ผู้เขียน หัวข้อ: ‘น้อย วงพรู’ หนุ่มติสต์ เล่าความฝันสู่ความจริง - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 353 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 “เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่...” เชื่อว่าหลายคนคงจำ ชื่อ“คุณกมลา สุโกศล” ได้จากเพลง “Live & Learn” วันนี้ “คนดังหลังฉาก” ไม่ได้มาคุยกับผู้หญิงเก่งคนนี้ แต่จะมาคุยกับทายาทลูกชายคนเล็ก ที่ใคร ๆ รู้จักเขาเป็นอย่างดี “น้อย วงพรู” หรือชื่อจริง “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ปัจจุบันอายุ 42 ปี เขาคร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี มีผลงานเพลงซึ้ง ๆ ความหมายดีที่ทุกคนยังจำได้ คือเพลง “ทุกสิ่ง” น้ำเสียงนุ่มลึก ที่บาดใจใครหลาย ๆ คน
    
    และเขายังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ล่าสุดที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เรื่อง “โลงจำนำ” ด้วยฝีมือด้านการแสดงที่ไม่เป็นสองรองใคร ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 จากภาพยนตร์เรื่อง “13 เกมสยอง” และจากชมรมวิจารณ์บันเทิง ในปี พ.ศ. 2549
    
    “น้อย วงพรู” ศิลปินนักร้อง –นักแสดง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง และเป็นคนขี้อายเอามั่ก...มาก พูดน้อย แต่ถึงกระนั้นเราก็นัดสัมภาษณ์เขา แบบส่วนตั๊ว...ส่วนตัว ณ โรงแรม เดอะ สยาม (ใกล้สะพานซังฮี้) กิจการของครอบครัว ที่ น้อย วงพรู เป็นผู้บริหาร ก่อนอื่นขอถามผลงานตอนนี้ก่อนว่า มีอะไรบ้าง เขาอมยิ้มนิด ๆ แล้วบอกกับเราว่า “ตอนนี้นอกจากมีหนังเรื่องโลงจำนำ ก็มีเรื่องขุนพัน ที่เล่นกับอนันดา แล้วก็มีหนังอินดี้อีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนั้นไม่ได้เป็นพระเอก เป็นนักแสดงรับเชิญครับ แต่งานที่ยุ่งสำหรับผมมากที่สุดคือ งานที่โรงแรมเดอะ สยาม นี่แหละครับ สร้างมาตั้ง 4-5 ปี ถึงไม่มีผลงานด้านเพลงเลย มันเป็นธุรกิจของครอบครัว ผมรู้สึกไม่ดี ที่ไม่ได้มาช่วยครอบครัวเลย มัวแต่ไปร้องเพลงเล่นหนัง จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณแม่ให้ผมมาดูที่ดินของเราที่นี่ มีที่ดินตรงนี้น้อยอยากทำอะไรกับที่ดินนี้มั้ย อยู่ในแถบเมืองเก่าด้วย ซึ่งผมก็ชอบอยู่แล้ว ก็เลยมาสร้างโรงแรมดีกว่า ที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็นโรงแรมอินดี้ด้วยซ้ำ ให้มันกึ่ง ๆ เป็นพิพิธภัณฑ์ ค่อนข้างเงียบ ให้มันเล่าเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยเรา”
    
    “ผมทำเรื่องการตกแต่ง เพราะชอบสะสมของโบราณเยอะมาก เยอะจนแบบคลั่งไปเลย (หัวเราะร่วนเชียว) ผมก็เลยรู้สึกว่าถ้าผมสามารถสร้างอะไรให้มันกึ่ง ๆ เหมือนพิพิธภัณฑ์ บรรยากาศร่มรื่น ผมค่อนข้างเก็บรายละเอียดของเก่าโบราณไว้มาก ก็อยากให้คนที่มาใช้บริการของโรงแรม ได้ชมกันครับ”
    
    โรงแรมเดอะ สยาม เนื้อที่เท่าไหร่ค่ะ (เดินชมแล้ว สวยร่มรื่นจริง ๆ) “เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ มีห้องพัก 39 ห้อง เรามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องหนังสือ ห้องฉายหนัง และอื่น ๆ อีกมากมาย อยากให้มาลองสัมผัสกันครับ จะเหมือนอยู่อีกบรรยากาศหนึ่ง อีกโลกหนึ่ง ติด ต่อสอบถามได้ที่โทร. 0-2206-6999 แล้วก็มีห้องอาหารอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา”
    
    มาถึงเรื่องการแสดงบ้าง เท่าที่สังเกต “น้อย วงพรู” รับเล่นหนัง ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทซีเรียส ดูจริงจัง ชอบแนวนี้หรือคะ “อาจจะเป็นแนวที่คนดูติดภาพมากที่สุด จริง ๆ ผมพยายามเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบท ซึ่งผมก็เล่นมาค่อนข้างเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบทบ๊อง ๆ ตลก ที่หลุด ๆ ไปเลย อย่างเรื่องแรกวันวานยังหวานอยู่ แต่หนังก็ไม่ดังเท่าไหร่แต่ผมก็ใส่วิก ใส่ที่ดัดฟัน คนอาจจะจำไม่ได้แล้ว อย่างหลวงพี่เท่งภาค 3 ผมก็ลองอยากเล่นกับพี่ ๆ ตลกว่าเป็นยังไง ถ้าเป็นหนังดราม่าเรียบ ๆ ไม่อลังการ อย่างความสุขของกะทิ ผมพยายามเล่นให้หลากหลายที่สุด แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าคนมักจะจดจำเราเล่นอะไรแบบ ผู้ชายที่หลังชนกำแพง ทำอะไรแล้วต้องอยู่รอด อารมณ์อาจจะออกมาแรง ๆ รู้สึกคนจะจดจำ บทสไตล์นั้นของผม และคงชอบด้วย”
    
    ขอถามเรื่องครอบครัวบ้าง ตอนนี้มีลูกกี่คนแล้ว “ สองคนครับ คนโตผู้ชายอายุ 6 ขวบ คนเล็กผู้หญิง 4 ขวบ ครอบครัวก็มีความสุขดีครับ ผมเลี้ยงลูกไม่ค่อยดุ แค่นิดหน่อย เวลาเลี้ยงไม่ใช่เราคนเดียว บางทีก็คุณแม่ เราโชคดีที่มีแม่บ้าน ถือว่าแม่บ้านเป็นพี่เลี้ยงทีมหนึ่งที่เลี้ยงลูกเราด้วย ชื่อพี่แดง ต้องขอบคุณเขาด้วย ส่วนภรรยาผม (ชื่อ เมลานี) เมื่อก่อนก็ช่วยงานที่โรงแรมนี้ด้วย แต่ตอนนี้พอมีลูก 2 คน เขาอยากอยู่กับลูก แล้วตอนนี้กำลังเรียนคุณครูอยู่ เป็นคุณครูสอนเด็กครับ”
     
    ได้มีเวลาให้ครอบครัว มากน้อยแค่ไหน “พอเราอายุมากขึ้น ทำให้รู้ว่าเวลาสำคัญมากขนาดไหน ที่ผ่านมาเล่นหนัง 2-3 เรื่อง ผมรู้สึกค่อนข้างแย่ รู้สึกโมโหตัวเองเหมือนกัน ไม่มีเวลาให้กับลูก เท่าที่พ่อคนหนึ่งควรจะมีให้ลูก ทำให้ผมต้องปฏิเสธหนังบางเรื่องไป เพราะต้องไปถ่ายต่างจังหวัด มันไม่ได้แล้ว ผมอยากมีเวลาให้ครอบครัวเต็มที่ แล้วก็อยากทำเพลงด้วย ผมเลยบอกภรรยาไปว่า เดี๋ยวเราไปเที่ยวเมืองนอกกันเลยดีกว่า เพิ่งกลับมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปฝรั่งเศสเกือบ 3 อาทิตย์ ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเต็มที่ สนุกมีความสุขมากครับ”
    
    ก่อนที่ “น้อย วงพรู” จะขอตัวไปทำภารกิจต่อ ได้พูดทิ้งท้ายอีกว่า “ผมรู้ว่าผมเป็นคนโชคดีมาก ที่ได้มีชีวิตที่หลากหลาย ลึก ๆ แล้วในใจผมก็รู้สึกว่า ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ในใจผมก็เป็นคนที่อยากพิสูจน์ตัวเองเสมอ บางทีผมเหมือนเป็นเด็ก อยากได้การยอมรับ เหมือนศิลปินเราที่อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากให้งานออกมาดี เพราะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องงาน ไม่ใช่ตัวเรา สิ่งที่คนจะจำเสมอคือ เพลงที่ดีที่เราเขียน เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องเสียชีวิตไปตายไป แต่ถ้าเกิดเราทำงานหนังให้ดี คนก็จะดูหนังเรื่อย ๆ ฟังเพลงของเราเรื่อย ๆ คือผลงานเรายังอยู่” ตลอดเวลาที่เราสนทนากับ “น้อย วงพรู” รู้สึกเหมือนสร้างความกดดันให้เขายังไงไม่รู้ เพราะเขาเป็นคนพูดน้อย ก่อนที่จะพูดอะไรออกมาแต่ละที ต้องกลั่นกรองให้ดีเสียก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า เป็นคนแคร์ความรู้สึกของคนฟังในทุก ๆ เรื่อง
    
    อ้าว...ใครที่รักและคิดถึง “น้อย วงพรู” ติดตามผลงานภาพยนตร์ “โลงจำนำ” และอัลบั้มเพลงเดี่ยวชุดใหม่ได้ อีกไม่นานเกินรอจ้า. “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)