ไฮโซสาวจากรั้วลูกแม่โดม แค่ได้ยินชื่อก็คงคุ้นหูกันดี สำหรับเจ้าแม่พิธีกร “เอิ๊ก-พรหมพร ยูวะเวส” ไฮโซสาวตระกูลดัง แม้เจ้าตัวจะเรียนจบทางด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่กลับมาเอาดีด้านการเป็นผู้ประกาศข่าว แม้ช่วงหลังจะยึดงานพิธีกรเป็นหลัก แต่เพราะลีลาการเล่าข่าวของเธอนั้นแซบเวอร์ ใครอยากรู้ว่าแซบเวอร์แค่ไหน ตอนนี้ต้องตามดูที่รายการบันเทิง 108 ช่อง 8 ในเครืออาร์เอส เพราะเธอเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับพิธีกรปากจัดจ้าน “พจน์ อานนท์” เมื่อเร็ว ๆ นี้เรามีโอกาสได้เจอ “สาวเอิ๊ก” รู้สึกอยากเมาท์อ่ะ เคยได้ยินเขาพูดว่า เธอชอบอวดรวยทำตัวเวอร์!! เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? งานนี้ ต้องคุย! มาฟังจากปากเธอเลยดีกว่า
เกริ่นสักนิดว่าจุดเริ่มต้นบนเส้นทางบันเทิงของ “เอิ๊ก”เป็นมาอย่างไร “เริ่มจากการเป็นผู้ประกาศข่าวและพิธีกรที่ช่อง 3 ผ่านการทาบทามจากคุณอภิญญา มาลีนนท์ หัวหน้าผู้ประกาศข่าวของช่อง 3 ทำได้ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ลาออก มาเปิดบริษัทผลิตรายการทีวีของตัวเองจนถึงปัจจุบันได้ 20 ปีแล้ว ชื่อบริษัท บู๊ลิ๊ม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นบริษัทโปรดักชั่นผลิตรายการทีวี”
หลายคนมองว่า “เอิ๊ก” เป็นไฮโซ ชอบทำตัวเวอร์ คิดยังไง? “แล้วแต่คนจะมองค่ะ ต่างคนก็ต่างมุมมอง คงไปเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้ เราไม่คิดเยอะหรอกรู้สึกเฉย ๆ เรามีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ และไม่เคยไปสร้างความลำบากให้ใคร ดังนั้นเลยไม่คิดอะไรว่าใครจะมองเรายังไง” แล้วชีวิตจริง ทำตัวไฮโซอ๊ะป่าว? “ชีวิตจริงเป็นคนใช้ไลฟ์สไตล์แบบสุด ๆ เหมือนกันนะ คือเที่ยวก็เที่ยวอย่างดี กินอย่างดี ใช้ของดี เราถือว่าคนเราถ้าเลือกได้ ก็คงอยากใช้ไลฟ์สไตล์แบบสุดโต่ง แต่อยู่ในฐานะที่เลือกได้หรือเปล่า และอีกอย่างเราโสด ไม่ได้มีครอบครัว อยู่ตัวคนเดียว ฉะนั้นเรื่องของการใช้ชีวิตก็ทำได้เต็มที่มากกว่า”
ที่โสดเพราะ ยังไม่ถูกสเปก หรือผู้ชายยังรวยไม่พอ? “ก็ทั้ง 2 อย่างนะ ยังไม่เจอคนที่ใช่ด้วย แล้วที่เจอมันก็ยังไม่ถูกสเปกอีก เลยขอโสดดีกว่า แต่ไม่ต้องรวยมาก แค่เราไม่ต้องเลี้ยงเขาก็โอเคแล้ว เพราะเราดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่ผู้หญิงที่แบบจะต้องให้ใครมาซื้ออะไรให้ ซื้อรถให้ ซื้อบ้านให้ ซื้อแหวนเพชรให้ เราสามารถซื้อเองได้ คืออย่างน้อยเขาก็ต้องดูแลตัวเองได้ พูดง่าย ๆ คือเขาควรจะมีรายได้ไม่น้อยไปกว่าเรานะคะ”
ได้ยินว่า “เอิ๊ก” จะเกษียณ ชีวิตในวงการบันเทิง “เราว่าจะทำอยู่ตรงนี้อีกสัก 2-3 ปี ก็จะไม่ทำแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าไม่ทำอะไรเลย คืออาจจะน้อยลง คืออยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ซึ่งทุกวันนี้ก็ใกล้เคียงแล้วนะ คือไม่ใช่ว่ามีงานอะไรก็ทำทุกอย่าง ทุกวันนี้ก็ยังมีติดต่อเข้ามานะก็ปฎิเสธไปเยอะเหมือนกัน คือทำเท่าที่มีความสุข ไม่เหนื่อยจนเกินไป แล้วไม่ใช่ว่าแบบเอาไว้ก่อน เดี๋ยวถึงเวลาจะตัดสินใจทำไม่ใช่”
ได้มาร่วมงานกับผู้กำกับปากจัด ในฐานะพิธีกรอย่าง “พจน์ อานนท์”เป็นอย่างไรบ้าง “ถ้าต้องเลิกทำงานตรงนี้จริง ๆ ก็เสียใจนะ เพราะการร่วมงานกับพี่พจน์ ถือเป็นเคมีที่ลงตัวมาก ๆ เราชอบที่พี่พจน์เป็นคนตรง ทำงานด้วยกันแล้วสบายใจรับประกันว่าไม่มีกัดลับหลังแน่นอน” ถ้าเลิกทำงาน ตรงนี้แล้ว “เอิ๊ก” จะหันไปทำอะไรล่ะ? “ไม่ทำอะไรเลยค่ะ อยู่เฉย ๆ อยากไปเที่ยวก็จะไป จะพาแม่พาน้องไปเที่ยวต่างประเทศ ชีวิตที่ผ่านมาเราทำงานหนักแล้ว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาพักเราก็ต้องพักให้เต็มที่”
นาน ๆ เจอที “เอิ๊ก” ดูสวยแซบเวอร์ ขึ้นเยอะเลย มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร? “เราเป็นคนไม่คิดเยอะค่ะ วิธีดูแลตัวเองของเราก็คือ จะเป็นคนที่ทานอย่างระมัดระวัง เพราะอายุเราเยอะขึ้นมันปล่อยไม่ได้อยู่แล้ว อย่างสมัยเด็ก ๆ อาจจะอยากกินอะไรก็กิน ไม่อยากออกกำลังกายก็ไม่ต้องออก ไม่ต้องดูแลตัวเองอะไรมาก เพราะระบบในร่างกายของเรามันยังดีอยู่ แต่พอเราอายุเริ่มเยอะเซลล์ ทุกเซลล์มันเริ่มเสื่อมลงตามกาลเวลา เราเป็นคนที่ดูแลรูปร่างคือทานก็ต้องเลือกทาน ถ้าอยากทานอะไรก็จะทานคำสองคำก็จะหยุด คอนโทรลตัวเองได้ในเรื่องทาน และอีกอย่างหนึ่งคือทานไวตามินเพื่อดูแลสุขภาพเยอะเลยหลายอย่าง เพราะเชื่อว่าร่างกายเรามันเหมือนเครื่องยนต์ถึงเวลามันก็ต้องเสื่อม รถยนต์ยังต้องมีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หยอดน้ำมันตรงส่วนนั้นส่วนนี้ แล้วร่างกายคุณใช้อย่างเดียวไม่ได้บำรุง ไม่ได้เสริมไม่ได้อะไรเลย เขาก็คงเสื่อมไปตามกาลเวลา ถ้าเราอยากอยู่กับเขา ใช้งานเขาไปนาน ๆ อย่างแข็งแรงก็ต้องดูแลค่ะ”
เมื่อมีงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกราฉันใด คนเราไม่ว่ารวยหรือจน เมื่อเต็มอิ่มกับชีวิต และอยากหาทางออกให้กับตัวเอง ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ทั้งเรื่องงาน ความรัก หรือชีวิต ก็ต้องเลือกเส้นทางเดินใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ขอเพียงใช้ชีวิตอยู่บนความพอเพียง อย่าได้เอาชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะมันจะทำให้เราเป็นทุกข์. “ปรางค์ ปิ๊กมี่”
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง