ผู้เขียน หัวข้อ: ‘เต้-ปิติศักดิ์’ เปลี่ยนชีวิต ‘พระเอก’ เลื่อนสถานะเป็น ‘พ่อ’ - คนดัง หลังฉาก  (อ่าน 344 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 แค่เห็นหน้าหนุ่มใต้มาดเข้มไทยแท้คนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเขา “เต้-ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์” เพราะในปี 2547 เขาโด่งดังมากจากภาพยนตร์เรื่อง “ไอ้ฟัก” ถึงแม้เต้จะเป็นเด็กหนุ่มจากต่างจังหวัด แต่ก็รักดีสามารถทำงานควบคู่ไปกับการเรียน จนจบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จากม.ราชภัฏสวนสุนันทา เขามีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย และล่าสุดโดดมาร่วมงานในฐานะนักแสดงกับทางช่อง 8 ในเครืออาร์เอส  กับละครแนวผีเรื่อง  “นางมาร”  ซึ่งครั้งนี้เจ้าตัวรับบทร้ายและเลวสุด ๆ  ซึ่งเป็นงานท้าทายสำหรับเขาทีเดียว 
    
    ด้านชีวิตส่วนตัว น้อยคนนักจะรู้ว่าตอนนี้หนุ่มเต้เป็นพ่อคนแล้ว ลูกกำลังน่ารักน่าชัง ก่อนอื่นเรามาย้อนอดีตของ “เต้-ปิติศักดิ์” กันสักนิด เริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางบันเทิงได้ยังไง “ผมเข้าวงการมาตอนอายุประมาณ 17 ครับ ตอนนั้นผมไปประกวดโตโยต้า พรีเซ็นเตอร์  เล่น ๆ กับเพื่อน  ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ตั้งใจจะไปประกวดอย่างจริงจัง  แต่ประกวดไปประกวดมาดันเกิดเข้ารอบติด 1 ใน 5 เฉยเลย เราเป็นตัวแทนภาคใต้  ต้องไปประกวดต่อที่กรุงเทพฯ สรุปตอนนั้นได้อันดับ 2  หลังจากนั้นชีวิตพลิกมากต้องมาอยู่กรุงเทพฯ ก็มีไปถ่ายโฆษณา มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ จนได้เล่นหนังเรื่อง “ไอ้ฟัก” ตอนนั้นผมก็เข้ามหาวิทยาลัยพอดี ส่วนเรื่องที่สองก็มาเล่นละครกับค่ายเป่าจินจง เรื่อง “รุ้งเคียงดาว” คนก็เริ่มรู้จักเรามากขึ้น ตอนนั้นก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย จนสุดท้ายก็มาทำรายการทีวี รายการ “คบเด็กสร้างบ้าน” ครับ”
    
    ก่อนหน้านี้ดูเงียบ ๆ ไป “เต้” หายไปไหน? “ผมไม่ได้หายนะ ก็มีถ่ายละครบ้าง ทำรายการทีวีบ้างแต่คนส่วนใหญ่คิดว่าผมหายไป เพราะไม่มีผลงานหนังให้ดู  ซึ่งผมก็รับหนังปีละเรื่องสองเรื่องนะ ผมคิดว่าอยากทำหนังที่เรารัก ไม่ได้คิดอยากทำเยอะแยะ อาจจะไม่ได้อยู่หน้าจอทีวีเลยดูหาย  อย่างตอนนี้ผมก็ได้มาร่วมงานกับทาง ช่อง 8 เป็นครั้งแรกเรื่อง นางมาร  ได้ร่วมงานกันสักพักแล้ว มีความสุขมากครับ เพราะว่านักแสดงแต่ละคนเรารู้จักกันมาก่อน อย่างผู้จัด พี่เมย์ เฟื่องอารมณ์ เราก็เคยร่วมงานกัน บวกด้วยทีมงานเก่า ๆที่เคยทำงานร่วมกัน เลยค่อนข้างสนิทกันเร็ว ทำให้งานราบรื่นผ่านไปด้วยดีครับ”
    
    ที่แน่ ๆ แอบไปแต่งงานใช่มั๊ย.. ช่วยอัพเดทให้ฟังหน่อย “จริง ๆ ไม่ได้แอบแต่งนะ  แต่ไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้นเอง  ผมแต่งงานเมื่อปี 2555 กับภรรยา ชื่อ น้ำหวาน-สรารัสมิ์ เยาวนานนท์ ความรักตอนนี้ก็ออกดอกออกผลแล้วครับ (หัวเราะ)มีลูกชาย 1 คน ชื่อน้อง ชีตาร์ อายุ 11 เดือน ชีวิตต้องรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เพราะตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว  ต้องรับผิดชอบทั้งชีวิตภรรยาและลูก ถึงแม้ว่ามันจะเหนื่อยแต่มันก็เป็นความรับผิดชอบที่ผมมีความสุขมาก สำหรับคนที่คิด จะมีลูกรีบมีเลย เพราะมีแล้วจะมีความสุขมาก ยกตัวอย่างให้เลย เมื่อก่อนพอผมถ่ายละครเสร็จก็จะปาร์ตี้ต่อกับเพื่อน ๆ ถึงเดี๋ยวนี้จะอยากไปกับเพื่อนมากแค่ไหน แต่ผมอยากจะกลับบ้านไปหาลูกมากกว่า  ลูกเป็นเหมือนกำลังใจเวลาที่เราเหนื่อยเราท้อ ใครที่อยากมีลูกผมจะรีบสนับสนุนว่ามีไปเลย อย่าไปรอ มันมีความสุขจริง ๆ” (ยิ้มหวานเชียว)
     
