สีหสาพูดไม่ทันจบ สุเลวินโหราต่อประโยคให้อย่างรู้ทัน
“คงจะฆ่าเราทิ้งเยี่ยงสัตว์...ท่านจะทำ ลายศรีพิสยาเมื่อไหร่ก็ได้...ยกเว้นคืนบูชาเพ็ง”
“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า ในเมื่อทุกครั้งที่ออกรบ ข้าคือแม่ทัพ...ข้าคือคนนำชัยชนะมาวางแทบเท้าองค์นรสิงห์”
“ความทะนงตัวของเจ้าจะทำให้องค์นรสิงห์ทนทุกข์ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์” สุเลวินโหราเตือน
“ความอ่อนแอ กลัวแม้กระทั่งแสงดวง ดาวบนฟ้าของเจ้าต่างหาก...สุเลวินที่ขัดขวางความเป็นใหญ่ขององค์นรสิงห์กองทัพแข็งแกร่งของข้าไม่เคยพ่ายแพ้ ทหารของข้าไม่เคยขี้ขลาดตาขาว เพราะเห็นแก่พระเพ็งดวงเดียว สำหรับข้าพระเพ็งไม่ใช่เทพีศักดิ์สิทธิ์ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในโลกนี้...อยู่ที่ดาบของข้า”
สีหสาดึงดาบออกมา ทหารทั้งหมดชูมือ โห่ร้องให้กับสีหสาแม่ทัพ สุเลวินโหรารู้ว่าการทัดทานไม่เป็นผล...มรันมา ได้ยินเจ้าปันแสงกับเจ้านางอินยาคุยกัน เรื่องที่เจ้าปรันมาเตรียมเหรียญดินปั้นรูปพระเพ็งเป็นของขวัญแจกชาวเมืองในวันบูชาเพ็ง เจ้านางอินยาเหลือบมองมรันมาที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ ยิ้มอย่างมีเลศนัย มรันมารู้สึกไม่ดีจึงรีบมาบอกติสสาให้รู้
“น้องน้อยกลัวว่าเจ้านางจะทำเรื่องไม่ดี”
“ไม่ต้องห่วง น้องน้อย หน้าที่ถวายชีวิต ปกป้องเจ้าปรันมาเป็นของพี่...ขอบใจน้องน้อยมากที่เอาคำพูดของเจ้านางมาบอกพี่ชาย”
“พี่ชายระวังตัวด้วยนะจ๊ะ”
“เจ้าต่างหาก น้องน้อยของพี่ ต้องระวังตัวมาก ๆ”
ติสสาขยับมาใกล้ มรันมายิ้มหวาน
“น้องน้อยมีพี่ชาย น้องน้อยไม่เคยกลัว”
ติสสาอดใจไม่ไหว ดึงมรันมาเข้ามากอด มรันมาเงยมองติสสาด้วยสายตาบูชา ติสสายิ้ม
“พี่จะดูแลน้องน้อยของพี่ด้วยชีวิต หากน้องน้อยเจ็บ พี่ชายจะเจ็บยิ่งกว่าหลายเท่านัก...พี่ชายขอสัญญา สัญญาด้วยชีวิตและวิญญาณ พี่ชายจะไม่มีวันทำให้น้องน้อยเสียใจ”
ติสสา เมฆา มารุต และทหารจำนวนหนึ่งเดินตรวจความเรียบร้อยบริเวณตลาด เห็นประชาชนอื้ออึงชักชวนกันไปดูเห็นขบวนเสลี่ยงของเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงเคลื่อนมาหยุดแถวประชาชน
“เจ้านางอินยา เจ้าปันแสงแห่งศรีพิสยาทรงมาแจกน้ำมันดอกจันทน์กะพ้อ...ดอกจันทน์กะพ้อ ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดอกไม้ของศรีพิสยา...ในงานบูชาพระเพ็งปีนี้ เจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงขอมอบสิ่งมงคลให้แก่ประชาชนที่รักของท่าน”
