ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 26 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 355 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 26 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 06:51:03 am »

 “เธอเสียสติเปล่าหญิงทอแสง ชายเดียวเป็นญาติเกือบจะร่วมสายเลือดเดียวกัน ไม่มีใครยอมให้เธอกับชายเดียวทำอะไรผิดธรรมเนียมแบบนั้นหรอก... ชั้นไม่ฟังอีกต่อไป.... หญิงเล็กเตือนลูกสาวด้วย จะเป็นบ้ากันไปใหญ่แล้ว” ท่านป้าโวยวายลั่น      “ท่านป้าคะ หญิงทราบค่ะ ทราบมาตั้งนานแล้วว่าพี่ชายเดียวไม่ใช่ลูกของท่านป้าแขไข” คุณหญิงทอแสงบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ จนท่านป้าตะลึงงันอีกครั้ง
    
    ด้วยความร้อนใจ หลังจากออกจากวังของท่านหญิงเล็ก ท่านป้าจึงมาหาท่านหญิงแขไขที่วังรังสิยาทันที
    
    “หญิงแขไข เรื่องราวจะยุ่งกันใหญ่นะ เธอคิดแก้ไขไว้บ้างรึเปล่า”
    
    ท่านหญิงถอนใจใหญ่ สีหน้าตรึกตรองหนัก     
    
    “หญิงยังไม่คิดว่า...เรื่องจะไปถึงขั้นนั้นค่ะ พี่หญิง”
    
    “หญิงทอแสงพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักกับชายเดียว จะแต่งงานกัน เพราะรู้มาตั้งนานเรื่องชายเดียวไม่ใช่ลูกเธอ ถ้าเป็นจริงก็จะรู้กันหมด เรื่องชายเดียวเป็นลูกของนางบุหลัน คิดถึงหัวใจชายเดียวซิ”
    
    “หญิงคิดตลอดเวลาค่ะพี่หญิง คิดมาตั้งแต่วันแรกที่หญิงรับชายเดียวเป็นลูกชายว่าต่อไปข้างหน้า ถ้าความลับเปิดเผย ลูกชายจะเป็นอย่างไร”
    
    “พี่จะบอกเธออย่างหนึ่งนะ หญิงทอแสงไม่ธรรมดา พี่ยังคิดไม่ออกว่าจะมีอะไรยับยั้งหญิงทอแสง ชายเดียวล่ะคิดยังไงกับหญิงทอแสง”
    
    “ไม่เห็นกิริยาอะไรเลยค่ะพี่หญิง”
    
    “บางทีรักกันไปอาจจะดีกว่าเข้าทำนองเรือล่มในหนอง แต่ถ้าชายเดียวไม่มีใจให้หญิงทอแสง...น่ากลัวจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อยเชียว ก็คอยดูฤทธิ์เดชหญิงทอแสงกันต่อไป..พี่จะกลับล่ะ อ้อ...เกือบลืมว่าจะถามหลายครั้งว่าคุณหญิง ปัณณธรมีลูกกี่คนนะหญิงแขไข...ใครมันจะเหมือนกันถึงขนาดนั้น...จริงหรือหญิงแขไข” ท่านป้าหันไปถามท่านหญิงแขไข
    
    “หญิงคิดว่าจริงค่ะพี่หญิง แต่..ยังไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัด หญิงยังไม่ปักใจอะไรทั้งสิ้น”
    
    “นังเฟืองใช่มั้ย คนจัดการเรื่องนี้ นังคนนี้ตายไปแล้ว ยังทิ้งพิษร้ายไว้อีก...ได้ยินมานานแล้วว่ามันเฮี้ยน...จริงใช่มั้ยหญิงแขไข” ท่านป้าโพล่งขึ้นตรง ๆ
    
    “เฟืองรักหญิง”
    
    “แต่ไม่ใช่เหตุผลที่มันจะมาทำให้ชีวิตเธอยุ่งยากแบบนี้...ระวังตัวให้ดีหญิงแขไข เธอฟังมันมากตอนมันยังไม่ตาย ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าเวลานี้มันตายแล้ว พอทีเถอะกับนังเฟือง”
    
