ผู้เขียน หัวข้อ: สาปพระเพ็ง วันที่ 6 กันยายน 2556  (อ่าน 378 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
สาปพระเพ็ง วันที่ 6 กันยายน 2556
« เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 07:51:07 am »

 “พี่ชายจะทำอะไรน้องน้อย” มรันมาจ้องหน้าติสสาที่มองเธออย่างไร้เยื่อใย  “มันคนไหนกล้ามารบกวนใจเจ้านางอินยา...ข้าจะฟันคอมันให้ขาดตรงนี้...ไป” เจ้านางอินยายิ้มสะใจทันที  มรันมาเซ หันมามองติสสาน้ำตาคลอ “พิรี้พิไร มารยาสาไถยนัก” เจ้านางอินยาพุ่งเข้าไปตบมรันมา มรันมาหน้าสะบัด “ไปให้พ้น ๆ หน้าได้แล้ว” “พี่ชายช่วยน้องน้อยด้วย” มรันมามองติสสา กุมแก้ม แววตาเจ็บปวด “ได้...ข้าจะช่วยตบซ้ำอีกทีสำหรับความหน้าหนา ทนอยู่  รกหูรกตา...อยากจะโดนอีกใช่มั้ย ยังไม่ไปอีก...ไป” มรันมาตะลึง เจ้านางอินยาเดินเข้าไปซบลงในอก ติสสากอดไว้ หันไปยิ้มกับอินยา มรันมาสุดจะทนกับภาพความแนบชิดของติสสากับเจ้านางอินยา วิ่งออกไปทันที มรันมาทรุดลงร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจที่ติสสาเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน    “มรันมา ทำไมไม่เอาตัวแม่ทัพออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยา” มรันมาหันมามองเมฆากับมารุต  สองคนเห็นมรันมาน้ำตานองหน้า “ถ้าพี่ชายเต็มใจอยู่ที่นั่น ข้าก็รั้งพี่ชายออกมาไม่ได้” “ต้องเป็นเจ้านะ...มรันมา เจ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่แม่ทัพรัก” “ไม่ใช่หรอก มารุต... ไม่ใช่ข้า” “ทำไมจะไม่ใช่ หรือเจ้าไม่รักท่านติสสาแล้ว  ถึงปล่อยให้ท่านติสสาไปอยู่ตำหนักเจ้านางอินยา” “เจ้าคิดว่าข้าน่ะเหรอ...ที่หมดรัก” “มรันมา...ถ้าเจ้ายังรัก   ก็ต้องรีบพาท่านติสสากลับมา” “ความรักที่ข้ามีให้พี่ชายไม่เคยเปลี่ยน แปลง พวกเจ้าต่างหากที่ต้องไปถามพี่ชายว่า  หญิงใดกันแน่ที่พี่ชายต้องการให้อยู่เคียงข้างตอนนี้” มรันมาถามด้วยเสียงและแววตาน้อยใจ
     
    เพราะความเปลี่ยนไปของติสสาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ทุกคนพากันสงสัยว่า  ติสสาจะโดนเสน่ห์มนต์ดำของเจ้านางอินยา   “เราต้องเอาตัวติสสาออกมาจากตำหนักเจ้านางอินยาให้ได้” จันทเทวีเอ่ยขึ้น  “ข้าทำแล้ว  แต่พี่ชายเต็มใจจะอยู่ที่นั่น” “แม่ไม่เชื่อว่าลูกชายแม่จะเปลี่ยนใจไปจากเจ้ามรันมา” นันทวดีสีหน้าเป็นกังวล “ข้าเห็นกับตา แม่นันทวดี  พี่ชายกอดอยู่กับเจ้านาง พี่ชายไล่ข้าออกมา ไม่ให้ไปรบกวนความสุข” “ติสสาคนนี้ไม่เหมือนติสสาที่พวกเรารู้จัก” จันทเทวีครุ่นคิด   “ข้าก็รู้สึกเหมือนเจ้านางจันทเทวี  ติสสาไม่ใช่คนที่จะหลงไปกับความยั่วยวนสวยงามของเจ้านางอินยาง่าย ๆ” แล้วมรันมาก็ตัดสินใจจะเข้าไปช่วยติสสาอีกครั้ง แต่ถูกเจ้าปันแสงจับตัวได้ แล้วพาไปให้เจ้านางอินยาและติสสาเยาะเย้ย ติสสายิ่งเกลียดชังมรันมาและหลงใหลเจ้านางอินยา
