ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 20 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 350 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 20 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2013, 07:14:04 am »

 “ท่านชายคงจะทรงคิดว่า ดิฉันหนีไปกับนายยอด” จันทร์ขัดขึ้นเบา ๆ
    
    “มิได้ครับ...ผมขอยืนยันว่าท่านชายไม่เคยทรงคิดอย่างนั้นเลย ท่านตรอมพระทัยประชวรหลายครั้ง สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุท่านตกบันไดเป็นอัมพาตครึ่งตัว”
    
    “ดิฉันไม่รู้ข่าวที่วังอีกเลย” หลวงวิเศษเล่าต่อ
    
    “ผมสงสัยว่า เมื่อหม่อมสามารถเอาชีวิตรอดมาได้แล้ว นายยอดก็เป็นพยานปากสำคัญได้ ทำไมถึงไม่พึ่งกฎหมาย”
    
    “ความกลัวไงคะ...ดิฉันไม่ทราบว่านางเฟืองตาย...ถ้าดิฉันกลับ นางเฟืองไม่มีวันปล่อย มันแค้นแทนท่านหญิง”
    
    “เสียดายเหลือเกินที่ท่านชายไม่ทรงทราบว่า ยังมีลูกหญิง”
    
    “ป่านนี้อาจจะทรงรับรู้แล้ว” หลวงวิเศษเอ่ยอย่างเห็นใจ
    
    “...ขอบพระคุณค่ะคุณพี่ ขอบพระคุณคุณหลวง ดิฉันเป็นหนี้บุญคุณร่มไม้ชายคาของบ้าน “ปัณณธร” ได้กินอิ่มนอนหลับ ลูกหญิงมีการศึกษา ลูกชาย...แม้ไม่ได้รู้จักว่าเป็นแม่ลูก แต่เมื่อเขามีความสุข ดิฉันก็ดีใจและไม่ต้องการเรียกร้อง เพราะมันอาจเป็นการดึงเขาให้ตกต่ำ...เขาอาจโกรธดิฉัน” จันทร์อธิบายเหตุผล
    
    “หม่อมไม่คิดถึงว่า...คุณหญิงควรจะ...”
    
    หลวงวิเศษพูดไม่ทันจบ จันทร์ก็พูดสวนขึ้น
    
    “ลูกเป็นผู้หญิง วันหนึ่งไม่ช้าไม่นาน เธออาจออกเรือนไปใช้สกุลอื่น ก็แล้วทำไมจะต้องทำให้เรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น”
    
    พจน์ตบหลังมือจันทร์เบา ๆ ด้วยความชื่นชมแล้วกล่าวกับหลวงวิเศษ
    
    “ที่เรียนเชิญคุณหลวงมาที่บ้านก็เพื่อให้เป็นสักขีพยานด้วยอีกคน ชีวิตเราไม่มีอะไรแน่นอน หากผมมีอันเป็นไป ผมก็ไม่ต้องการให้ความจริงทั้งหลายตายไปกับผม ต่อจากนี้ผมขอมอบความลับของหม่อมบุหลัน ฝากไว้ในความยุติธรรมของคุณหลวงด้วยขอรับ” พจน์สั่งเสีย
     
    จันทร์สะดุดคำพูดของพจน์ หันมองอย่างเอะใจ
    
    “คุณพี่หมายความว่ายังไงคะ”
    
    “ไม่มีอะไร พี่แค่ไม่อยากประมาทเท่านั้น”พจน์เฉไฉไม่ยอมบอกความจริงให้จันทร์รู้ว่าป่วย
     
    วันฉลองงานประจำปีของโรงเรียนรุ้งและจริมามาถึง จริมาเต้นระบำสเปนร่วมกับเพื่อน ๆ ชั้นมัธยมหก ส่วนรุ้งรำถวายพระพร ซึ่งจันทร์ก็มาช่วยดูแลการแต่งตัวแต่งหน้าให้กับสาวน้อยทั้งสอง
    
    “เติมแป้งนะลูก...เสร็จแล้ว” จันทร์แตะแป้งลงบนใบหน้ารุ้งอย่างปลื้มใจ
    
    “ขอกระจกดูหน่อยได้มั้ยจ๊ะแม่จันทร์... เนี่ย ถ้าลูกไม่ให้อาจารย์เชิญแม่จันทร์มาช่วยแต่งหน้า ไม่มีวันยอมมา คิดดู ลูกรำละครทั้งทีไม่ยอมมาดู” รุ้งแสร้งตัดพ้อแม่
     
    “วันนี้ลูกแม่สวยจริง ๆ” จันทร์ชื่นชมแลปลื้มกับความสวยน่ารักของลูกสาว
    
    “ลูกสวยเหมือนใครล่ะจ๊ะ” รุ้งมองหน้าแม่เป็นเชิงว่าสวยเหมือนแม่
     
    รุ้งยืนตื่นเต้นอยู่หลังเวที คอยจะเปิดฉากรำถวายพระพร ขณะที่หน้าเวทีคนวังสิยา ท่านหญิงแขไข ท่านหญิงเล็ก พระญาติ ชายเดียว และผ่อง ส่วนบ้านปัณณธร ก็มีคุณหญิงเพ็ง พจน์ ฉัตต์ และละเมียดรอชมพร้อมกับแขกอื่น ๆ
    
    เมื่อเวทีเปิดออกรุ้งออกมารำด้วยท่าทีชดช้อยสวยงาม คนต่างก็จ้องดูเป็นตาเดียว และชื่นชมว่างามจริง จันทร์ซุ่มดูลูกอย่างปลื้ม ๆ หันไปมองชายเดียว น้ำตาซึม รู้สึกสะเทือนใจ...ท่านหญิงแขไขจ้องมองรุ้งเขม็ง
    
    “งามเหลือเกิน ลูกใครคะ พี่หญิงแขไขทราบมั้ยคะ” ท่านหญิงเล็กชื่นชมรุ้ง
    
    “หลานคุณหญิงราชปัณณธร แต่หลานลูกใครก็ไม่รู้แน่เหมือนกัน”
     
    จริมากับคุณหญิงทอแสงมีเรื่องกระทบกระทั่งกันหลังเวที จันทร์เข้ามากับอรสาพอดี
    
    “ไม่ต้อง มานี่มาเติมแป้งให้ฉันหน่อย...เห็นมั้ยจมูกมัน...เนี่ย เป็นคนแต่งหน้ายังไง ไม่ดูแล” คุณหญิงทอแสงดึงจันทร์ให้มาหาเธอ
    
    “ทอแสงรัศมี นี่คุณน้าฉันนะ”
    
    “แต่เป็นคนแต่งหน้าใช่มั้ยล่ะ”
    
    “ใช่...แต่มีสติพอที่จะพูดอะไรที่มันเหมาะสมมั่งมั้ยล่ะ”
    
    “ไม่เห็นต้องถามเลยริมา พูดออกมาแล้วแสดงว่าไม่มีสติหรอก”
    
    “เป็นคนแต่งหน้าไม่เห็นต้องพูดดีเลย เมื่อไหร่เป็นลูกคุณหญิงค่อยพูดกันอีกที”
    
    จริมาโกรธจัดพรวดเข้าไป จันทร์รีบจับไว้ ร้องห้ามเสียงดัง
    
    “ทำไมต้องเรียกริมาว่าคุณ...เป็นน้าไม่ใช่เหรอ”
    
    “เธอไม่ต้องยุ่ง ไปไกล ๆ เลยยายอ้วน”
    
    “ว่าใครอ้วน”
    
    “ใครอ้วนก็เอาไป อ้วนแล้วยังปากเสีย ไป...ไป ไปให้พ้น...รู้ไว้ด้วยยายอ้วน น้าจันทร์เป็นน้าของฉัน เธอจะพูดจาดูถูกดูหมิ่นไม่ได้ ถ้าฉันได้ยินอีก...คอยดู เธอเจ็บแน่”
    
    “โธ่เอ๊ย...นักเลงโต ไป พวกเราไป” คุณหญิงทอแสงพาพรรคพวกออกไป
    
    “ริมาจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกน้าจันทร์ โดยเฉพาะคนอย่างยายทอแสง...ได้ยินอีก ริมาจะต่อยเค้าให้คว่ำ แล้วดึงผมให้กระจุยเลย” จริมาน้ำเสียงจริงจังมาก
     
    จันทร์มองจริมาด้วยสายตาตื้นตันใจมาก ...เมื่อรุ้งและจริมาแสดงเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปที่หน้างาน ชายเดียวก็มาขอถ่ายรูปรุ้งกับจริมาด้วย เมื่อกลับถึงบ้านทุกคนก็มาออกันที่ห้องรับแขกเพื่อดูจริมากับรุ้ง
     
    “เชื่อมั้ย ย่าจำริมาไม่ได้ นึกในใจว่าเด็กคนนี้ลูกใคร หน้าตาสะสวย” คุณหญิงเพ็งชมหลานสาว “แสดงว่าริมาตัวจริงขี้เหร่มาก ต้องแต่งถึงจะสวยเหรอคะ คุณย่า” จริมาแสร้งแซว
    
    “สองคนฟังย่านะ ตอนนี้เราสองคนเหมือนดอกไม้ที่กำลังแย้ม เขาเรียกว่าแรกผลิ หรือแตกเนื้อสาว เราต้องงามแบบธรรมชาติอย่าไปตกไปแต่งให้มาก”
    
    “เมื่อกี้ คุณย่ายังชมว่าสวยอยู่เลยค่ะ”
    
    “สวยแต่ง ยังไง ๆ ก็สู้สวยธรรมชาติไม่ได้”
    
    “นี่ มาออกันอยู่ทำไมแถวนี้” คุณหญิงเพ็งหันไปเห็นบรรดาคนใช้
    
    “มาดูคุณริมา มาดูคุณรุ้ง อุ๊ย สวยเหลือเกิน”
    
    “เมื่อกี้สำลีบอกว่าสวยเหมือนใครนะ” อ่อนถามขึ้น
    
    “อ๋อ...สวยเหมือนบุษบากับนางละเวง” สำลีตอบ
    
    “ไม่ใช่ ฉันว่าสวยเหมือนรจนากับนางพิม” ละเมียดพูดชม
    
    “แต่ฉันว่า เหมือนรัตนาภรณ์กับวิไลวรรณ ...ทำไม เวลาชมคนก็ต้องชมเหมือนดาราสิ ถึงจะรู้ว่าสวยยังไงไม่งั้นจะนึกออกเหรอ...เวลานี้ใครดังเท่าสองคนนี้ล่ะ รัตนาภรณ์น่ะนางเอกแก่น วิไลวรรณก็นางเอกเจ้าน้ำตา” สำเนียงเปรย
    
    ฉัตต์ลุกพรวดเดินไปทันที บรรดาคนใช้พากันชะงัก มองหน้ากันเหลอหลา ค่อย ๆ ถอยกันออกไป คุณหญิงเพ็งมองตามอย่างรู้สึกจนใจกับการกระทำของหลานชาย แล้วเข้าไปดึงรุ้งเข้ามากอดไว้ เบา ๆ ตบหลังปลอบโยน
    
    “จะเหมือนใครดีนี่ รัตนาภรณ์ หรือ วิไลวรรณดี...วิไลวรรณแล้วกัน สวยซึ้ง ใครไม่เห็นย่าเห็น อย่าไปสนใจใครจะว่าอะไร”
     
    รุ้งกราบที่อกคุณหญิง ก่อนจะพาเดินไปด้วยกัน  
    
    “จันทร์ พี่ขอโทษแทนฉัตต์” พจน์หันมา บอกจันทร์
    
    “เมื่อไหร่คุณฉัตต์จะหายโกรธเสียที” จันทร์เปรยขึ้น
    
    “ไม่ได้โกรธหรอกค่ะ เชื่อริมานะคะ ใครจะรู้ใจพี่ฉัตต์เท่าริมาไม่มีแน่ค่ะ”
     
    พจน์กับจันทร์มองตากัน ฉงนแปลกใจ...เวลาเดียวกันที่วังรังสิยา ท่านหญิงมั่นใจว่าจันทร์คือหม่อมบุหลัน จึงแสร้งหลอกถามชายเดียวถึงเรื่องรุ้งและจันทร์
    
    “หลานสาวคุณหญิงราชปัณณธรสวยมั้ย”
    
    “คนไหนคะ ท่านแม่”
    
    “ชายว่าคนไหนสวย ชายเดียวก็...สวยทั้งสองคน ความจริงคืนนี้ทุกคนก็สวยหมดเพราะแต่งตัวกันเต็มที่ เหมือนดอกไม้”
    
    “ชายเห็นแม่ของเขามั้ย มารึเปล่า”
    
    “มาค่ะ ชายเห็นมายืนดูลูกสาวรำ”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)