ผู้เขียน หัวข้อ: สื่อรักสัมผัสหัวใจ 2 วันที่ 26 กันยายน 2556  (อ่าน 522 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 คุณหลวงฯเห็นติณห์กับญาณินพาเบญจากลับมาที่รีสอร์ทก็อยากรู้มากว่าเบญจาคือใคร กุมริกาเล่าเรื่องเบญจาให้คุณหลวงฯฟังจบปุ๊บ มิรันตีก็เดินมาเห็นเบญจาเข้าพอดี มิรันตีไม่พอใจมากที่รู้ว่าญาณินจะพาเบญจามาอยู่ด้วย ติณห์ช่วยพูดขอร้องจนมิรันตีใจอ่อน ยอมให้เบญจาอยู่ที่รีสอร์ท แต่ให้ญาณินพาไปพักอยู่ด้วยกัน
    
    เบญจาซาบซึ้งใจมากที่ญาณินคอยดูแลเป็นอย่างดี หญิงสาวขออนุญาตเรียกญาณินว่าพี่ ญาณินยินดีที่จะมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน
    
    “ดีออก ที่อยู่ ๆ ก็ได้มีน้องสาวขึ้นมาคนนึงกะเค้า แต่...เราจะเรียกน้องว่ายังไงดีล่ะคะ น้องชื่ออะไร ลองนึกดูดี ๆ อีกทีซิ” เบญจาพยายามนึก แต่นึกไม่ออก ติณห์แวะมาหาญาณินที่ห้องพัก ญาณินเลยขอให้ติณห์ช่วยตั้งชื่อให้เบญจา ติณห์ช่วยคิดชื่อให้มากมาย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ถูกใจญาณินและเบญจา
     
    ผู้การรู้ว่าวันนี้ที่บ้านพิมพ์พิลาศจะมีการเปิดพินัยกรรม จึงส่งณัฐเดชกับวรวรรธที่คิดว่าคดีนี้น่าจะเป็นการฆาตกรรมไปสังเกตการณ์
     
    กรรณา กรรัมภา สุคนธรส ก๊อง บุกไปสืบคดีที่บ้านแผนยุทธ พอไปถึงทั้งสี่คนก็ถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นว่าบ้านแผนยุทธเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่
    
    “เนี่ยนะบ้านอีตาดอกเตอร์ชีกอ”
    
    “เรามาผิดหลังรึป่าวพี่”
    
    สุคนธรสรีบถือแผนที่จดเลขที่บ้านมาเปรียบเทียบกับเลขที่บ้านตรงเสา
    
    “ไม่ผิดหรอกก๊อง นี่ไง! บ้านเลขที่ตรงกันเด๊ะ”
    
    แล้วทั้งสี่ก็มองเห็นป้ายตัวอักษรสีทองเขียนไว้ตรงเสาเหนือบ้านเลขที่ว่าบ้าน ณ เวียงทับ กรรณาไม่อยากไปเจอแผนยุทธ ทำท่าจะหนีกลับไปก่อน แต่สุคนธรสกับกรรัมภาไม่ยอม ดึงตัวกรรณาเข้าไปในบ้านด้วยกัน
    
    มูมู่ เมดประจำบ้านใส่ชุดดำเดินออกมาต้อนรับ ก๊องดีใจมากคิดว่าตนมีสัมผัสที่หกมองเห็นวิญญาณได้ แต่พอรู้ว่ามูมู่เป็นคนก็แอบผิดหวัง มูมู่พาทั้งสี่คนไปนั่งรอแผนยุทธที่ห้องรับแขก กรรณานึกแปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงวิญญาณอะไรเลยตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน สุคนธรสเองก็ไม่ได้กลิ่นสาปสางของวิญญาณเช่นกัน กรรัมภายังไม่ทันได้ลองสัมผัสสิ่งของในห้องรับแขก กรรณาก็หันไปเห็นรูปพิมอรที่ติดอยู่กลางบ้านเสียก่อน
    
    ระหว่างนั้นก๊องเดินสำรวจไปรอบ ๆ พอก้าวขึ้นบันไดที่นำขึ้นชั้นบนต้องช็อก เมื่อไปเจอเอากับสาวใหญ่ ชุดดำผมตีโป่งอุ้มแมวดำยืนอยู่ ถลึงตามองใส่ก๊อง แล้วชี้นิ้วเล็บยาว ๆ ทาสีดำมาที่ก๊อง
    
    “แกเป็นใคร เข้ามาในบ้านนี้ทำไม”
    
    ก๊องตกใจ กลิ้งราวกับลูกขนุนตกจากบันได สาว ๆ หันไปมองเห็นจารุณียืนจ้องหน้าทะมึนอยู่ที่บันได ไม่รู้ผีหรือคน
    
