ผู้เขียน หัวข้อ: สาปพระเพ็ง วันที่ 25 สิงหาคม 2556  (อ่าน 389 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
สาปพระเพ็ง วันที่ 25 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2013, 02:13:55 am »

 สิริรัตน์มองตามไผ่ที่วิ่งไป พอวิวเดินผ่าน สิริรัตน์ก็ยิ้มหวานให้ วิวยิ้มตอบแล้วรีบจ้ำหนีทันที...ส่วนพัทธ์ยืนอยู่กับเพชรดากับอภิวัฒน์
    
    “พวกคุณรออะไร คิดจะจับตัวฆาตกรจากคนในบ้านให้ได้ วันนี้เลยงั้นสิ”อภิวัฒน์ท้า
    
    “เราจะเริ่มต้นจากที่เกิดเหตุครับ ไม่ว่าจะเกี่ยวพันเกี่ยวข้องไปถึงใคร เราก็จะสอบสวนให้หมด”
     
    ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตึงตังดังมาจากบนห้อง เพชรดามองพร้อม ๆ กับพัทธ์
    
    “ผมขอขึ้นไปชั้นบน”
     
    “ไม่ได้”
    
    “มีอะไรที่ผมไม่ควรจะเห็นหรือเปล่าครับ คุณเพชร”พัทธ์มองเพชรดา
    
    “ขึ้นไปสิ”อภิวัฒน์บอก
    
    “พี่วัฒน์”เพชรดามองอย่างไม่พอใจ
    
    “ถ้าผู้กองอยากขึ้นไปดู ผมอนุญาต”อภิวัฒน์คลี่ยิ้ม จงใจเอาคืนเพชรดาบ้าง
    
    พัทธ์เดินเร็วจะขึ้นไป เพชรดาก้าวไปยืนขวางบันไดทันที พัทธ์จ้องเพชรดาด้วยสายตาดุ     เอาจริง
    
    “อย่าขัดขวางการทำงานของผม ถอยครับ ...คุณเพชรดา”
    
    “หยุดนะ...ออกไป...ออกไปจากบ้านฉัน”
    
    พัทธ์ไม่ฟังวิ่งขึ้นมา เพชรดาวิ่งตามหลังมาติด ๆ ดึงแขนพัทธ์
    
    “บนนี้ไม่มีอะไร”
     
    พลันเสียงตึงตังดังจากในห้อง พัทธ์หัน  ขวับไปมองและวิ่งไปทางประตูห้องหนึ่ง เพชรดาพุ่งมาขวาง
    
    “คุณซ่อนใครไว้”
    
    “ไม่มี”
    
    “จะไม่มีได้ยังไง เสียงดังขนาดนั้น ทำไม หรือกลัวว่าผมจะเจอ... ฆาตกรตัวจริง”
    
    “ตรงนี้ไม่มีฆาตกร”
    
    “งั้นคุณก็ต้องให้ผมเข้าไปดู อย่ากลัว ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ปกปิดอะไรอยู่”
     
    พัทธ์กระชากแขนเพชรดาออกห่าง แล้วผลักประตูเข้าไปเห็นอภิชาติ ลูกชายพิการทางสมองวัย 8 ขวบของอภิมุข เนื้อตัวเลอะน้ำหวาน วิ่งไปซุกที่มุมห้องเพราะเห็นคนแปลกหน้า เพชรดาเข้าไปโอบกอดหลานที่ตัวสั่นเทา พัทธ์มองอึ้ง
     
    “ออกไป...อย่ามายุ่งกับหลานชั้น” เพชรดาเสียงเข้มกว่าทุกครั้ง
    
    พัทธ์จะเดินเข้ามาใกล้ ตาหนึ่งเห็นพัทธ์แปลกหน้าก็ส่งเสียงร้องอื้ออ้า ยิ่งซุกกลัว
    
    “อย่าเข้ามานะ ออกไป” เพชรดามองพัทธ์อย่างไม่พอใจ
    
    “ผมขอโทษ”  “ก็สมควรแล้วที่จะต้องขอโทษ ถึงจะเป็นตำรวจแต่ถ้าไม่มีหมายค้น ไม่มีคำอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ก็อย่าละเมิดสิทธิด้วยการบุกรุก...นี่เป็นการกระทำของคนมารยาททราม...ที่นี่ไม่มีผู้ต้องสงสัยของคุณ...นั่นประตู”
     
    พัทธ์มองเพชรดาอย่างรู้สึกผิด
     
    ทางด้าน ไผ่ วิว วิกกี้ และรัดเกล้า สืบหาข้อมูลเพิ่มเติมจากคนนอก ทั้งสี่พุ่งตรงไปที่บ้านข้าง ๆ ที่ติดกับบ้านอภิมุข บ้านหลังใหญ่ วิกกี้ชะเง้อมองและตะโกนเรียก จู่ ๆ ประตูบ้านเปิดกว้างขึ้น
     
    “เห็นมั้ย ประตูยังเปิดรับฉัน ...ตามมา”
    
    วิกกี้ผลักประตูเดินนำเข้าไป ตามด้วย วิว รัดเกล้ากับไผ่ วิกกี้เดินนำมาในบ้านที่ต้นไม้ทึบ รูปทรงแปลก คดโค้งกิ่งงอ บ้านเงียบ ดูลึกลับ วิวเดินตามหลังวิกกี้
    
