ผู้เขียน หัวข้อ: “ตั๊ก-บริบูรณ์” บ้าแบบมีมารยาท!! เส้นทาง “ผู้จัด” คืออนาคตครอบครัว - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 431 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 ถ้าพูดถึงเจ้าบ่าวป้ายแดงที่ฮาสุดๆ เรียกว่าฮาแตกแหวกชาวบ้านเขา คงหนีไม่พ้นผู้ชายคนนี้ “ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง” ที่เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเมื่อไม่นานนี้ กับเจ้าสาวแอร์โฮสเตส สาวลูกครึ่งไทยมาเลเซีย “เอลซี่ ตัน ไอเซีย” และล่าสุดตั๊กเพิ่งจะผันตัวเองจากการเป็นนักแสดงเบื้องหน้า มาเป็นผู้จัดละครในนามบริษัท บรรจงทำ จำกัด ร่วมกับเพื่อนซี้ “โก๊ะตี๋ อารามบอย” และ “บอล เชิญยิ้ม”  ผลิตละครเรื่องแรก  “วิวาห์ป่าช้าแตก” ให้กับทางช่อง 8 แถมยังแสดงเองอีกด้วย  งานนี้เจ้าตัวดูจะจริงจังเป็นพิเศษ   ถึงขึ้นวางแผนไว้เป็นเส้นทางสำหรับอนาคตครอบครัว พอเจอ “ตั๊ก” ก็เลยขอคุยแบบจริงจัง ซะหน่อย 555 ขอย้อนกลับไปช่วงที่ “ตั๊ก” เข้าวงการบันเทิงครั้งแรก “ผมเข้าวงการตั้งแต่อายุ 10 ขวบ กับการประกวดโดมอน มินิ จากนั้นก็มาออดิชั่นเป็นแดนซ์เซอร์ที่อาร์เอส จำได้ว่าตอนนั้นเต้นให้กับพี่กี้- อริสมันต์ เต้นไปเต้นมา ผู้ใหญ่เห็นแววเลยดึงผมไปเล่นหนัง “รองต๊ะแล่บแปร๊บ” ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงที่สุดให้กับผม จนมาถึงตอนนี้ทุกคนก็ยังจำได้”ภาพที่หลายคนเห็นในตัว “ตั๊ก” ขอโทษนะบางครั้งเหมือนต๊อง ...บ้าๆ บอๆ อะไรแบบเนี๊ย ตัวตนจริงๆเป็นยังไง“จุดเด่นของผมน่าจะเป็นความน่ารักนี่แหละครับ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นความน่ารักแบบบ๊องๆ เหมือนจะรู้เรื่อง แต่สุดท้ายไม่รู้เรื่อง ซึ่งทั้งในจอและนอกจอ ก็จะเหมือนกันเลย เพราะมันเป็นนิสัยของผม ก่อนหน้านี้ตอนมีชื่อเสียงแรกๆ ผมก็พยายามปรับตัวให้เป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างขรึม จนพี่จ๊อบ (นิธิ สมุทรโคจร) มาบอกว่า “เอ้ย!! เอ็งต้องเป็นตัวของตัวเองสิ อย่าเฟค มันดูไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นผมก็เอาความเป็นตัวของตัวเองออกมาเต็มที่ คราวนี้บึ้มเลย หลายๆคนบอกว่าผมไม่ได้เป็นแค่คนตลก แต่ให้เรียกว่าเป็นคนบ้าเลยดีกว่า และอีกอย่างผมเป็นคนไม่หยาบคาย สุภาพกับทุกคนครับ” ไม่กลัวคนอื่นจะมองว่า เป็นคนกะล่อนเหรอ ? “ไม่กลัวครับ เพราะจริงๆก็เป็นอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่เป็นคนกะล่อนเฉพาะในหน้าที่การงาน แต่ถ้าชีวิตจริง ไม่กะล่อนนะครับผม สังเกตได้ว่าผมไม่เคยมีข่าวกับใคร เพราะผมปิดมิดชิดครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ คือผมเป็นคนรักใครรักจริง”  ชีวิตหลังแต่งงานเป็นยังไงบ้าง และคิดจะมีลูกเลยหรือเปล่า..“รู้สึกเสียใจครับ!! เสียใจที่ผมแต่งงานช้าเกินไป ถ้ารู้ว่าแต่งแล้วมีความสุขแบบนี้ ผมแต่งไปนานแล้วครับ รู้สึกโอเคมาก เหมือนชีวิตของเราถูกเติมเต็ม ผมโชคดีที่เจอคนที่ใช่ และพร้อมจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตลอดไป เรื่องลูกก็คิดไว้เหมือนกัน แต่เรา 2 คนยังทำงานหนักอยู่แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นนะครับ ถ้าเขาจะมาก็มาครับ” มีแพลนจะพาเจ้าสาวไปฮันนีมูนที่ไหน ? “ยังไม่มีเลยครับ เพราะตอนนี้ผมทำงานเป็นผู้จัดละคร “วิวาห์ป่าช้าแตก” ร่วมกับพี่โก๊ะ และพี่บอล ถึงละครจะปิดกล้องไปแล้ว แต่ผมก็ยังต้องเข้าออกห้องตัดต่อทั้งวัน