ผู้เขียน หัวข้อ: กุหลาบไฟ วันที่ 2 สิงหาคม 2556  (อ่าน 545 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
กุหลาบไฟ วันที่ 2 สิงหาคม 2556
« เมื่อ: สิงหาคม 02, 2013, 07:21:04 am »

 พันธ์พงษ์ได้ยินกมลาพูดแล้วรู้สึกเสียหน้าจนหน้าชา หันไปบอกวงทองว่าขอตัว พันธ์พงษ์ไม่รอคำตอบจากคุณนายวงทอง รีบเข็นรถตัวเองออกจากห้องไป กมลาไม่พอใจพันธ์พงษ์ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันมาเห็นสายตาไม่พอใจของคุณนายวงทอง พันธ์พงษ์เข็นรถออกมาข้างนอกก็เจอกับธีรธรและไศลา พันธ์พงษ์คุ้นหน้าไศลามาก ไศลาเองก็คุ้น ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย
    
    “หนูชื่ออะไรนะ”
    
    “ไศลาค่ะ”
    
    พันธ์พงษ์เข็นรถเข้าไปมองไศลาใกล้ ๆ ก่อนที่น้ำตาจะคลอ “หนูคือไศลา ลูกสาวคนโตของพันตรีศิริพงศ์ใช่มั้ยลูก” ไศลามองหน้าธีรธรงง ๆ ก่อนที่จะพยักหน้าให้พันธ์พงษ์ “ใช่ค่ะ พี่พันรู้จักคุณพ่อไศด้วยเหรอคะ”
    
    “ไศจำอาพันได้มั้ย อาพันที่เคยเอาจดหมายของคุณพ่อไปส่งให้ที่บ้านไง”
    
    ไศลานึกอดีต และยิ้มออกมา ดีใจมาก “จำได้แล้วค่ะ ไศดีใจมากเลยนะคะที่ได้เจอ
    อาพันอีก”
    
    “อาก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้เจอหนูอีก”
    
    ธีรธรกับธิดารัตน์ยืนงงที่ทั้งคู่รู้จักกัน ยืนดูทั้งคู่คุยกันงง ๆ
    
    “คุณพ่อของน้าไศลาเป็นหัวหน้าพ่อสมัยเป็นทหาร ท่านเป็นคนดีมาก พ่อนับถือท่านมาก” พันธ์พงษ์บอก พอดีนิ่มนวลออกมาเชิญไปทานมื้อกลางวัน
    
    บนโต๊ะอาหาร ธีรธรถูกถามเรื่องนาถสุดา ธีรธรบอกไปตามความจริงว่าเขาและนาถสุดารู้จักกันเพราะเขาต้องไปฝึกวิชาป้องกันตัวให้กับกองละคร
     
    นาถสุดาพาโยคีศิลาดำมาที่เซฟเฮาส์ของเทพ แต่โยคีศิลาดำไม่ยอมเข้าไปเนื่องจากเขายังเห็นหมอกควันสีเทาปกคลุมไปทั่ว และให้นาถสุดาไปบอกเทพให้อนุญาตให้เขาเข้าไปเสียก่อน นาถสุดาจึงลงจากรถและขึ้นคอนโดไปคนเดียว
    
    เทพซึ่งดูข่าวของนาถสุดาและธีรธรอยู่ รำพึงออกมาว่านาถสุดาเข้าใกล้ตำรวจมาก และคงถึงเวลาแล้วที่เรื่องระหว่างเขาและนาถสุดาจะต้องจบลงเสียที นาถสุดาเข้าห้องมาก็โผเข้ากอดเทพด้วยความคิดถึง เทพแกะมือออก นาถสุดาคิดว่าเทพคงเห็นข่าวและหึงจึงจะอธิบาย เทพบอกไม่ได้ติดใจอะไร
    
