“ริมา...เร็วค่ะเดี๋ยวไม่ทัน” รุ้งพยักหน้าให้ “จริมาไปนะ เดี๋ยวโดนแม่ดุ...แม่คนเนี้ย...”
จริมาแซวอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินไปกับรุ้ง พวกเพื่อน ๆ ที่มองอยู่พากันหัวเราะชอบใจ ...รุ้งกับจริมาเดินมารอรถที่หน้าโรงเรียน จึงได้เห็นชายเดียวมารับคุณหญิงทอแสง และคุณหญิงลักษณา
“พี่ชายเดียว มารับหญิงเหรอคะ” คุณหญิงทอแสงเดินยิ้มเข้ามาหา
“ใช่ น้าหญิงเล็กยังทำธุระไม่เสร็จ ขอให้พี่มารับหญิงไปส่งที่วัง”
ชายเดียวบอกพลางหันไปยิ้มให้จริมาและรุ้ง
“โธ่เอ๋ย...ทำเป็นยิ้ม คิดว่าหล่อซะเต็มประดา”จริมาย่นจมูกอย่างหมั่นไส้
“ทำไมไปว่าเขาอย่างนั้นนะ คุณริมา” รุ้งปรามเบา ๆ
“เอ๊ะ ตัวเล็ก เรียกคุณอีกแล้ว” จริมาเอ็ด ไม่ชอบใจนัก
“ก็รุ้งบอกแล้วว่า ต่อหน้าคนเท่านั้นถึงจะเรียกริมาเฉย ๆ เพราะคุณริมาบังคับรุ้ง” รุ้งเอ่ยตรง ๆ
“ไม่ได้” จริมาแว้ดใส่
“ทำหน้าดี ๆ คุณชายเดียวเดินมาแล้ว” รุ้งรีบบอก
“งั้นเหรอ...งั้นสวย” จริมายิ้มมาดหมาย
“พี่ชายเดียว หญิงรีบนะคะไปเถอะค่ะ หญิงลักษณ์ไปขึ้นรถสิยะ” คุณหญิงทอแสงรั้งชายเดียวเอาไว้
“พี่ทักเพื่อนก่อน” ชายเดียวหันมาบอกและเดินมาหาจริมาและรุ้ง
“รุ้งครับ สวัสดี...ริมาครับ ส...”
ชายเดียวพูดไม่ทันจบ จริมารีบบอกรุ้งว่าตาแนบมาแล้ว ดึงรุ้งพาไปขึ้นรถทันที ตัวเองตามขึ้นไป หันมาสบตาชายเดียวจัง ๆ ทำหน้าเย้ยเหมือนจะพูดว่า “มีอะไรมั้ย” ชายเดียวยืนขำ ๆ ในหน้า
“จริมา มารยาทเลวจริง ๆ พี่ชายเดียวจะไปทักเค้าทำไม” คุณหญิงทอแสงต่อว่าชายเดียว
“ทั้งจริมาทั้งรุ้งเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทของพี่ เราพบกันบ้างเป็นบางครั้ง” ชายเดียวอธิบาย
“แหม...สนิทกันงั้นเชียว พบกันที่ไหนคะ” คุณหญิงทอแสงถามค้อน ๆ
“ที่บ้านพี่ฉัตต์...เพื่อนพี่” ชายเดียวบอกก่อนจะขึ้นรถ
เย็นวันนั้น เมื่อชายเดียวมาถึงวังรังสิยาท่านหญิงก็พาเขาไปดูเรือที่เพิ่งซื้อให้ ทำให้ชายเดียวดีใจมากจึงชวนท่านหญิงไปนั่งเรือเล่นในคลอง จากนั้นสองคนแม่ลูกก็เดินเลี่ยงไปรอบ ๆ วัง...จนชายเดียวได้พบเรือนของเฟืองที่อยู่ริมน้ำท้ายวัง
“หม่อมแม่คะ...ท่านพ่อสั่งไว้ให้รื้อเรือนเนี่ย...แถวนี้รกร้างเหมือนไม่ใช่อาณาเขตวังรังสิยา เราทำให้มันดีขึ้นได้นะคะ อย่างเช่น สนามเทนนิส หรือสระว่ายน้ำ” ชายเดียวเสนอความคิด
“เหลวใหล ใครจะเล่นเทนนิส ใครจะว่ายน้ำเสียเงินเปล่า ๆ” ท่านหญิงดุเบา ๆ
“ต้องมีสิคะ อย่างน้อยก็ชายคนหนึ่งละ เรือนข้าหลวงเก่าปิดตายไว้เฉย ๆ เราควรจะรื้อเสียแล้วสร้างศาลาหรือสวนให้ดูสวยงามดีไหมคะท่านแม่” ชายเดียวยืนยันความคิดของตน
“ไม่ดี...หยุดพูดได้แล้ว ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่อนุญาต เข้าใจไหมชายเดียว”
ท่านหญิงแสดงท่าทีโกรธจนทุกคนตกใจ
“แต่ท่านแม่คะ...ท่านพ่อสั่งไว้ในพินัยกรรมนี่คะ...เราควรจะทำตามพินัยกรรม แต่ก็...”
