ผู้เขียน หัวข้อ: กุหลาบไฟ วันที่ 8 สิงหาคม 2556  (อ่าน 468 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
กุหลาบไฟ วันที่ 8 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 08, 2013, 08:21:04 am »

 “แกนอนพักเถอะ เดี๋ยวชั้นต้องไปตรวจเคสอื่นต่ออีก อยากให้ชั้นโทรฯบอกใครที่บ้านแกมั้ย”
    
    “อย่าเพิ่งดีกว่า ชั้นไม่อยากวุ่นวาย เท่าที่ดูอาการแล้วชั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยล่ะ”
    
    “ตอนนี้น่ะใช่...นอนพักไปละกัน ขาดเหลืออะไรโทรฯหาชั้น” นพรัชเดินออกจากห้องไป ธีรธรครุ่นคิด ไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
     
    นพรัชเข้ามาดูอาการของไศลา แต่ปรากฏว่าเหลือแต่ขวดน้ำเกลือและสายห้อยต่องแต่ง ไม่มีไศลาแล้ว นพรัชมองไปทั่วห้อง หาในห้องน้ำก็ไม่เห็น สังเกตดูขวดน้ำเกลือไม่ได้ลดลงเลย นพรัชดูจะเป็นห่วงไศลามาก
    
    ไศลาเดินโซซัดโซเซลงบันไดหนี เพราะมึนหัวมากจากฤทธิ์ยาแต่พยายามจะฝืนร่างกาย และชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่ง ไศลาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง และตกใจ คือโยคีศิลาดำนั่นเอง นาถสุดาเดินเข้ามาสมทบอีกคน
    
    “สภาพเธอตอนนี้ดูไม่ดีเลยนะไศลา” สีหน้านาถสุดาเยาะ ๆ
    
    “ต้องการอะไรจากชั้น”
    
    “ก็เธอจะมาเป็นผู้ช่วยใหม่ของเจ้านายชั้นไม่ใช่เหรอ เค้าก็อยากให้ชั้นมารับน้องใหม่เธอซักหน่อย”
    
    “คืออะไร” ไศลาตกใจ
    
    โยคีศิลาดำปรี่เข้ามาจับข้อมือของไศลา สติของไศลาวูบไป และมาโผล่ที่น้ำตกกลางป่า พร้อมกับโยคีศิลาดำ โยคีศิลาดำมองบรรยากาศรอบตัวก็รู้ทันทีว่าที่นั่นคือที่ไหน
    
    “เจ้าพาข้ามาที่นี่ เจ้าเกี่ยวข้องกับพี่เมฆาจริง ๆ”
    
    “ที่นี่ที่ไหน ชั้นไม่รู้จัก”
    
    “จิตใต้สำนึกเจ้าพาข้ามาที่นี่”
    
    “คุณต้องการอะไรจากชั้นกันแน่”
    
    “อยากรู้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับพี่เมฆายังไง”
    
    ไศลาส่ายหน้า พยายามเรียกสติตนเองกลับคืนมา โยคีศิลาดำใช้พลังกระแทกฝ่ามือผลักไศลากระเด็นไปกองกับพื้น
    
    ไศลายังมึนไปหมด ร่างกายไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง โยคีศิลาดำไม่หยุด โจมตีไศลาด้วยกระบวนท่าต่าง ๆ ไศลาไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้ “คุณรังแกคนที่อ่อนแอกว่า คุณก็รู้ว่าสภาพชั้นตอนนี้ชั้นสู้ใครก็ไม่ได้”
    
    “ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ” โยคีศิลาดำพยายามไล่ต้อนไศลา “หัวใจเจ้าข้าขอเหอะ” โยคีศิลาดำทิ่มฝ่ามือเข้ามา ไศลาเเข็งใจจับฝ่ามือนั้นไว้ดึงขึ้นมาตรงหน้า โยคีศิลาดำกำมือชูนิ้วชี้นิ้วเดียวจะจิ้มใส่หน้าไศลา ไศลาจับมือโยคีจ่อหน้าผากตนอย่างไม่เจตนา ทันทีที่ปลายนิ้วโยคีโดนหน้าผากเธอ ตาที่สามพลันเปล่งประกาย
    
    โยคีศิลาดำตกใจมาก อุทานออกมา “ดวง ตาที่สาม แกต้องเกี่ยวอะไรกับพี่เมฆาแน่”
    
    ดวงตาที่สามเปิดขึ้น ไศลาคล่องแคล่วต่อสู้กับโยคีศิลาดำ ทั้งคู่ประมือกันอย่างคล่อง
    แคล่วว่องไว
    
    “ใครเป็นคนสอนวิชาเหล่านี้กับเจ้า”
    
    “ทำไมชั้นต้องบอก”
    
    “พี่เมฆาใช่มั้ย” โยคีศิลาดำเค้นถาม “เจ้าใช้กระบวนท่าของเขา” โยคีศิลาดำฟาดฝ่ามืออย่างแรงใส่ไศลา ไศลาถึงกับกระอักเลือด แต่แล้วก็มีเสียงประชาสัมพันธ์จากโรงพยาบาลดังก้องหู
    
    “หมอนพรัช ขอเชิญที่ห้องไอซียูด้วยค่ะ”
    
    ไศลาได้ยินเริ่มรู้สึกแปรปรวนไปหมด โยคีศิลาดำคว้าแขนของไศลาอีกครั้ง และทั้งคู่ก็กลับมาอยู่ที่บันไดหนีไฟของโรงพยาบาลอีกครั้ง
     
    โยคีศิลาดำปล่อยข้อมือ ไศลาก็ร่วงไปกองมีเลือดไหลออกที่ปากที่จมูก ดวงตาที่สามดับลง
    
    “เป็นไงบ้างคะอาจารย์ ฝีมือยายนี่” นาถสุดาถามขึ้น
    
    “มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับพี่เมฆา”
    
    “แล้วเราจะเอาไงต่อดีคะ”
    
    “เอามันไป ข้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างนี้”
    
    นาถสุดารวบตัวไศลาพาเดินไป ไศลาพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะขืนแรงของนาถสุดา โยคีศิลาดำยังยืนครุ่นคิดบางอย่าง อรชรซึ่งเปิดประตูบันไดหนีไฟมา เจอโยคีศิลาดำก็ตกใจมาก จะวิ่งหนี แต่ก็กลายเป็นว่าไม่สามารถก้าวเท้าออกได้ จนโยคีศิลาดำเดินมาประชิดตัว อรชรพยายามดิ้น เอามือปัดป้อง ตีต่อยโยคีศิลาดำ แต่แรงเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านเลย
    
    “แกจะทำอะไรชั้น”
    
    “ข้าจะทำอะไรคนสวยแบบเจ้าลงล่ะ”
    
    “ปล่อยนะ” อรชรพยายามดิ้น แต่ตัวไม่ขยับเลย
    
    “ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตบ้างเหรอ ที่เราได้มาเจอกันแบบนี้ ตอนนี้” โยคีศิลาดำส่งสายตากรุ้มกริ่ม
    
    “แกน่ะมันไอ้โรคจิต”
    
    โยคีศิลาดำดึงอรชรมาจูบ อรชรพยายามดิ้น แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ พอโยคีศิลาดำถอนปากออกไป อรชรก็ตบเต็มแรง “ไอ้เลว”
    
    “ดูเหมือนเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชั้นซักเท่าไหร่นะ ข้าสัมผัสได้ถึงไฟแห่งความรักและความอิจฉาริษยาของเจ้า มันช่างรุนแรงกว่าทุกสิ่งแบบนี้สิ เราถึงเหมาะสมกัน”
    
    “ชั้นไม่สนใจไอ้คนบ้าอย่างแกหรอก”
    
    “คอยดูสิ แล้วเจ้าจะคิดถึงข้าในวันหนึ่ง” โยคีศิลาดำเดินจากไป อรชรมองตาม เจ็บใจ “ชั้นไม่มีวันคิดถึงแกหรอก ไอ้โรคจิต”
     
    อรชรเดินกลับมาที่ห้อง ชูชิตสังเกตเห็นเลือดไหลที่ปากของอรชรก็ถาม อรชรตกใจรีบแก้ตัวว่าหกล้ม ชูชิตขอตัวบอกจะรีบไปทำงาน สร้างความไม่พอใจให้กับอรชรเป็นอย่างมาก พอชูชิตเดินออกไป อรชรก็รีบไปส่องกระจก เห็นเลือดไหลที่ปากของตัวเองก็หงุดหงิด หยิบทิซชูมาซับ แล้วเธอก็คิดถึงเรื่องในอดีต
    
