่ และบอกว่าเขาอยากจะซื้อรถให้แต่ประกายดาวปฏิเสธ หม่อมสุรีย์บอกให้จันทรภานุเลิกยุ่งเกี่ยวกับประกายดาว แต่จันทรภานุไม่ยอม บอกหม่อมสุรีย์ไม่เคยคิดที่จะทำความรู้จักตัวตนของประกายดาวจริง ๆ เอาแต่ฟังจากคนอื่น และหากไม่มีเหตุผลมากเพียงพอเขาก็จะไม่เลิกคบประกายดาวอย่างเด็ดขาด หม่อมสุรีย์หนักใจ นันทินีหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ ขณะที่นมพรแอบหัวเราะคิกคักสะใจแท้
    
    พงศ์จันทรนั่งซึมยังทำใจไม่ได้จากความผิดหวัง นันทินีโทรฯมาปรึกษา พงศ์จันทรบอกให้นันทินีทำใจเพราะจันทรภานุและประกายดาวรักกัน แต่นันทินีไม่ยอมบอกจะทำทุกอย่างเพื่อให้จันทรภานุเป็นของเธอ พงศ์จันทรโมโหเลยประชดว่าให้รวบหัวรวบหางจันทรภานุเสียเลย และให้จันทรภานุรับผิดชอบ แต่นันทินีปิ๊งไอเดียเด็ด บอกไม่เสียแรงที่ได้พงศ์จันทรเป็นที่ปรึกษา พงศ์จันทรส่ายหน้าอีนี่ท่าจะบ้า
    
    นันทินีวางแผนโดยโกหกหม่อมสุรีย์ว่าตนเองไม่สบาย แถมที่บ้านไม่มีคนอยู่ดูแล หม่อมสุรีย์จึงชวนให้นันทินีนอนที่วังนพรัตน์ เข้าทางนันทินีพอดิบพอดี
     
    จันทรภานุกดอ่านแชตในมือถือที่ประกายดาวส่งมาว่า “ฝันดีนะคะคุณชาย” จันทรภานุยิ้ม และกดตอบไปว่า “ฝันดีครับ” ระหว่างนั้นนันทินีก็มาเคาะประตูและขอให้จันทรภานุไปช่วยดูก๊อกน้ำให้หน่อย จันทรภานุเดินเข้าไปในห้องนันทินี นันทินียิ้มอย่างมีแผน พอจันทรภานุออกมาหลังจากดูก๊อกน้ำเสร็จ นันทินีก็แกล้งเป็นลม พอชายจันทร์เข้ามาดูนันทินีก็กอดหมับ และผลักชายจันทร์หงายหลังลงบนพื้น ก่อนกระโดดคร่อมร่างชายจันทร์กอดไว้แน่น
    
    “คุณชายเป็นของนันเถอะนะคะ นันรักคุณชาย”
    
    ชายจันทร์พยายามปัดนันทินีออกแล้วลุกขึ้น นันทินีกระโดดเกาะชายจันทร์เป็นลิง ชายจันทร์ยังไม่ทันตั้งตัวเซล้มไปทางเตียง ร่างนันทินีหล่นลงบนเตียงเต็ม ๆ ชายจันทร์พลิกตัวมาจับแขนสองข้างของนันทินีขึงพืด ชายจันทร์ยิ้มมุมปากชวนหลงใหลมาก “ผมเชื่อแล้วว่าคุณนันต้องการผมจริง ๆ แบบนี้สิ ผู้หญิงที่ผมต้องการ”
    นันทินีตาโต “เพื่อคุณชาย นันยอมทำทุกอย่าง” นันทินีจะปลดชุดนอนตัวเอง แต่ชายจันทร์จับมือไว้บอกไม่ต้องเขาทำเอง
    
    ชายจันทร์ดันร่างนันทินีลงนอนบนเตียง นันทินียิ้มเซ็กซี่และมองขึ้นไปบนหลังตู้ เพราะเธอตั้งมือถือแอบถ่ายวิดีโอไว้
    