    นาถสุดาบอกว่าโยคีศิลาดำรู้เรื่องของเทพและนาถสุดาแล้วและอยากเจอ แต่เทพต้องอนุญาตให้เขาเข้ามาก่อน เทพบอกหากจะมาเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปอยู่กับดุลยศักดิ์เขาคงไม่ไป นาถสุดายิ้มบอกมีแผนมาเสนอ โดยขอให้เทพร่วมมือกับเธอและโยคีศิลาดำหักหลังดุลยศักดิ์ เทพตกใจมาก คิดไม่ถึง
     
    ไศลาและพันธ์พงษ์พูดคุยรำลึกความหลังและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ไศลาคิดจะช่วยพันธ์พงษ์ที่ขาเป็นอัมพาตจึงใช้สองมือจับที่ขาของพันธ์พงษ์ทั้งสองข้างแล้วหลับตาอธิษฐานจิต แสงสีขาวสว่างเปล่งออกมาจากมือของไศลาไหลเข้าสู่ขาทั้งสองข้างของพันธ์พงษ์ แล้ววิ่งขึ้นไปเรื่อยจนถึงเอว พันธ์พงษ์แปลกใจตัวเองที่ท่อนล่างรู้สึกเย็นสบายแปลก ๆ ไศลาลืมตาแล้วลุกขึ้นยืน “คุณอาลองยืนขึ้นดูมั้ยคะ”
    
    พันธ์พงษ์ถึงกับงง “อาทำไม่ได้หรอกหนู อายืนไม่ได้มานานแล้ว”
    
    ไศลายื่นมือไปข้างหน้าให้พันธ์พงษ์จับ พันธ์พงษ์เห็นสายตาที่เชื่อมั่นของไศลาแล้วยื่นมือมาจับมือของไศลาไว้ แล้วตั้งใจขยับตัวให้ลุกขึ้น พันธ์พงษ์สามารถลุกขึ้นมายืนได้จากรถเข็นได้อย่างประหลาด
     
    กินอาหารเสร็จ กมลาก็ถือโอกาสไล่ธิดารัตน์ออกไปดูพ่อ เพื่อเธอและวงทองจะได้พูดกับธีรธรเรื่องนาถสุดาอย่างสะดวก ขณะที่นิ่มนวลก็นั่งลุ้นรอคำตอบ ธีรธรบอกเขาและนาถสุดาเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น นิ่มนวลเงยหน้ามาสบตากมลา แววตาสดใสขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่ธีรธรจะพูดอะไรต่อ ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของธิดารัตน์ดังมาจากข้างนอกจนต้องรีบออกไปดู
    
    โยคีศิลาดำเห็นรถดุลยศักดิ์มาที่เซฟเฮาส์ของเทพ รู้สึกประหลาดใจจึงถอดจิตเข้าไปในรถตู้ของดุลยศักดิ์ และได้ยินดุลยศักดิ์พูดคุยกับลูกน้อง ว่าสะกดรอยตามนาถสุดามาจนรู้ว่าเทพอยู่ที่นี่ ดุลยศักดิ์ส่งบัตรผ่านคอนโดให้กับลูกน้องและบอกให้ไปสืบมาว่าเทพอยู่ห้องไหน โยคีศิลาดำกลับเข้าร่างและกดมือถือหานาถสุดา
    
    ในเซฟเฮาส์ นาถสุดาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เทพร่วมมือด้วย แต่เทพไม่เอาด้วยและว่าเขาตัดสินใจแล้วที่จะบวช นาถสุดาหันไปมองเทพอย่างคาดไม่ถึง
    
    “ผมคิดมาหลายรอบแล้ว ทางนี้เท่านั้นที่ดีที่สุด”
    
    นาถสุดาลุกขึ้นไปผลักและชกที่อกเทพ ร้องไห้ออกมา “ไอ้คนเห็นแก่ตัว เธอเคยแคร์ความรู้สึกของฉันบ้างมั้ย ในขณะที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน เธอก็คอยคิดแต่จะแยก ๆ ๆ มันยุติธรรมกับฉันมั้ย”
    
    เทพพยายามเอามือป้องกันนาถสุดา นาถสุดาเอาแต่ร้องไห้และทุบตีเทพจึงไม่เห็นแสงไฟกระพริบจากโทรศัพท์ที่แจ้งว่ามีสายเข้า
     