    “ฉันถามว่าเข้ามาในบ้านนี้ทำไม ฉันรัก...ฉันหวง..ฉันเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้” จารุณีประกาศลั่น...แมวดำแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ก๊องราวกับย้ำ
     
    ติณห์เห็นเบญจานั่งเครียดคิดเรื่องชื่อของตัวเองอยู่ตามลำพัง จึงเดินเข้าไปคุยด้วย ติณห์สงสารพยายามช่วยเบญจารื้อฟื้นความทรงจำ เบญจาจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งชื่อตัว วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ บ้านเลขที่ หรือแม้แต่น้ำหนักหรือส่วนสูง แต่พอติณห์ถามถึงเบอร์รองเท้า เบญจากลับตอบได้ เพราะถอดรองเท้าออกมาดู ติณห์นึกขำ สองคนหัวเราะให้กัน ญาณินเดินผ่านมาเห็น จึงเข้ามาร่วมวงสนทนา
    
    “ตลกอะไรกันคะ”
    
    “หนูยังไม่มีชื่อเลยค่ะพี่ญาณิน”
    
    “ก็ตั้งชื่ออะไรให้ หนูก็ไม่ชอบนี่นา”
    
    “งั้นรอพวกสาว ๆ ซิกเซนส์มาตั้งให้ก็แล้วกัน พวกนั้นน่าจะคิดชื่อน่ารัก ๆ ให้หนูได้” “ที่พี่บอกว่า...พวกพี่...มีกันอยู่ห้าคนน่ะเหรอคะ”
    
    “เป็นห้าสาวที่เวลาอยู่พร้อมหน้าแล้วทำให้ปวดหัว ตัวร้อน ไข้ขึ้น”
    
    ญาณินหัวเราะขำคำพูดติณห์ “บ้า...พวกเราคือห้าสาวแสนสวยจ้ะ”
    
    “ห้าคน...เลขห้า...หนูชอบเลขห้า”
    
    “นั่นไง...หรือว่า...หนูมีความทรงจำอะไร ...เกี่ยวกับเลขห้า”
    
    “หนูนึกไม่ออก หนูแค่ชอบเลขห้าเฉย ๆ”
    
    ญาณินเห็นเบญจาชอบเลขห้าเลยตั้งชื่อให้ว่าเบญจา เบญจาชอบชื่อนี้มาก ขณะกำลังคุยกันอย่างออกรสจู่ ๆ ก็มีเสียงเลื่อยดังแว่วมา ติณห์ญาณิน เบญจารีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    
    คนงานกำลังจะตัดต้นไม้ในรีสอร์ทตามคำสั่งมิรันตี ติณห์รีบเข้าไปขวาง ญาณินบอกคนงานไม่ให้ทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในแปลนแต่แรก ก่อนไล่คนงานกลับไปทำงานต่อ เบญจามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ
     
    ติณห์ ญาณิน เบญจา เห็นมิรันตีทำการคัดเลือกสาว ๆ จำนวนมากอยู่ที่เรือนไทยก็พากันแปลกใจ มิรันตีบอกให้ติณห์ฟังว่าเธอตั้งใจจะใช้เรือนไทยเปิดเป็นสปา ติณห์กับญาณินพากันตกใจมาก
    
    “แต่เรือนไทยนี้ เราตั้งใจจะทำเป็นพิพิธ ภัณฑ์เพื่อเชิดชูหลวงพิชัยภักดีนะคะ” “คุณณินหมายถึง...ผมกับคุณณินได้สรุปกันเรียบร้อยแล้ว...ว่าจะอนุรักษ์เรือนไทยนี้เอาไว้...เพราะนี่คือประวัติศาสตร์ของตระกูล...และที่สำคัญนี่ก็เป็นบ้านของแกรนด์ปานะครับ”
    
    “แม่ก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ตรงกันข้ามแม่จะทำให้มันสวยขึ้น พร้อมทั้ง...ทำประโยชน์ สร้างมูลค่าให้เรา แล้วจะปล่อยให้คร่ำครึไร้ค่าทำไม...แล้วรูปคุณตา...ก็ยังอยู่ที่เดิม แล้วที่สำคัญแกรนด์ปาของแก...เป็นคนที่ชอบเรื่องพรรค์นี้อย่างมาก ท่านเจ้าชู้ มีเมียน้อยนับไม่ถ้วน เห็นสาว ๆ ล่ะเป็นไม่ได้ ชีวิตของท่าน ที่จบลงอย่างที่แกเล่า...ก็เพราะหลงผู้หญิง...ไม่ใช่เหรอ คุณยายของแกถึงต้องเผ่นไงล่ะ เพราะทนคุณตาไม่ได้”
    
    คุณหลวงฯที่ยืนฟังอยู่ด้วยความเสียใจมาก “แกเลือกจำแต่เรื่องเลว ๆ ของฉัน แต่ความดีที่ฉันเคยทำ แกเลือกที่จะลืม”
    
    “คุณหลวงฯ คะ...อย่าคิดมากนะคะ”
    
    ญาณินพูดปลอบใจคุณหลวงฯ มิรันตีไม่พอใจ คิดว่าญาณินแกล้งทำเป็นพูดกับวิญญาณเพื่อขู่ให้เธอกลัว
    
    “หนูไม่ได้เล่นบทอะไร หนูทำทุกอย่างก็เพื่อรีสอร์ท เพื่อคุณติณห์ เพื่อคุณหลวงฯ โดยไม่มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงนะคะ”
    
    “เพื่อรีสอร์ท เพื่อติณห์ เพื่อคุณหลวงฯ...ต๊ายตาย กล้าพูด เธอนี่มัน 18 มงกุฎที่เอาอาชีพออกแบบตกแต่งบังหน้าชัด ๆ”
    
    “มัม...แกรนด์ปามีจริงนะครับ”
    
    “มีจริง...ไหนล่ะ คุณพ่อคะ ถ้าคุณพ่อมีจริง ลองแสดงโชว์หน่อยสิคะ อะไรก็ได้ ทำให้อะไรตกซิ หรือทำกลิ่น...กลิ่นธูปกลิ่นเทียน หรือ...ทำลมพัดอะไรหน่อยสิ”
    
    คุณหลวงฯเดินไป นั่งร้องไห้มุมนึง ญาณิน รีบบอกให้มิรันตีรู้ว่าคุณหลวงฯกำลังเสียใจมาก มิรันตีหัวเราะขำ แต่จู่ ๆ กลับสะดุ้งปวดท้องตัวงอ เหมือนโดนใครมาบิดไส้ คุณหลวงฯหันมามองด้วยความสนใจ ญาณินเป็นห่วงจะเข้าไปช่วยประคอง แต่มิรันตีไม่ยอมให้ญาณินเข้ามาแตะต้อง
    
    “อย่ามาแตะต้องตัวชั้น ติณห์ แม่ตายแน่ นี่แม่เป็นอะไรไป พาแม่กลับบ้านเดี๋ยวนี้ โอ๊ย ๆ ๆ”
    
    ติณห์พยุงแม่ลงจากเรือนไป ญาณิน เบญจา หันมามองหน้ากันกังวล
    
    “คุณแม่พี่ติณห์เค้าเป็นโรคประจำตัวอะไรเหรอคะ”
    
    “ไม่ทราบสิจ๊ะ”
    
    “หรือเค้าจะแกล้งทำคะ”
    
    “คงไม่หรอก ท่าทางท่านจะปวดมากนะ”
    
    “แล้วพี่...พี่พูดกับ...กับ...คุณตาพี่ติณห์จริง ๆ หรือว่าหลอกเค้าคะ”
    
    “น้อง...เอ้อ พี่เรียกน้องว่าเบญจาก็แล้วกันนะ...คือ...พี่ กับเพื่อน ๆ บริษัทซิกเซนส์...เรามีซิกเซนส์กันจริง ๆ น่ะจ้ะ แล้ว...พี่ก็คุยกับคุณหลวงฯ ที่น้องเห็นในรูปที่เรือนไทยได้จริง ๆ แต่มันคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ...สำหรับคนทั่วไปน่ะจ้ะ”
    
    “โอว...หนูเข้าใจแล้ว”
    
    “คุณแม่ท่านก็ไม่ผิดหรอก เป็นพี่ พี่ก็คงไม่ไว้ใจ...อยู่ ๆ แฟนของลูกมาอ้างว่า...มีซิกเซนส์ แล้วบอกว่า วิญญาณคุณพ่อของท่าน...มาสั่งว่าให้ทำยังงั้นยังงี้...โดยเฉพาะ...ในสิ่งที่ขัดกับผลประโยชน์ของท่าน...เป็นเรา...เราก็คงไม่เชื่อ”
    
    “พี่ต้องพิสูจน์สิคะ”
    
    “แต่เบญจาเข้าใจพี่ใช่ไหม เบญจาไม่คิดว่าพี่เป็น 18 มงกุฎใช่ไหมคะ”
    
    “ว่าง ๆ พี่ญาณินโชว์ให้หนูดูบ้างสิคะ แต่หนูไม่อยากเห็นผีนะคะ หนูกลัว ไม่ต้องเรียกผีมาพิสูจน์นะคะ”
    
    “ผีเค้าไม่ไปไหนมาไหนแบบไม่มีเหตุผลหรอกจ้ะ แล้วผีก็ไม่ได้มีพิษภัยเท่าคนหรอกนะ คนสิ หลอกคน ทำร้ายคน ผีน่ะ พูดแต่ความจริงนะ”
    
    “เหรอคะ”
     
    ติณห์ประคองพามิรันตีกลับไปที่ห้องพัก “ปวดเหมือนไส้บิด ๆ อาจจะเป็นบิดนะครับ นี่คือยาฆ่าแบคทีเรีย มัมกินยาก่อนนะครับ หรือยังไง เราก็ควรไปโรงพยาบาลกัน”
    
    “จะบ้าเหรอ เป็นบิด..ก็ต้องวิ่งจู๊ด ๆ เข้าห้องน้ำด้วยสิ แต่นี่...มันปวดยังกะใครบิดไส้โอ๊ย ๆ ๆ ๆ”
    
    “หรือว่า...จะมีแก๊สวิ่งเล่นอยู่ในลำไส้...หรือว่า...เอายาลดกรดในกระเพาะอาหารดีครับ”
    
    “โอ๊ย ๆ ๆ เหมือนคนเอาเข็มมาทิ่มไส้เลย ทิ่มตรงนั้นบ้าง ทิ่มตรงนี้บ้าง โอ๊ย”
    
    “หา...หรือมีคนเล่นแบล็กเมจิคกะแม่เหมือนพวกวูดูเลย”
    
    “ไอ้บ้า ตั้งแต่คบกะยัยนี่ แกกลายเป็นคนเชื่อเรื่องแบบนี้ไปแล้วหรือติณห์...แม่ว่า...มันอาจใส่ยาพิษอะไรมาในอาหารของแม่มากกว่า...โอ๊ย...เอ๊ะ เอ๊ะ” มิรันตีเงียบไปชั่วครู่ เพื่อจับความรู้สึกตัวเอง แล้วลุกขึ้น “หายแล้ว”
    
    “อ้าว...หายจริงเหรอครับ”
    
    “หายจริง ๆ ...ไม่เจ็บอีกแล้ว หายเหมือนกับ...ไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนเลยนะ เอ๊ะ...ติณห์ ทำไมแกมองแม่แบบนั้น...โน ๆ ๆ ๆ ๆ ยูหาว่าไอแกล้งทำเหรอ ไม่นะ ไอปวดจริง ๆ ไอไม่ได้พรีเทนเด็ดนะ..ตะกี๊ไอปวดจริง ๆ แล้วก็หายจริง ๆ นะ”
     
    “ที่นี่มีเจ้าของ! ไม่ใช่ที่ต่ำ ๆ ให้สัมภเวสีทั่วไปเข้ามาเพ่นพ่าน ลบหลู่สถานที่ทำให้ที่นี่แปดเปื้อน มัวหมอง บ้านหลังนี้ไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามา โดยเฉพาะพวกผู้หญิงนุ่งสั้น ชอบโชว์เรือนร่างอย่างพวกเธอ”
    
    กรรณาโมโหมาก “อ้าวป้า...อยากมีเรื่องเหรอ”
    
    จารุณีอ้าปากค้าง แทบกรี๊ด “ป้า!!! ชั้นไม่ใช่พี่สาวแม่...ของใครในที่นี้นะ”
    
    “ได้เลย! ป้า ๆ ๆ ๆ น้องเคยเห็นป้าหรือเปล่า”
    
    กรรณาถลกแขนเสื้อจะเข้าหา สุคนธรส กรรัมภาช่วยกันห้ามไว้ กรรณาสงบสติอารมณ์ บอกจารุณีไปว่านัดกับเจ้าของบ้านไว้ จารุณีสวนกลับทันควันบอกเจ้าของบ้านตายไปแล้ว
    
    “ชั้นหมายถึงเจ้าของบ้านที่ยังไม่ตายน่ะ”
    
    “นึกว่าหมายถึงเจ้าของบ้านตัวจริง”
    
    จารุณีพูดพร้อมหันไปมองภาพของพิมอร แววตาปรากฏรอยเหยียดหยัน กรรณาสังเกตได้ถึงความขัดเคืองบางอย่างของจารุณีต่อพิมอร
    
    “พวกเธอมีธุระอะไรกับคุณแผนยุทธ”
    
    “แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร”
    
    “เธอมีสิทธิอะไรมาซักฉัน”
    
    “ก็คุณยังซักฉันได้เลย”
    
    เพื่อน ๆ พยายามปรามกรรณา แต่สายไปแล้ว กรรณาเครื่องติดแล้ว สองคนเถียงกันไปมา มูมู่ถือถาดใส่น้ำกระเจี๊ยบเดินออกมาเจอเข้าพอดี
    
    “เอะอะอะไรกันคะคุณแม่บ้านจารุณี...มีเรื่องอะไรกันเหรอค้า”
    
    “อ้าวเอ๊ย เป็นแค่แม่บ้าน ทำเนียนเป็นเจ้าของบ้าน”
    
