อัศวินมองไปรอบ ๆ “แล้วคนเฝ้าบ้านหลังนี้ล่ะจ่า”
“ลุงแกป่วยตายไปตั้งแต่ต้นปีแล้วครับผู้กอง เมียแกเลยย้ายไปอยู่กับลูกสาว บ้านหลังนี้เลยถูกทิ้งร้างจนฝุ่นเขรอะแบบนี้”
สุรีกานต์มองบรรยากาศที่ทั้งมืด ทั้งเงียบ วังเวง ด้วยความหวาดกลัวเล็ก ๆ แต่ก็พยายามทำใจแข็งเอาไว้ “แล้วเราจะเอายังไงกันต่อล่ะคะ”
ประเสริฐกับปรีติเดินกลับมาจากการสำรวจพอดี
“ที่นี่ยังพอมีข้าวของเครื่องใช้อยู่บ้าง อาหารแห้งในครัวก็ยังพอมีเหลือ เราน่าจะหลบอยู่ที่นี่ได้อีกประมาณ 2-3 วัน”
“ส่วนในตู้ยาก็มีทั้งยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์ทำแผล น่าจะเหลืออยู่ตั้งแต่ตอนที่เรามาเก็บตัวครั้งก่อน”
ทุกคนมีรอยยิ้มแห่งความหวังขึ้นมาทันที รีบเตรียมเครื่องมือมาทำแผล ปรีติหันไปเห็นอัศวินทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย อัศวินว่าเขากำลังนึกสงสัยว่าคนที่สุรีกานต์บอกว่านัดให้ออกไปพบต้องเป็นคนใกล้ตัวพวกทีมเดอะซันแน่ จ่ายมนึกถึงมังกรขึ้นมาทันที อัศวินเองก็คิดว่าพักหลังนี้ดูเหมือนริชาร์ดจะรู้ความเคลื่อนไหวของทีมเดอะซันเกือบทุกอย่าง น่าจะมีตำรวจคอยส่งข่าวให้
จังหวะนั้นเอง นาฬิกาข้อมือสายลับของปรีติก็ดังติ๊ด ๆ ขึ้นมา ปรีติบอกให้ทุกคนรู้ว่ากำลังมีคนบุกรุกระบบความปลอดภัยของเซฟเฮาส์หลังเก่า ประเสริฐคิดว่าคงเป็นพวกริชาร์ดที่ย้อนกลับไปค้นหาหลักฐาน อัศวินอยากไปจัดการเก็บกวาดข้อมูลหลักฐาน แต่ไม่อยากทิ้งนฤเบศที่ยังบาดเจ็บอยู่ไป สุรีกานต์เลยอาสาอยู่ดูแลนฤเบศให้แทน
หลังพวกทีมเดอะซันไปแล้ว สุรีกานต์ทำใจกล้า เดินไปหากะละมังใส่น้ำ กับผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้นฤเบศ เสร็จแล้วก็ช่วยขยับให้นฤเบศนอนในท่าที่สบาย ๆ จังหวะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของนฤเบศหล่นออกจากกระเป๋ากางเกง มีข้อความจากวอทแอพจากแพรไหมส่งเข้ามาพอดี
สุรีกานต์ลังเลก่อนจะกดดูข้อความ “พรุ่งนี้วันแข่งแล้วพี่เบศอย่าลืมมาเชียร์ไหมตามสัญญานะคะ” สุรีกานต์มองค้อนนฤเบศ แอบหึงไม่รู้ตัว
ทีมเดอะซันแยกย้ายกันไปปฏิบัติภารกิจ ปรีติไปบล็อกระบบทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ในเซฟเฮาส์ที่เครื่องแม่ที่สำนักงานตำรวจ ทำให้มือแฮกเกอร์ที่ริชาร์ดจ้างมาไม่สามารถเจาะเข้าไปหาข้อมูลได้ ส่วนอัศวินกับจ่ายม นำกองกำลังตำรวจประมาณ 10 นาย ไปปิดล้อมทางเข้าออกเซฟเฮาส์ ห้ามไม่ให้คนนอกเข้ามา พวกริชาร์ดจำเป็นต้องล่าถอยกลับไป
จ่ายมอยากจะกลับไปสมทบกับนฤเบศและสุรีกานต์ที่เซฟเฮาส์หลังใหม่ แต่อัศวินเห็นมีบอดี้การ์ดคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกตนอยู่ เลยยังไม่ยอมให้ทุกคนกลับไปหานฤเบศ
เช้าวันใหม่ นฤเบศรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา เห็นตัวเองอยู่กับสุรีกานต์ตามลำพังในเซฟเฮาส์หลังเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานแล้วก็แปลกใจมาก สุรีกานต์รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้นฤเบศฟัง
“สรุปคือผมกับคุณต้องหลบอยู่ที่นี่ก่อน เพราะเรากำลังถูกตามล่า ส่วนลูกน้องผมต้องกลับไปเคลียร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสร็จเรื่องแล้วถึงจะกลับมารับเรากลับไป”
“ถูกต้อง”
“หวังว่าคุณคงไม่ลำบากใจนะที่ต้องอยู่กับผมที่นี่ แทนที่จะได้กลับไปส่งข่าวให้กับคนของคุณ ได้รู้ความเคลื่อนไหวของทีมเดอะซัน”