    โยคีศิลาดำเป็นกังวลที่ติดต่อนาถสุดาไม่ได้ เลยตามเข้าไปในตึกโดยใช้วิธีสะกดจิตยาม ขณะที่ลูกน้องของดุลยศักดิ์แยกย้ายกันออกตามว่าเทพอยู่ห้องไหน
    
    ด้านนาถสุดางอนที่เทพจะหนีไปบวช เทพพยายามง้อเธอ “คุณมีเหตุผลหน่อยสินาถ คุณไม่มีทางชนะนายดุลยศักดิ์ได้”
    
    “แต่อาจารย์ของชั้นจะช่วยเราได้ ท่านโยคีศิลาดำน่ะ มีพลังอำนาจมากมาย...ไม่มีใครต้าน ทานท่านอยู่”
    
    “แต่คุณเพิ่งบอกให้ผมเป็นคนพูดอนุญาตให้อาจารย์คุณขึ้นมาไม่งั้นท่านก็เข้ามาไม่ได้อยู่เลยคนเก่งประสาอะไรแค่เข้าตึกยังทำไม่ได้”
    
    “เทพไม่ควรจะว่าอาจารย์ของนาถแบบนั้น”
    
    “ผมขอโทษละกัน ผมแค่อยากให้คุณมองในแง่อื่นบ้าง”
    
    “อาจารย์บอกว่าที่นี่มีมนต์ศักดิ์สิทธิ์อยู่รอบตัวเต็มไปหมด ถ้าเจ้าของที่ไม่อนุญาตให้เข้ามาได้ท่านก็จะใช้พลังอำนาจอะไรที่นี่ไม่ได้ เทพอนุญาตให้อาจารย์นาถเข้ามาสิ”
    
    เทพลังเล เอาไงดี
     
    โยคีศิลาดำสะกดรอยตามสมุนของดุลยศักดิ์คนหนึ่งมา เพราะเขาไม่แน่ใจในมนต์ของเขาในสถานที่แห่งนี้ เพราะเขายังเห็นหมอกควันจาง ๆ ปกคลุม โยคีศิลาดำร่ายมนตร์พร้อมปล่อยพลังแห่งไฟไปที่ลูกสมุน แต่ก็ต้องชะงักเพราะหมอกจาง ๆ รวมตัวกลายเป็นนักพรตเมฆขาวมาดักหน้าเขา
    
    “เจ้าทำร้ายคนอื่นในที่ของเราไม่ได้”
    
    โยคีศิลาดำตกใจ “พี่เมฆา”
    
    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องศิลา” ทั้งคู่จ้องกัน ต่างก็รู้กันถึงความหลัง โยคีศิลาดำรู้สึกละอายอยู่ลึก ๆ ในใจ “วิชาเจ้าเก่งกล้าขึ้นมาก จากวันนั้น”
    
    “พี่เมฆาก็เหมือนกัน”
    
    “เจ้ายังนับถือข้าเป็นพี่อยู่อีกเหรอ เจ้าจงออกไปจากที่ของข้าเสียเถิด”
    
    โยคีศิลาดำอึ้งไป ก่อนเอ่ยขึ้น “ข้ามาช่วยคนของข้า...คนพวกนี้จะมาทำร้ายคนอื่นที่นี่ เจ้าควรอนุญาตให้ข้าจัดการมัน”
    
    “การหยุดความชั่วด้วยความชั่ว มันไม่ใช่วิธีที่ถูกหรอก ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ” “เจ้าก็ยังปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตาสินะ”
    
    “เราขัดกรรมของใครไม่ได้หรอกศิลาเขาทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับสิ่งนั้น”
    
    “กรรมของมันก็คือข้านี่ไง” ว่าแล้วโยคีศิลาดำปล่อยพลังไปที่สมุนดุลยศักดิ์ แต่มันกลับสะท้อนใส่ตัวเขาจนเซล้ม
    
    “จงระวังจิตใจของเจ้าเพราะมันจะทำให้เจ้าควบคุมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ไม่ได้” นักพรตพูดจบร่างก็ค่อย ๆ สลายเป็นควันจางหายไป
    