    “ชักช้าอยู่ไย มามะ...มาเลย” นันทินียิ้มยั่วยวน ชายจันทร์ยิ้มตอบสนอง
     
    หม่อมสุรีย์และนมพรได้ยินเสียงนันทินีกรี๊ดจึงรีบวิ่งมาดู หญิงนิ่มที่เพิ่งมาถึงวังนพรัตน์ก็ตามมาสมทบอีกคน พอเปิดประตูเข้ามาก็ตกใจกับเสียงครางของนันทินี
    
    “คุณชายขา คุณชายของนัน”
    
    หม่อมสุรีย์ นมพร และหญิงนิ่ม ตกตะลึงกับภาพที่เห็นนันทินีถูกมัดมือสองข้างขึงไว้กับหัวเตียง มีผ้าปิดตา พูดและหัวเราะคนเดียว “เป็นไงคะ เสียงนันเซ็กซี่ชิมิ” ทั้งหมดสยองกับภาพที่เห็น หญิงนิ่มหันหน้าไปด้านหลังเห็นชายจันทร์ย่องออกมาจากหลังประตู ชายจันทร์ยกนิ้วชี้แตะปากส่งสัญญาณไม่ให้พูดและย่องออกไป
    
    ขณะที่นันทินียังพร่ำไม่หยุด แถมทำท่าเซ็กซี่ หม่อมสุรีย์ทนไม่ไหวจะเป็นลม นมพรและหญิงนิ่มต้องประคองไว้ เสียงของหญิงนิ่มที่เรียกหม่อมสุรีย์ทำให้นันทินีตะลึงแต่ยังมองอะไรไม่เห็นเพราะมีผ้าปิดตาอยู่
    
    หม่อมสุรีย์สะลึมสะลือฟื้นขึ้น ออกแรงชี้นันทินี “เอานังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ออกไปจากวังของช้านนนนน”
    
    หญิงนิ่มเดินออกมาส่งนันทินีแต่ไม่วายค่อนขอดจิกกัด นันทินีเลยกัดกลับบอกรู้เรื่องที่หญิงนิ่มกิ๊กกับพงศ์จันทร ทำเอาหญิงนิ่มเหวอ
    
    “พี่นันพูดให้ดี ๆ นะคะ หญิงไม่ได้กิ๊กกับคุณพงศ์”
    
    “ไม่ได้กิ๊ก แต่คุยแชตกันทุกวัน วันก่อนไปไหนกันมาคะ มือถือคุณพงศ์ถึงตกอยู่ในรถน้องหญิง คุณพงศ์ยังโทรฯ มาให้พี่แอบไปเอามือถือของเขาจากรถน้องหญิง สงสัยเขาคงจะกลัวน้องหญิงเจอมือถือ แล้วความจะแตกว่าเขาไม่ได้กิ๊กกับน้องหญิงแค่คนเดียว ถ้าโดนคุณพงศ์เขี่ยทิ้ง โทรฯหาพี่นะคะ พี่รอสมน้ำหน้าอยู่” นันทินีสะบัดหน้าออกไป
    
    หญิงนิ่มใช้ความคิดอย่างหนัก นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มา ทั้งเรื่องที่เธอส่งแชตถึงคุณชายไร้หัวใจ และได้ยินเสียงมือถือในรถตามที่นันทินีบอก เรื่องที่เธอส่งแชตแล้ว ยกมือถือขึ้นดูหน้าเจื่อน ๆ หรือแม้แต่เวลาที่เธอทำอะไรและบอกคุณชายไร้หัวใจ พงศ์จันทรก็รู้ทุกเรื่องอย่างน่าแปลกใจ
    
    “นายคือคุณชายไร้หัวใจจริง ๆ เหรอ” หญิงนิ่มเริ่มจะมั่นใจ
     
    อภิเชษฐ์บอกจันทรภานุว่า ตำรวจสงสัยว่าประกายดาวอาจจะพัวพันกับแก๊งยาบ้าของปุระชัย เนื่องจากสืบทราบว่าประกายดาวเจอกับพลหลายครั้ง จันทรภานุเป็นกังวลมาก
    
