ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวเกี้ยวเดือน วันที่ 26 สิงหาคม 2556  (อ่าน 444 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ดาวเกี้ยวเดือน วันที่ 26 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2013, 01:50:59 am »

 “อย่าเอาตัวรอดคนเดียวนะคะ หญิงช่วยพี่ชายแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาพี่ชายที่ต้องช่วยหญิงบ้าง” “มีทวงบุญคุณกันด้วย?” “แน่นอนค่ะ พี่ชายต้องไปคาราโอเกะกับหญิง” “เฮ้อ..นี่พี่หนีเสืออย่างหม่อมแม่มาปะจระเข้อย่างเราใช่มั้ย” จันทรภานุบ่น หญิงนิ่มยิ้ม คุณหญิงนิ่มพาจันทรภานุมาพบกับเพื่อน ๆ ของเธอที่คาราโอเกะ หวังว่าพี่ชายอาจจะปิ๊งเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ จันทรภานุรู้ทันจึงดักคอ คุณหญิงนิ่มได้แต่ยิ้ม ๆ ขณะเดียวกัน ประกายดาว จิตสุภางค์และมิลินทร์ก็มาเที่ยวคาราโอเกะตามประสาสาว ๆ เช่นกัน ระหว่างที่เธอเดินคลำทางออกมาจากห้องน้ำ เพราะไม่เพียงโคมไฟสลัว ๆ ส่องทาง ทำให้เหมือนคนเมา ก็ชนกับคนคนหนึ่งเข้าเต็ม ๆ และคนคนนั้นคือจันทรภานุ “เดินระวังหน่อยสิคุณ” เสียงที่ดุดันทำให้ประกายดาวหันไปมอง ทันทีที่จันทรภานุกับประกายดาวเห็นหน้าก็ผงะ..จำกันได้ “นาย!!” “เธอ!” ตอนที่ 2 จันทรภานุปล่อยประกายดาวล้มก้นจ้ำเบ้าทันที ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงแบบไม่ยอมกัน ประกายดาวมองจันทรภานุตั้งแต่หัวจดเท้าแววตาเหยียด ยิ่งทำให้จันทรภานุไม่พอใจ มิลินทร์เหลือบไปเห็นเพื่อนกำลังฉะดะหน้าดำหน้าแดงกับจันทรภานุถึงกับสำลักล้ำพรวด เพราะจำคุณชายจันทร์ ที่ตนเองเคยไปสัมภาษณ์ได้ดี และรีบปรี่เข้าไปห้ามเพื่อนและทักทายจันทรภานุ “จำลินทร์ได้มั้ยคะ มิลินทร์ นักข่าวหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์ไทยไลน์ที่เคยสัมภาษณ์คุณชายจันทร์” จันทรภานุพยักหน้า มิลินทร์ดีใจ “ลินทร์ต้องกราบขออภัยอย่างสูง ที่เพื่อนลินทร์ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงค่ะ” ประกายดาวชะงัก จันทรภานุเหลือบมองประกายดาวแวบนึง แล้วก็หันมาทางมิลินทร์ “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน แต่ถ้าให้ดีก็หัดสั่งสอนเพื่อนคุณด้วยว่าผู้หญิงที่ดีเค้าทำตัวกันยังไง?!!” ประกายดาวไม่พอใจจะอ้าปากด่า จิตสุภางค์รีบเอามือปิดปากประกายดาวไว้แน่น แล้วจันทรภานุก็เดินออกไป มิลินทร์หันไปมองประกายดาวสายตาตำหนิ ประกายดาวไม่พอใจมาก