    ฉับพลันเหมือนมีลมพัดผ่านองค์ท่านป้าไปอย่างเร็ว ผ่านละมัยและข้าหลวงท่านป้าสองคนสะดุ้ง
     
    หลังเสร็จงานศพพจน์ จริมาก็เดินทางกลับต่างประเทศเพื่อไปเรียนต่อ ส่วนจันทร์และรุ้งเห็นว่าค่าใช้จ่ายของบ้านปัณณธรยังสูงเท่าเดิม แต่เสาหลักอย่างพจน์ตายไปแล้ว ทั้งสองจึงแนะนำคุณหญิงเพ็งให้เปิดร้านอาหารขึ้นที่บ้านปัณณธรเพื่อให้มีรายได้ส่งเสียฉัตต์และจริมาที่เรียนอยู่เมืองนอก และไม่ต้องให้คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่ในบ้านต้องออก คุณหญิงเพ็งเห็นด้วย     “ดิฉันจะทำให้เต็มที่ ความรู้เรื่องอาหารมีเท่าไหร่จะใช้ให้หมด รุ้งเองก็เป็นเพราะดิฉันฝึกหัดมา คุณแม่วางใจเถิดนะคะ ดิฉันมั่นใจเพราะอาหารเราอร่อยด้วย สวยด้วย ขึ้นชื่อว่าอาหารชาววังดิฉันเชื่อว่าขายได้ค่ะ”     “ต้องทำสถานที่ให้สวยงามด้วยนะคะน้าจันทร์” จริมาแนะนำ
    
    “ทำริมน้ำนะคะคุณย่า เป็นเรือนน่ารัก ๆ ใส่ต้นไม้เยอะ ๆ ให้ยอดย้ายต้นไม้ไปลงตรงนั้น” รุ้งช่วยเสริม
    
    “เราโฆษณาว่ามาทางเรือก็ได้ ...ดีมั้ยคะ..แต่... ริมาไม่อยู่ช่วย แย่จัง”    ทุกคนยิ้มแล้วมองจริมาอย่างเอ็นดู...จากนั้นรุ้งก็เข้ามาช่วยจริมาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง
     
    “ตัวเล็ก ริมาขอโทษนะ ริมาเห็นแก่ตัวหนีไปสบาย ทุกคนทางนี้ต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะรุ้ง เพราะต่อไปนี้งานของรุ้งหนักมากนะ”
    
    “ริมา ยิ่งกว่านี้รุ้งก็ทำได้ ทุกคนในบ้านมีพระคุณกับรุ้ง กับแม่ ริมาอย่าคิดมากตั้งใจเรียน คุณย่าจะได้ดีใจ..คุณลุงจะได้.. ไปที่ดี ๆ”
    
    “ริมาอยู่ทางโน้นคงไม่มีข่าวร้ายของคุณย่านะตัวเล็ก”
    
    “ไม่มีแน่ค่ะ รุ้งรับรอง รุ้งดูแลอยู่ตลอดเวลา”
    
    “ตัวเล็กคิดถูกแล้วที่เรียนพยาบาล ริมาขอบใจมาก...ไม่มีใครดูแลคุณย่าดีเท่าตัวเล็ก”
    
    “แม่ไงคะ แม่ไม่เรียนอะไรมาซักอย่าง แต่เก่งกว่ารุ้งเสียอีก ให้ยาคุณย่าหายทุกครั้ง”
     
    “ยาของน้าจันทร์เลี้ยงพวกเรามาจนโตแหละนะ ขำพี่ฉัตต์ น้าจันทร์จะกวาดยาหนีกระเจิง...น้าจันทร์เลยไม่กล้าบังคับพี่ฉัตต์”
    