    หญิงนิ่มอยากจับผิดพงศ์จันทรจึงแชตบอกว่าเธอกำลังจะได้พี่สะไภ้ เพราะพี่ชายกำลังจะขอแฟนแต่งงาน เพื่อหลอกล่อให้พงศ์จันทรออกมา พร้อมบอกชื่อร้านอาหาร และเวลาตอน 2 ทุ่ม พงศ์จันทรเจอมิลินทร์จึงบอกเรื่องที่จันทรภานุจะบอกรักประกายดาววันนี้ มิลินทร์ส่งข่าวให้ประกายดาวรู้ ประกายดาวตื่นเต้นมากเพราะจันทรภานุโทรฯมานัดเธอจริง ๆ
    
    จันทรภานุชะงักเมื่อประกายดาวมาเปิดประตูคอนโดให้ เพราะประกายดาวแต่งตัวจัดเต็ม หน้าโบ๊ะฉ่ำ ประกายดาวแก้ตัวว่าเพิ่งไปงานเลี้ยงมา จันทรภานุซื้อเค้กมาฝาก ประกายดาวคิดว่าแหวนที่จันทรภานุจะขอเธอแต่งงานต้องอยู่ในเค้กชัวร์ ประกายดาวตักเค้กเข้าปาก แต่ยังไม่เจออะไรผิดปกติ...เคี้ยวตุ้ย ๆ พลางยิ้มหวานให้ชายจันทร์ ประกายดาวตักเค้กเข้าปากคำโต ยังไม่เจออะไรอีก จึงเริ่มคุ้ยเค้ก...จะหาแหวนให้เจอให้ได้...จนทั้งครีมทั้งตัวแป้งเละไปหมด ชายจันทร์มองงง ๆ
    
    กินเค้กจนหมดแต่ก็ไม่เจอแหวนสักวง ประกายดาวคิดว่าแหวนคงอยู่ในตัวจันทรภานุ จึงถามตรง ๆ ว่ามีอะไรจะพูดกับเธอ
    
    “ผมอยากจะถามคุณดาวว่า...” ประกายดาวลุ้นมาก จันทรภานุพูดต่อ “คุณรู้จักกับพลได้ยังไง”
    
    “ว่าไงนะคะ?” ประกายดาวเหวอ ก่อนจะตอบ 
    
    “ฉันเจอเขาที่ตลาดคนเดินในเชียงใหม่น่ะค่ะ นี่เหรอคะคือเรื่องที่คุณชายจะคุยกับฉัน”
    
    “ครับ คุณดาวคิดว่าผมจะคุยกับคุณดาวเรื่องอะไร”
    
    “ไม่มีอะไรค่ะ ว่าแต่คุณชายถามเรื่องพลทำไมคะ” ประกายดาวงง
     
    หญิงนิ่มมารอที่ร้านอาหารโดยเลือกโต๊ะที่หลบสายตาผู้คน แต่สามารถมองเห็นคนที่เดินเข้าออกร้านได้ทั้งหมด หญิงนิ่มนั่งรอจนเลยเวลาและคิดว่าพงศ์จันทรคงจะไม่มาแล้วจึงเตรียมจะกลับ ขณะที่พงศ์จันทรเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาและกวาดสายตามองหาจันทรภานุและประกายดาว แต่ทั้งคู่ไม่เห็นกันเพราะมีฉากกั้นอยู่ พงศ์จันทรถามเด็กเสิร์ฟว่า
    วันนี้มีคนมาทำเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานหรือไม่ เด็กเสิร์ฟบอกไม่มี
    
