ผู้เขียน หัวข้อ: ‘แหม่ม-วิชุดา’ ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย คิดสั้นฆ่าตัวตายหลายครั้ง - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 428 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “คนดังหลังฉาก” วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “แหม่ม-วิชุดา พินดัม” มากขึ้นกว่าที่เคยรู้จัก ซึ่งล่าสุดรับงานพิธีกรฝีปากกล้าแห่ง ช่องสตาร์แม็กซ์ ที่ปะทะคารมกับ “บุ๋ม-ปนัดดา” และ “กิ๊ฟ-วรรธนะ” ได้อย่างถึงพริกถึงขิงในรายการ “ดาราวาไรตี้โพล” หลายคนอาจจะมองเธอเป็นสาวมั่น แต่ใครจะรู้ว่าตัวตนจริง ๆ ของผู้หญิงคนนี้อ่อนไหวเอามั้ก...มาก หากจะพูดว่าชีวิตจริงของ “แหม่ม” ยิ่งกว่านิยายก็ว่าได้ เพราะเธอตามหา “พ่อ-แม่” ที่แท้จริงมาทั้งชีวิตขนาดคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่เหตุใดจึงผ่านวิกฤตินั้นมาได้ เราไปคุยกับ“วิชุดา พินดัม” กันเลยดีกว่า
    
    ก่อนจะคุยเรื่องหนัก ๆ คุยเรื่องงานก่อนดีกว่า ตอนนี้ “แหม่ม” ถูกยกให้เป็นพิธีกรปากร้ายอันดับ 1 รู้สึกยังไงบ้าง “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แหม่มว่ามีหลายคนที่ปากร้ายกว่าแหม่มนะ กับงานพิธีกรรายการ ดาราวาไรตี้โพล บอกเลยว่าชอบมาก ด้วยความที่รายการเป็นการจัดโพลดารา เราก็ต้องพูดให้สนุกสนาน แต่บางครั้งก็แอบกลัวเหมือนกันว่าเพื่อนดาราบางคนจะโกรธเราหรือเปล่า เรื่องที่คนมองว่าเราเป็นพิธีกรปากร้าย จริง ๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
    
    ในรายการ “ดาราวาไรตี้โพล” ได้ร่วมงานกับ 2 พิธีกรคนเก่ง “บุ๋ม-ปนัดดา” และ “กิ๊ฟ-วรรธนะ” อีกด้วย “สองคนนี้ถือว่าเก่งมาก อย่าง กิ๊ฟ-วรรธนะ เขาก็เป็นผู้ชายคงสู้เราไม่ได้ในเรื่องของเสียง เพราะแหม่มเสียงแหลมมากเวลาจัดรายการ มีแต่ พี่บุ๋ม-ปนัดดา นี่แหละที่เป็นคู่ปรับกันตลอดรายการ แต่การทำรายการนี้สนุกมากจริง ๆ แหม่มได้ทำงานกับ 2 พิธีกรมืออาชีพซึ่งเราก็เรียนรู้จากเขาได้เยอะ มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันตลอด ด้วยความที่รายการอัดเกือบทุกวันก็ทำให้เราค่อนข้างสนิทกัน คุยกันเรื่อยเปื่อย การมาทำงานก็เลยเหมือนการได้มาเจอเพื่อน”
    
    ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่โตว่า แหม่มตามหาคุณพ่อ-คุณแม่ที่แท้จริง จนถึงวันนี้ยังตามหาไม่เจอ เรื่องราวมันเป็นยังไง “เรื่องนี้เกิดจริง แหม่มตามหามาตั้งแต่เราอายุ 17 ปี เกือบ 20 ปีได้แล้วมั้ง ตอนนี้แหม่ม 37 ปีแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้แหม่มรู้ว่าคนที่เราอยู่ด้วยไม่ใช่พ่อแม่นั้น ตอนแหม่มอายุ 17 ไปออกรายการเที่ยงวันกันเอง เอาครอบครัวมาเล่นเกม
    โชว์กัน มี พี่แซม-ยุรนันท์ เป็นพิธีกร และใกล้ปิดรายการแล้ว พี่แซมก็ถามว่าตอนเด็ก ๆ น้องแหม่มจะถูกคนแถวบ้านล้อว่าเก็บมาจากถังขยะ ไม่ใช่ลูกพ่อแม่ ช่วยพูดให้น้องชื่นใจหน่อยว่าเป็นลูกจริง ๆ ตอนนั้นเราเริ่มยิ้มละ จะจบรายการได้เงินกลับบ้าน แต่คุณพ่อก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลัง สักพักคุณแม่ก็ร้องไห้ แล้วบอกว่าแม่นะไม่ใช่แม่ที่แท้จริง แต่คุณพ่อน่ะใช่ กลางรายการทุกคนก็ช็อกกันหมดเลย พี่แซมตกใจและรู้สึกผิดมาก หนูเองก็ตกใจ”
      
    “ความรู้สึกอึ้งชั่วโมงนั้นเหมือนในหนังเลยมีภาพเก่า ๆ ย้อนกลับไปตอน 10 ขวบ ซึ่งตอนนั้นหนูเอาเทปของคุณพ่อมาอัดเสียงเล่น แต่ในเทปก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้แล้วบอกว่าตัวเองชื่อตุ๊ก บอกว่าคิดถึงลูกอยากจะเอาลูกไปอยู่ด้วย อารมณ์ประมาณนี้ แต่ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพื่อนของคุณพ่อที่เขาฝากหากันจนลืมไป และตอนที่แม่บอกกลางรายการก็คิดเลยว่าผู้หญิงที่ชื่อตุ๊กต้องเป็นแม่แหม่มแน่ พอขึ้นรถก็ถามพ่อเลย พ่อบอกว่าใช่ แสดงว่าแม่ก็เป็นคนไทย ดังนั้นพ่อก็ไม่ใช่พ่อเราด้วย เพราะเรามีเชื้อฝรั่ง แล้วก็เงียบทั้งรถ สุดท้ายเขาก็เหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ เราก็โอเครู้แล้วว่าเขาไม่อยากพูด จนถึงวันนี้เราก็ไม่เคยถามเขาถึงเรื่องนี้อีกเลย”
    
    หลังจากนั้น “แหม่ม” ออกตามหาพ่อ-แม่ด้วยตัวเองใช่มั้ยคะ “ใช่ค่ะ เราก็เริ่มไปสืบเสาะตามหา สืบไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างปิดได้หมดเลย ตามหาไปเรื่อย ๆ แต่เราก็ไปเจอคนขัดขาเราหลากหลายรูปแบบ บางคนเขาออกตัวเลยว่ารู้ เราก็ไปหาเขาบ่อย ๆ บางเจ้าก็หลอกขายตรง เราเป็นเหยื่อเขาแต่บางเจ้าก็ไม่หลอกขายอะไร รู้สึกดีด้วยที่เราไปหาเขา ไปกินข้าว
    กับเขา”
    
    เป็นเพราะคิดมากหรือเปล่า ได้ยินว่าถึงขนาดต้องกินยานอนหลับจนติด “กินยานอนหลับตลอด สมัยก่อนซื้อง่ายมาก เราเริ่มจากเครียดเรื่องพ่อกับแม่ก็เลยหาที่พึ่งเพราะนอนไม่หลับ ก็เริ่มจากกินครึ่งเม็ด แล้วก็เพิ่มเริ่มเป็นหนึ่งเม็ดสองเม็ดสามเม็ดจนกินเป็นแผง ซึ่งพอกินเป็นแผงเราก็ทำอะไรไม่รู้ตัว มีอยู่วันหนึ่งต้มมาม่าอยู่จนไฟจะไหม้บ้านเราก็เริ่มมีสติ แต่ที่ร้ายที่สุดถึงขั้นจะผูกคอตายหลายครั้ง เราก็ลอง แต่โชคดีที่อยากลองทำเฉย ๆ ขั้นตอนกว่าจะตายมันเยอะ เราก็รู้สึกว่าไม่ทำดีกว่า จนสุดท้ายก็เลิกกิน และเราก็เลิกตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะเราเอ็นดูพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา มันได้สติตรงที่ว่าถ้าเราตายไปแล้วใครจะเลี้ยงเขา แหม่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 พอเราทำงานเราก็ให้เขาหยุดงานทุกอย่าง และที่เลิกตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะเราไปรู้ความจริงถึงสาเหตุที่เขาทิ้งเราไป มันเป็นการไขข้อข้องใจทุกอย่าง” ทราบว่าตอนนี้พ่อที่อยู่กับเราทุกวันนี้ กำลังป่วย “ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก เพราะว่าเส้นเลือดในสมองแตกมา 6 ปีแล้ว อาจจะเกิดมาจากที่เมื่อก่อนเขาเป็นนักมวย ส่วนคุณแม่แข็งแรงดี แต่เริ่มหลง ๆ ลืม ๆ บ้าง ก่อนหน้านี้ท่านทั้งสองคนยังดูแลตัวเองได้ แต่พอล้มเดินไม่ได้ ก็ต้องหาคนดูแล ต้องมีพยาบาลดูแลส่วนตัวเลยคนหนึ่ง คุณแม่เองก็ช่วยได้ ซึ่งโชคดีที่คุณแม่ยังไปตลาด ซื้อของเข้าบ้านได้ พ่อแม่สอนเรามาดี เขาสอนด้วยวิธีไม่ได้บอกกล่าว เขาสอนให้เราช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจ พอโตขึ้นมันฝึกตัวเอง ทำได้ทุกอย่าง”
    
    ทำงานเยอะขนาดนี้ ไม่คิดจะมีฟงมีแฟนกับเขาบ้างเหรอ “ก็มีมา 3 ปีแล้วนะคะ ยังเป็นนางสาวอยู่เพียงแค่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีแล้ว สำหรับคนนี้คบกันมา 3 ปีกว่าแล้ว รู้จักกันปุ๊บก็เป็นแฟนกันเลย สำหรับงานแต่งจริง ๆ คิดจะแต่งทุกปี มีฤกษ์ทุกปี แต่ก็เลื่อนทุกปีเหมือนกันไม่รู้เป็นอะไร อย่างปีนี้ก็ได้ฤกษ์ ถ้าไม่ได้แต่งก็ต้องไปหาฤกษ์ของปีหน้าใหม่ เรื่องลูกบอกเลยว่าไม่อยากมี เพราะเราไม่รักเด็ก อยากจะใช้ชีวิตกัน 2 คน เลี้ยงหมาไปใช้ชีวิตกันไป ไปเที่ยวเมืองนอกกันปีละ2-3 ครั้ง ส่วนหนึ่งที่ไม่อยากมีลูก เพราะเราฝังใจจากเรื่องในอดีต กลัวเลี้ยงเขาไม่ได้ดี และกังวลมากจนเกินไปจนชีวิตไม่มีความสุข เคยได้ยินว่าการมีลูกเป็นทุกข์หนัก เราเลยมีความคิดว่าถ้าเรามีลูกเราคงต้องเป็นทุกข์แน่ ชีวิตตอนนี้เราอยากมีความสุขก็เลยไม่อยากมีลูก”
    
    และนี่ก็คือชีวิตจริงของ “แหม่ม-วิชุดา พินดัม” นักแสดง-พิธีกรมืออาชีพ ที่ผ่านมรสุมชีวิตมาแล้วมากมาย แต่เธอก็ใช้ประสบ การณ์เหล่านั้นมาเป็นบทเรียน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า. “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)