ไม่สนแม้เพื่อนจะยกความใหญ่โต มีชื่อเสียง หรือความร่ำรวยของจันทรภานุ แถมยังบอกว่าตอนนี้เขากำลังเนื้อหอมในหมู่สาว ๆ แม้สาวหลายคนจะทอดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กก็ตาม เพราะเขาไม่เคยจริงจังกับใคร และมีฉายา “เดทเดียวดับ” ถ้าเขาออกเดทกับใครเพียงครั้งเดียวก็จะถูกบอกเลิกทันที “โรคจิต!!ฉันว่าเค้าต้องมีปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ เป็นคนที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง  ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น ไม่มีความปรานี ไม่มีน้ำใจ ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา..” ประกายดาวบอก “บางทีที่เค้าทำแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะเค้าเป็นคนกลัวความรักก็ได้ เค้าถึงไม่อยากผูกพันหรือผูกมัดกับใคร” “แต่ฉันว่าไม่ใช่ หรือว่า เค้าเป็นเสือผู้หญิง เป็นประเภทฟันแล้วทิ้ง!!” ประกายดาวพยักหน้าหงึก ๆ กับคำสันนิษฐานของตัวเอง “เฮ้ย!! ไม่นะ เท่าที่ฉันรู้ คุณชายคบแค่ครั้งละคน ผู้หญิงที่สนิทกับคุณชายมากที่สุด มีคนเดียวคือคุณหญิงนิ่ม คนนี้เป็นญาติห่าง ๆ ห่างมาก ห่างจนแต่งงานได้เลยล่ะ แต่คุณชายก็ดูจะไม่สนอีกนั่นแหละ คนที่กลุ้มใจมากที่สุดคือหม่อมสุรีย์ หม่อมแม่ของคุณชาย เพราะท่านอยากมีหลานจนตัวสั่น แต่คุณชายก็ไม่เคยชอบใครจริงจัง” ประกายดาวเบะปากหมั่นไส้ “ถ้าโลกนี้เหลือคุณชายจันทร์เป็นผู้ชายคนเดียว ฉันยอมเป็นโสดไปจนตายดีกว่า” คืนนั้นประกายดาวฝันว่ามีลูก แต่พอหันไปอีกทางเมื่อลูกเรียกพ่อ ปรากฏว่าเป็นจันทรภานุ “ไม่...ไม่จริงงงงง” ประกายดาวกรีดร้อง สะดุ้งตื่น ก่อนจะโล่งอกที่เป็นเพียงแค่ความฝัน ประกายดาวรีบอาบน้ำแต่งตัวและไปงานฉลองครบรอบ 10 ปีของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเธอจะต้องไปถ่ายภาพ โรงพยาบาลแห่งนี้มีจุดขายที่การทำเด็กหลอดแก้ว พร้อมกับฉายวีทีอาร์วิธีการทำให้แขกที่มาในงานชม รวมไปถึงเชิญพ่อแม่และลูกที่ผ่านการทำเด็กหลอดแก้วมาโชว์ตัว ประกายดาวดูอย่างตื่นตาตื่นใจมาก ราวกับได้เจอกับสิ่งที่รอคอยมานานแสนนาน พอสบโอกาสก็ปรี่เข้าไปถามหมอทันทีว่ามีเคสที่ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานมาขอทำเด็กหลอดแก้วบ้างไหม พอหมอบอกว่ามี ประกายดาวตาวาวอย่างดีใจ “แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ส่วนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็ยังไม่มี