    พงศ์จันทรส่งสติกเกอร์ให้หญิงนิ่ม ติ๊ง!เสียงเตือนข้อความแชตจากมือถือหญิงนิ่มดังขึ้นใกล้ ๆ พงศ์จันทรหันขวับไปมองทางเสียง หญิงนิ่มดูว่าเป็นข้อความจากคุณชายไร้หัวใจ หญิงนิ่มส่งสติกเกอร์กลับ มือถือพงศ์จันทรเสียงดัง ติ๊ง! ทั้งหญิงนิ่มและพงศ์จันทรสะดุ้ง หญิงนิ่มหันขวับไปทางข้างหลังฉากกั้น แปลกใจ กดส่งสติกเกอร์อย่างเร็ว เสียงดังติ๊งจากข้างหลังฉากอีก จึงรีบอ้อมไปดูแต่พบเพียงลูกค้าหญิงนั่งตบเติมแป้งพัฟฟ์ มือถือของเธอตั้งอยู่บนโต๊ะ แต่ไม่มีพงศ์จันทร หญิงนิ่มจะเดินไป พงศ์จันทรซึ่งแอบอยู่หลังเสาโล่งอก เสียงแชตดังขึ้นอีก พงศ์จันทรกดอ่านก็ตะลึงกับข้อความ “เลว” พอหันหลังไปก็พบหญิงนิ่มยืนอยู่ด้านหลัง สีหน้าโกรธมาก หญิงนิ่มรู้ว่าเป็นพงศ์จันทรเพราะกระจกของลูกค้าหญิงสะท้อนให้เห็นภาพพงศ์จันทรหลบอยู่หลังเสา
    
    “ไอ้คนโกหก!” หญิงนิ่มตบหน้าพงศ์จันทรผัวะ แล้วเดินออกไป พนักงานและลูกค้าในร้านมองเป็นตาเดียว แต่พงศ์จันทรไม่สนใจรีบตามหญิงนิ่มออกไป
     
    หญิงนิ่มวิ่งร้องไห้ออกมาจากในร้าน พงศ์จันทรตามมาขอโทษ แต่หญิงนิ่มไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ต่อว่าพงศ์จันทรไม่หยุด “ใช่สินะ คนอย่างนายทำได้ทุกอย่าง ทำได้แม้กระทั่งลงทุนฝืนใจคุยกับฉัน ให้ฉันยอมมอบความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า”
    
    “ผมไม่เคยฝืนใจคุยกับคุณ”
    
    หญิงนิ่มผลักอกพงศ์จันทร “เลิกโกหกสักทีได้ไหม! แค่นี้ฉันยังเสียใจไม่พอหรือไง” หญิงนิ่มร้องไห้โฮ จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ พงศ์จันทรจะประคอง แต่หญิงนิ่มสะบัดมือออก “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน! ที่จริงฉันน่าจะเอะใจมาตั้งนานแล้วว่านายคือคุณชายไร้หัวใจ เพราะนายมันคนไม่มีหัวใจ! เป็นผู้ชายน่ารังเกียจที่สุด ฉันเกลียดนาย! ฉันเกลียดนาย”
    
    หญิงนิ่มวิ่งออกไป พงศ์จันทรไม่ตาม...แค่มองตามแล้วเตะต้นไม้ระบายอารมณ์ที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันทั้งเศร้าทั้งเซ็งอย่างนี้ “โธ่โว้ย!”
    
    ขณะที่หญิงนิ่มขับรถออกมาสักพักจอดข้างทาง ฟุบหน้ากับพวงมาลัย...ร้องไห้โฮ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ปาออกไปนอกหน้าต่าง โทรศัพท์แตกกระจาย
     
    ประกายดาวเอาจานเค้กมาไว้ที่อ่างล้างจานด้วยท่าทีเคร่งขรึม แต่พอหันมาก็เจอชายจันทร์ยืนอยู่ข้างหลังในระยะใกล้มาก ประกายดาวสะดุ้งผงะถอย ชายจันทร์รวบเอวประกายดาวไว้ ทั้งสองสบตากันเขิน ๆ พอตั้งหลักได้ก็ถอยออกจากชายจันทร์
    
    “คุณดาวโกรธผมเรื่องพลหรือเปล่า ดูคุณเหมือนมีเรื่องไม่พอใจ” จันทรภานุตัดสินใจถาม ประกายดาวอึดอัด จันทรภานุถามต่อ “บอกมาเถอะครับ อยากให้ผมนอนไม่หลับหรือไง”
    
    “คุณชายต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่หัวเราะฉัน” ประกายดาวดูจริงจัง ชายจันทร์พยักหน้า “ฉันคิดว่าวันนี้คุณชายจะขอฉันแต่งงาน”
    