    “เพราะแม่รู้ว่าคุณฉัตต์เกลียดแม่...เกลียดรุ้ง” รุ้งหลุดปากพูด
    
    “ตัวเล็ก...ทำไมพูดอย่างนั้น พี่ฉัตต์ไม่ถึงกับเกลียดนะ”
    
    “เกลียด..เพราะคิดว่าแม่กับรุ้งทำให้คุณแม่คุณฉัตต์เสีย”
    
    “ใช่..แต่นั่นมันเด็ก ๆ พี่ฉัตต์ไม่ได้ฝังใจมาจนทุกวันนี้หรอก”
    
    “รุ้งกับแม่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าพเนจรมา แล้วคุณราตรีก็เสียชีวิต”
    
    “ไม่...หยุดพูดเดี๋ยวนี้ พี่ฉัตต์เลิกคิดไปนานแล้ว ไม่เข้าใจเหรอรุ้ง...ตัวเล็ก ไม่งั้นพี่ฉัตต์จะซื้อเปียโนให้ตัวเล็กเหรอ พี่ฉัตต์เอาเงินเก็บตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะ วันเกิด ปีใหม่ เงินอะไร ๆ เอามาหมด เงินที่คุณแม่สั่งให้พี่ฉัตต์ก่อนคุณแม่ตายด้วย”
    
    “ตบหัวแล้วลูบหลัง” รุ้งพูดอย่างน้อยใจ
    
    “ตัวเล็ก ...ทำไมพูดขนาดนี้ อะไรนักหนาฮึ...” จริมานึกได้
    
    “ไม่ค่ะ...ไม่ได้โกรธ”
    
    “ริมามั่นใจว่าพี่ชายของริมาไม่เกลียด แต่เขาไม่อ่อนโยน พูดดี ๆ ไม่เป็นรุ้งคิดอย่างนี้กับเขา ริมาไม่สบายใจเลย” รุ้งนิ่งไม่ตอบแต่หน้ายังเสียใจลึก ๆ
    
    “ริมาไม่เคยคิดว่าตัวเล็กเป็นคนอื่นนอกจากเป็นพี่น้อง อะไรที่ริมาให้ตัวเล็กได้ พี่ฉัตต์เขาก็ต้องให้ได้เหมือนกันเพราะเราสองคนเป็นน้องเขา”
     
    รุ้งก้มหน้า น้ำตาร่วงเพราะคำของจริมา...
    
    บัวรู้ข่าวการเสียชีวิตของพจน์จากหลวงวิเศษ เธอไม่ได้เล่าให้ฉัตต์ฟังตามที่พ่อขอร้องไว้  แต่รู้สึกสงสารฉัตต์มาก เพราะยิ่งมีโอกาสได้ใกล้กับเขาก็ยิ่งทำให้เธอประทับใจ และความรู้สึกนั้นก็กลายเป็นความรัก ขณะที่ฉัตต์ต้อนรับเธออย่างเป็นมิตรไม่ได้คิดอะไรเกินคำว่าเพื่อน
    
    เมื่อจริมากลับมาเรียนต่อ ฉัตต์ได้แวะไปเยี่ยมจริมาเพราะแปลกใจที่เห็นเธอหายเงียบไป  แถมไม่รับโทรศัพท์ของเขาด้วย จริมาเห็นฉัตต์ก็ดีใจเข้ากอดพี่ชายแน่น ร้องไห้สะอื้นด้วยความอัดอั้นในใจ  คิดถึงบ้าน  คิดถึงพ่อ  คิดถึงย่าคิดถึงพี่ชายเหลือเกิน
    
    “ทำไมไม่เขียนจดหมาย ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
    
    “ริมาขอโทษ  เรียนหนักไม่ได้เขียน  เอ๊ะพี่ฉัตต์โทรฯ หรือคะ”
    
    “คนรับเมสเสจไม่บอกเหรอ พี่ฝากบอกริมาให้โทรฯ กลับ  เป็นห่วงมากกลัวไม่สบาย  กลัวเรียนไม่ได้ กลัวคิดถึงบ้านขึ้นมามาก ๆ เดี๋ยวแอบบินกลับบ้านไป”
    