คือผมอยากมีส่วนร่วมในการทำให้งานออกมาดีที่สุด” ทำไมถึงเลือกที่จะผันตัวจากนักแสดง มาเป็นผู้จัดละคร แทนที่จะทำธุรกิจอื่น ? “ผมคิดว่ามันเป็นการวางรากฐานอนาคตให้กับครอบครัวได้ครับ ผมไม่รู้ว่าวันหนึ่งถ้าเราโตไปมากกว่านี้ จะยังมีใครจ้างให้เราทำงานอยู่รึเปล่า เลยลองคิดอยากจะทำงานที่สามารถต่อยอดอนาคตให้กับตัวเองและครอบครัวได้ ก่อนหน้านี้คิดอยากจะผลิตรายการทีวี แต่ค่อนข้างจะติดปัญหาหลายอย่าง บวกกับทางพี่โด่ง ช่อง 8 ให้โอกาสผมได้ทำละคร ก็เลยเต็มที่กับมันครับ”
    ทำไม “ตั๊ก” ถึงเลือกเปิดตัวครั้งแรก กับช่องทีวีแซทเทิลไลท์ ? “เพราะช่อง 8 เป็นช่องแรก ที่เขาให้โอกาสพวกเรา 3 คนได้ลองทำ ต้องขอขอบคุณเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) และ พี่โด่ง (องอาจ สิงห์ลำพอง) ด้วยครับ ที่ให้โอกาสผมและเพื่อนๆ ผมรับปากว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุดแน่นอน”แล้วทำไมถึงเลือกละคร “วิวาห์ป่าช้าแตก” มาทำเป็นเรื่องแรก “ตอนแรกๆที่ได้คุยกัน ผมก็เอาพล็อตละครไปเสนอหลายแนวมาก มีทั้งละครบู๊ ละครตลก ละครผี แต่พี่โด่งแนะนำว่าอยากจะได้ละครผีแนวตลก ไปๆมาๆเลยสรุปลงเอยกันที่เรื่องนี้ แต่ก็มีการเอาบทไปแก้ไขอยู่หลายรอบ จนกว่าจะสมบูรณ์ที่สุด แล้วค่อยลงมือถ่ายทำกันจริงๆ” เคยทำงานเบื้องหน้า พอได้มาทำงานเบื้องหลัง  แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน“แตกต่างมากเลยครับ ตอนผมเป็นดารารู้สึกสบายกว่าเยอะ ไปกองถ่ายสายบ้าง ไม่เข้าไปซ้อมบทบ้าง ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา แต่พอเรามาเป็นผู้จัด เราก็รู้เลยว่าถ้านักแสดงมาสายแค่หนึ่งคน งานก็ไม่เดิน ทุกคนในกองก็เดือดร้อนเสียเวลา ตอนเด็กๆผมเคยเบี้ยวกองละครด้วย พอมายืนจุดนี้ก็รู้ว่า มันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก นอกจากนี้การออกกองในแต่ละครั้งต้องใช้เงินเป็นหลักแสน เราในฐานะผู้จัดละคร ต้องคอยคุมเรื่องงบประมาณอีก เหนื่อยขึ้นหลายเท่า” วางแผนจะทำเรื่องที่ 2 ต่อเลยมั๊ย? “ตอนนี้ยังไม่มีครับ ยังไม่อยากจะทำ เราอยากลองวัดใจ พิสูจน์ด้วยผลงานจากเรื่องนี้ก่อน ถ้าเรื่องนี้ฟิตแบกดี ก็จะทำเรื่องต่อไปแน่นอน ถือว่าเรื่องนี้ผมคาดหวังไว้สูงมาก แต่ผมคิดว่าถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมามันต้องดีแน่นอนครับ แล้วที่สำคัญจะขอพักสมองแป๊บนึงด้วย” “ตั๊ก” มีหลักการทำงานในวงการบันเทิงยังไงมั๊ย? “สั้นๆเลยครับ ความรับผิดชอบ ผมเชื่อว่าถ้าคนเราขาดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่สำเร็จหรอกครับ อย่างเช่นถ้าผมเล่นละคร ผมก็ต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องของการซ้อมบท การตรงต่อเวลา พอเป็นผู้จัด ผมก็ต้องรับผิดชอบด้วยการคุมทีมงานและซื้อใจให้อยู่หมัด ไม่ใช่แค่มาโขกสับลูกน้องแล้วก็ไป ไม่รับผิดชอบอะไรเลย ถ้าเกิดปัญหาที่กอง ผมก็จะแสดงความรับผิดชอบ แล้วทำให้เขาเห็นว่า อย่าทำอีก เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย” ผู้ชายที่หลายคนมองว่าสติไม่ค่อยเต็มบาท ดูเหมือนเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะตัวตนที่แท้จริงของ “ตั๊ก-บริบูรณ์” เป็นผู้ชายที่เอาถ่าน..เอ๊ย..มีสาระมากๆ และลองได้ทำงานอะไรก็ตามจะมีแต่คำว่าจริงจัง..จริงใจ บวกกับการทุ่มเทสุดๆ สมแล้วกับที่เขาสามารถยืนอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างสง่างาม มาจนถึงทุกวันนี้ “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)