    “ขอแต่งงาน?!” ประกายดาวสารภาพทั้งเรื่องเค้ก ทั้งเรื่องแต่งตัวจัดเต็ม เพราะคิดว่าจะเป็นวันสำคัญ จันทรภานุบอกว่าเขาไม่กล้าขอประกายดาวแต่งงาน เพราะประกายดาวไม่ได้รักเขา ประกายดาวนึกถึงวันที่จันทรภานุถามเธอก็เริ่มเข้าใจว่าจันทรภานุคิดว่าเธอรักพงศ์จันทร
    
    “โถ... คุณชายน่ะ เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ฉันกับคุณพงศ์เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ แล้วเราก็จะไม่มีวันพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้ด้วย” ประกายดาวจับไหล่สองข้างของชายจันทร์ด้วยท่าทางแมน ๆ “คุณชายฟังฉันให้ดี ๆ นะคะ วันนั้นฉันจะบอกคุณชายว่า ที่ฉันเคยพูด... ว่าฉันไม่ได้รักคุณชาย ฉันโกหก ฉันพยายามปฏิเสธหัวใจตัวเอง เพราะฉันกลัวความรัก ฉันไม่อยากรักใครให้ต้องเสียใจอีก ฉันถึงต้องพูดออกไปแบบนั้น เข้าใจแล้วนะคะ”
    
    ชายจันทร์ไม่ตอบ แต่ดึงประกายดาวมากอดแน่น “ถ้าคุณรักผม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ ...ประกายดาว” ชายจันทร์ค่อย ๆ ดึงประกายดาวออก แล้วจูบเธออย่างดูดดื่ม...สักพักจึงผละออกจากกัน มองตากันหวานซึ้ง
     
    อภิเชษฐ์มาหาจันทรภานุเพื่อบอกความคืบหน้าเรื่องข้อสงสัยที่ประกายดาวพัวพันแก๊งยาเสพติด แต่จากการเช็กประวัติพบว่าประกายดาวมีทรัพย์สิน ทั้งเงินสด อสังหาริมทรัพย์ รวมหลายสิบล้าน แถมครอบครัวก็มีฐานะปานกลาง พ่อแม่ขายข้าวขาหมู และประกายดาวก็มีอาชีพแค่ช่างภาพ ไม่น่าจะมีทรัพย์สินมากมาย ซึ่งหากประกายดาวหาหลักฐานมายืนยันทรัพย์สินของตนเองได้ก็พ้นข้อสงสัยของตำรวจได้ นันทินีซึ่งผ่านมาและได้ยินสองหนุ่มคุยกันก็ยิ้มอย่างมีแผนร้าย
    
    วันรุ่งขึ้นจึงมีข่าวซุบซิบในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เรื่องประกายดาวร่ำรวยผิดปกติและพัวพันกับแก๊งยาบ้า จันทรภานุมารับประกายดาวมาที่สถานีตำรวจ นักข่าวมารอทำข่าวกันเพียบ
    
    “คุณดาวมีทรัพย์สินหลายสิบล้านจริงไหมคะ” นักข่าวยื่นไมค์มาตรงหน้า
    
    “ไม่จริงค่ะ ฉันไม่ได้มีทรัพย์สินเป็นสิบล้าน แต่ฉันมีเป็นร้อยล้าน”
    
    ทั้งชายจันทร์และนักข่าวตะลึง “ร้อยล้าน!” ประกายดาวยิ้มมั่นใจ
     
    ในห้องแถลงข่าว ประกายดาวโชว์หลักฐานต่อหน้านักข่าว ทั้งสัญญาซื้อขายที่ดินใจกลางสุขุมวิทสิบไร่ มูลค่าร้อยห้าสิบล้าน และหลังจากเตี่ยกับม้าเสียชีวิต ก็ได้เงินประกันอีกหลายสิบล้าน รวมถึงเอกสารการขายบ้านเก่าแถวสาทร ทรัพย์สินทั้งหมดถูกแบ่งครึ่ง รวม ๆ แล้วเธอและพี่ชายได้คนละเกือบสองร้อยล้าน นักข่าวได้ยินถึงกับตาโตตื่นเต้น
    
