ผู้เขียน หัวข้อ: สาปพระเพ็ง วันที่ 13 สิงหาคม 2556  (อ่าน 365 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
สาปพระเพ็ง วันที่ 13 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2013, 10:14:05 am »

 มรันมาค้อมตัวทำความเคารพทุกคนแล้วออกไปทันที จันทเทวีหันมาทางเจ้านางอินยา
    
    “ยังไงข้าก็ถือว่ามรันมาเป็นพี่หญิงของข้า”
    
    “เป็นเจ้าก็ให้รู้ศักดิ์ของตัวเองบ้าง จันทเทวี เสียดายที่เจ้านางฝ่ายขวาสิ้นบุญเร็วไปหน่อย เลยไม่ได้มีโอกาสสั่งสอนลูกสาว”
    
    “ใช่...ถ้าแม่อยู่ แม่คงสอนข้าให้นิสัยดีกว่าเจ้าปันแสง”
    
    เจ้านางอินยาหันขวับมองจันทเทวีแค้นใจ
    
    “จันทเทวีขอโทษเจ้านางอินยาเดี๋ยวนี้...จันทเทวี” ปรันมาสั่งน้องสาว
     
    จันทเทวีเอ่ยขอโทษแบบจำใจ เดินเร็วออกไป เจ้านางอินยายิ้มสะใจ...เจ้าปรันมาสงสารและเป็นห่วงความรู้สึกของน้องสาวต่างแม่ จึงตามมาปลอบโยน
    
    “มรันมา...สร้อยทับทิมในคอ คือสิ่งที่พ่อมอบรับขวัญเจ้ามาตั้งแต่เกิด...แสดงให้รู้ว่า...เจ้าก็เป็นหนึ่งในสายเลือดของศรีพิสยา”
    
    “ข้าไม่ใช่ลูกของเจ้าศรีพิสยาองค์ก่อน แม่อเลยาของข้า เป็นแค่ทาสในตำหนักเจ้านางอินยา”
    
    “มรันมา อย่าจดจำคำดูถูกของเจ้านางอินยา มาลดเกียรติตัวเอง” ปรันมาเอ่ยเตือน
    
    “เปล่าเลย เจ้าปรันมา เกียรติของข้าคือลูกแม่อเลยา ท่านไม่จำเป็นต้องยกย่องให้เกียรติลูกข้าทาสเลยสักนิด ปล่อยให้ข้าอยู่ในชาติกำเนิดที่ติดตัวมาดีที่สุด
    
    พูดจบมรันมาย่อตัวถวายเคารพเจ้าปรันมา เดินเร็วออกไป ปรันมาปรายตามองก็รู้ว่าติสสาแอบอยู่มุมหนึ่งใกล้ ๆ
     
    “ติสสา...ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น...ไปส่งมรันมา น้องสาวเราให้ถึงตำหนักเจ้านางอินยา”
     
    ติสสารีบถอยออกไปอย่างเร็ว...จันทเทวีเห็นพี่ชายยืนอยู่สะบัดหน้าแง่งอนใส่
    
    “ถ้าพี่รับพี่หญิงมาอยู่ตำหนักเดียวกับน้อง พี่หญิงก็คงไม่เสียใจแบบนี้”
    
    “จันทเทวี...อย่าลืมสิว่า มรันมาเป็นคนของตำหนักเจ้านางอินยา เราจะใช้สิทธิอะไรไปบังคับ..”
    
    “สิทธิที่พี่ปรันมาเป็นเหนือหัว เจ้าศรี  พิสยาตอนนี้” จันทเทวีไม่สบอารมณ์
    
    “เราต้องเคารพเจ้านางอินยา เทียบเท่าแม่คนนึงของเราเหมือนกัน” ปรันมาอ่อนใจ “แม่ไม่เคยใจร้าย ไม่ว่ากับใคร ข้าเบื่อ ข้าไม่ฟังแล้ว กี่ทีกี่ทีพี่ก็พูดแบบนี้ น่าสงสารพี่หญิงมรันมาที่สุด”
     
    เจ้าปันแสงยังแค้นใจ จึงพาอสุนี ทหารคนสนิทมาดักขวางมรันมาเพื่อเอาเรื่องคนที่ยิงธนู  “ไอ้คนเมื่อวานที่มันช่วยเจ้าน่ะ อยู่ไหน เรียกมาช่วยสิ เรียกมา ข้าอยากเห็นหน้ามันชัด ๆ”   “ข้าไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร”
    
