ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 19 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 391 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 19 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2013, 04:51:01 am »

 ท่านหญิงนึกรู้จึงร้องห้ามเสียงหลง...ทันใดนั้น เสียงประนอมตกบันไดและร้องหวีดดังแว่วมา ท่านหญิงตกใจเปิดประตูพรวดออกมาดู แต่ก็สายเกินไปเพราะประนอมตกบันได้คอหักตายแล้ว... ท่านหญิงโกรธมากที่เฟืองฆ่าประนอม จึงบุกไปที่เรือนพักของเฟือง และงัดประตูเข้าไปที่ห้อง
    
    “ออกมา...ออกมาเดี๋ยวนี้ มาพูดกันให้รู้เรื่อง...อย่าให้โกรธมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ด้วยกันไม่ได้”
    
    ท่านหญิงขู่อย่างเอาจริง วิญญาณเฟืองจึงปรากฏตัวขึ้น ก้มหน้าหมอบเกือบติดพื้น
    
    “อยากเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนอยู่อย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่...อีกร้อยปีอีกพันปี แค่นี้ยังทุกข์ทรมานไม่พออีกรึ รู้ไว้ด้วยนะว่า...ไม่ใช่ตัวคนเดียวที่ทรมาน ฉันเองก็เป็นทุกข์ด้วย ฉันเองก็เหมือนตายทั้งเป็น...คิดว่าทำดีกับฉัน คิดว่าปกป้องฉัน คิดว่าแก้แค้นแทนฉัน แล้วนี่อะไรล่ะ ฉันต้องรับรู้ว่าตัวฆ่าคนอย่างเด็กประนอม ทำไมมันต้องตาย เพราะมันมารู้ว่าตัวฆ่านังบุหลันงั้นรึ เฮอะ คิดเหรอว่าไม่มีใครรู้ เขารู้กันทั้งวัง ตัวเป็นผีเร่ร่อนเที่ยวหลอกเที่ยวหลอนคนในวังอยู่อย่างนี้...ทำไมประนอมมันต้องตาย...ทำไมต้องฆ่ามัน...ฆ่ามันแล้วทุกอย่างจะจบสิ้นงั้นรึ”
     
    ท่านหญิงเกรี้ยวกราดอย่างสุดจะทน น้ำตาไหลริน
     
    “อย่ากันแสงมังคะ......อย่ามังคะ”    “ทำไม...ฉันไม่มีหัวใจงั้นรึ ต้องเก็บทุกอย่าง รัก...ชอบ...โกรธ...เสียใจ ต้องเก็บไว้ในอก แสดงออกไม่ได้ น้ำตาไม่ให้ใครเห็น ฉันเป็นคนหรือเปล่านี่...ไม่ใช่คนใช่มั้ย...เฟือง หญิงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เฟือง ให้มากพอที่เฟืองจะไปผุดไปเกิด หญิงไม่อยากเห็นเฟืองในสภาพอย่างนี้” ท่านหญิงตัดสินใจ
     
    “หม่อมฉันไม่รับบุญ”
    
    “ทำไมล่ะเฟือง” ท่านหญิงเอ่ยถาม
    
    “ผีไม่รับบุญทรงทำยังไงก็ไม่ถึงหม่อมฉัน อย่าทรงทำเลยมังคะ” เฟืองเสียงแข็ง
    
    “เฟือง หญิงขอร้อง...รักหญิงมั้ยเฟือง”
    
    “ถามหม่อมฉันอย่างนั้นทำไม” เฟืองสีหน้าเจ็บปวด
    
    “ถาม...แต่ไม่ต้องตอบหญิงหรอก...หญิงรู้ รักหญิงต้องเชื่อหญิงนะเฟือง...ถ้าใครถามหญิงว่าทุกวันนี้หญิงมีใครบ้าง ที่รักหญิง ที่ห่วงใยหญิงยิ่งกว่าตัวหญิงเอง หญิงจะตอบได้ทันทีว่ามีคน ๆ เดียว คน ๆ นั้นเป็นยิ่งกว่าแม่ของหญิง...ถึงคน ๆ นั้นตายไปแล้วแต่หญิงก็คิดถึงเสมอ...ได้ยินมั้ยเฟือง เฟืองไม่มีชีวิตอยู่กับหญิง แต่เฟืองจะอยู่ในใจหญิงตลอดไป”
     
    ท่านหญิงเอ่ยอย่างจริงใจ ทำให้เฟืองตื้นตันใจยิ่งนัก
    
    “คุณชายมา” เฟืองบอกท่านหญิงก่อนจะหายตัวไป
    
    “ท่านแม่คะ...อยู่ไหนคะ”
    
    เสียงชายเดียวดังแว่วมา ทำให้ท่านหญิงชะงักไป ขณะที่ชายเดียวมองหาท่านหญิงไม่พบ ก็หันมาถามสน
     
    “ใครบอกสนว่าท่านแม่มาที่นี่”
    
    “มาจริง ๆ ครับ คุณชาย” สนยืนยัน
    
    “ท่านแม่ทรงงัดประตูเหรอสน” ชายเดียวนึกเอะใจ
    
    “ท่านหญิงองค์เดียวที่จะทำครับ”
    
    “ทรงงัดทำไม แล้วท่านอยู่ไหน...อยู่ในห้องนี้เหรอสน”
    
    “เอ่อ...คงไม่ใช่หรอกครับ” สนอึกอักไม่กล้าบอก
    
    “ห้องนี้เป็นห้องของใคร...ใครอยู่ ฉันเห็นแต่ข้าหลวงอยู่เรือนทางโน้น...สน...เปิดประตูซิ” ชายเดียวสั่ง
    
    “อย่าเลยครับคุณชาย...อย่าเปิดเลย” สนขอร้องหน้าเครียด
    
    “ฉันเปิดเอง”
    
    ชายเดียวเอื้อมมือไปจะเปิด...แต่ประตูเปิดออกมาก่อน
    
    “ท่านแม่”
    
    “สน...พาประนอมไปรึยัง”
    
    “ยังกระหม่อม แม่สาลี่พาไปที่เรือนก่อน น่ากลัวต้องพรุ่งนี้ถึงจะพาไปวัดกระหม่อม” สนรายงาน
    
    “มัน...ตายแน่รึ” ท่านหญิงถามย้ำ “แน่กระหม่อม...ไม่มีลมหายใจแล้ว”
    
    “ช่วยกันจัดงานศพมันให้เรียบร้อย บอกสาลี่ใส่บาตรให้มันด้วย แล้วแกจัดการซ่อมประตู”
    
    ท่านหญิงสั่งเป็นฉาก ๆ แล้วเดินออกไป ชายเดียวเรียกท่านหญิงเอาไว้
    
    “ชายเดียว...อย่าถามอะไรแม่ แม่ไม่มีคำตอบอะไรให้ชาย แม่มาที่ห้องนี้แม่มีเหตุผลแต่ชายไม่จำเป็นต้องรู้ มันไม่เกี่ยวกับชาย...เข้าใจที่แม่พูดมั้ย” ท่านหญิงกำชับ
    
    “เข้าใจค่ะท่านแม่”
    
    ชายเดียวตอบรับ ก่อนจะพาท่านหญิงเดินเลี่ยงออกไป
      
    ชายเดียวเชิญฉัตต์ จริมา และรุ้งมาเที่ยวที่วังรังสิยา ทั้งสามมาเล่นกับชายเดียวอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งก่อนกลับรุ้งเห็นวิญญาณเฟืองยืนมองเธออยู่ ทำให้รุ้งแปลกใจไม่น้อยเพราะจริมากับฉัตต์ต่างก็ไม่มีใครเห็นเฟืองเหมือนที่เธอเห็น เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น รุ้งก็เล่าให้จันทร์ฟัง
    
    “คุณฉัตต์...คุณริมาบอกว่าไม่เห็นใครเลย แต่ลูกเห็นจริง ๆ นะจ๊ะแม่”
    
    “ที่วังนั้นมีคนแก่ผู้หญิงสองคน” จันทร์ปรารภ
    
    “แม่รู้?” รุ้งแปลกใจ
    
    “รู้จ้ะลูก ได้ยินใคร ๆ เล่ากัน แต่ตอนนี้ได้ยินว่า...ตายไปคนหนึ่งแล้ว” จันทร์อ้อมแอ้มตอบ
    
    “ลูกเห็น...” รุ้งพึมพำสีหน้าสงสัยมาก
     
    “ทำไมหรือลูก คิดอะไรอยู่”
    
    รุ้งส่ายหน้าเครียด ๆ ทำให้จันทร์ใจหาย อ่านสีหน้ารุ้ง สังหรณ์ใจอะไรบางอย่างแต่ต้องสะกดใจไว้ พจน์ล้มป่วยเป็นโรคปอด แต่เขากลับปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยกลัวว่าตนอาจมีอันเป็นไปเสียก่อน จึงตัดสินใจเล่าเรื่องรุ้งกับจันทร์ให้หลวงวิเศษฟัง...จากนั้นก็ชวนหลวงวิเศษมาที่บ้านเพื่อพบกับจันทร์
    
    “จันทร์...ตามที่น้องอนุญาต พี่ได้เล่าให้คุณหลวงฟังทุกอย่าง” พจน์ออกตัว
    
    “หม่อมบุหลันคือ....” หลวงวิเศษจะถามเรื่องรุ้ง แต่จันทร์โพล่งขึ้นมาก่อน
    
    “หม่อมราชวงศ์หญิงวิมลโพยม รังสิยา”
     
    “หม่อมมีลูกแฝด คุณชายศักดินา กับ...”
    
    “ค่ะ ลูกหญิงคลอดในเรือ ไม่มีใครที่วังรู้เรื่อง” จันทร์สารภาพตรง ๆ
    
    “เรื่องเป็นอย่างไรครับ” พจน์เอ่ยถาม
    
    “ตัวการคือนางเฟือง ทั้งแต่งเรื่อง ทั้งสั่งฆ่า แต่นางเฟืองก็ชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน ก่อนตายฆ่านายแคล้วด้วย หม่อมและเจ้ายอดหายไปด้วยกัน” หลวงวิเศษเล่ารายละเอียด   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)