    “ทีนี้ฉันหมดข้อกล่าวหาแล้วนะคะ” ประกายดาวบอก
    
    “ขอเสียงปรบมือค่ะ” จิตสุภางค์นำปรบมือ พวกนักข่าวงง...แต่ก็ปรบตาม ชายจันทร์ยิ้มให้ประกายดาวที่แก้ข้อกล่าวหาได้หมดจด
    
    มิลินทร์สืบรู้ว่านันทินีเป็นคนให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ จึงชวนประกายดาวและจิตสุภางค์ไปเอาคืน นันทินีปากแข็งไม่ยอมรับจึงเกิดตะลุมบอนกัน ระหว่างนั้นนันทินีเหวี่ยงประกายดาวกลิ้งตกบันไดก้นกระแทกพื้น จิตสุภางค์และมิลินทร์ตกใจมากรีบเข้าไปประคองเพื่อน
     
    รติรสมาที่บ้านอรอุมา แต่อรอุมาไม่อยู่ ศิวะจึงชวนรติรสจ้ำจี้กัน โดยหลอกให้เด็กรับใช้ออกไปซื้อส้มตำ อรอุมากลับมาบ้านและเจอเด็กรับใช้ที่กำลังจะออกไปพอดีจึงรู้ว่ารติรสมา อรอุมาเข้ามาในบ้านแต่ก็ไม่เจอทั้งคู่ในห้องรับแขก แถมม่านหน้าต่างห้องนอนก็ถูกดึงปิด อรอุมาจึงให้เด็กเอาบันไดมาพาดและเธอก็ปีนขึ้นไปแอบดูตามรอยม่านที่แยกออกจากกัน แต่ตอนแรกไม่เห็นเพราะรติรสวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ
    
    อรอุมาหันหลังให้หน้าต่าง กำลังจะลงจากระเบียงอยู่แล้วเชียว แต่จู่ ๆ ศิวะกับรติรสฟัดกันออกมาจากห้องน้ำ ศิวะดันร่างรติรสติดกับหน้าต่าง แรงกระแทกทำให้เกิดเสียง อรอุมาสะดุ้ง หันขวับกลับไปมอง ก็เห็นศิวะกำลังจูบไซ้ซอกคอรติรสเต็ม ๆ
    อรอุมาช็อก! ศิวะชำเลืองขึ้นมาเห็นอรอุมาอยู่ข้างนอกก็ตะลึง นิ่ง รติรสแปลกใจว่าหยุดทำไม จึงหันไปมองตาม พอเห็นประจักษ์แก่สายตาเท่านั้น “กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
     
    อรอุมาและรติรสตบกันนัว ไม่มีใครยอมใคร แต่ในที่สุดรติรสก็ถูกคนสวนหิ้วปีกออกมาโยนหน้าบ้าน รติรสโกรธมาก เดินโซซัดโซเซออกมา ไม่มีที่ไป ทันใดนั้นก็เกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมล้มพับไป
    
    มิลินทร์ และจิตสุภางค์พาประกายดาวมาหาหมอ จากการตรวจหมอบอกไม่เป็นอะไรเลย แต่ประกายดาวขอให้คุณหมอตรวจภายใน เพราะต้องการให้แน่ใจว่าเธอจะมีลูกได้ สองเพื่อนสาวส่ายหน้าระอาใจที่ประกายดาวยังมีความคิดเหมือนเดิม
    
    รติรสฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล หมอบอกว่าให้ รติรสระวังตัว เพราะช่วงท้องสามเดือนแรกเป็นช่วงอันตรายที่สุด รติรสอ้าปากค้าง “ท้อง!!!”
    