    ตอนที่เธอเป็นเด็ก เธอหกล้มปากแตก ไศลาเห็นน้องร้องไห้ก็รีบวิ่งเข้ามากอดปลอบ “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรน้องพี่” เด็กหญิงไศลาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเอง มาเช็ดเลือดที่ปากน้องสาว เด็กหญิงอรชรยังสะอื้นไม่หยุด
    
    “เพี้ยง...หายแล้วนะ” ไศลาเป่าให้ตามประสาเด็ก ก่อนจะส่งยิ้มให้น้อง อรชรยังไม่หายงอแงแต่ก็รู้สึกดี
    
    อีกครั้งที่อรชรถามพี่สาวว่าเธอสวยหรือไม่ เพราะมีแต่คนชมไศลาว่าเป็นคนสวย ไศลายิ้มและชมอรชรว่าเป็นคนสวยมาก ทำให้อรชรรู้สึกดีมาก ที่อย่างน้อยพี่สาวก็เห็นว่าเธอสวย หรือแม้แต่ตอนที่เธอแอบขโมยกล่องดินสอของเพื่อนด้วยความอยากได้ แต่ไศลาก็ยอมรับว่าเป็นคนเอาไปและยอมรับการลงโทษจากคุณครูแทนอรชร โดยไม่ปริปากบอกใคร อรชรคิดถึงเรื่อง
    เก่า ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความอิจฉาริษยาที่มีต่อพี่สาวลดลงเลย
     
    ระหว่างขับรถ โดยมีไศลานั่งหมดสติอยู่ด้านหลัง โยคีศิลาดำบอกว่าไศลามีบางสิ่งมากกว่าคนปกติจะมี นาถสุดาแปลกใจว่าคืออะไร โยคีศิลาดำบอกไม่รู้แต่เขาสัมผัสได้ นาถสุดาถามว่าจะทำอย่างไรกับไศลา โยคีศิลาดำบอกจะต้องรู้ความลับในตัวของไศลาให้ได้
     
    อาการของธีรธรดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นปกติ จ่านิดมาเยี่ยมก็แปลกใจที่สภาพร่างกายของธีรธรเหมือนคนปกติมาก เพียงชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมง “ผู้กอง...นี่ผู้กองคนเดียวกับคนเมื่อเช้ารึเปล่าเนี่ย”
    
    “อะไรของจ่าเนี่ย ฮึ?”
    
    “ไหนหมอบอกว่าอาการหนัก เพราะเสียเลือดไปมากไงครับ” หันไปถามหมอนพรัช
    
    “ก็ตอนนั้นมันเป็นแบบนั้นนี่”
    
    “มหัศจรรย์มาก ผู้กองมีเทวดาคุ้มครองรึเปล่าเนี่ย” ธีรธรได้ยินว่าเทวดาคุ้มครอง เขาก็นึกถึงคำที่เขาเคยพูดกับไศลาว่าคนเราทุกคน ก่อนจะบ่นออกมา “เรื่องไร้สาระ”
    
    “แล้วนี่ผู้กองไปทำอะไรมาครับ ทำไมถึงถูกยิงได้ผมจะได้จัดการไปจับตัวไอ้คนยิงผู้กองมาเข้าคุกซะให้เรียบร้อย” จ่านิดถาม แต่ธีรธรนิ่งไม่ตอบ จ่านิดหรี่ตา “ผมดูจากวิถีกระสุนแล้วเนี่ย ถ้าคนยิงตั้งใจยิงเค้าก็หลบอวัยวะสำคัญนะครับ เค้าอาจไม่ต้องการให้ผู้กองตาย หมอว่ามั้ยครับ”
    
    “เออ...ก็คงแบบนั้นครับ” นพรัชมองหน้าธีรธร ธีรธรเงียบ ไม่ตอบเช่นเดิม จ่านิดยังติดใจ สงสัยไม่หาย “ตกลงเกิดอะไรขึ้นครับผู้กอง แล้วคุณไศลายังปลอดภัยอยู่มั้ย ผมไม่เห็นคุณไศลามาเยี่ยมผู้กองเลย”
    
    “เค้าคงไม่กล้ามาเยี่ยมหรอก”
    