ชายเดียวพูดไม่ทันจบ ท่านหญิงก็ตวาดขึ้น
“จำไว้นะศักดินา อย่าถือตัวว่าท่านพ่อประทานทุกสิ่งทุกอย่างให้ เพราะตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจ ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำตามอำเภอใจในวัง “รังสิยา” นี้ ฉันห้ามเป็นคำขาดไม่ให้มีการก่อสร้างเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรือนข้าหลวงเก่า”ท่านหญิงประกาศกร้าว
“ชายไม่เคยคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจ ชายหวังดี” ชายเดียวหน้าเสียมาก
“พอ...เก็บความหวังดีของเธอไว้ รับรู้แต่เพียงว่า ฉันไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ฉันหวังว่าเธอคงจะเข้าใจและทำตาม ถ้าหากเธอยังคิดว่าเป็นลูกชายฉันอยู่”
ท่านหญิงพูดจบก็เดินหนีไปทันที ชายเดียวยืนอึ้งสีหน้าไม่ดี
“คุณชายคะ...ท่านหญิงกริ้วใหญ่แล้ว คุณชายรีบไปกราบขอประทานโทษเถอะค่ะ...เร็ว ๆ เข้า” ผ่องเตือน
“ฉันไม่ผิด...ฉันแค่ออกความเห็น ไม่ทรงเห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องกริ้วรุนแรงขนาดนั้น”
ชายเดียวเอ่ยอย่างเคือง ๆ และวิ่งหนีไปอีกทาง
กลับมาถึงบ้านรุ้งรีบลงจากรถจะเข้าไปช่วยงานที่ในครัว ฉัตต์หน้าบึ้งออกมาขวางหน้ารุ้งถามจะรีบไปไหน
“พี่ฉัตต์ ให้ตัวเล็กไปเถอะน่า เขาจะไปทำอาหารที่พี่ฉัตต์ชอบนั่นแหละ โธ่เอ๊ย ไม่รู้อะไรเสียเลย” จริมาแว้ดใส่
“รู้อะไรริมา” ฉัตต์ถาม
“ก็รู้ว่า ทั้งน้าจันทร์ทั้งตัวเล็กน่ะ รุมกันเอาใจพี่ฉัตต์ขนาดไหน”
ฉัตต์นิ่งไปอึดใจหนึ่ง สีหน้าเขินบาง ๆ แต่แล้วทำเคร่งขรึมตามเดิม
“ไม่จำเป็น”
“เหรอ?” จริมาทำหน้าล้อเลียนยื่นหน้ามาตรงหน้า
ฉัตต์จะยิ้มแต่ไม่ยอมยิ้ม แกล้งเอามือกดหัวน้องสาวเล่น จริมาร้องเอะอะ ฉัตต์ทำหน้าเฉย ๆ
“คุณย่า...คุณย่า...คุณพ่อ น้าจันทร์ ตัวเล็ก ช่วยด้วย...พี่ฉัตต์จะฆ่าริมา ริมาคอจะหักอยู่แล้วค่า โอ๊ยเจ็บ เจ็บค่ะพี่ฉัตต์”
จริมาย่อตัวลง หลุดจากมือของฉัตต์ แล้วพุ่งชนฉัตต์ เขาล็อกคอริมาเอามากอดไว้แน่น ๆ กับตัว พาลากเข้าห้องไป
“วันนี้คุณชายเดียวเขาไปที่โรงเรียนริมาด้วย” จริมาฟ้อง