    จารุณีไม่พอใจ สั่งให้มูมู่เอาน้ำกระเจี๊ยบไปเก็บ แล้วเอาน้ำเปล่ามาเสิร์ฟแทน
    
    “ฉันสั่งแล้วใช่ไหม ว่าน้ำกระเจี๊ยบเอาไว้รับแขกคนสำคัญเท่านั้น ไปเอาน้ำเปล่าในตู้เย็นมาเสิร์ฟแทนเดี๋ยวนี้”
    
    แผนยุทธเดินเข้ามาขวาง “แขกผม! เอาน้ำอะไรมาเสิร์ฟแล้วมีปัญหาอะไร”
    
    “แต่คำพูดของดิฉันเป็นกฎของบ้านหลังนี้...กฎต้องเป็นกฎ”
    
    “คุณกรรณาเป็นแขกคนสำคัญของผม...น้ำกระเจี๊ยบสำหรับแขกคนสำคัญก็ถูกกฎแล้วนี่คุณจารุณี”
    
    จารุณีทำหน้าฟึดฟัดใส่แผนยุทธราวกับเป็นสามีก็ไม่ปาน จังหวะที่กรรณามองจ้องจับตาสงสัยพฤติกรรมของจารุณีนั้นเองก็มีเสียงด่าตวาดที่หูกรรณา
    
    “อ๊าย นังนี่อีกแล้วเหรอ นังเด็กสก๊อยนุ่งสั้น อย่ามายุ่งกับสามีฉันนะ นังหน้าด้าน”
    
    กรรณาแสบหู แต่คราวนี้เตรียมตัวมาดี ควักเอียปลั๊กออกมาเสียบเข้าไปในรูหู ทำให้ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก แม้แต่เสียงสุคนธรสที่พยายามจะกระซิบบอกว่าได้กลิ่นวิญญาณเหม็นสะอิดสะเอียน
    
    กรรณาคิดว่าเป็นเสียงของพิมอร จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่รูปของพิมอร “คนเราดูแต่หน้าตาภายนอกไม่ได้จริง ๆ หน้าสวย มาดหวานสูงส่ง แต่เสียงแปร๋น แล้วก็ปากจัด หยาบต่ำที่สุด”
     
    ทนายสมชายแนะนำให้วรวรรธและณัฐเดชรู้จักกับทุกคน เริ่มต้นจากคุณหญิงสมศรีที่มาในฐานะพยาน อรวีเลขาฯ ของทนายสมชาย อติเทพสามีพิมพ์พิลาศ วรวรรธถึงกับตะลึงเมื่อเห็นอติเทพอายุไม่ห่างจากณัฐเดชเท่าไหร่
    
    “โอ้โห...หล่อเฟี้ยวขนาดนี้ ไม่ต้องแม่ม่ายอายุเยอะหรอก สาว  ๆ ที่ไหนก็ชอบ ใช่ไหมพี่”
    
    ณัฐเดชแอบสะกิดวรวรรธให้หยุด ก่อนเปลี่ยนเรื่องหันไปถามทนายสมชายว่าพิธีการจะเริ่มเมื่อไหร่ ทนายสมชายบอกให้รู้ว่าต้องรอทายาทอีกคนของพิมพ์พิลาศก่อน จังหวะนั้นเอง พิสมรเดินเข้ามาบอกทนายสมชายว่าหลานชายพิมพ์พิลาศที่ชื่อว่าจักรเดินทางมาถึงแล้ว
    
    อติเทพหนุ่มรูปงามพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูเป็นคนดีเหลือเกิน “ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ทำให้เค้ามาในวันนี้ มันจะได้จบ ๆ เสียที”
    
    ขณะเดียวกันนั้นเอง ปาร์คจุนจีที่เดินลงมาจากรถพร้อมกับลีจองกุ๊ก ได้ถอดแว่นกันแดดออก แล้วมองไปยังบ้านหรูขนาดใหญ่ตรงหน้า ภาพในอดีตที่ไม่เคยลืมปรากฏขึ้น ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้น ในตอนนั้น เกรียงไกรประคองลีซองที่ร้องไห้ออกมาจากบ้าน โดยมีจุนจีที่ยังเด็กเกาะแม่ออกมาด้วย พิมพ์พิลาศเดินตามออกจากบ้านมายืนไล่ “แกมันลูกเนรคุณ
    แกรักนังเมียเกาหลีนี่มากกว่าชั้น ก็หอบลูกหอบเมียแกไปอยู่ที่อื่น แล้วฉันจะไม่ให้แกเลยซักสตางค์แดงเดียว ไปเลย...ไสหัวไปให้พ้นจากบ้านของฉัน”
    
    จุนจีขบกรามแน่น เสียงเกลียดชังของพิมพิลาศดังก้องอยู่ในหัว “ฉันเกลียดพวกแกทุกคน!”
     