เพราะว่าเค้าจะมาขอฟรีซไข่เก็บเอาไว้ก่อน” “ฟรีซไข่เก็บเอาไว้ก่อน คืออะไรเหรอคะ??” “ผู้หญิงที่ยังไม่มีสามี แต่อยากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว การหาน้ำเชื้อ มันต้องใช้เวลา อาจจะเป็นปี เพราะฉะนั้น เค้าก็จะเก็บไข่ฟรีซเอาไว้ตอนอายุปัจจุบัน เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลกับอายุที่มากขึ้น..ซึ่งมันจะมีความเสี่ยงต่อการมีบุตรครับ” ประกายดาวฟัง ครุ่นคิดตาม ประกายดาวรีบมาที่ร้านต้นไม้ของพี่ชายและบอกเรื่องที่เธอจะมีลูกโดยทำเด็กหลอดแก้ว โดยหาสเปิร์มของคนหล่อ ฉลาด และนิสัยดีมาผสมกับไข่ของเธอ แดนดินถึงกับผงะโวยวายว่าน้องสาวเพี้ยน ส่ายหัวรัวไม่เห็นด้วย แต่สาวมั่นอย่างประกายดาวไม่ยอมลดความตั้งใจของตนเอง และยื่นคำขาดกับพี่ชายว่าแค่มาบอกเพราะแดนดินเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ และเธอต้องมีลูกให้ได้ แดนดินกลุ้มใจกับความหัวดื้อของน้องสาวสุด ๆ ประกายดาวนำเรื่องมาบอกเพื่อน จิตสุภางค์และมิลินทร์ เพื่อนสาวทั้งสองต่างก็ค้านเหมือนกับแดนดิน แต่คนอย่างประกายดาวไม่มีใครเปลี่ยนใจได้ จิตสุภางค์เลยบอกให้ประกายดาวมาลองเลี้ยงลูกของเธอสักวัน หากประกายดาวยังยืนยันความคิดเดิม ก็จะไม่ขัดข้อง ประกายดาวเลยยอมตกลง ประกายดาวมาคุยเรื่องการอุปการะเด็ก ขณะที่จันทรภานุก็นำขนมมาให้เด็กที่มูลนิธิเด็ก ระหว่างที่ทั้งสองกำลังถอยรถเพื่อจะกลับ ปรากฏว่ารถของทั้งคู่เกือบจะชนกัน และต่างคนต่างก็ไม่ยอมถอยเพื่อให้ทางอีกฝ่าย และเถียงกันไปมาเพราะต้องการเอาชนะ ประกายดาวเลยจะขับรถถอยชนรถจันทรภานุ โดยบอกว่ารถเธอเก่าคงไม่เป็นไร แต่รถจันทรภานุใหม่เอี่ยม หากเป็นรอยคงน่าเสียดาย จันทรภานุร้องโวยวายและยอมถอยรถให้ ประกายดาวยิ้มเยาะแล้วก็ขับออกไป สร้างความโมโหให้กับจันทรภานุมาก อรอุมาและรติรสวางแผนเล่นงานประกายดาว โดยการส่งภาพประกายดาวไปที่สำนักข่าวและปล่อยข่าวว่าประกายดาวและศิวะมีความสัมพันธ์กันลับ ๆ โดยศิวะแอบซื้อคอนโดฯ ให้ประกายดาวเพื่อใช้เป็นรังรัก ประกายดาวทดลองเลี้ยงลิง 3 ตัวลูก ๆ ของจิตสุภางค์และเฮียเชา และพามาซื้อไอติมในห้างสรรพสินค้า นักข่าวเห็นประกายดาวจึงรุมเข้าไปขอสัมภาษณ์ ขณะที่ลิง 3 ตัวเหมือนจับปูใส่กระด้ง เดินไปคนละทิศละทาง โดยเจ้าตัวเล็ก หลิน เดินต้วมเตี้ยมไปที่บันไดเลื่อน ประกายดาวถูกนักข่าวดักหน้าดักหลัง เห็นหลินตรงไปที่บันไดเลื่อนก็ตกใจ รีบวิ่งไปและร้องบอกให้คนช่วยจับ ทันใดนั้นก็มีมือมาจับตัวหลินยกขึ้นอุ้ม ประกายดาววิ่งเข้ามาถึงตัวพอดี ก้มตัวหอบ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่ช่วยหลินคือ จันทรภานุ เห็นสายตามองแบบตำหนิที่เธอปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง ประกายดาวรับหลินมาไม่อยากต่อปากต่อตำ นักข่าวจูงหมวยกับหลิงมาส่งให้ ประกายดาวรีบต้อนเด็กทั้ง 3 เดินไป ประกายดาวต้อน 3 ลิงมาที่ลิฟต์ พอลิฟต์เปิดถึงกับชะงักเพราะจันทรภานุยืนอยู่ในนั้น ตอนแรกประกายดาวจะไม่ยอมเข้า จันทรภานุกดลิฟต์รอ แต่พอหันไปเห็นนักข่าวเดินมา ประกายดาวรีบเอามือกันลิฟต์และรีบต้อนเด็ก ๆ เข้าไปทันที ทั้งสองไม่วายพูดเหน็บแนมกันไปมา และแล้วความซวยก็มาเยือนเมื่อลิฟต์ค้าง!!! ประกายดาวโวยวายหาว่าทางห้างไม่ยอมตรวจลิฟต์ก่อนใช้งาน และบอกให้จันทรภานุกดปุ่มฉุกเฉินเรียกคนมาช่วย จันทรภานุส่ายหัวเอือม ๆ แล้วกดปุ่ม “ผมจันทรภานุ ตอนนี้ผมติดอยู่ในลิฟต์ รีบส่งคนมาช่วยด่วน” “เรียกคนมาช่วยแค่เนี้ย ต้องแนะนำตัวด้วย? อ้อ..กลัวเค้าไม่รู้ว่าเป็นใคร?!!” ประกายดาวเหยียดปาก จันทรภานุเหลือบมองเซ็ง ๆ ผู้หญิงคนนี้ แล้วจู่ ๆ หลินก็ปวดฉี่ขึ้นมาแถมไม่ได้ใส่ผ้าอ้อมมาด้วย ประกายดาวจะถอดกางเกงให้หลินฉี่ จันทรภานุร้องห้ามบอกพนักงานที่นี่ทำงานเร็ว แต่ประกายดาวไม่สน หลินอั้นไม่ไหวเช่นกัน ฉี่ออกมา เป็นเวลาเดียวกับพนักงานเปิดลิฟต์พอดี ช่างเครื่อง ผู้จัดการ มองเจ้านายเหวอ ๆ จันทรภานุออกคำสั่งให้ผู้จัดการตรวจสอบลิฟต์อย่างละเอียด “คุณมีสิทธิอะไรไปสั่งเค้าฮะ!!” ประกายดาวไม่พอใจมาก “สิทธิที่ผมเป็นเจ้าของห้างฯ นี้ยังไงล่ะ” จันทรภานุจ้องหน้า คราวนี้ประกายดาวเป็นฝ่ายเหวอ “และเพื่อเป็นการปลอบขวัญ ผมจะให้ทางห้างฯ ส่ง Gift voucher 3,000 บาทให้คุณ จะได้ไม่หาว่าผมทำงานชุ่ย!!!ถามที่อยู่คุณผู้หญิงคนนี้ไว้ด้วย” หันไปสั่งผู้จัดการ ก่อนจะหันมาบอกประกายดาว “อ้อ..อีกอย่าง ถ้าคิดจะมีลูกเยอะขนาดนี้ ก็ควรไปหาซื้อตำราการเป็นแม่ที่ดีมาอ่าน” พูดจบจันทรภานุก็เดินไปเลย ประกายดาวโต้ไม่ทัน เสียเหลี่ยมสุด ๆ เพื่อนสาวคิดว่าประกายดาวจะเปลี่ยนใจหลังจากได้เลี้ยงลูก 3 คนของจิตสุภางค์ แต่ที่ไหนได้ ประกายดาวยังยืนยันที่จะมีลูก มิลินทร์รีบร้อนเอารูปและเอกสารประวัติของประกายดาวมาให้ดู บอกว่า บก.