    โยคีศิลาดำกระอักเลือด เจ็บใจนักพรต สมุนดุลยศักดิ์ได้ยินเสียงบางอย่างจึงเดินมาดู โยคีศิลาดำต้องรีบซ่อนตัว
    
    สมุนเดินมาเห็นรอยเลือดเดินตามอย่างสงสัย
     
    นาถสุดาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เทพยอมให้โยคีศิลาดำเข้ามาในคอนโด โดยขอให้เทพเชื่อเธอเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว และไม่ว่าเทพจะให้เธอทำอะไรเธอจะยอมเชื่อเทพทุกอย่าง เทพบอกยอมให้แค่ครั้งเดียวและเขาจะไม่ยอมทำชั่วหรือทำร้ายใครอีก ก่อนจะบอกอนุญาตให้โยคีศิลาดำเข้ามาได้ นาถสุดายิ้มดีใจ
     
    โยคีศิลาดำเดินมาเจอสมุนของดุลยศักดิ์สองคน แต่ตอนนี้เขาเริ่มสังเกตเห็นสิ่งรอบตัว หมอกขาวเริ่มจางไป โยคีศิลาดำยิ้มออก สมุนของดุลยศักดิ์ยกปืนขึ้นมาจ่อหัวโยคีศิลาดำจะยิง โยคีศิลาดำจ้องไปที่นิ้วของสมุน นิ้วค่อย ๆ หักสวนไปอีกทาง สมุนตกใจร้องเสียงหลง สมุนอีกคนกำลังจะชักปืน โยคีศิลาดำแค่ยกมือขึ้นปืนก็กระเด็นตกไป จึงต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่โยคีก็รับมือได้ไม่ยาก แต่วาดมือไปมาโดยไม่ต้องถูกตัว สมุนอีกสองคนวิ่งเข้ามาสมทบ แต่โยคีศิลาดำฝีมือเหนือชั้นกว่ามากจึงจัดการทั้งหมดได้ไม่ยาก ก่อนจะหันไปจัดการกับกล้องวงจรปิดที่บันทึกทุกอย่างไว้ เพียงแค่จ้อง ไฟแดงที่กล้องก็ดับลง
     
    นาถสุดาเก็บกระเป๋าให้เทพเพื่อจะหาที่อยู่ใหม่ ทั้งที่เทพไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะเขารับปากไศลาแล้วว่าจะช่วย แต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นาถสุดาและเทพมองหน้ากันเพราะไม่มั่นใจว่าเป็นใคร เทพค่อย ๆ เดินไปดู ส่องผ่านตาแมว แล้วก็เห็นโยคีศิลาดำอยู่
    
    “ผมเดาว่าอาจารย์ของคุณ” เทพเปิดประตูให้กับโยคีศิลาดำ โยคีศิลาดำเดินเข้ามาในห้องกระอักเลือด นาถเห็นรีบถลาไปหา เป็นห่วงอาจารย์ “อาจารย์ ใครทำอาจารย์แบบนี้คะ”
    
    “เจ้าโดนหักหลังแล้วล่ะ ไอ้ดุลยศักดิ์มันส่งคนสะกดรอยตามเจ้า” โยคีศิลาดำบอก
    
    “นี่พวกมันทำร้ายอาจารย์ได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ มันเป็นใครถึงเก่งกาจได้ขนาดทำร้ายอาจารย์ได้”
    
    “ไม่มีใครทำร้ายข้าได้...นอกจาก...นอก จากตัวข้าเอง”
    
    นาถมองโยคีแบบไม่เชื่อนัก ยังสงสัยเรื่องที่โยคีศิลาดำปิดบัง โยคีศิลาดำหันไปถามเทพว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเมฆา เทพงงว่าใครคือเมฆา
    
    “เจ้าเกี่ยวอะไรกับพี่เมฆา”
    
    “คนที่ลงมนต์ไว้ที่ตึกนี้ ไม่ให้ข้าใช้พลังได้น่ะสิ”
    
    “มนต์อะไร ชั้นไม่รู้เรื่องด้วยหรอก ต้องไปถามไศลาโน่น” เทพบอก
    
    “ผู้หญิงคนนั้น...คือศิษย์ของพี่เมฆาหรือนี่” โยคีนึกภาพย้อนไปตอนที่เขาต่อสู้ไศลาที่โรงพยาบาล แล้วเห็นเงาลาง ๆ ของเมฆายืนข้าง ๆ ไศลา
    
    “เรื่องนั้น ชั้นว่าช่างมันก่อนดีกว่าชั้นว่าเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนเพราะถ้าไอ้ดุลยศักดิ์มันสะกดรอยตามชั้นมาจริง มันอาจจะรู้ระแคะระคายอะไรแล้วก็ได้”
    
    ทั้งหมดรีบพากันออกจากที่นั่นทันที
     
    “กรี๊ดดดดดด คุณพ่อขา คุณพ่อ...” ไก่น้อยกรี๊ดเสียงดังเมื่อพันธ์พงษ์พ่อของตนกลับมาเดินได้อีกครั้ง พันธ์พงษ์หันมายิ้มให้ไก่น้อย ดีใจไม่แพ้กัน “ไก่น้อยเห็นมั้ย...พ่อเดินได้แล้ว”
    
    ไศลามองความสุขของทั้งคู่ยิ้ม ๆ กมลาเดินจํ้ามากะเอาเรื่องไก่น้อยที่ส่งเสียงดังไม่รู้จักกาลเทศะ
    
    มีธีรธร และนิ่มนวลที่ประคองคุณนายวงทองเดินตามมาด้วย มาถึงก็โวยวายแต่ก็ต้องอ้าปากค้างที่เห็นสามีตนเองกำลังเดินอยู่ ทุกคนตกใจไม่แพ้กัน
    
    “ไศลาเป็นคนทำให้พี่กลับมาเดินได้อีกครั้ง” พันธ์พงษ์บอกกมลา นิ่มนวลมองไศลาหมั่นไส้มาก กมลาเองยังวางตัวไม่ถูกนัก เพราะด่าสามีไว้เยอะมากเรื่องพิการ คุณนายวงทองมองแบบแทบไม่เชื่อสายตา ขณะที่ธีรธรอมยิ้มแก้มปริที่ผลงานไศลาทำให้คุณนายวงทองได้ประจักษ์แก่สายตา
    
    “ทีนี้ก็จะเห็นกันซักทีล่ะนะ ว่าเรื่องที่ไศพูดมันไม่ใช่แค่บังเอิญ” ธีรธรคุย
    
    “พอเถอะค่ะคุณธี... พูดแบบนี้ไศวางตัวไม่ค่อยถูกว่าควรทำยังไงน่ะค่ะ”
    
    “หนูไศลา อาไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่อาขอบคุณ” พันธ์พงษ์จะลงไปคุกเข่า แต่ไศลารีบห้ามไว้ “คุณอาคะ...อย่าทำขนาดนี้เลยค่ะ ไศแค่ช่วยอะไรที่ไศพอช่วยได้เท่านั้น”
    
    “แต่มันคือชีวิตของอาทั้งชีวิต...ต่อไปนี้ ไม่ว่าหนูไศลาต้องการอะไร อาจะหามันมาให้...แม้กระทั่งชีวิตของอาเอง อาก็จะให้”
    
    กมลาเริ่มหมั่นไส้ทั้งสามีและไศลา “มันจะมากไปล่ะมั้ง...ตัวคุณน่ะมีครอบครัวต้องดูแลรู้มั้ยว่ากี่ปี ชั้นต้องแบกภาระของครอบครัวเพราะความพิการของคุณน่ะ พอหายขึ้นมาก็จะทิ้งลูกทิ้งเมียเอาชีวิตไปแลกกับคนอื่นรึไง”
    
    “คนเรามันต้องรู้จักบุญคุณคน” พันธ์พงษ์บอก กมลาเถียงอีก สองผัวเมียทำท่าจะเถียงกันไม่หยุด วงทองรีบแทรกบอกเวลานี้น่าจะเป็นเวลาแห่งการดีใจ
    
    “ไงแม่นิ่ม เงียบเลย” วงทองหันไปถาม นิ่มนวลอึกอักพูดไม่ถูก
    
    “คงยังตกใจอยู่ล่ะมั้ง” ธีรธรพูดติดตลก นิ่มนวลส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้กับทุกคน แต่พอหันไปเจอ
    ไศลาก็หุบยิ้มทันที ไศลารู้สึกได้ แต่ไม่อยากใส่ใจ
     
    ไศลาเดินมาหน้าบ้านกับธีรธร ธีรธรยังชื่น ชมไม่หยุดปาก “พลังจิตของคุณ...มันมหัศจรรย์มากเลย แบบนี้ถ้าเขียนเป็นหนังสือต้องขายดีแน่ ๆ”
    
    ไศลายิ้ม ๆ สีหน้าเพลีย ๆ เพราะใช้พลังในการรักษาไป ธีรธรถามว่าสอนให้เขาได้ไหม ไศลา ยิ้มบอกสอนไม่ได้แต่ช่วยได้
    
    “ช่วยผม... ผมก็ปกตินะ ผมไม่ได้ป่วยเป็นอะไร” ธีรธรพูดยิ้ม ๆ
    
    “ชั้นหมายถึง ให้ชั้นช่วยงานคุณจับผู้ร้ายในคดีต่าง ๆ ”
    
    ธีรธรนิ่งไปก่อนบอก “ผมคงอนุญาตไม่ได้หรอกครับ แค่นี้ผมก็พาคุณมาเสี่ยงอันตรายมากพออยู่แล้ว”
    
    “อันตรายหรือไม่...ชั้นต้องเป็นคนตอบเองสิคะ ชั้นอยากตอบแทนคุณแผ่นดินบ้าง”
    
    “อีกอย่าง...ผมอยากให้คุณใช้สิ่งที่คุณมีในการรักษามากกว่าต่อสู้นะ”
    
    “คุณดูถูกการต่อสู้ของชั้นไม่ได้นะ ชั้นมั่นใจว่าซัดคุณหมอบได้” ไศลาทำท่าจะจู่โจมธีรธร แต่ด้วยความที่เธอใช้พลังในการรักษาไปมาก เธอจึงวูบ ธีรธรรีบเข้ามาประคองไศลาได้ทัน ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
    
    “นี่ไง เพราะแบบนี้ไง ผมถึงจะบอกว่าผมไม่ได้ว่าคุณสู้ไม่เก่ง แต่ผมเป็นห่วงคุณ” ทั้งคู่มองตากันหวานซึ้ง นิ่มนวลออกมาเห็นพอดี ยิ่งทำให้นิ่มนวลแทบจะสะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ไศลารู้สึกเขินจึงผลักธีรธรออก “ชั้นไม่เป็นไรแล้ว ชั้นขอตัวก่อนดีกว่า”
    
    “คุณจะไปไหน ให้ผมไปส่งนะ” ธีรธรรีบอาสา แต่นิ่มนวลรีบเดินมาแทรกทันทีและว่าวงทองให้มาตาม ก่อนจะหันไปจ้องหน้าไศลาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ไศลารีบขอตัวเพราะไม่อยากมีปัญหา ธีรธรเซ็ง ๆ ที่ต้องตามนิ่มนวลเข้าไปหาแม่
     
    นาถสุดามาที่บ้านดุลยศักดิ์พยายามทำตัวปกติ บอกว่าไปแก้ข่าวเรื่องธีรธรมา ดุลยศักดิ์ไม่ไว้ใจนาถสุดานักและเร่งเรื่องงานหมั้นกับชูชิต เพราะงานใหญ่เรื่องส่งของลอตใหญ่รออยู่ ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน
     
    ธีรธรพยายามโทรฯ หาไศลาแต่ติดต่อไม่ได้ จึงเดินเข้าห้องประชุมมาด้วยความหงุดหงิด
    
    “ที่เรียกประชุมด่วน เพราะผมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก...คือมีคนมาชิงนาย “เทพ” ออกไปจากสถานที่ที่เราจัดไว้ดูแลพยานแล้ว”
    
    “หา เป็นไปได้ไง ในเมื่อเราจัดเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา” ธีรธรตกใจมาก
    
    “จากหลักฐานที่ทิ้งไว้ พวกมันปลอมเป็นตำรวจเข้าไปครับ เพราะมันมีสมุน 4 คนติดบัตรตำรวจนอนสลบอยู่ในนั้นครับ”
    
    “แล้วใครเป็นคนพาเทพไป”
    
    “ไม่รู้ได้เลยครับ เพราะพอเช็กกล้องวงจรปิดที่เราติดไว้ทุกจุด ปรากฏว่าไม่มีภาพอะไรหลงเหลือเลยครับ”
    
    “เรื่องสำคัญตอนนี้คือ มีหนอนบ่อนไส้ และชั้นเชื่อว่า...หนอนตัวนี้ต้องตัวใหญ่ไม่น้อย เวลาพวกคุณจะคิดจะทำอะไร ผมอยากให้รอบคอบกว่าเดิมให้มาก” ผู้การเสริมพงษ์บอก
    
    “ครับ” ธีรธรรับคำ ในสมองเริ่มกลับมากังวลเรื่องไศลาที่หายตัวไป “ผู้การครับ ถ้าแบบนี้จะเป็นไปได้รึเปล่าที่เราควรเพิ่มมาตรการที่รัดกุมกว่านี้ ในการปกป้องพยานคนเดียวที่เราเหลืออยู่ตอนนี้”
    
    “ผู้กองหมายถึงคุณไศลาเหรอครับ” จ่านิดถาม
    
    “อ้อ...มีอีกเรื่องนึง ผมรับอาสาสมัครมาทำคดียาเสพติดคนนึง ดูหน่วยก้านแล้วใช้ได้ทีเดียว ผมจะให้เขาช่วยพวกคุณในทุกคดีที่คุณถืออยู่” ผู้การเสริมพงษ์บอก
    
    “ผู้การแน่ใจได้ยังไงครับว่าไว้ใจได้”
    
    “ผมให้คุณเป็นคนพิจารณาเองก็แล้วกันว่า...จะไว้ใจได้แค่ไหน เชิญครับคุณ”
    
    ผู้การเสริมพงษ์หันไปที่ประตู ไศลาเดินออกมา ส่งยิ้มให้ทุกคน ธีรธรเห็นก็ตกใจก่อนจะยิ้มออกมา ผู้การเสริมพงษ์พูดยิ้ม ๆ “เป็นไงคุณธี คน ๆ นี้พอไว้ใจได้มั้ย”
    
    “ผู้การ แต่ไศลาเป็นพยานสำคัญของคดีค้ายาเสพติดรายใหญ่ ถ้าเรามาให้เขายุ่งเกี่ยวกับคดีอื่น ผมว่ามันจะยิ่งอันตราย”
    
    “เรื่องนั้นชั้นคิดมาดีแล้วค่ะ ว่ามันออกจะเป็นการดีด้วยซํ้า ที่เราจะช่วยกันหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อสาวไปถึงหัวหน้าใหญ่ให้มันได้เร็วที่สุด”
    
    ธีรธรจะแย้ง แต่ผู้การเสริมพงษ์แทรกว่าเห็นด้วยกับไศลา จ่านิดเองก็คิดเช่นเดียวกัน
    
    “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของชั้นหรอกค่ะ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่าชั้นดูแลตัวเองได้ แล้วมันก็ดีด้วยซํ้าที่ชั้นไม่นั่งรอเป็นภาระใครอยู่เฉย ๆ”
    
    “แต่ไศลาเป็นพยานคนสำคัญ…ถ้าเป็นอะไรระหว่างที่คดียังไม่เสร็จ”
    
    “ไม่ต้องห่วงค่ะ ชั้นบันทึกทุกอย่างไว้ในนี้หมดแล้ว”
    