    มากขึ้นทุกวัน ๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร “เอามันเข้ามาทำไม เจ้าปันแสง” “ข้าเวทนามัน ...ดูสิ มรันมา จะต้องให้ข้าอธิบายอีกมั้ยว่า ติสสากำลังมีความสุขท่วมท้นล้นทะลักแค่ไหน” “พี่ชาย” “หยุดเรียกข้าว่าพี่ชายสักที...ที่นี่ไม่มีพี่ชายเจ้า  มีแต่ข้า ติสสา แม่ทัพผู้มอบหัวใจไว้แทบเท้าเจ้านางอินยาแต่เพียงผู้เดียว” ติสสาดึงเจ้านางมาจูบลงที่หน้าผากอย่างรักใคร่ มรันมาเห็นแล้วน้ำตาทะลักทลายออกมาด้วยหัวใจเจ็บช้ำ “กลับเถอะ มรันมา อย่าทำร้ายจิตใจเจ้าเองไปมากกว่านี้เลย เจ้าก็เห็นแล้วติสสาไม่เหลือใจไว้ให้ใครอีกแล้ว .. นอกจากเจ้านางอินยา” มรันมาไม่สนใจคำพูดของปันแสง เดินเข้าไปหาติสสา “พี่ชายเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องน้อยเสียใจ  แต่วันนี้พี่ชายกำลังทำร้ายหัวใจน้องน้อย” “ผู้ชายก็ปากพล่อยอย่างนี้ทุกคน เวลาที่อยากได้ผู้หญิงไว้บำเรอความใคร่...เชื่ออะไรกับสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ” มรันมายิ่งน้ำตาร่วง ตรงข้ามกับปันแสงและอินยาที่ยิ้ม “ในหัวใจติสสาไม่เคยจำเรื่องของเจ้าเลย  สิ่งเดียวที่ติสสาจดจำคือความสุขมากมายที่เจ้านางอินยามอบให้”  “เจ็บใช่มั้ย มรันมา เจ็บที่รักถูกทอดทิ้ง  ทรยศ  เจ็บที่ไม่ใช่คนสำคัญ” “เอามันออกไปเถอะ เจ้าปันแสง ...ข้ายังไม่อยากฆ่าผู้หญิง...ต่อหน้าเจ้านางที่ข้ารัก” มรันมาไร้เรี่ยวแรงจะยืนต่อไปได้ ปันแสงเข้ามาประคองไว้ “ได้ยินแล้วใช่มั้ย มรันมา...หัวใจรักที่เจ้ามอบให้  มันถูกเหยียบย่ำทำลายไม่มีค่า เพราะหญิงที่อยู่ในใจติสสา คือเจ้านางอินยา...ไม่มีเงาของเจ้าอยู่ตรงไหนในใจติสสา ไม่มี...ไม่มีอีกเลย” เจ้านางอินยาคลี่ยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ ติสสา มองมรันมาอย่างสมเพชแล้วดึงเจ้านางอินยามาจูบอย่างหลงใหล ดุดัน มรันมาแทบยืนทรงตัวต่อไปไม่ไหว  ที่เมืองปุระอมร สุเลวินโหรานั่งทางในเห็นภาพนี้จึงรีบมารายงานนรสิงห์ “ความรักที่พลาดหวัง ความรักที่ต้องแย่งชิงจะทำให้ความสามัคคีแตกสลาย นี่คือเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะเข้าครอบครองแผ่นดินศรีพิสยา” “ไม่ต้องให้เจ้าทำนาย ทุกคนก็รู้ ดาบของข้าเพิ่งทำให้ติสสาเจ็บหนักแคว้นเล็ก ๆ ที่ขาดแม่ ทัพ ยังไงก็ต้องแพ้เรา” “ถ้าทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ คราวที่แล้ว บุกถึงกลางตลาดศรีพิสยา  ท่านคงไม่บาดเจ็บกลับมาเพราะฝีมือติสสา” “ปากชั่ว ข้าไม่ได้แพ้ติสสา” สีหสาโมโหดึงดาบออกมาจ่อ สุเลวินยืนเฉย นรสิงห์หัวเราะเสียงดัง สีหสาหันไปมองอย่างแปลกใจ “ชักดาบออกจากฝัก แล้วต้องถึงเลือด ถึงชีวิต ถึงฆ่านะ... สีหสา” “ขอแค่ท่านอนุญาตให้ข้าลงโทษปากที่มันชอบดูถูกคน” “เจ้าจะฆ่าสุเลวินก็ได้...แต่จงหาคนที่มีญาณทิพย์ นิมิตวิเศษเสมอเหมือนสุเลวินมาให้ข้าด้วย” “ข้าพร้อมจะตายแล้ว สีหสา” สีหสามองสุเลวินที่ใบหน้ายิ้ม น้ำเสียงกวนโมโห “ดาบเจ้าคงคมพอที่จะบั่นคอข้าขาดลงไปในทีเดียว อย่าให้เหมือนที่แทงติสสา แทงแล้วแทงอีก แต่ติสสาก็ยังไม่ตาย”  น้ำเสียงสุเลวินราบเรียบแต่ยิ่งเหมือนเยาะให้สีหสาโมโห นรสิงห์ชอบใจ สนุกที่จะได้เห็นสองคนปะทะคารมกัน   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)