อุตลาประกาศจบ ชาวบ้านเฮ พากันเรียงแถวเข้ามารอรับน้ำมันหอมจากมือเจ้านางอินยาและเจ้าปันแสง หลายคนไปรับจากมือเจ้าปันแสง แล้วขบวนค่อย ๆ เคลื่อนออกไป
“มันผิดประเพณีนะแม่ทัพ ต้องให้เจ้าปรันมาแจกก่อนสิ เจ้านางอินยามาตัดหน้าได้ยังไง” มารุตโวยขึ้น
ติสสาอาศัยจังหวะที่คนเดินตามมามาก ดึงแขนมรันมาออกจากขบวนมาหลบคุยในที่ลับตาคน
“เจ้านางอินยาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ วันนี้ควรจะเป็นขบวนเจ้าศรีพิสยา ไม่ใช่ของเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสง”
“น้องน้อยโดนเจ้านางหลอก เจ้านางรู้ว่าน้องน้อยต้องเอามาบอกพี่ชาย..น้องน้อยขอโทษ”
“ไม่เป็นไร...ไม่ใช่ความผิดของน้องน้อย พี่เองที่ไม่เฉลียวใจว่าเจ้านางอินยาจะมีเล่ห์เหลี่ยม ...ไป...พี่จะพาเจ้ากลับเข้าขบวน”
จังหวะนั้นสายตาติสสาก็เหลือบไปเห็นวาเรเดินเร็วตัดไป
“วาเร นักรบปุระอมร...น้องน้อย รีบกลับตำหนัก กลับไปให้เร็วที่สุด...อย่าอยู่ที่นี่”
ติสสาผละจากมรันมาวิ่งตามวาเรไปทันที มรันมาหันมาจะเดินกลับเจอสีหสาเข้ามาขวางหน้า
“เจ้าเป็นคนรักของติสสา”
ติสสาตามมาจนทันวาเร ทั้งสองต่อสู้กัน แต่วาเรสู้ติสสาไม่ได้ สีหสาที่ตามจับมรันมาเห็นลูกน้องกำลังเพลี่ยงพล้ำจึงเข้าไปช่วยอีกคน เสียงร้องของมรันมาเรียกให้เมฆา มารุต และทหารวิ่งกรูเข้ามา สีหสาเห็นท่าไม่ดีรีบขึ้นม้าควบหนีไปทันที ส่วนวาเรวิ่งหนีไปอีกทาง
เจ้านางอินยาและเจ้าปันแสงเห็นติสสาพามรันมาควบม้าผ่านไป สองแม่ลูกต่างมองด้วยความอิจฉาระคนแค้นใจเป็นที่สุดนันทวดีออกมาเห็นติสสาอุ้มมรันมาเข้ามาที่ตำหนัก ก็ตกใจ ร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“แม่จ๋า แม่ช่วยน้องน้อยด้วย”
“ไปเชิญหมอหลวงมาที่นี่” นันทวดีหันไปสั่งบัวเงิน
“ข้าต้องไปหาเจ้าปรันมา” ติสสาบอกแม่
“ไปเถอะ ติสสา ไม่ต้องห่วง แม่จะดูมรันมาให้เอง”
“ไม่ต้องห่วงน้องน้อย รีบไปเถอะจ้ะพี่ชาย” มรันมาบอกติสสา
ติสสาร้อนใจรีบมาหาเจ้าปรันมาทันที โดยมีเมฆา มารุตยืนอยู่ด้านหลัง
“ช่วงงานฉลอง คนต่างเมืองต่างแคว้นมาที่นี่กันมาก สีหสามันเลยฉวยโอกาสได้ ยังไงเราจะไม่ให้พวกนรสิงห์ทำลายพิธีบูชาพระเพ็ง งานเฉลิมฉลองจะต้องมีต่อไป...อย่าให้ชาวเมืองตกใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้” เจ้าปรันมาบอก
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง