ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวเรือง วันที่ 21 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 435 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ดาวเรือง วันที่ 21 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2013, 03:13:56 am »

 ไสวหอบเสื้อผ้าไปหาผู้ใหญ่ผันที่บ้าน เวียงจะไม่ยอมรับไสวเป็นเมียคนที่ 10 ของผู้ใหญ่ผัน ดาวเรืองพาจินตวัฒน์มาถึงบ้านผู้ใหญ่ผันพอดี ดาวเรืองบอกจินตวัฒน์ว่าเธอให้ไสวมาช่วยเจรจาให้ก่อน แต่คิดว่าผู้ใหญ่ผันคงไม่มีทางยอมง่าย ๆ แน่ ผู้ใหญ่ผันชี้มือไล่ไสวให้ออกไปจากบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ดาวเรืองพาจินตวัฒน์เดินขึ้นบันไดมาพอดี ไสวแกล้งบีบน้ำตาร้องไห้
    
    “ตกลงผู้ใหญ่จะไม่ยอมจริง ๆ เหรอ”
    
    “เอ็งเกี่ยวอะไรด้วย” ผู้ใหญ่ผันทำหน้างง ๆ เมื่อเห็นดาวเรืองโผล่เข้ามายุ่งเรื่องของตน “อ้าว! ก็ป้าไหวมาทวงสัญญา ผู้ใหญ่ไล่ป้าไหวแบบนี้หมายความว่าผู้ใหญ่จะไม่รับผิดชอบว่างั้นเหอะ”
    
    “เออ”
    
    “ปลัดดูสิ แก่จนหัวหงอก แถมเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน ยังไม่สนว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป”
    
    จินตวัฒน์พาซื่อ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “ใช่ครับ เรื่องนี้ถ้าดูตามข้อกฎหมายแล้ว ทางผู้ใหญ่ผิดเต็ม ๆ ผมว่าถ้าผู้ใหญ่ไม่รับผิดชอบจะผิดหลายกระทงนะครับ”
    
    ผู้ใหญ่ผันและเมีย ๆ หน้าเหวอที่เห็นปลัดออกโรงให้ไสว
    
    “จริง ๆ เรื่องนี้มันเป็นความคิดของไอ้วรรณนะ ฉันก็แค่ตกกระไดพลอยโจน”
    
    “หรือว่าผู้ใหญ่อยากให้ไอ้วรรณมารับผิดชอบร่วมกันล่ะ เผื่อมันอยากเดินเข้าคุกอีกรอบ”
    
    เวียงจำต้องยอมให้ผู้ใหญ่ผันรับไสวเข้ามาอยู่ในบ้านเป็นเมียคนที่ 10 ไสวดีใจมากรีบวิ่งเข้าไปกอดดาวเรือง
    
    “ขอบใจนะไอ้เรือง ที่ข้าได้มีผัวเป็นตัวตนครั้งนี้ก็เพราะเอ็งตั้งแต่ต้น ข้าจะไม่ลืมบุญคุณเอ็งเลย”
    
    “อะไรกันเนี่ยดาวเรือง”
    
    ดาวเรืองยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังไม่ทันตอบจินตวัฒน์ ก็มีเสียงแตรวงดังแว่วมาจากหน้าบ้าน พร้อมเสียงโห่ร้องแบบขบวนขันหมากสู่ขอ นั่นยิ่งทำให้จินตวัฒน์งงเป็นไก่ตาแตก ผู้ใหญ่ผันเดินออกไปโวย
    
    “เฮ้ย นี่มันอะไรกันโว้ย พวกเอ็งมาเอะอะอะไรหน้าบ้านข้า”
    
    “แหม...ทำเป็นมีน้ำโห ก็ขบวนขันหมากของพ่อมาสู่ขอป้าไหวไงจ๊ะ หลวงตาคงมาเป็นเถ้าแก่ให้เลยนะเนี่ย”
    
    เวียงหันไปทุบผัน “หน็อย...ที่แท้แกก็อยากเอามันเข้าบ้านนี่เอง ถึงได้เตรียมการไว้ขนาดนี้ นี่แน่ะ ไอ้ผัวเฮงซวย”
    
    หลวงตาคงเอาสายสิญจน์ที่เตรียมมาผูกข้อไม้ข้อมือให้ผันกับไสว “ข้าคงไม่ต้องอวยพรอะไรมาก เอ็งสองคนเริ่มชีวิตคู่ตอนนี้ ก็เรียกว่าอยู่ในวัยถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันแล้ว อีกไม่กี่ปีก็คงแก่ตาย ข้าก็ขอให้เอ็งใช้เวลาอีกไม่กี่ปีนี้ดูแลกันให้ดี...เรื่องยาโด๊ปก็เพลา ๆ ลงบ้าง ได้เมียคนที่ 10 แล้ว ปิดฉากไอ้ผัน ขยันสอยซะทีนะ”
    