    “ทำไมไม่กล้ามาละครับ คุณไศลายังโทรฯถามผมอยู่เลยว่าผู้กองอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง ผมก็นึกว่าคุณไศลาจะมาเยี่ยมแล้วซะอีก ไม่มาเลย
    เหรอครับหมอ”
    
    นพรัชหลบตา ไม่ตอบอะไร ธีรธรหน้านิ่งมาก “แล้วคุณไศลาของจ่า บอกมั้ยล่ะ ว่าเค้าอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่”
    
    “ไม่ได้บอกหรอกครับ แต่เสียงน่ะดูเป็นห่วงผู้กองมาก เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย”
    
    “ไม่มีอะไรหรอก”
    
    “ปล่อยให้ไอ้ธีพักผ่อนก่อนดีกว่าจ่า เรื่องหนัก ๆ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยวันหลังนะ” นพรัชตัดบท
    
    “ได้ครับ งั้นผู้กองไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ เดี๋ยวผมดูแลให้เรียบร้อยครับ” จ่านิดบอก ธีรธรพยักหน้ารับ ขณะที่นพรัชก็อึดอัดมาก
     
    นพรัชเดินเข้ามาในห้องทำงาน ครุ่นคิดหนัก “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไศลาคุณหายไปไหน คุณกลับมาบอกความจริงทุกคนสิ ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ผมรู้คุณไม่ใช่คนแบบนั้น” นพรัชเป็นห่วงไศลา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
     
    ดุลยศักดิ์นั่งทำงานอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น ดุลยศักดิ์มองหน้าจอและกดรับ
    
    “ว่าไงครับ...ออร์เดอร์ใหญ่เหรอ...ไว้ใจได้ครับ...ไม่ต้องห่วง...แน่นอนครับ ไม่มีพลาดแน่ ๆ คุณก็รู้ว่าเส้นสายผมใหญ่ขนาดไหน...ได้เลยครับ สบายมาก...แล้วเจอกันครับ”
    
    ดุลยศักดิ์ยิ้มมุมปากกับการส่งของลอตใหม่ที่เข้ามา “คราวนี้จะได้รู้กันล่ะ ว่าเด็กใหม่อย่างนางไศลา ไว้ใจได้รึเปล่า” ดุลยศักดิ์หน้าตาเจ้าเล่ห์ เพราะเขามีแผนบางอย่าง
     
    ธีรธรหงุดหงิดเมื่อคิดถึงเรื่องที่ไศลากลับไปหาชูชิต พอเหลือบไปเห็นปืนและสิ่งของที่จ่านิดให้ไศลาไว้ป้องกันตัววางอยู่บนโต๊ะ ก็เลยปัดข้าวของทุกอย่างลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์ นพรัชเดินเข้ามาเห็นเข้าก็พอจะเดาเรื่องที่ค้างใจของธีรธรได้
    
    “เลิกหงุดหงิดเรื่องคุณไศกลับไปหาแฟนเก่าได้แล้ว”
    
    “รู้ดีนักนะ”
    
    “แกไม่สงสัยบ้างรึไงว่าทำไมแกโดนยิง แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไรมาก” นพรัชถามเพื่อนตรง ๆ “ก็แกบอกเองว่ามันไม่โดนจุดสำคัญ”
    
    “หึ ถึงมันจะไม่ใช่จุดสำคัญ แต่แกน่ะเสียเลือดมากเพราะกว่าคนจะไปเจอแกน่ะก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างกายมันโคม่าไปแล้ว”
    
    “แล้วไง”
    
    “ถ้าคุณไศไม่มาช่วยแกไว้ แกอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
    
    “หมายความว่าไง” ธีรธรหันมาหานพรัชอย่างตกใจ
    
    “พูดขนาดนี้ยังต้องถามหาความหมายอีกเหรอ มันก็หมายว่าคุณไศลาน่ะ มาช่วยรักษาแกน่ะสิ”
    
    “นี่แกพูดเพื่อปกป้องเค้ารึเปล่า”
    
    นพรัชถอนหายใจ “นี่...ความจริงชั้นไม่อยากจะบอกแกหรอกนะไอ้ธี เพราะการที่แกกับคุณไศเข้าใจผิดกันมันก็เป็นโอกาสดีที่ชั้นจะทำให้เค้าชอบชั้น แต่ตอนนี้คุณไศหายไป ทั้ง ๆ ที่เค้ายังบาดเจ็บเพราะรักษาแก แล้วชั้นก็เป็นหมอไม่มีปัญญาจะไปตามหาเค้าได้ ชั้นเป็นห่วงเค้าแทบจะบ้าตายอยู่แล้วเว้ย...ทีนี้เข้าใจรึยังล่ะ”
    
    ธีรธรอึ้งไปกับสิ่งที่นพรัชพูดออกมา นพรัชมองธีรธรก็พอรู้ได้ว่า ธีรธรก็เริ่มห่วงใยไศลาไม่แพ้กัน
      
    นพรัชและธีรธรเครียดเรื่องไศลาด้วยกันทั้งคู่ ธีรธรยืนครุ่นคิด ตามองออกไปนอกหน้าต่างไกลแสนไกล นพรัชมองเพื่อนแล้วถอนหายใจ พยาบาลเดินเข้ามาบอกอยากให้นพรัชบออกไปดูคนไข้เคสด้านนอก ทั้งคู่หันไปมอง ธีรธรสังเกตเห็นพยาบาลท่าทางอึก ๆ อัก ๆ ผิดปกติ จึงดึงนพรัชไว้ไม่ให้ออกไปและบอกพยาบาลให้เข้ามาในห้อง พยาบาลยิ่งอึกอักแต่ก็เดินก้าวเข้ามาแบบไม่มั่นคง ธีรธรเอื้อมมือไปดึงพยาบาลและเหวี่ยงออกไปจากประตู เขาก็หลบด้วยเช่นกัน ลูกปืนลอยเฉียดพยาบาลและนพรัชไป ทั้งคู่ตกใจรีบหมอบลงกับพื้นทันที
    
    สองคนร้ายที่ชูชิตส่งมาเก็บธีรธร หลังจากรู้ว่าเขายังไม่ตาย ปลอมตัวเป็นบุรุษพยาบาล และปิดผ้าปิดปาก ถือปืนติดที่เก็บเสียงเข้ามา ธีรธรเห็นท่าไม่ดี รีบหมอบลง ปืนยิงข้ามหัวธีรธรไป นพรัชกับพยาบาลคลานมาหาที่กำบังอย่างรวดเร็ว ธีรธรกวาดสายตาหาปืนของเขาที่เขาเองหงุดหงิดไศลาแล้วปัดทิ้ง ปืนของธีรธรเข้าไปอยู่ใต้ตู้วางทีวี จึงส่งสัญลักษณ์ให้พยาบาลและนพรัชอย่าส่งเสียง แล้วเทคตัวไปที่ตู้ทีวีก่อนคว้าปืนยิงตอบโต้ไปทันที คนร้ายที่กำลังเดินระแวดระวังเข้ามาหาที่หลบ แต่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป รปภ.ได้ยินเสียงปืนจึงกรูมา นพรัชจึงสั่งให้ตามไป
    
    “พวกมันเป็นพวกใครน่ะ” นพรัชถาม
    
    “ชั้นไม่แน่ใจนักหรอก คนอยากให้ชั้นตายมีมากมายเต็มไปหมด” ธีรธรมองออกไปนอกประตู เหมือนจะพอเดาได้ว่าใครทำ
     
    โยคีศิลาดำพาร่างอันไร้สติของไศลามาไว้ที่บ้านดุลยศักดิ์ และเขาอยากรู้ว่าใครจะเป็นคนมาช่วยไศลา ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด นักพรตเมฆขาวปรากฏตัวขึ้น บอกต้องการคนของเขาคืน
    
    “ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”
    
    “เจ้าจะต้องการอะไรอีกเล่า คัมภีร์เจ้าก็เอาไปแล้ว” นักพรตเมฆขาวจ้องหน้า โยคีศิลาดำจ้องตอบตาไม่กะพริบ ของในห้องเริ่มสั่นสะเทือน ไศลาที่นอนอยู่เริ่มกระสับกระส่าย ราวกับกำลังฝันร้าย
    
    ในฝัน ไศลามาปรากฏตัวกลางป่า แผลที่ท้องยังมีเลือดไหลออกมา แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ มองไปรอบ ๆ ก็เจอเมฆาในวัยหนุ่ม ไศลาพยายามเรียกแต่เหมือนเมฆาไม่ได้ยินเธอ เมฆาเก็บฟืนมาที่บ้านหลังเล็ก ๆ ไศลาวิ่งตามเข้าไปก็เห็นเมฆาปรี่เข้าไปห้ามอาจารย์ที่กำลังเฆี่ยนตีศิลาอยู่
    
    “อาจารย์ มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
    
    “แกถามน้องแกดูสิว่าทำไม”
    
    ไศลาตาเบิกกว้าง แปลกใจ เมื่อเห็นศิลา “นั่นมัน...”
    
    เมฆาหันไปมองศิลาคาดคั้นความจริง “เกิดอะไรขึ้นศิลา”
    
    “อาจารย์ตกลงกับข้าแล้ว ว่าถ้าข้าชนะการประลองฝีมือกับอาจารย์ อาจารย์จะยอมสอนวิชาขึ้นสูงสุดให้ข้า แต่พอข้าจะชนะ อาจารย์ก็กลับทำโทษข้า หาว่าเป็นเด็กคิดล้างครู”
    
    “ก็เพราะเจ้าเอาวิชาศาสตร์มืดมาสู้กับข้าต่างหากนั่นแปลว่าเจ้าแอบขโมยตำราศาสตร์มืดไป ที่เจ้าโดนทำโทษนั่น...น้อยไปด้วยซ้ำ ข้าควรจะฆ่าเจ้าซะด้วยซ้ำ”
    
    “จริงเหรอศิลา” เมฆาหันไปถามน้องชาย
    
    “ข้าก็แค่อยากฝึกวิชาให้ตัวเองเก่งขึ้น ไม่ใช่ใช้แค่วิชาที่อาจารย์เท่านั้น แถมสอนมากี่ปีก็เหมือนเดิม หวงวิชาดี ๆ ไว้กับตัว”
    
    “สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือ…การฝึกศาสตร์มืดนั้น มันจะดึงจิตใจของเจ้าสู่พลังของความมืดด้วย เหมือนกับที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้”
    
    “ศิลา ที่อาจารย์เค้ายังไม่สอน เพราะเรายังไม่มีสมาธิที่แข็งแรงพอที่จะควบคุมพลังจำนวนมากได้” ศิลาทำหน้าไม่เชื่อ เมฆาหันไปขอโทษอาจารย์ “ข้าขอโทษแทนน้องชายของข้าด้วย เขายังเด็กและใจร้อนนักอาจารย์ได้โปรดอย่าถือสาเลย”
    
    “น้องชายเหรอ” ไศลาตกใจมาก
     
    อาจารย์มานั่งสงบสติอารมณ์ที่ลานฝึกวิชากลางป่า ไศลาเดินเข้ามาคิดว่าอาจารย์ไม่เห็นเธอ แต่ผิดคาดที่อาจารย์เห็นเธอ ไศลาบอกเธอไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร “ไหนมาใกล้ ๆ ข้าซิ”
    
    ไศลาเขยิบเข้าไปหาอาจารย์ อาจารย์แตะหัวของไศลา แผลที่ท้องของไศลาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไศลายิ้มดีใจ
    
    “เจ้ามาจากอีกโลก และมีเนตรที่สาม เจ้าเป็นคนพิเศษ”
    
    ไศลาทึ่งที่อาจารย์รู้ทุกอย่างเพียงแค่แตะตัวเธอ เมฆาเดินเข้ามากราบที่เท้าของอาจารย์
    ไศลานั่งตัวแข็ง
    
    อาจารย์ก้มมองเมฆาอย่างปรานี เมฆามองไปรอบ ๆ ถามว่าอาจารย์พูดกับใคร เพราะเมฆาไม่เห็นไศลา อาจารย์บอกกำลังสวดมนต์อยู่ และมองไปที่ไศลายิ้ม ๆ
    
    “ข้ามากราบขอโทษอาจารย์แทนน้องชายของข้าด้วยครับ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่รู้จักอบรมน้องชายให้ดีกว่านี้” อาจารย์มองเมฆาเอ็นดูและเห็นใจ “ไม่ ใช่ความผิดของเจ้าหรอกเมฆา คนทุกคนต่างมีกรรมของตัวเอง ศิลาถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)