    เปลี่ยนสถานะเป็น “พ่อ” รู้สึกยังไงบ้าง “นึกถึงคำสอนของพ่อเรา ตอนที่เราเด็ก ๆ มันกลับมาหมดเลยนะ อย่างที่เขาห้ามทุกอย่าง เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์  ตอนเด็กผมชอบขี่มาก  ผาดโผนเลยแหละ  พ่อก็จะคอยห้าม ตอนเด็ก ๆ เราก็จะคิดว่าห้ามทำไมอะ แต่พอมาวันนี้เราเข้าใจเลยว่า มันเป็นแบบนี้นี่เองเขาถึงห้าม พอเรามีลูกแล้วเราเข้าใจเลย                            
    เราก็พยายามปลูกฝังลูก แต่ไม่ใช่ว่าเราจะห้ามทุกอย่างต้องดูเหตุและผลของมัน ค่อย ๆสอนให้เขาเข้าใจไปทีละเรื่อง ส่วนลูกคนที่ 2 มีแน่ครับ แต่คงต้องรออีกซัก 4 ปี รอให้คนแรกโตก่อน ถ้ามีตอนนี้เดี๋ยวแม่เขาจะเหนื่อย เราขอทุ่มเทให้คนแรกก่อน”
    
    “เต้”มีวิธีเติมเต็มความรักในครอบครัวยังไง “ก็ต้องดูแลใจกันบ่อย ๆ คือเราไปคิดแทนเขาไม่ได้นะ หรือบางทีรอให้เขาคิดแบบเดียวกับเรามันก็ไม่ได้ ก็ต้องคอยบอก  คอยพูด คือต้องหมั่นคอยเติมเต็มความรักให้กัน มีการแชร์ความคิดกัน ใส่ใจทุกรายละเอียดต่าง ๆ ซื่อสัตย์ต่อกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกันครับ คือเรามีลูกแล้ว ลูกเป็นเหมือนกาวใจให้เราทุกอย่าง ถ้าวันไหนเราโกรธกันพอมาเล่นกับลูกจะลืมความโกรธเลย ก็จะคิดว่าเราโกรธกันอยู่หรือเปล่านะ”
       
    วางแผนจะทำธุรกิจอะไรบ้างหรือเปล่า “วางแผนเกี่ยวกับธุรกิจมอเตอร์ ไซค์ครับ อาจจะเป็นไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ จริง ๆ แล้วผมอยากเปิดเป็นร้านอาหาร  มีขายขนม กาแฟ แต่โดยรวมอยากให้เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ คือตอนนี้คนขี่มอเตอร์ไซค์เยอะ ในสังคมที่ผมอยู่  ส่วนมากคนจะคิดว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ จะกินเหล้า เสเพล แต่ผมว่ามันไม่ใช่เสมอไป อย่างผมก็จะมีมุมที่แตกต่าง  ตื่นเช้ามากินกาแฟ เห็นหน้าเข้ม ๆ แบบนี้ก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันนะครับ ตอนนี้ก็แพลน ๆ ไว้จะออกมารูปแบบไหนต้องคอยดู”
     
    อยู่วงการบันเทิงมานาน  คิดว่าวงการนี้ให้อะไรกับ “เต้”บ้าง “ให้ชีวิตเลยครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้ แต่ท้ายที่สุดมันก็คืออาชีพของเรา ตอนที่ผมตัดสินใจเรียนรัฐศาสตร์ก็ตั้งใจจะไปรับราชการ เพราะพ่อกับแม่หวังไว้ แต่สุดท้ายผมก็ได้มาอยู่ในวงการบันเทิง ผมว่าจะอาชีพไหนถ้าคุณทำแล้วมีความสุข และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ผิดกฎหมาย ผมว่าทำเถอะครับ แต่ยังไงคนเราไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ผมว่าเราก็ต้องเต็มที่กับมัน  แล้วผลที่ได้เราจะภาคภูมิใจกับสิ่งที่เราทำอยู่ครับ”
    
    จากชีวิตเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ใครจะคิดว่าเขาจะได้เข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิง ในฐานะ “พระเอก”จนทำให้เส้นทางชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแบบไม่คาดฝัน แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนและทำให้เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตวันนี้  คือการได้เป็นพ่อคน เพราะมันทำให้เขาได้เข้าใจ และเรียนรู้กับคำคำนี้ ว่ามันซึ้งแค่ไหน .... “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)