“คนของฉันเหรอ ไหนบอกว่าคุณเชื่อใจฉันแล้วไง สรุปที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง พยายามอธิบายตัวเองว่าทำไมฉันถึงออกไปจากเซฟเฮาส์จนเกิดเรื่องขึ้นมา ฉันก็ยังเป็นจำเลยในสายตาคุณอยู่ดีใช่มั้ย”
“ผมเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า เพราะคำพูดมันไม่สำคัญเท่ากับการกระทำหรอก”
“ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่ทำให้ริชาร์ดรู้แผนการของคุณหมดทุกอย่าง แต่คุณไม่นึกบ้างเหรอไงว่าฉันเองก็เสียใจมากที่เป็นต้นเหตุให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
“นี่ไงล่ะที่ผมเคยบอกคุณว่าถ้าเราประมาท คนที่เราตามล่าก็อาจจะย้อนรอยมาตามล่าเราได้เหมือนกัน”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ”
“เอาเถอะ ถึงคนที่คุณออกไปพบจะเป็นนายกวินที่ส่งข้อความหา หรือว่าสารวัตรมังกรที่ลูกน้องผมสันนิษฐานว่าเป็นไส้ศึก แต่ยังไงความไว้ใจที่ผมมีให้คุณมันก็ได้ถูกทำลายไปแล้วล่ะ ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าคุณยืนอยู่ข้างใครกันแน่ ระหว่างทีมเดอะซันกับคนที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของริชาร์ดอย่างนายกวิน”
“สรุปที่ฉันพูดไปทั้งหมดนี่เปลืองน้ำลายเปล่าใช่มั้ยเนี่ย คุณนี่มันงี่เง่าจริง ๆ เลย”
กอบแก้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยขอให้กวินไปร่วมงานค้นหาเค้กสุดพิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์แทน และในรอบตัดสินกวินก็ต้องไปเป็นกรรมการด้วย เพราะกอบแก้วไปบอกคนจัดงานว่ากวินเป็นคนชอบทานเค้กมาก
งานที่กวินต้องไปแทนกอบแก้ว บังเอิญเป็นงานเดียวกับที่แพรไหมเข้าประกวด แพรไหมที่กำลังเสียใจที่ไม่เห็นนฤเบศมาให้กำลังใจ เห็นกวินเดินเข้ามาในงาน ก็คิดว่ากวินตามมาให้กำลังใจ จึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมา ผลการประกวดรอบแรก ไวท์เค้กของแพรไหมได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย
วุ้นกรอบ พายไก่ กวิน กระหน่ำส่งข้อความหาสุรีกานต์ด้วยความเป็นห่วง สุรีกานต์จะส่งข้อความตอบกลับบอกเธอสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง แต่นฤเบศแย่งโทรศัพท์สุรีกานต์มากดปิด เพราะไม่อยากให้ริชาร์ดจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ สุรีกานต์โมโห เดินตามไปคุยกับนฤเบศที่ริมคลองใกล้บ้าน
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีทางทรยศพวกคุณ แล้วคุณยังจะพูดแบบนี้กับฉันอีก”
“ใครบอกว่าผมรู้…จิตใจที่แท้จริงของคนอื่นเราไม่มีทางรู้ได้หรอก ดีสุดเราก็ทำได้แค่คาดเดาว่าเขาจะคิดอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ แต่เราไม่สามารถรู้คำตอบที่แท้จริงได้เลยว่าสิ่งที่เราคาดเดามันคือความจริงหรือเปล่า”
“แล้วความรู้สึกที่เรามีต่อคน ๆ นั้นล่ะ ไม่สามารถทำให้เราเชื่อใจเขาได้เลยเหรอ”
“แล้วไอ้ความรู้สึกที่ว่านั้นมันแบบไหนล่ะ”
สุรีกานต์ถึงกับนิ่งตอบคำถามไม่ได้ แม้รู้คำตอบนั้นแก่ใจดีก็ตาม นฤเบศชวนสุรีกานต์เดินกลับไปที่บ้านพักด้วยกัน สุรีกานต์ถามย้ำว่านฤเบศเลิกสงสัยเธอหรือยัง นฤเบศบอกจะเชื่อใจและไว้ใจสุรีกานต์อีกครั้ง สุรีกานต์ยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง