ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 4 สิงหาคม 2556  (อ่าน 349 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 4 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 02:20:52 am »

 จริมาเข้ามาไหว้และกอดจันทร์ คุยกระซิบกระซาบอยู่กับจันทร์
    
    “เจ้าแนบ...” คุณหญิงเพ็งหันไปทางแนบ   “ครับ ผมอยากให้คุณหญิงแปลกใจครับ เพราะว่า...มีแต่เรื่องไม่ดี” แนบออกตัว     “เออ...เออ ขอบใจล่ะเจ้าแนบ...ไปเข้าไป ในเรือนเถอะ”
    
    ฉัตต์จูงคุณหญิงเพ็งเดินเข้าไปด้านใน
    
    “ขอบใจฉัตต์... เป็นอันว่า ฉัตต์รู้เรื่องพ่อพจน์แล้ว...เดี๋ยวย่าจะพูดให้ฟัง”
    
    จากนั้นคุณหญิงเพ็งก็ได้เรียกบรรดาบริวารทุกคนมาพร้อมกันที่ห้องโถง     “สิ่งที่ฉันได้จากที่ไปอยู่วัดครั้งนี้ ก็คือ...ฉันรู้สึกเย็นสบาย เพราะเราทำใจของเราให้เย็น ใจเราเย็นเสียอย่าง เรื่องร้อนอะไรมาถึงตัว ใจเราก็จะทำให้เย็นลงได้ ...พอใจเย็น เราก็จะค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ นึก ถ้ามีทุกข์ ก็ค่อย ๆ นึกถึงเหตุแห่งทุกข์ แล้วก็ค่อย ๆ หาทางดับทุกข์ ศาสนาพุทธเราสอนเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ...คุณพจน์ตาย ฉันเสียใจที่สุดในชีวิต แต่ทุกชีวิตก็ต้องมีแก่ มีเจ็บ มีตาย...จริงอยู่คุณพจน์ยังไม่แก่ แต่เขาเจ็บ เจ็บจนไม่มีทางรักษาได้ เขาก็ต้องตายเพราะถ้าเขาไม่ตาย เขาก็ทรมานเพราะเขาเจ็บ การตายของเขาคือดับทุกข์...ทั้งตัวเขาเอง...ทั้งคนที่รักเขา”    ฉัตต์หน้าเสียใจ นั่งนิ่งอึ้ง    “บ้านฉันไม่ใช่วัด แต่ถ้าเรารู้เราคิดแบบนี้ บ้านก็เป็นวัดได้ ต่อไปฉันก็สวดมนต์นั่งสมาธิทำอะไร ๆ ที่บ้านได้”
    
    “คุณหญิงเจ้าขา ซาบซึ้งเหลือเกินเจ้าค่ะ อิฉันจะจำไว้”       สำเนียงและทุกคนบอกกับคุณหญิงเพ็งจะจดจำไว้ ฉัตต์ฟังสิ่งที่คุณย่าพูดอย่างหน้าเคร่งขรึม เมื่อบรรดาบริวารแยกย้ายกันออกไปแล้ว...คุณหญิงเพ็งจึงหันมาคุยกับหลานชาย โดยมีจันทร์ และจริมา อยู่ด้วย   “ฉัตต์ฟังย่า...ที่ฉัตต์โกรธเรื่องที่เราไม่บอกว่าพ่อเจ็บ และจนถึงไม่บอกว่าพ่อตาย ก็อย่างที่ริมาบอกฉัตต์ไปแล้วว่าพ่อเขาสั่งไว้...สั่งทุกคนสั่งเด็ดขาด ไม่มีใครกล้าฝืนคำสั่งของเขาได้...อย่าเอาความผิดไปลงที่รุ้งคนเดียว ถ้าจะโกรธต้องโกรธทุกคน...ถ้าจะไล่ใครออกจากบ้านที่ไม่บอกเรื่องพ่อ... ต้องไล่ทุกคน”   สิ้นคำของคุณหญิงเพ็ง ฉัตต์กราบลงที่พื้นทันที กราบตรงที่กลาง ๆ คุณย่าและจันทร์นั่งตรงหน้า “ผมขอโทษ...ผมทำผิดมาก...ขอรับผิดทุกอย่าง” ฉัตต์นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ     หลังจากฉัตต์ออกไปจากห้อง ยอดก็เอาจดหมายของรุ้งที่ฝากไว้ให้จันทร์ อ่านจบหันมา บอกคุณหญิงเพ็ง “รุ้งบอกว่าอย่าบอกคุณฉัตต์ว่า...เราทำร้านอาหารส่งเงินให้คุณฉัตต์เรียน คุณฉัตต์โกรธมากเรื่องเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร ให้ใครที่ไหนมาเหยียบมาย่ำ”  
    
    “เขาเหยียบย่ำอย่างเดียวที่ไหน ...เอาเงินมาให้ด้วยไม่ชอบได้ไง”คุณหญิงเพ็งเอ่ยขึ้น   “ริมาว่าต้องบอก...น้าจันทร์กับรุ้งทำเพื่อพี่ฉัตต์ เหนื่อยแทบตายเพื่อใคร แล้วจะให้ปิดทองหลังพระไปจนถึงเมื่อไหร่”     “นั่นสิ...ย่ายังยอม ชะ เจ้าฉัตต์ใหญ่โตมาจากไหนถึงจะไม่ยอม ร้านรวงเราก็ทำสวยงาม ไม่ใช่ร้านเป็นเพิง เสียเมื่อไหร่ อาหารโบราณใครจะมีปัญญาหากิน” คุณหญิงเพ็งเห็นด้วย  
    “ริมาจะบอก...รุ้งไม่ได้ห้ามริมา รุ้งห้ามน้าจันทร์ไม่ใช่เหรอคะ” จริมาตะแบง    “รุ้งให้บอกทุกคน”จันทร์เอ่ยขึ้น   “ริมาไม่รับรู้ค่ะ”     “คุณริมา.. ขอร้องนะคะ สงสารรุ้งเถอะค่ะ น้าคิดว่า...ไม่มีใครรู้ใจคุณฉัตต์ดีเท่ารุ้ง” จันทร์พูดอย่างรู้ใจลูก 
    
    คุณหญิงเพ็งกับจริมาเห็นด้วย จำต้องอึ้ง   “เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า มีพี่ชายโง่จริง ๆ”   “...ริมา” คุณหญิงเพ็งปรามหลานสาว   “สมน้ำหน้า เชอะ อยากเห็นหน้าวันแต่งงานจริง ๆ” จริมาพูดอย่างขัดใจ    จันทร์เข้าใจความรู้สึกของลูกสาว จึงขึ้นไปหาฉัตต์ที่นั่งหน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิดอยู่ในห้อง
    
    “น้าเชื่อว่ารุ้งเข้าใจคุณฉัตต์ ไม่โกรธคุณฉัตต์หรอกค่ะ”      “ผมอยากให้รุ้งโกรธ...โกรธผมให้มาก ๆ เถอะครับ ผมจะได้รู้สึกตัว รุ้งก็จะมีที่ลงไม่ต้องเก็บความอัดอั้นไว้” 
    
    “น้าเชื่อว่ารุ้งไม่โกรธ...รุ้งไม่เคยโกรธคุณฉัตต์เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่...ตั้งแต่รุ้งยังเด็ก รุ้งพูดอยู่เสมอว่า...รุ้งจะไม่มีวันโกรธหรือเกลียดทุกคนในบ้านปัณณธร...ไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะทุกคนในบ้านนี้ เราแม่ลูกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่” ฉัตต์นั่งฟังสีหน้าเจ็บปวดมาก    “เกิดอย่างสมศักดิ์ศรีของมนุษย์...ไม่ได้เกิดอยู่ข้างถนน ไม่ต้องจรจัดเร่ร่อน หรือไปเป็นขอทาน รุ้งได้อยู่สบาย ได้เรียนหนังสือ เพราะฉะนั้น รุ้งพูดเสมอว่า...รุ้งจะไม่มีวันโกรธคุณฉัตต์...ต่อให้คุณฉัตต์เกลียดรุ้งแค่ไหน แต่รุ้งรู้ว่าคุณฉัตต์ ไม่ใช่คนใจร้าย...คุณฉัตต์มีเหตุผล ที่รุ้งเข้าใจที่สุด รุ้งหวังเสมอว่า วันหนึ่งคุณฉัตต์จะต้องเข้าใจทุกอย่าง” ฉัตต์ก้มลงจะกราบเท้าขอโทษจันทร์ จันทร์ร้องห้ามลงไปนั่ง รับมือฉัตต์ไว้ทั้งสองมือ ฉัตต์กัดฟันทั้งที่น้ำตาคลอ
     
    เช้าวันรุ่งขึ้น ผ่องเดินมาเห็นสนยืนชะเง้อมองเข้าไปในตำหนัก ก็ร้องถามว่าเขามองหาใคร   “คุณรุ้งไปทำงานรึเปล่าแม่ผ่อง เมื่อเช้าฉันคอยจะรับไปส่ง”     “ฉันก็ไม่เห็นเลย แล้วนี่พี่สนไปไหนมา”   “ไปส่งคุณชาย คุณชายให้ฉันมารับคุณรุ้งไปโรงพยาบาล”     “แล้วเธอไปไหน” ผ่องแปลกใจ   “เธอว่าไปหาอาจารย์ เย็นจะกลับเอง ไอ้ฉันไม่รู้ว่าคุณรุ้งไปทำงานรึเปล่า”    แล้วผ่องก็อาสาไปดูที่ห้องให้ แต่ไม่พบรุ้ง...รุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืด แล้วนึกทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่คุณหญิงทอแสงขอยานอนหลับ แล้วคั้นน้ำส้มมาให้กิน   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)