    มิลินทร์เข็นรถให้ประกายดาวนั่ง จิตสุภางค์เดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล และพูดกันเรื่องแผนตามล่าหาสเปิร์มของประกายดาวกับจันทรภานุ
    
    “แผนล่าสเปิร์มคุณชายจันทร์ของแกถ้ามันสำเร็จ แกจะได้สเปิร์มของคุณชายมาผลิตลูกในปริมาณที่จำกัด แต่นี่แผนแกมันเลยเถิดไปถึงขนาดว่าได้ทั้งตัวและหัวใจของคุณชายจันทร์ แกไม่ต้อง กลัวสเปิร์มหมดแล้วเพื่อน เพราะแกจะมีให้ใช้ไม่อั้น”
    
    จิตสุภางค์กับมิลินทร์หัวเราะคิกคักกัน ประกายดาวเขิน ๆ ว่าเพื่อนทะลึ่ง มิลินทร์แอบแซวอีก “ทำมาเป็นอาย ถึงเวลาเข้าห้องหออย่าอายแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวไม่คุ้มกับแผนล่าสเปิร์มที่แกต้องฝ่าด่านอรหันต์ไปตีซี้ทำความรู้จักกับคุณชายจันทร์ จนคุณชายจันทร์ตกหลุมรักแกจนโงหัว
    ไม่ขึ้น”
    
    “พอได้แล้ว! ถ้าคุณชายจันทร์อยู่ ห้ามเผลอพูดเรื่องนี้ล่ะ เดี๋ยวเขารู้จบเห่กันหมด” ประกายดาวบ่นเพื่อน และเดินไป รติรสซึ่งยืนอยู่แถวนั้น ได้ยินทุกอย่าง!
     
    นันทินีแกล้งแต่งหน้าให้ดูเขียวช้ำและบอกว่าประกายดาวพาพวกมาทำร้าย แถมยังดูถูกประกายดาวว่าเป็นแค่ลูกคนขายข้าวขาหมู หม่อมสุรีย์ไม่ได้เข้าข้างนันทินีเหมือนก่อน ทำให้นันทินีพูดจาไม่ดีใส่ หญิงนิ่มทนไม่ได้ว่ากลับและบอกไม่อยากให้นันทินีดูถูกใคร และว่าถึงแม้ประกายดาวจะเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวขาหมู แต่ไม่เคยงอมืองอเท้าอวดรวย ทำตัวสวยไปวัน ๆ น่าชื่นชมกว่าพวกตระกูลดีแต่ไม่เคยทำประโยชน์ และว่าหากหม่อมสุรีย์รู้จักประกายดาวจะต้องรักเธอแน่นอน หม่อมสุรีย์คิดตามคำพูดของหญิงนิ่ม
    
    ประกายดาวตกใจมากเมื่อจันทรภานุบอกว่าหม่อมสุรีย์ชวนเธอไปวังนพรัตน์ เพราะที่ผ่านมา หม่อมสุรีย์ไม่ชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ จันทรภานุบอกหม่อมสุรีย์กำลังเปิดใจรับประกายดาว แต่ประกายดาวยังกังวล จันทรภานุปลอบบอกว่าไม่มีใครที่อยู่ใกล้แล้วจะไม่รักประกายดาว
    
    ประกายดาวยิ้มอบอุ่น กอดแขนและซบหน้ากับแขนจันทรภานุ “ค่ะ ฉันจะพยายามทำตัวให้น่ารัก ทำให้หม่อมสุรีย์รักฉันให้ได้ เพื่อความรักของเรานะคะ”
    
    “น่ารักจัง” ชายจันทร์หยิกแก้มประกายดาวอย่างเอ็นดู
    
    “โอ๊ย! เจ็บ” ประกายดาวลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ แต่พอลดมือลง ชายจันทร์ก็โน้มหน้าหอมแก้มประกายดาวฟอดใหญ่ “หายเจ็บหรือยัง” ประกายดาวเขิน หน้าแดง ตอบว่ายัง ชายจันทร์โน้มหน้าจะหอมแก้มอีก ประกายดาวหลบรีบบอกว่าล้อเล่น
    
    “ผมไม่เชื่อ มาให้ผมทายาให้ซะดี ๆ” ชายจันทร์ไล่หอมแก้ม ประกายดาววิ่งหลบ...ทั้งสองหยอกล้อกันไปมาอย่างมีความสุข   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)