ของเธอให้มา เพราะมีคนส่งมาให้ ขณะเดียวกันหนังสือและทีวีต่างก็มีข่าวซุบซิบเรื่องประกายดาวกับศิวะ ประกายดาวมั่นใจว่าเป็นฝีมือของอรอุมา คิดจะไปเอาเรื่อง แต่มิลินทร์ห้ามไว้บอกให้เรื่องเงียบหายไปเองจะดีกว่า เพราะอรอุมาดราม่าออกสื่อคนจะสงสาร และหันมาทับถมประกายดาว ประกายดาวกลับมาที่คอนโดฯ ก็เจอแดนดินมาหาโวยวายเรื่องที่เป็นข่าว ไม่ใช่เพราะคิดว่าประกายดาวทำตัวไม่ดี แดนดินชื่อว่าคนอย่างน้องสาวเขาไม่มีทางทำเรื่องอย่างนี้แน่ แต่เพราะเป็นห่วงน้อง อีกอึดใจต่อมา แม่บ้านคอนโดฯ ก็มาแจ้งว่ามีนักข่าวมารอที่หน้าคอนโดฯ เพียบ ประกายดาวและแดนดินจึงหลบออกทางด้านหลัง หนีนักข่าวไปได้หวุดหวิด ประกายดาวต้องมาอาศัยอยู่บ้านพี่ชายไปพลาง ๆ แดนดินถามน้องสาวจริงจังเรื่องจะทำเด็กหลอดแก้ว และจะหาสเปิร์มจากไหน ประกายดาวอาจต้องไปต่างประเทศ แดนดินถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าที่มาที่ไปของสเปิร์มที่เจ้าของเขียนจะเป็นความจริง ประกายดาวเลยบอกงั้นก็เอาจากคนไทย “ไม่ว่ายังไง ฉันคงห้ามความตั้งใจของแกไม่ได้ใช่มั้ย ถ้างั้นก็ดูดีดี ดูให้นานนาน” แดนดินถาม ประกายดาวพยักหน้า “ดาวไม่รีบ ยังมีเวลาอีกตั้งสองปี” “สองปีอะไร?” แดนดินแปลกใจ “ท้องไง ตอนนี้ดาวอายุ 32 อีกสามปีก็ 35 เกินกว่า 35 ก็เสี่ยงว่าลูกดาวจะไม่สมบูรณ์เพราะฉะนั้นดาวต้องท้องให้ได้ภายในสองปีนี่แหละ ยังไงมันก็ต้องมีพ่อพันธุ์ดีดีเหลือไว้ให้ดาวบ้าง” ประกายดาวมีความหวังสุด ๆ แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ประกายดาวและจิตสุภางค์มาออกกำลังกายที่ฟิตเนส และคุยกันเรื่องพ่อพันธุ์ที่เจ้าของสเปิร์ม จิตสุภางค์แนะนำให้เสิร์ซดูในกูเกิ้ล ประกายดาวเลยใส่คำจำกัดความ “หล่อ การศึกษาดี ใจบุญ รวย” และกด Enter สองสาวจ้องหน้าจอไอแพด ก่อนจะเบิกตากว้างพร้อมกัน ตกใจสุดขีด “เฮ้ย!!!!!!” เป็นเวลาเดียวกับจันทรภานุซึ่งมาฟิตเนสที่เดียวกันและกำลังถูกนันทินีตามตื๊อ จันทรภานุเหลือบมาเห็นประกายดาวจึงปรี่เข้ามานั่งข้าง ๆ ยิ้มแย้มใส่ ทำเอาประกายดาวกับจิตสุภางค์งงมาก จันทรภานุหันไปเห็นนันทินีกำลังเดินตามมา ก็ลุกขึ้นจับมือประกายดาว ประกายดาวตกใจกำลังจะโวยวาย แต่จันทรภานุพูดขึ้นก่อน “เราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า ผมเลี้ยงเอง” จันทรภานุรีบลากประกายดาวออกไป จิตสุภางค์เหวอ “อะไรวะเนี่ย?” และรีบเดินตามทั้งคู่ออกไป พอคล้อยหลังนันทินีจันทรภานุก็ขอตัว ท่ามกลางความงงงันของสองสาว “หม่อมราชวงศ์จันทรภานุ นพรัตน์ คู่ปรับแกเนี่ยนะ??” มิลินทร์จ้องจอไอแพดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ประกายดาวและจิตสุภางค์ ประกายดาวพยักหน้า “ใช่ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าอีตาหม่อมเนี่ยจะอยู่อันดับหนึ่ง บางทีกูเกิ้ลอาจจะมีปัญหา เพราะตัวจริงก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์เหมือนอย่างที่โปรไฟล์ระบุเอาไว้” “แล้วอันดับสองล่ะ..