    ขบวนแตรวงบรรเลงเพลงคึกคัก วรรณ แหลม กรอด เพี้ยนเซิ้งกระจาย
    
    จินตวัฒน์เสียงเข้มใส่ดาวเรือง “เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม ดาวเรือง”
    
    “มาดูเขาแห่ขันหมาก”
    
    “นี่เธอหลอกฉันใช่มั้ย”
    
    ดาวเรืองยักไหล่ ไม่ตอบ จินตวัฒน์จ้องดาวเรืองโกรธ ๆ
     
    จินตวัฒน์ตามคาดคั้นถามดาวเรืองจนถึงบ้านยังไม่เลิก ดาวเรืองไม่ตอบทำท่าจะเดินหนีไปที่เล้าเป็ด
    
    “อย่างเธอควรจะเลิกเลี้ยงเป็ด...แล้วไปเลี้ยงแกะน่าจะเหมาะกว่า”
    
    “เออ! ฉันหลอกปลัด แล้วทำไม ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีไม่ใช่รึไง มีใครเดือดร้อนบ้าง ทุกคนมีความสุข ป้าไหวได้เข้าไปอยู่บ้านสามีแกตามที่ควรจะเป็น ถ้าปลัดกลัวตัวเองจะเดือดร้อน ต่อไปก็อยู่ให้ห่างฉันสิ”
    
    ดาวเรืองเดินหนีไปที่เล้าเป็ด จินตวัฒน์เดินตามไปเห็นดาวเรืองให้อาหารเป็ดไปด้วย คุยเล่นกับเป็ดไปด้วย ก็ค่อย ๆ คลายความโกรธลง
    
    “ทำไมไม่ตั้งชื่อให้มัน แทนที่จะเรียกเจ้าตัวนี้เจ้าตัวนั้น”
    
    ดาวเรืองตาเป็นประกาย แอบเห็นด้วยในใจ แต่เหลือบมองจินตวัฒน์กวน ๆ เพราะยังฉุนไม่หาย
    
    “บอกให้อยู่ห่าง ๆ ตามมาทำไม ปลัดเกี่ยวไรด้วย”
    
    “อ้าว ก็ฉันเป็นคนซื้อเป็ดให้เธอ ฉันก็ต้องมีสิทธิออกความเห็นบ้างสิ ฉันว่าเธอน่าจะตั้งชื่อให้มันตามนิสัยของมันนะ อย่างตัวนี้ชื่ออะไรดีล่ะ ดาวกระจายดีมั้ย แล้วตัวนั้นก็ชื่อมะลิ ชบา จำปี จำปา...”
    
    “ไม่ ฉันไม่ตั้งชื่อมันเป็นชื่อดอกไม้ เดี๋ยวมาซ้ำกับชื่อปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาฉัน”
    
    “งั้นจะให้ชื่ออะไรดี”
    
    ดาวเรืองถามจินตวัฒน์ว่าชื่อเล่นว่าอะไร จินตวัฒน์บอกตนชื่อจิ๋น ดาวเรืองเลยใช้ตัว จ.จานมาตั้งชื่อเป็ดตามลักษณะนิสัยของพวกมัน มีทั้งจุบจิบ จ๋อมแจ๋ม จีจ้า จุ๋มจิ๋ม แจจุง เจย์โจว เจี๊ยบเจี๊ยบ จุ้นจ้าน จุ๋งจิ๋ง เจื้อยแจ้ว จดจ้อง ส่วนตัวเล็กสุดที่เฮี้ยวแก่นสุดฤทธิ์ จินตวัฒน์ช่วยตั้งชื่อว่าจี๊ดจ๊าด
     
    กำนันเทิ้มแอบได้ยินศักดิ์กับชาติคุยกันที่โรงสีดอนล้อมหมี เรื่องกำพลจะขนอาวุธสงครามข้ามชายแดนเข้ามาพักไว้ที่ปางไม้ ก่อนจะขนย้ายออกไปขายตอนเที่ยงคืน จึงรีบไปบอกดาวเรืองให้รู้ ดาวเรืองขอร้องไม่ให้กำนันเทิ้มใจร้อน
    
    “ฉันรู้ว่ากำนันอยากจะจับมันให้ได้คาหนังคาเขา แต่ว่าที่นั่นเป็นรังของมัน เราจะต้องร่วมมือกัน ฉันจะไปขอกำลังคุ้มกันจากผู้กำกับ ทุ่มนึงกำนันมารับฉันที่นี่นะ ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว”
    
    ดาวเรืองรีบออกจากกระท่อมเล่นไพ่หลังร้าน ไปขอความช่วยเหลือจากผู้กำกับที่โรงพักทันที
     
    โรสโทรศัพท์เล่าเรื่องตัวเองเกิดอุบัติเหตุ เจ็บขาจนต้องนอนโรงพยาบาลให้จินตวัฒน์ฟัง จินตวัฒน์คุยโทรศัพท์กับโรสไปด้วย คุยเรื่องงานไปด้วย โรสโมโหมากกดตัดสายทิ้ง ก่อนหันไปโวยวายใส่พฤกษ์ที่เพิ่งมาดูแลเธอที่โรงพยาบาล พฤกษ์พยายามอธิบายว่าเขาเพิ่งสอบเสร็จก็รีบมา และจริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดเขาที่โรสต้องมานอนโรงพยาบาล เพราะวันนั้นเขาเบรกรถทัน แต่โรสดันสะดุดรองเท้าล้มกระแทกพื้นเอง
    
    “คุณโทษว่าผมเป็นสาเหตุก็โอเค ผมรับได้ และก็พยายามดูแลคุณอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าคุณเรียกร้องมากกว่านี้ ก็ต้องไปหาคนอื่นมาดูแลแทน” พฤกษ์หันไปคว้าเป้ เตรียมจะเดินออกไป
    
    โรสเอี้ยวตัวไปหยิบหมอนที่หนุนหลังเขวี้ยงใส่พฤกษ์ แล้วกรี๊ดลั่น
    
    “หยุดดด...แหกปากเดี๋ยวนี้นะ!!! ไหนคุณบอกว่าจะไปทำงานเอาเงิน 5 แสนคืนไม่ใช่เหรอ แล้วคุณไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ เมื่อไหร่จะลุกไปทำงานได้.. ไหนคุณบอกว่าโรส สุดาวดีสวย เซ็กซี่ เลิศเลอ
    เพอร์เฟกต์นักไง...แล้วไอ้ที่นอนซมเหมือนคนเป็นง่อย ทั้งที่มือซ้นเท้าพลิกแค่นี้คือใคร...โรส สุดาวดีงั้นเหรอ ข้าวเขาเอามาให้กินตรงเวลาก็ไม่กิน ต้องให้เขาเดินมาถามหลาย ๆ เที่ยวว่าดาราดังกินข้าวรึยัง มันลำบากเขามั้ย งานของคุณมีแต่คนเอาใจ คุณเลยไม่เคยเห็นหัว ไม่เคยใส่ใจคนที่ทำงานให้คุณ” “นายด่าฉันขนาดนี้ทำไมเนี่ย”
    
    “ก็คุณกรี๊ดคลุ้มคลั่งปาหมอนทำไมล่ะ”
    
    “ฉันก็แค่...ไม่อยากให้นายไป”
    
    พฤกษ์ใจอ่อนยวบ วางเป้ลงที่เดิมแล้วเดินมาที่เตียง ก่อนจะเปิดอาหารดูแล้วพบว่าเย็นชืดหมดแล้ว “ผมเอาไปอุ่นให้ใหม่แล้วกัน เย็นชืดหมดแล้ว”
    
    พฤกษ์ยกถาดอาหารออกไป โรสมองตาม แล้วแอบยิ้มฮิฮะ ดีใจ...เป็นดารานี่ แอ๊คติ้งช่วยได้จริง ๆ
     
    ไสวขอพาเสมอใจมาอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ผันด้วยกัน วรรณแสดงท่าทางรังเกียจ ไม่อยากให้เสมอใจมาอยู่ที่บ้าน เวียงนึกสงสาร ยอมให้เสมอใจมาอยู่ด้วยกันที่บ้านได้ วรรณเอาชอล์กมาขีดเส้นแบ่ง ห้ามเสมอใจเข้ามาในเขตของตนเป็นอันขาด ถ้าออกไปนอกบ้านก็ห้ามเข้ามาใกล้เกินรัศมี 1 เมตร
    
    “เอ็งจะกั้นเขตกั้นอะไรก็กั้นไป แต่เอ็งไม่อาจกั้นขวางหัวใจของข้าได้”
    
    ทุกคนมองเสมอใจที่ทอดสายตามองวรรณอย่างรักใคร่ แล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าสงสาร เห็นใจ เข้าใจ หรือเวทนา
    
    ผู้กำกับออกไปประชุมที่เขาใหญ่ ดาวเรืองให้จ่าแม่นโทรศัพท์ติดต่อหาผู้กำกับให้ แต่บนเขาไม่มีสัญญาณ จ่าแม่นเลยไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อหาผู้กำกับได้   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)