    “โกหก...แอบนัดผู้ชายข้างนอก ให้เข้ามาหาถึงในวัง...สันดานเดียวกันทั้งแม่ทั้งลูก”
      
    “เจ้าปันแสง”   “ใคร ๆ ก็จำได้ แม่แกโดนลงโทษจนตายเพราะคบชู้...แม่แกทรยศเจ้าพ่อ แม่แกมันมีชู้”  มรันมาโมโหสุดขีด ผลักอกอสุนี พุ่งเข้าไปหาเจ้าปันแสง เจ้าปันแสงจับมรันมาเหวี่ยง มรันมากลิ้งไปกับพื้นตรงหน้านันทวดีที่เดินมาพอดี นันทวดีประคองมรันมา แล้วมองเจ้าปันแสง  “ท่านทำอะไรน่ะ เจ้าปันแสง”   “ลงโทษลูกผู้หญิงแพศยา ข้าหลวงอย่างเจ้าไม่เกี่ยว หลบไปนันทวดี”   “ข้าหลวงอย่างข้าไม่เกี่ยวก็จริงแต่เจ้านางจันท เทวีคงไม่พอใจแน่ ๆ ที่มีคนทำร้ายพี่หญิงของนาง”
    
    เจ้าปันแสงมองนันทวดีที่ออกโรงขวางด้วยความโมโห แล้วเดินออกไป...เจ้านางอินยานั้นมีจิตใจเหี้ยมโหด มักจะลงโทษด้วยการโบยตีด้วยแส้ที่ทำขึ้นพิเศษ แล้วใช้มีดกรีดให้ปริเลือดพุ่งออกมาจากเนื้อข้าหลวงสาว เอาเกลือกดลงไปบนแผล ยิ่งให้พวกนางข้าหลวงร้องอย่างเจ็บปวด เจ้านางอินยาก็ยิ่งสะใจ เช่นเดียวกับเจ้าปันแสง
    
    มรันมาได้ยินเสียงร้องโอดโอยของข้าหลวง ทนไม่ไหว หันไปทางจันทเทวี กับนันทวดี
    
    “ได้ยินหรือไม่ ความกรุณาที่ท่านให้ กำลังฆ่าผู้หญิงคนอื่นให้ตายทั้งเป็น” มรันมารีบผละไปทันที
    
    สีหสา วาเร กับทหารส่วนหนึ่งกำลังควบม้า หาตำแหน่งตั้งค่ายเพื่อบุกศรีพิสยา ติสสามาเห็นเข้าก็เข้าเล่นงานทันที สองฝ่ายสู้กันจนล้มตาย เหลือแค่วาเรกับเมฆาที่ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ เช่นเดียวกับ  ติสสากับสีหสาที่ประดาบกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ
    
    ติสสาเลือดไหลเลอะเต็มตัว มาได้ยินจันทเทวีกับนันทวดีคุยเรื่องมรันมาถูกเจ้านางอินยาเล่นงาน นึกเป็นห่วง จึงบอกเมฆาให้ไปรายงานเจ้าปรันมาเรื่องสีหสาโดยด่วน ส่วนตนไปตำหนักเจ้านางอินยา เห็นนางกำนัลกำลังถูกเล่นงาน
    
    “ข้าควรจะให้รางวัลอะไรดี กับพวกทนมือทนไม้อย่างเจ้าสองคน...สักแผลสองแผลที่หน้าพวกเจ้าแล้วกัน มองกระจก เมื่อไหร่จะได้สำนึกบุญคุณข้า”
    
    เจ้านางอินยากำลังจะกรีดหน้าข้าหลวงที่ร้องลั่นด้วยความกลัว ติสสาพรวดเข้ามายืนตรงหน้า
    
    “แม่ทัพติสสา เจ้ากล้าบุกรุกตำหนักข้า”
    
    เจ้านางอินยามองติสสาที่มาในสภาพมีเลือดเลอะร่างก็ประเมินแล้วว่าติสสาต้องมาเรื่องสำคัญมาก จึงให้ทหารลากตัวนางข้าหลวงออกไป
    
    “เจ้าก็รู้ โทษบุกรุกตำหนักเจ้านาง ตายสถานเดียว”
    
    “ข้ายินดีตาย แต่ขอให้ปล่อยมรันมาออกไปจากที่นี่ก่อน”
     
    อินยาเดินตรงมาหาติสสา ด้วยรอยยิ้มยั่วยวน เต็มไปด้วยเสน่ห์ มองไล้เรือนร่างกำยำของติสสาตรงหน้า
    
    “เจ้าไม่มีสิทธิมาต่อรองให้ลูกสาวนังอเลยา”
     
    “ข้าไม่ได้ต่อรอง ข้ามาขอความปรานี ... หากเจ้านางจะมีหลงเหลือ”
    
    ติสสามองสบตาเจ้านางอินยา เจ้านางเอื้อมมือไปแตะเลือดที่เลอะบนอกติสสา วางมีดลงบนอกของชายหนุ่ม
    
    “ใครกันทำร้ายเจ้าได้ถึงเพียงนี้...เจ็บมั้ย ...ติสสา...”
    
    “เจ้านางก็รู้ เจ็บใดจะเท่าเจ็บที่กรีดลงบนใจ...เจ็บเพราะไม่เป็นที่รัก เจ็บจนทำได้ทุกสิ่ง ให้คนที่มาแย่งชิงรัก พินาศลงไปกับตา”
    
    ติสสานึกถึงอดีตที่เจ้านางเคยลงมือทำเรื่องเลวร้าย เจ้านางอินยาโมโหเดินออกไปหาลูก ชายที่ห้อง
    
    “ปล่อยมัน”
    
    “มันเป็นของข้า”
    
    เจ้านางอินยาตบหน้าลูกผัวะ เจ้าปันแสงหยุดถาม รีบเข้าไปแกะมือมรันมาจากเสาเตียง มรันมาลุกขึ้น วิ่งพรวดออกไปจากห้องทันที อินยามองตามด้วยความแค้นที่ต้องปล่อยมรันมาไป
    
    ติสสายิ้มดีใจเมื่อเห็นมรันมาวิ่งออกมา แล้วจะเดินกลับแต่ต้องทรุดเพราะเสียเลือดมาก มรันมาหันไปเห็นติสสาบาดเจ็บเลือดเต็มตัวก็ตกใจ
    
    “พี่ชาย...พี่ชายโดนฟัน...พี่ชายจ๋า ...ใครทำอะไรพี่ชาย
     
    ติสสาไม่ยอมตอบ มรันมาเสียงเง้างอด
    
    “พี่ชายจ๋า...ทำไมไม่ตอบน้องน้อย หรือไม่ใส่ใจมรันมาคนนี้ คนที่ท่านดูแลปกป้องมาตั้งแต่เล็ก ...พี่ชายไม่อยากให้มรันมาเป็นน้องน้อยอีกแล้ว”
    
    “ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลยว่าน้องน้อยเป็นคนอื่น ...พี่ชายขอโทษ” ติสสาพ่ายแพ้ต่อเสียงเง้างอดของสาวน้อย
     
    “ใครทำอะไรพี่ชายมาจ๊ะ...แผลลึกเหมือนโดนดาบ...พี่ชายมาจากตำหนักเจ้านางอินยาหรือเปล่า”
    
    “เปล่าจ้ะ..พี่ชายไปสืบข่าว เพิ่งกลับเข้ามา”
    
    ติสสาโกหก มรันมามองแผลติสสา สีหน้าเป็นห่วง
    
    “นิ่ง ๆ นะจ๊ะ ....อย่าเพิ่งขยับ”
    
    “พี่ต้องไปเฝ้าเจ้าปรันมา”
    
    “น้องน้อยบอกว่า ...พี่ชายอย่าเพิ่งขยับ”
     
    ติสสาแม่ทัพผู้ห้าวหาญกลายเป็นหนุ่มน้อยเชื่อฟังคำสั่งมรันมาโดยดี ติสสามองหน้ามรันมาด้วยแววตาที่รักที่เกินพี่ชายมาเนิ่นนานแล้ว แต่ไม่อาจแสดงออกให้รู้ได้
     
    ทางด้านปุระนคร นรสิงห์กระชากธนูที่ปักอยู่เหนือไหล่สีหสาออก แล้วก้มลงจูบสีหสาที่เจ็บปวด เมื่อได้รับสัมผัส จากนรสิงห์ก็เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย รัญจวนใจ เธอเหนี่ยวรอบคอองค์นรสิงห์ไว้ แล้วร่างของทั้งสองเบียดติดผนัง
    
    “มีอะไร สุเลวิน” นรสิงห์หันไปถามสุเล วินโหรา   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)