    ไศลาวางกล้องวิดีโอบนโต๊ะ ธีรธรกลุ้มใจแต่ไม่รู้จะเถียงยังไง
    
    กับความเห็นตรงกันของทั้งสามคน จ่านิด ไศลา ผู้การเสริมพงษ์ ธีรธรกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับไปทั้งสามคนดีใจ โดยเฉพาะไศลา
    
    “เอาล่ะ ทีนี้ผมว่า...พวกคุณมุ่งเป้าไปที่ตัวการใหญ่เลยโดยเฉพาะคนในกรมตำรวจที่หนุนหลังให้พวกมันอยู่”
    
    “ได้ครับนาย” ธีรธรยังมองไปที่ไศลาไม่พอใจนัก จ่านิดกระดี๊กระด๊าที่จะมีสาว ๆ มาร่วมทำงานด้วย
     
    ไศลาเดินออกจากห้องนํ้า ธีรธรดักรอเธออยู่ มองซ้ายมองขวาเห็นไม่มีใครก็ดึงมือไศลาเข้าไปในห้องนํ้าล็อกประตูคุย
    
    “ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำแบบนี้ มันอันตราย” สีหน้าธีรธรเป็นห่วงมาก
    
    “คุณธีเคยได้ยินมั้ยคะ ว่าคนเราเกิดมาเพราะมีภารกิจหนึ่ง ที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนที่จะตาย สำหรับไศ ไศคิดว่าภารกิจของไศคือทำให้สังคมนี้ดีขึ้น ไศมีความสุขที่ได้ทำค่ะ”
    
    “คุณรู้มั้ยคุณกำลังทำให้ผมเป็นห่วงคุณ”
    
    “ก็เชื่อใจไศสิคะ คุณจะได้ไม่ต้องห่วง”
    
    ธีรธรโมโหที่ไศลาดื้อ เข้าประชิดตัวล็อกแขนไศลากับผนัง “นี่คุณรู้ทั้งรู้ แต่แกล้งเล่นตลกกับความรู้สึกผมใช่มั้ยเนี่ย”
    
    ทั้งคู่หน้าใกล้กันมาก ไศลาพยายามอธิบาย “ชั้นไม่เอาครอบครัว รวมถึงชีวิตตัวเองมาเสี่ยง เพื่อเล่นสนุกกับความรู้สึกคุณหรอกค่ะ ปล่อยชั้นเถอะ”
    
    “ผมจะทำยังไงกับคุณดีเนี่ย” ธีรธรหัวเสีย
    
    “แค่ปล่อยชั้นไป”
    
    “ถ้าผมไม่ปล่อยล่ะ” ธีรธรเอาหน้าเข้ามาใกล้ไศลามากกว่าเดิม ทั้งคู่จ้องตากัน จน
    ไศลาทนไม่ไหวต้องหลบตาก่อน “ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีนะคะ คุณจะเสียหาย”
    
    “ผมไม่กลัว”
    
    “แต่ชั้นกลัว...”
    
    “คุณต้องกลัวอะไร...”
    
    ไศลาถอนหายใจ “ใจตัวเอง...มันน่ากลัวกว่าทุกสิ่งแล้วล่ะค่ะคุณธี”
    
    เมื่อธีรธรไม่ปล่อย ไศลาจึงเป็นฝ่ายใช้กำลังบิดข้อมือธีรธรเอง จนธีรธรร้องจ๊ากด้วยความเจ็บปวดแล้วปล่อยมือ
    
    ไศลายิ้ม ๆ ให้ธีรธรก่อนจะเปิดกลอนแล้วเดินจากห้องนํ้าไป
    
    ไศลาเปิดประตูห้องนํ้าออกมา ปรากฏว่าตำรวจทั้งหญิงชาย 4 คนเอาหูแนบประตู แอบฟังเรื่องราวทั้งคู่กันอย่างสนุกอยู่ ไศลาเดินผ่านไปอาย ๆ ธีรธรเดินออกมาเจอตำรวจที่แอบฟัง รีบทำเข้ม
    
    “มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย ไปทำงานสิ”
    
    ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปทำงาน ธีรธรรีบเดินตามไศลาไป   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)