“ไปหาใคร” ฉัตต์เสียงเข้ม
“แหม! ทำเสียงอย่างนั้น คิดว่าเขาไปหาใครเป็นพิเศษเหรอคะ”
“ไม่มี”
ฉัตต์หน้าขมวด แล้วเดินหนีไป จริมาหัวเราะคิกคัก เดินตามส่งเสียงไปด้วย
“ไม่มีจริงเหรอ...พี่ฉัตต์...พี่ฉัตต์ จริงรึเปล่าค้า”
ที่บ้านปัณณธรมีแขกผู้ใหญ่มาเยี่ยม คุณหญิงเพ็งให้รุ้งเล่นเปียโนไทยเดิมให้ฟัง
“โอ๊ย ตัวเล็กนี่เล่นเพลงน้อย...นอยอยู่นั่นแหละ เอามัน ๆ หน่อย มันหน่อย” จริมาเดินโวยวายเข้ามา
“เพลงมัน ๆ เล่นไม่เป็น...ทำนองเป็นยังไงเหรอคะ” รุ้งทำหน้าฉงน
“โอ๊ย จะตายคาที่เลยเนี้ย...ไม่ใช่ชื่อเพลงมัน ๆ ริมาหมายถึงเพลงน่ะ...ให้มัน ๆ หน่อย มันน่ะ รู้เรื่องมั้ย”
“ไม่รู้ค่ะ”
จริมาเห็นฉัตต์เดินหน้าเคร่งจัดเข้ามา
“โห...ใครเอาเชือกมาผูกหน้าพี่ฉัตต์ไว้เนี่ย”
“ไม่ตลกเลย” “เก๊าะอย่าตลก ตัวเล็ก เอ้าเล่นเพลง...สุขเถอะพวกเรา”
รุ้งบรรเลงจริมาลุกขึ้นทั้งร้องทั้งเต้น อย่างสนุกสนาน ฉัตต์ชำเลืองดู รุ้งหันมาสบพอดี เธอมือไม้อ่อน จึงหยุดเล่น เปลี่ยนเป็นเล่นเพลงฝรั่ง Autumn Leaves ฉัตต์เหลือบดูสายตาอ่อนโยน จริมาบอกรุ้งให้ร้องด้วย สองสาวผลัดกันร้องรับส่งกัน จู่ ๆ ฉัตต์ลุกพรวดหน้าบึ้ง
“ไม่เกรงใจผู้ใหญ่ ร้องเพลงเสียงดัง...ไม่มีความคิด อยู่ ๆ ลุกขึ้นมาเล่นเปียโน รบกวนผู้ใหญ่กำลังรับประทานอาหาร”
ฉัตต์จ้องรุ้งนัยน์ตาดุ ๆ ทั้งที่สายตามีความซึ้ง ๆ ซ่อนอยู่ รุ้งหน้าเสียน้ำตาเริ่มคลอ ลุกขึ้น เดินก้มหน้าออกไป ฉัตต์เข้าจับแขนรุ้งให้หันมาเห็นเธอน้ำตาเต็มตา ฉัตต์ยืนงง ๆ “ทำไม...ถามว่าทำไมต้องลุกหนี”
รุ้งดึงแขนตัวเองออกจากมือฉัตต์เดินสะอื้นจากไป จริมาหันมามองพี่ชายอย่างเคือง ๆ
“พี่ฉัตต์ ริมาจะบอกอะไรให้นะ ฟังแล้วไม่ต้องขอโทษริมาก็ได้ แต่พี่ฉัตต์ต้องขอโทษตัวเล็ก”
“มันเรื่องอะไร จ้างให้ก็ไม่ขอโทษ ไม่ว่าใครทั้งนั้น” ฉัตต์พูดจบเดินออก
“คุณย่าเป็นคนบอกให้ตัวเล็กเล่นเปียโนเพลงอะไรก็ได้ สนุกก็ได้ แต่คุณปู่ท่านเจ้าคุณที่มาทานข้าวน่ะ เป็นคนขอเพลง Autumn Leaves”
ฉัตต์ชะงักกึก แล้วก็เดินไปสีหน้ารู้สึกผิด
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง