ผู้เขียน หัวข้อ: สาปพระเพ็ง วันที่ 4 กันยายน 2556  (อ่าน 365 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
สาปพระเพ็ง วันที่ 4 กันยายน 2556
« เมื่อ: กันยายน 04, 2013, 11:51:00 am »

 “นรสิงห์จะยกทัพมาตีเราหรือไม่” เจ้านางอินยาหยั่งเชิงถาม
    
    “ขึ้นอยู่กับการเจรจาศึกวันนี้”
    
    เจ้าปรันมามองเจ้านางอินยา แล้วหันหลังเดินเร็วออกไป ติสสาขยับเดินตามออกไป เจ้านางอินยาหันไปเห็น
     
    “ติสสา”
     
    เจ้านางอินยาเอ่ยเรียกเพียงเบา ๆ แต่ทำให้ติสสาหันกลับมาทันที
    
    “เจ้าจะต้องปลอดภัย ....กลับมาหาข้า”
     
    เจ้านางอินยาทิ้งรอยยิ้มยั่วยวน สีหน้าติสสากำลังกลับไปหลงใหล มารุตจึงเอ่ยเตือนสติ
      
    “อย่าให้เจ้าปรันมารออีก”
    
    ติสสาพอได้ยินชื่อเจ้าปรันมาก็คืนสติ ละสายตาจากเจ้านางอินยาพุ่งตามเจ้าปรันมาออกไป สวนกับมรันมาที่แอบพรางตัวเข้ามาในตำหนัก โดยไม่ทันเห็นกัน
    
    มรันมาแอบเข้ามาในห้องนอนของเจ้านางอินยา แต่พอไม่เห็นใครอยู่ในห้องก็เตรียมจะกลับออกไป แต่ได้ยินเสียงเจ้านางอินยาเรียกขึ้น
    
    “ถ้าจะมาตามหาคนรัก...ทำไมไม่เข้ามาดูให้ทั่ว ๆ ก่อนล่ะ มรันมา”
     
    มรันมารู้ว่าเจ้านางอินยาเห็นแล้ว จึงผลักประตูเข้ามายืนเผชิญหน้า เจ้านางอินยายิ้มเยาะเย้ย
    
    “คงอยากมาให้เห็นว่ามีร่างของติสสากอดข้าอยู่หรือไม่”
    
    “เจ้านางทำอะไรพี่ชาย”
    
    “ข้าน่ะเหรอจะหักหาญทำอะไรพี่ชายเจ้า...เห็นข้าเป็นยักษ์เป็นมารหรือไง พี่ชายของเจ้าตัวออกใหญ่โต...อกผึ่งผายให้ความอบอุ่น”
     
    มรันมาพยายามสะกดกลั้นความโกรธ ความน้อยใจ ตรงข้ามกับเจ้านางอินยาที่เปิดเผยทั้งน้ำเสียง แววตาวิบวับเหมือนได้ของถูกใจ เพื่อกรีดลงที่ใจมรันมา
    
    “ข้าซุกซ่อนพี่ชายเจ้าไว้หรือเปล่าถึงได้มาร้องเรียกหาให้รำคาญหู แต่ถ้าเจ้าอยากรู้จริง ๆ ข้าก็จะเวทนาบอกให้”
     
    เจ้านางอินยาหันไปหยิบผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างบนเตียงยื่นมาตรงหน้ามรันมา
    
    “ได้กลิ่นกายพี่ชายเจ้ามั้ย”
    
    มรันมาหันหน้าหนี เจ้านางอินยาขยี้ผ้าลงไปที่หน้ามรันมาอย่างแรง
    
    “ดมสิ...กลิ่นกายติสสา คนรักเจ้า”
     
    มรันมาตัวชา เจ้านางอินยายิ้มยั่ว เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน
     
    “กลิ่นกายติสสา มีทุกหนแห่งในห้อง...โดยเฉพาะที่นี่”
    
    เจ้าอินยายิ้ม มองไปที่บนเตียง แล้วรีบเดินไปหยิบแหวนประจำตัวติสสาขึ้นมา มรันมาจ้องมองไม่คลาดสายตา ทั้ง ๆ ที่น้ำตากำลังจะไหลออกมาด้วยความเจ็บช้ำ
    
    “ตายจริง นี่ติสสารีบร้อน หรือตั้งใจมอบของแทนกายไว้ให้ข้า...เจ้าคงจำได้ แหวนคนรักเจ้า”
    
    มรันมามองแหวน แล้วสุดกลั้น น้ำตาร่วงพรู เจ้านางอินยายิ้มยั่วอย่างสะใจ
    
    “ร้องเถอะ มรันมา...ร้องให้สาสมกับความเจ็บปวดที่ถูกคนรักหักหลัง ข้าไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะพรากติสสามาจากเจ้า...แต่เจ้าก็เห็น ติสสาทำเป็นเกลียดชังข้าต่อหน้าทุกคน...แต่ในเวลาส่วนตัวที่สุด... เวลาที่ไม่มีเจ้า ไม่มีคนอื่น ...ติสสา กลับเอาอกอุ่นมาให้ข้าพึ่งพิง สรรหาคำหวานมาปลอบประโลมใจข้า”
     
    มรันมาที่ไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเจ้านางอินยา น้ำตาไหลอาบแก้ม เจ้านางอินยายิ้มมอง
    
    “เจ้าอุตส่าห์ไปนอนทอดร่างให้คนรักถึงในเรือน แต่ติสสากลับหนีออกมาเอนกายพักลงหาความสำราญใจที่เตียงของข้า มรันมา...ใช้สายตากับหัวใจของเจ้าดูเอาเองเถอะว่า เกิดอะไรขึ้นที่นี่... ข้าบอกได้เพียง... ติสสากระซิบพร่ำคำรักกับข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...หัวใจติสสาเป็นของเจ้านางอินยาคนเดียว”
     
    มรันมาสุดจะทนฟัง หันหลังวิ่งออกไป เจ้านางอินยามองแล้วคลี่ยิ้มสะใจที่สุดกับความเจ็บปวดของมรันมาคู่แค้น
     
    วิกกี้กลับเข้าบ้านเห็นรัดเกล้าที่นอนหลับแต่สะอื้นร้องไห้ ก็รีบปลุกขึ้นมาสอบถามอย่างเป็นห่วงแต่รัดเกล้าอธิบายไม่ถูก จึงบ่ายเบี่ยงขอออกไปขี่จักรยานเล่นกับยอดชาย...ระหว่างพักเหนื่อย ทั้งสองก็เจอกับพัทธ์ ไผ่ และวิวโดยบังเอิญ ทั้งสามจึงชวนรัดเกล้ากับยอดชายไปทานข้าว รัดเกล้าจึงโทรฯ ไปบอกพี่สาว...พอวิกกี้รู้เข้าก็ออกอุบายให้พัทธ์มาเยี่ยมที่บ้าน โดยแกล้งบอกกับรัดเกล้าว่าเธอไม่สบาย หลังวางสายรัดเกล้าสีหน้ากังวลขอกลับบ้านก่อน เพราะเป็นห่วงพี่สาวที่ไม่สบาย
    
    “วิกกี้ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ผู้กอง”
    
    วิกกี้นอนอยู่ที่โซฟาชมดชม้อยลืมตาขึ้นมา แต่กลายเป็นวิวที่ยื่นมือมาแตะหน้าผาก
    
    “ไอ้วิว”
     
    วิกกี้ปัดมือวิวออกห่างทันที เหลือบมองไปด้านหลังเห็นพัทธ์ รัดเกล้า ไผ่ ยอดชายยืนกันครบ
    
    “หายเป็นปลิดทิ้งเลยเหรอเจ๊”
    
    “ยังไม่หาย...แต่ดีขึ้น พอเห็นหน้าผู้กองพัทธ์”
    
    “ทานอะไรหรือยังครับ พอรู้ว่าวิกกี้ไม่สบาย ไผ่เค้าซื้อบะหมี่มาฝาก”
    
    วิกกี้มองไปที่ไผ่ที่ยืนเก๊ก ข้าง ๆ คือยอดชายยกถุงบะหมี่ให้ดู
    
    “เอาไปทิ้งถังขยะเลยจ้ะ ยอด พี่ไม่ชอบบะหมี่” วิกกี้เบ้ปาก
    
    “กินเถอะคร้าบบบบ รับรองผมไม่วางยาพิษ รุ่นเจ๊นี่ทนทาน ต่อให้ยาเบื่อช้างก็ล้มเจ๊ไม่ได้” ไผ่หัวเราะ พัทธ์รีบกระทุ้งเพื่อนเมื่อเห็นแววตาวิกกี้
    
    “ผู้กองพัทธ์เป็นห่วงพี่วิกกี้มากเลยนะคะ” รัดเกล้ารู้ใจพี่สาว
    
    “ขอบคุณมากค่ะ วิกกี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผู้กองลำบากมาถึงนี่” วิกกี้แกล้งทำเสียงเกรงใจ
    
    “ไม่เป็นไรครับ...ถือว่าโชคดี ได้มาบ้านสวย ๆ ของวิกกี้”
    
    “มาแล้วต้องมาอีกนะคะ...เดี๋ยวบ้านหลังเล็ก ๆ ของวิกกี้จะน้อยใจ”
    
    “บ้านน่านอนจริง ๆ”
    
    วิวมองไปรอบ ๆ บ้านอย่างชอบใจ แต่ถูกวิกกี้แขวะกลับ
    
    “เตียงที่บ้านไม่มีเหรอจ๊ะวิว”
    
    “เตียงน่ะมีครับ แต่นอนที่นี่น่าจะสะดวก เผื่อคืนนี้ต้องไปบ้านคุณนรสิงห์ พร้อมหน้าพร้อมตากันอีก
    
    วิวพูดเล่น แต่รัดเกล้าไม่เล่นด้วยหน้านิ่งลงเหมือนไผ่ วิกกี้ถลึงตาใส่ เข้ามาดึงวิวที่กำลังนอนขึ้นมา
    
    “แกจะตลกก็ตลกไปคนเดียวเถอะ เรื่องฝันพร้อมกัน 4 คนที่บ้านคุณนรสิงห์น่ะ...มุกนี้ฉันไม่ฮา”
    
    “ไม่ฮา...เพราะเจ๊ใส่ชุดนอนไม่เร้าใจใช่ มั้ยล่ะ แต่ผมว่ามันก็โอเคนะ อีกลุคนึงของเจ๊ ไพรเวท ส่วนตัวสุด ๆ ไม่มีใครเคยได้เห็น”
     
    ขาดคำวิว วิกกี้ซัดเข้าหลังวิวดังพลั่ก
    
    “โอ๊ย เจ๊ มือหรือหิน หนักได้อีก”
    
    “ฉันจัดหนักให้เฉพาะพวกปากไอ้ด่างอย่างแก”
    
    “ที่จริงก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าเราลองอยู่พร้อม ๆ กัน ดูสิว่าเราจะฝันว่าไปบ้านนรสิงห์ได้อีกหรือเปล่า”
    
    “ดีสิ...คราวนี้ผู้กองพัทธ์จะได้ไปด้วย”
    
    “คราวหน้า ถ้าต้องไปบ้านนรสิงห์จริง ๆ ผมอยากให้ทุกคนระวังตัว เค้าน่าจะสะกดจิตทุกคนให้ฝันเหมือน ๆ กัน เพื่อผลอะไรสักอย่าง” พัทธ์พูดอย่างเป็นการเป็นงาน
    
    “ฉันจะเอาปืนจ่อกบาลมันถามความจริง”
    
    “นี่ ผู้กองไผ่..คุณจะจ้องจับผิดอะไรคุณนรสิงห์หนักหนา เราไปบ้านคุณนรสิงห์บ่อย ๆ มันก็เก็บมาฝันกันได้”
    
    “ผมว่าไม่ใช่ฝัน เพราะความรู้สึกผมมันเหมือนจริงมาก ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ยังไง แต่ผมเชื่อว่าที่เราอยู่ในบ้านนรสิงห์พร้อมกัน 4 คนในชุดนอน ...ไม่ใช่ความฝัน”
     
    “เกล้าก็รู้สึกเหมือนพี่วิวค่ะ ทุกอย่างมันเหมือนจริง เกล้ารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราเจอคุณนรสิงห์ เค้ามีพลังประหลาด ควบคุมจิตวิญญาณเรา”
    
    “คุณนรสิงห์ทำให้เราไม่ต้องเดิน ไม่ต้องลุกจากเตียง แต่ไปอยู่ที่บ้านเค้าได้   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)