ใคร??” ประกายดาวเอาไอแพดจากมิลินทร์เลื่อนไปหน้าถัด แล้วส่งให้เพื่อน มิลินทร์มองไอแพดเห็นรูป พงศ์จันทร “พงศ์จันทร พิพิธมงคล คนนี้ฉันรู้จัก เค้าเป็นไฮโซ ติดโผหนุ่มน่าลากมาหลายปี เป็นเจ้าของบริษัทออร์กาไนซ์เซอร์  SIX-NINE เจ้าชู้ กะล่อน เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ และที่สำคัญ..แกไม่ใช่ สเปกเค้า อย่างคุณพงศ์เนี่ยต้องขาว อึ๋ม ตู้ม แบ๊ว” “ฉันก็ทำได้” ประกายดาวทำท่าประกอบ ดันนมขึ้นมาพร้อมยิ้มปากเจ่อแลบลิ้นเลียปาก “อย่าพยายามเลยไอ้ดาว ฉันไม่อยากขย้อนอาหารเย็นออกมา” จิตสุภางค์บอกเพื่อน มิลินทร์ถามว่าจะเลือกใคร ประกายดาวครุ่นคิด “จันทรภานุ นพรัตน์ จบปริญญาโทสองใบ สาขา เอ็มบีเอ จากออกซ์ฟอร์ด และ สาขา การเงิน จากเคมบริดจ์ เป็นราชนิกุลโดยกำเนิด และเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหม่อมเจ้าสุริยะวรรต และ หม่อมสุรีย์ ตระกูลนี้เป็นเจ้าของมูลนิธิหลายแห่ง ทั้งบ้านพักคนชรา บ้านเด็กกำพร้า บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน มีวัดประจำตระกูลที่เชียงใหม่ มีทุนนพรัตน์แจกให้กับเด็กด้อยโอกาสทุกปี” พงศ์จันทร เรียนจบปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยเยลที่นิวยอร์ก ลูกชายเพียงคนเดียวของ คุณอนันต์ นักธุรกิจที่รวยติดอันดับแปดของเอเชีย เป็นคาสโนว่าตัวพ่อที่หาตัวจับได้ยาก งานอดิเรก ชอบเล่นกีฬาแนวแอดเวนเจอร์ แต่เป็นคนชอบทำบุญ ทุกปีครอบครัวพิพิธมงคลจะเดินทางไปร่วมแสวงบุญที่อินเดีย อีกทั้งยังมีโครงการสร้างวัดไทยในต่างประเทศ เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาอีกด้วย” สองเพื่อนสาวให้ประกายดาวเลือกว่าจะเลือกอันดับ 1 หรือ 2 ประกายดาวเลือกไม่ถูกต่างก็มีข้อดีแตกต่างกันไป แล้วมิลินทร์ก็นึกอะไรออก “ฉันมีทางช่วยให้แกตัดสินใจง่ายขึ้น พรุ่งนี้จะมีงานฉลองครบรอบห้างมีเดียกรุ๊ปของคุณชาย และคนออร์กาไนซ์งานนี้ก็คือคุณพงศ์จันทร ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” ประกายดาวตาโตด้วยความตื่นเต้น   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)