    ณัฐเดชกับวรวรรธพากันแปลกใจที่เห็นปาร์คจุนจีกับลีจองกุ๊กเดินเข้ามาในห้อง ทนายสมชายเดินเข้าไปต้อนรับ เรียกจุนจีว่าจักร จุนจีไม่พอใจ กระซิบบอกให้ลีจองกุ๊กช่วยเป็นล่าม
    
    “เอ่อ...คุณจุนจีบอกว่า...กรุณาเรียกผมว่าปาร์คจุนจี ชื่ออื่น...ผมไม่รู้จัก”
    
    ณัฐเดชกับหมอวรวรรธสบตากัน แบบสะอึกกับปฏิกิริยาขุ่นเคืองไม่พอใจของปาร์คจุนจี
    
    “อ่า...ตกลงครับ คุณปาร์คจุนจี”
    
    ลีจองกุ๊กรีบพูดยิ้มแย้มทำลายบรรยากาศเครียด ๆ “นี่พวกผมคงไม่ได้มาช้าใช่ไหมครับ แบงค็อกนี่รถติดมั่ก ๆ ไงก็ซอรี่ถ้าทำให้ทุกคนต้องคอย...มี-อัน-ฮัมนิดา”
    
    “ไม่หรอกครับ คนเกาหลีนี่เป็นคนตรงเวลาจริง ๆ ผู้กองณัฐเดช และคุณหมอวรวรรธมาในฐานะสักขีพยาน การเปิดพินัยกรรมในครั้งนี้”
    
    ทนายสมชายแนะนำให้รู้จักวรวรรธกับณัฐเดช ลีจองกุ๊กกล่าวคำทักทาย ขณะที่ปาร์คจุนจีไม่พูดแค่ผงกหัวทักทายอย่างไว้ตัว จังหวะนั้นเองอติเทพก้าวเดินเข้ามาพร้อมแนะนำตัวอย่างสุภาพ
    
    “ผม...อติเทพครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณปาร์คจุนจี”
    
    ณัฐเดชกับหมอวรวรรธมองจับจ้องไปที่อติเทพ แต่ปาร์คจุนจีกลับยืนหมุนแหวนที่นิ้วเล่นไปเรื่อย ๆ หน้าตารำคาญ ๆ
     
    
    “คุณปาร์คพูดไทยไม่ได้ ผู้จัดการก็พูดไทยได้งู ๆ ปลา ๆ แบบนี้ จะทำให้การรับรู้เรื่องพินัยกรรมมีปัญหาหรือเปล่าครับ” อติเทพหันไปถามทนายสมชาย
    
    “ไม่ต้องห่วงครับ เราทำฉบับแปลเป็นภาษาเกาหลีไว้เรียบร้อยแล้ว”
    
    “แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไง ว่าคุณแปลถูก”
    
    “ผมมีลายเซ็นรับรองการแปลจากทางสถานทูตด้วย คุณจุนจีตรวจดูได้เลย”
    
    “ไม่ต้อง” จุนจีพูดไทยออกมาชัดเป๊ะ “ผมไม่สนใจ ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากผู้หญิงคนนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าเงินทอง ที่ดิน บ้านช่อง ใครอยากได้อะไร ก็เอาไปให้หมด ผมมาแค่...เพื่อทำให้ทุกอย่างมันจบ ผมจะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคนในบ้านหลังนี้อีก”
    
    “อ้าว พูดไทยได้นี่ครับ” ณัฐเดชแปลกใจมาก
    
    “แต่พูดไม่น่าฟังเลย คุณไม่รู้เลย...ว่าพิม พิลาศรักคุณแค่ไหน” อติเทพไม่พอใจ   ทนายสมชายพูดเสริม “คุณพิมพิลาศยังคงคิดถึงคุณเสมอนะครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่ระบุชื่อคุณลงไปในพินัยกรรมหรอกครับ คุณเองก็เป็นญาติที่สืบสายโลหิตแท้ ๆ คนเดียวที่เหลืออยู่ของท่าน...ไม่น่าจะถือเรื่องในอดีตเป็นเรื่องใหญ่”
    
    จุนจีหันขวับมามองทนายสมชายด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดขมขื่น “คุณคิดว่าเรื่องพ่อแม่ผมโดนเฉดหัว...ไม่สำคัญงั้นเหรอคุณทนาย”
    
    “จุนจี! ใจเย็น ๆ น่า นายอยากให้เรื่องนี้มันจบไม่ใช่เหรอ”
    
    จุนจีสงบอารมณ์ลง “เอาล่ะ จะทำอะไรก็รีบทำ ผมอยากจะกลับไปพักผ่อนเต็มทีแล้ว”
    
    อติเทพรีบตัดบท “เอาเถอะครับ ผมว่าตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้ว เชิญคุณทนายดำเนินการเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลาคุณจุนจีด้วย”
     