    “มีคนอยู่มั้ยคะ...ฮัลโหล...ถ้ามีคนอยู่ ตอบหน่อยค่ะ” วิกกี้เรียก เสียงยังเงียบ
     
    รัดเกล้ากับไผ่รู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลัง จึงหันไปมองพร้อม ๆ กันเห็น นรสิงห์ ชายวัยกลางคน ยืนตระหง่าน เสมือนรอการมาของทุกคนอยู่แล้ว ทันทีที่เห็นนรสิงห์ชัด ๆ รัดเกล้าตกใจแทบสิ้นสติ วิกกี้และวิวมองนิ่งรู้สึกเหมือนเคยคุ้นเมื่อนานมาแล้ว วิกกี้บอกตัวเองไม่ถูกว่าทำไมเผลอยิ้มออกมา ขณะที่ไผ่พุ่งมองนรสิงห์อย่างเกลียดชัง
    
    นรสิงห์ยืนนิ่ง ไล่เลียงมองทุกคนด้วยใบหน้าและแววตาทรงอำนาจ รัดเกล้ากลัวจนตัวสั่น ใจหวิวจนทรงตัวไม่อยู่จะเป็นลม ไผ่รีบประคองรัดเกล้าไว้ วิกกี้ไม่พอใจเข้ามาดึงน้องสาวออกห่างคู่แค้น
    
    “ผู้กองไผ่” วิกกี้แว้ดใส่
     
    “เก็บเขี้ยวไว้ก่อนเจ๊ หรือจะปล่อยให้คุณเกล้ากองอยู่ที่นี่”
     
    วิกกี้หันไปขออนุญาตนขอพักสักครู่ แต่นรสิงห์หายไปแล้ว
    
    “ต๊าย...แวบเข้าบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เปิดประตูรอเลยเอ้า...”
     
    ทุกคนหันไปมอง เห็นนรสิงห์ยืนอยู่ตรงประตูบ้านชั้นใน
     
    “เชิญ”
     
    นรสิงห์เอ่ยออกมาเพียงแค่นั้น แต่หัวใจไผ่กลับรู้สึกถึงอำนาจคุกคามของนรสิงห์ รู้สึกเป็นห่วงรัดเกล้ารุนแรง ไม่ต้องการให้ใกล้ผู้ชายลึกลับ ไผ่ตัดสินใจปฏิเสธทันที
     
    “ผมจะพารัดเกล้ากลับไปที่รถ”
    
    “จะบ้าเหรอ เอายายเกล้าพักที่นี่ แล้วผู้กองนั่นแหละขับรถมารับน้องชั้น”
    
    “พาคุณเกล้าไปด้านในก่อนดีกว่าครับ เผื่อจะดีขึ้น” วิวมองแล้วช่วยพูดอีกคน
     
    ไผ่มองรัดเกล้าในอ้อมอก แล้วมองนรสิงห์ ยิ่งทำให้ไผ่ไม่อยากเข้าไป
     
    “จะอุ้มน้องฉันอีกนานมั้ย...ผู้กองไผ่”
    
    วิกกี้เดินนำเข้าไป ตามด้วย วิว และ ไผ่ นรสิงห์ก้าวเดินตาม แล้วประตูก็ปิดลงด้วยตัวของมันเอง...เมื่อเข้ามาในบ้านสิ่งที่เด่นที่สุดในสถานที่นี้คือรูปปั้นสุริยะเทพตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ภาพดวงอาทิตย์สีแดงจัดบานใหญ่ที่ติดผนัง ทุกบานหน้าต่างที่ปิดอยู่มีม่านดูลึกลับและมีอำนาจ วิกกี้กับวิว ที่มองไปรอบ ๆ เหมือนได้อยู่ในที่ ๆ คุ้นเคยในความรู้สึก ตรงข้ามกับไผ่รู้สึกอึดอัด เขาวางรัดเกล้าลงที่เตียงไม้ยาว
    
    “ผมจะไปเอารถมารับรัดเกล้า”
    
    “เดี๋ยวก็ตื่น”นรสิงห์บอก
    
    “คะ...ว่าไงนะคะ เดี๋ยวยายเกล้าก็ตื่น เหรอคะ”
     
    วิกกี้ถาม นรสิงห์มองด้วยสายตาว่าใช่
     
    “ที่จริงวิกกี้ก็เกรงใจนะคะต้องรบกวนคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ คุณชื่ออะไร...”
     
    “นรสิงห์”
    
    วิกกี้กับวิวทวนชื่อพร้อมกันอย่างอัตโนมัติ ตรงข้ามกับไผ่ที่สีหน้าไม่ชอบชื่อนี้ทันที
    
    “นรสิงห์ สีหบดี”
    
    สิ้นคำของนรสิงห์ที่เอ่ยชื่อของตัวเองออกมา เหมือนเป็นเสียงกระตุกให้ร่างทั้งร่างของรัด เกล้าฟื้นขึ้นทันที ทุกคนมองอย่างเป็นห่วง นรสิงห์จ้องมองรัดเกล้า ไผ่หันไปเห็นแววตานรสิงห์ อย่างไม่ชอบใจ รัดเกล้าเห็นสายตานรสิงห์ ทั้งกลัวเกรงอึดอัดไปทั้งร่าง รีบลุกขึ้น เขยิบตัวไปเบียดชิดพี่สาวหลบตานรสิงห์ที่มองมา
    
    “เกล้าไม่เป็นอะไรแล้ว...กลับ...กลับกันเถอะค่ะ...”
    
    “ไปเลยครับ”
    
    “จะรีบไปไหน ตั้งใจมาหาเราไม่ใช่หรือ” นรสิงห์เอ่ยอย่างรู้ทัน
     
    ทุกคนหันมามอง แปลกใจกับคำพูดของนรสิงห์   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)