    “โธ่เอ๋ย...ใครจะหนีไปได้  ริมาจะเอาตังค์ที่ไหนซื้อตั๋วเรือบินนะคะคุณพี่...ไม่ใช่ตั๋วเรือด่วนข้ามฟาก”
    
    ฉัตต์หัวเราะอย่างชอบใจ...ขณะที่บัวได้ตามไปทำความรู้จักกับจริมาด้วย ยืนมองอยู่ห่าง ๆ  ปล่อยให้พี่น้องได้ทักทายกันก่อน
    
    “เพื่อนพี่...ชื่อพิสินี”
    
    “แฟนพี่ฉัตต์ ?” จริมา ขึ้นเสียงเป็นคำถาม
    
    “นึกไม่ผิดเลย.... ไม่ใช่แฟน”
    
    จริมามองหน้าฉัตต์อย่างค้นหาความจริง สีหน้าฉัตต์จริงจังมาก
    
    “เชื่อพี่ไหม”
    
    “เชื่อค่ะ” จริมาตอบทันที
    
    “ไม่ได้พบกันนานเหลือเกินนะ 3 ปีกว่า”
    
    จริมาก้มหน้าเหมือนน้ำตาจะไหล แต่กล้ำกลืนไว้ 
    
    “พี่ฉัตต์กอดน้องอีกทีได้มั้ย”
     
    ฉัตต์อ้าแขนกอดริมาแนบอก บัวเดินเข้ามา บอกดูฉัตต์รักน้องมาก
    
    “ริมารู้สึกดีจัง”
    
    “พี่ก็เหมือนกัน”
    
    “เรายังเด็กอย่าเพิ่งมีแฟนเลยนะคะพี่ฉัตต์” จริมาเหลือบมองเห็นบัว จงใจเสียงดัง
    
    บัวถึงพอดี ได้ยินเต็ม ๆ รู้ดีว่าจริมาจะต้องทำตัวเป็นอุปสรรคต่อความรักของเธอในอนาคตแน่ ๆ...จากนั้นทั้งสามก็ไปที่ห้องพัก
    
    “เชิญค่ะคุณบัว ริมาจะชงชาให้นะคะ” จริมาเดินไปที่ครัว
    
    “ขอบคุณค่ะ  ฉัตต์นั่งนี่เถอะค่ะสบายกว่าตัวนั้น”
    
    บัวจับตัวฉัตต์ให้นั่งลงอย่างสนิทสนม     จริมากำลังชงชา แต่นัยน์ตาลอบมองเห็นทั้งคู่ท่าทางสนิทสนม  เธอจึงชวนฉัตต์คุย
    
    “พี่ฉัตต์...ได้ข่าวชายเดียวบ้างมั้ยคะ”
    
    “เรียนหนัก  ข้ามฟากไปแล้วนี่”
    
    “งั้นเหรอ”
    
    “เขาเรียนสาขาเดียวกับเด็กของริมา คงเข้ากันดีซิ” ฉัตต์หน้าเฉยลงทันทีเมื่อพูดถึงรุ้ง
    
    “เกลียดเขาจนไม่อยากออกชื่อเลยเหรอพี่ฉัตต์...ตัวเล็กเรียนสามปี ปีนี้ก็จบแล้ว แต่ชายเดียวอีกกี่ปีล่ะ...สี่ใช่มั้ย”
    
    “งั้นก็ต้องรอกันนานหน่อยนะ” 
    
    ฉัตต์เสียงสะบัดนิดหน่อย บัวจับสังเกตเสียงพูดของฉัตต์พยายามเข้าร่วมการสนทนาด้วย  แม้จะรู้ว่าจริมาไม่พอใจ  และเมื่อได้ทานอาหารกันที่ร้านอาหารจีน  ฉัตต์ตักอาหารให้จริมาอย่างเอาใจ
    
    “พี่น้องน่ารักนะคะ บัวอิจฉาแล้วล่ะ”
    
    “น้องคนเดียวไม่เจอกันหลายปี”
    
    “พี่ฉัตต์ ตัวเล็กก็เป็นน้องนะ” จริมาขัดขึ้น
    
    “ใครคะ...ตัวเล็ก” บัวเอ่ยถามอย่างอยากรู้
    
    “เด็กที่บ้านครับบัว ริมายัดเยียดให้เป็นน้องผม”
    
    “ทำไมพี่ฉัตต์พูดอย่างนี้คะ”
    
    “ไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ”
    
    “ไม่ใช่”
     
    จริมาพูดแล้วพูดต่อไม่ออก หน้านิ่งมองไปทางอื่น ฉัตต์เย้า ๆ
    
    “โกรธทำไมริมา ไม่เป็นเรื่องเลย” ฉัตต์พูดเสียงเย้า ๆ
    
    “ขอโทษค่ะ  ริมารักตัวเล็ก ไม่อยากให้พี่ฉัตต์พูดถึงแบบนี้”
    
    ฉัตต์หัวเราะเบา ๆ แตะมือริมาหยอก ๆ แล้วเปลี่ยนเสียง
    
    “พี่จะบอกอะไรให้  น้องรู้มั้ย คุณบัวเป็นลูกสาวของคุณลุงหลวงวิเศษ”
    
    จริมาตกใจ มองจ้องตากับบัว ในขณะที่ฉัตต์ก้มลงทานอาหาร....เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารจริมาหันไปบอกฉัตต์ว่าจะพาบัวไปซื้อของฝาก แล้วปล่อยให้เขาเดินเล่นรอตามลำพัง   สองสาวเดินมาจริมาสีหน้าครุ่นคิด บัวรู้ทันว่าจริมาจะถามเรื่องพจน์จึงหยุดแล้วหันมาถามตรง ๆ
    
    “คุณริมาจะพูดเรื่องคุณอาพจน์”
    
    “ค่ะ คุณบัวคงทราบว่าพี่ฉัตต์ไม่ทราบ”
    
    “บัวก็ไม่คิดจะบอกคุณฉัตต์”
    
    “ขอบคุณมากค่ะ”
    
    “แต่บัวแปลกใจ และก็เห็นใจคุณฉัตต์มาก”
    
    “เรามีเหตุผลที่....ที่เป็นของเรา”
    
    “ค่ะบัวไม่ก้าวก่ายไม่ต้องบอกบัว ....บัวรับปากว่าจะไม่บอกคุณฉัตต์”
    
    “ทำไมถึงคิดว่าริมารู้ว่าคุณพ่อเสีย  ไม่คิดว่าเขาจะปิดริมาเหมือนปิดพี่ฉัตต์หรือคะ”
    
    “คุณแม่เขียนบอกว่าพบคุณริมาที่งานสวด...ว่าพบแต่ลูกสาวไม่พบลูกชาย”
    
    “อ๋อ...ริมาบอกได้นะคะว่าคุณพ่อสั่งไว้ไม่ให้บอกพี่ฉัตต์  คุณย่าก็ขัดไม่ได้”
    
    “วันหนึ่งคุณฉัตต์ก็ต้องรู้”
    
    “ริมาไม่อยากคิดถึงวันนั้นเลยค่ะ  พี่ฉัตต์เวลาโมโห...” จริมาไหล่ห่อ สีหน้ากลัวจัด
    
    “ถึงเวลานั้นคุณริมาไม่ต้องกลัว บัวจะปลอบใจคุณฉัตต์เอง”
    
    จริมาชะงักหันมามองบัวอย่างรู้ความหมาย
    
    “คุณฉัตต์จะเรียนปริญญาโทต่อ  แต่บัวไม่เรียน จะขอใบอนุญาตทำงานจนกว่าคุณฉัตต์จะเรียนจบ  คุณริมาไม่ต้องห่วงคุณฉัตต์นะคะ  บัวจะดูแลเอง”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)