    แผนยุทธชวนทุกคนดื่มน้ำกระเจี๊ยบ กรรณาไม่ยอมดื่ม แผนยุทธรู้ว่ากรรณาไม่พอใจ รีบขอโทษแทนจารุณี
    
    “เอ่อ...ผมต้องขอโทษแทนแม่บ้านของผมด้วย อย่าถือสาเลยนะครับ เขาเป็นคนของภรรยาผม อยู่บ้านหลังนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี ก็เลยลืมตัว ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านอยู่เรื่อย แม้แต่กับพิมอร เขาก็ยังไม่ค่อยจะเกรงใจ”
    
    กรรณานั่งเฉย กรรัมภาพูดขึ้นแทน
    
    “บ้านคุณน่าอยู่ดีนะคะดอกเตอร์ ตกแต่งได้สวยงามอลังการมาก”
    
    “แต่น่าเสียดาย ที่บ้านหลังใหญ่ สวยงามขนาดนี้ กลับมีผมอยู่แค่เพียงคนเดียว ตั้งแต่พิมอรจากไปบ้านหลังนี้ก็เงียบเหงา จนบ้างครั้งผมนึกอยากจะขายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แล้วไปซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอ”
    
    “คนหลอกลวง คุณคิดจะทิ้งฉันไปอยู่กับนังคนทรยศใช่ไหม”
    
    กรรณาสะดุดหู รีบใส่เอียปลั๊กทันที พลางครุ่นคิด “นังคนทรยศ? ใคร?”
    
    “แม้กระทั่งคนของฉัน คุณก็เอาไม่เว้น ไอ้คนมักมาก ไม่รู้จักพอ ฉันยอมให้คุณทุกอย่าง คุณยังนอกใจฉันอีก กรี๊ด ๆ ๆ ๆ”
    
    กรรณาโมโหใส่เอียปลั๊กแล้วยังได้ยินเสียงกรี๊ดไม่หยุด “โอ๊ย...แม่คุณเอ๊ย จะกรี๊ดไปถึงไหน”
    
    แผนยุทธตกใจตาเหลือก เหลือบมองไปทั่ว
    
    “ฉันสงสัยว่า...ถ้าวิญญาณที่ติดตามคุณเป็นพิมอรจริง ความอาฆาตแค้นของเธออาจเกี่ยว ข้องกับคุณจารุณี”
    
    “อะไรนะ...เสียงนั้น...เค้าพูดถึง...แม่บ้านจารุณีด้วยเหรอ”
    
    “พวกเราคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ ถ้าหากคุณไม่ให้ข้อมูลกับเรา” กรรณาทำท่าจะลุก
    
    แผนยุทธรีบร้องห้ามไว้ “บอกครับ... ผมจะบอก”
    
    “คุณเคยได้ยิน..ภรรยาคุณ...กับ...แม่บ้านจารุณี...มีปากเสียงอะไรกันบ้างไหมคะ”
    
    “มีบ้างครับ โดยเฉพาะระยะหลัง”
    
    “เรื่องอะไรคะ”
    
    “ผมก็ไม่ทราบครับ แล้วต้องใช้เวลาอีกมากน้อยแค่ไหนครับ ผมอึดอัดเต็มที่แล้ว”
    
    สาว ๆ มองหน้ากันไปมา ไม่มีคำตอบให้แผนยุทธ
    
    “ไม่เห็นยากเลยพี่ ก็ให้คุณพิมอรเข้าสิงร่างพี่รสแล้วทีนี้ใครอยากรู้อะไรก็ถามตามสบาย”
    
    กรรณาและกรรัมภายิ้มหันมองไปทางสุคนธรส สุคนธรสโวยลั่นไม่อยากให้วิญญาณเข้าสิง
     
    พิมพ์พิลาศทำพินัยกรรมยกหุ้นส่วนของบริษัทพีพีพรอบเพอร์ตี้ 55 เปอร์เซ็นต์ให้อติเทพ และมอบหุ้นส่วนของบริษัทพีพีพรอบเพอร์ตี้อีก 5 เปอร์เซ็นต์กับกุญแจเซฟในห้องนอนให้ปาร์คจุนจี ส่วนบ้านหลังใหญ่ กับบ้านอีก 5 หลัง รวมทั้งคอนโดมิเนียมทั้งหมด กับเงินสดในธนาคารทั้งหมดตกเป็นของอติเทพ
    
    ทนายสมชายยังอ่านพินัยกรรมไม่หมด จุนจีก็ทำท่าจะลุกเดินหนี พิมพ์พิลาศพรวดลอยมาขวางหน้าทันที ลมพัดจากตัวพิมพ์พิลาศผ่านจุนจี เสื้อผ้าปลิว และกระโชกใส่หน้าทุกคนในห้องจนผมปลิว ณัฐเดช วรวรรธขนลุก หันมามองหน้ากัน ทนายสมชายลุกมาหาจุนจี “เดี๋ยวซีครับคุณจุนจี ตามหลัก...ผมจะต้องถามก่อน ...ว่ามีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับพินัยกรรมหรือคัดค้านรึเปล่าครับ”
    
    “ดิฉันคัดค้านค่ะ” พิสมรเดินเข้ามา
    
    “ป้าพิสมร! ป้าจะทำอะไร” อติเทพซึ่งตลอดเวลาเอาแต่นั่งนิ่งโพล่งขึ้นอย่างลืมตัว ณัฐเดช วรวรรธจับตามองไม่กะพริบ
    
    “ดิฉันขอคัดค้านเพราะการตายของคุณผู้หญิง ไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ มีคนตั้งใจฆ่าท่าน”
    
    ทุกคนในห้องนั้นมีปฏิกิริยาต่าง ๆ กัน รวมทั้งอรวี ณัฐเดชกับหมอวรวรรธหูผึ่งทันที และเป็นครั้งแรกที่ปาร์คจุนจีขมวดคิ้วสนใจ
     
    อัลบั้มรูปของพิมอรถูกนำมาตั้งกองเรียงรายบนโต๊ะทำงานของแผนยุทธ คล้ายจะเป็นเครื่องช่วยเรียกความทรงจำของพิมอร เก้าอี้สองตัวถูกตั้งหันหน้าเข้าหากัน แผนยุทธอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ท่าทางกระสับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น
    
    สุคนธรสในชุดเดรสกลางคืนตัวยาวคล้องคอผ้าซาตินสีดำตกแต่งคริสตัลรอบคอและเอว ซึ่งขัดกันอย่างแรงกับบุคลิกเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน ทุกคนกลั้นหัวเราะ ยกเว้นก๊องที่หลุดก๊ากออกมา
    
    “ฉันต้องแต่งชุดนี้ด้วยหรอ”
    
    “แต่งสิยะ เวลาที่วิญญาณเข้าร่างแก เขาจะได้รู้สึกเป็นตัวเองไง ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าจะงงนึกว่ามาเข้าร่างผู้ชาย”
    
    “เฮ้ย! พูดงี้ได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงเห็น ๆ”กรรณาตัดบทด้วยการลากสุคนธรสมานั่งหน้าโต๊ะทำพิธีตรงข้ามกับแผนยุทธ
    
    “เอ่อ...คุณกรรณครับ คุณว่าวิธีนี้จะได้ผลเหรอครับ”
    
    กรรณาดูออกว่า แผนยุทธกำลังกังวล แต่ไม่รู้ว่ากังวลว่าพิมอรจะไม่ยอมมาเข้าทรง หรือกังวลว่าจะต้องเผชิญหน้ากับภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว
    
    สุคนธรสนั่งทำใจอยู่พักหนึ่งแล้วถอนหายใจเฮือก “เริ่มเลยดีกว่า”
    
    สุคนธรสรับธูป1ดอกจากก๊อง หลับตา พนมมือ ภาวนาคาถาระลึกถึงครูบาอาจารย์ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าผากตัวเองกระทั่งจิตค่อย ๆ สงบ
    
    “คุณพิมอรคะ...ถ้าหากว่าดวงวิญญาณของคุณยังวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ขอเชิญมาเข้าร่างด้วยค่ะ”
    
    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากแผนยุทธ แม้แอร์จะเย็นฉ่ำ
    
    “ทำไมนานจัง”
    
    สุคนธรสงึมงำตอบลอดไรฟันมาโดยไม่ลืมตา “ฉันจะรู้ไหมล่ะ ลองให้ยัยกรรณฟังดูซิว่าเขายังอยู่แถวนี้รึเปล่า”
    
    “อีบ้า พวกแกมันบ้า จะยั่วผัวชั้นไปถึงไหน”
    
    กรรณาคอย่น “ยังได้ยินเสียงอยู่เลยนะแก”
    
    แผนยุทธมองสามสาวที่กระซิบโต้ตอบกันอย่างงง ๆ
    
    สุคนธรสนั่งพนมมือจดหน้าผากอยู่ในท่าเดิม ลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง “บางทีคุณพิมอรอาจจะไม่ชอบชุดนี้ก็ได้นะ”
    
    “บ้า! ก็คุณแผนยุทธบอกแล้วว่านี่เป็นชุดปราด้าตัวโปรดของคุณพิมอร แล้วจะไม่ชอบได้ไง จริงไหมคะคุณแผนยุทธ”
    
    “ครับ แต่ปกติคุณพิมอรจะใส่รองเท้าส้นสูงที่เข้าชุดกันด้วย”
    
    “หรือว่ายัยรสไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง คุณพิมอรเลยไม่พอใจ”
    
    “ความจริงมีตุ้มหูคาร์เทียร์คู่โปรดด้วยนะครับ   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)