“เห็นที่งานสวดพระศพท่านพ่อไงครับ”
“งานสวด...ท่านพ่อของคุณชายหรือคะ” จันทร์ย้อนถามเสียงหลง หน้าซีด ตกใจ
“ที่คุณร้อยไปวันหนึ่ง อีกวันเด็กผู้หญิงคนนั้น..ชื่อ..ตัวเล็ก..ใช่มั้ยพี่ฉัตต์” ชายเดียวหันมาถาม
“เขาชื่อรุ้ง” ฉัตต์ตอบเมิน ๆ
“ครับ ที่รุ้งเอาไปถวายหน้าพระศพ ท่านแม่รับสั่งว่าคนร้อยมาลัยเก่งมาก แล้วยังเป็นดอกพุดที่ท่านพ่อโปรด”
จันทร์รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด ตัวชาไปหมด เพ่งมองหน้าชายเดียวอย่างตื้นตัน เมื่อรู้ว่าชายเดียวเป็นลูกของตน
“พี่ไม่ค่อยเห็นใครร้อยมาลัยดอกพุด บ้านนี้ร้อยด้วยดอกมะลิ” ฉัตต์เปรยขึ้น
“ท่านพ่อโปรดมาลัยดอกพุดครับ ท่านแม่รับสั่งว่า ช่วงหลังไม่ได้ถวายท่านพ่อ เพราะไม่มีใครร้อยเป็น...เดี๋ยวผมต้องรีบกลับแล้วนะครับ พี่ฉัตต์” ชายเดียวบอกฉัตต์
“ทำไมเล่า เพิ่งมาเอง” “กลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ครับ ผมสงสารท่าน ตั้งแต่ท่านพ่อสิ้น ท่านเงียบมาก ผมไม่เห็นท่านยิ้มเลย”
“ชายเดียวก็ต้องทำให้ท่านยิ้มสิ เป็นลูกชายคนเดียวนี่” ฉัตต์แนะนำ
“ครับ... ผมทราบครับพี่ฉัตต์”
“เราเหมือนกัน พี่ไม่มีแม่ ชายเดียวไม่มีพ่อ” ฉัตต์ปลอบอยู่ในที
“ท่านพ่อเป็นอัมพาตตั้งหลายปีก่อนท่านสิ้น...ผมคิดว่าท่านสิ้นไปสบายกว่า..ท่านแม่บอกผมว่า ท่านจะเป็นทั้งแม่เป็นทั้งพ่อให้ผม”
ชายเดียวเล่าให้ฉัตต์ฟัง แต่จันทร์ที่ได้ยินเรื่องราวจากปากลูกชายก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ต้องรีบเดินออกไปก่อนที่ใครจะเห็น ... ชายเดียวคุยกับฉัตต์สักพักก็ขอตัวกลับ ฉัตต์เดินออกมาส่ง จันทร์ยืนคอยอยู่หน้าตึกกระวนกระวายเล็ก ๆ
“ผมจะกลับแล้วครับคุณจันทร์ ขอบคุณนะครับ ขนมอร่อยมาก” ชายเดียวหันมาบอกจันทร์
“ถ้าคุณชายชอบก็มาบ่อย ๆ นะคะ เอ่อ...ดิฉันจะทำไว้ให้ทานค่ะ”
“ผมคงมาบ่อยไม่ได้ ต้องดูแลท่านแม่ครับ”
“ท่านแม่ของคุณชายสุขภาพเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ท่านอ่อนแอ สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง”
“เอ่อ... เพราะท่านพ่อคุณชายสิ้นหรือคะ” จันทร์อึกอักนิดหน่อยแล้วถาม
“ผมไม่คิดว่าใช่ ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ค่อยพูด...เอ้อ พูดกันน้อยมาก แต่ท่านอาจจะกลุ้มทัยเรื่องท่านพ่อประชวร”
“จะรีบกลับไม่ใช่หรือชายเดียว” ฉัตต์ยืนไม่พอใจ ดึงแขนชายเดียว
“ครับ... ผมลาอีกทีครับ” ชายเดียวก้มหัวให้นิด ๆ
จันทร์ยื่นมือออกไปเหมือนจะแตะ แต่ฉัตต์ดึงแขนชายเดียวไปที่รถ แต่ทั้งคู่ต้องชะงักรอ เพราะสนไม่อยู่
“ชายเดียว ทำไมคุยกับเขาตั้งนาน เขาถามอะไรก็เล่า..เล่าทำไม”
“ผม...ไม่ทราบ...คุณน้าของพี่ฉัตต์ถาม...และผมก็อยากเล่าครับ” ชายเดียวมองไปทางจันทร์
“โอ๊ย...น่าเบื่อ ใคร ๆ ก็ติดใจเขาทั้งนั้น ไม่รู้เหรอว่าเขาน่ะ...” ฉัตต์หยุดกึก
“ทำไมครับพี่ฉัตต์”
“ไม่อยากพูดหรอก ไปเถอะชายเดียวเดี๋ยวท่านแม่คอย”
“ผมควรจะไปลาคุณย่ากับคุณพ่อพี่ฉัตต์”
“ไม่อยู่ทั้งสองคน”
จันทร์มองไป เห็นสนกับละมัยวิ่งมาเร็ว ๆ จันทร์ก็รีบหลบวูบ กลัวสองคนเห็น....แต่เมื่อสนกำลังจะขับรถออกจากบ้านปัณณธร แล้วรถที่ชายเดียวนั่งต้องเบรกเอี๊ยด เกือบชนรุ้งที่วิ่งไล่กับจริมาออกมาล้มลง ชายเดียวตกใจรีบลงไปดู
“เป็นอะไรบ้างรึเปล่าครับ” ชายเดียวรีบลงไปดูรุ้ง
“ล้มอย่างนี้ไม่น่าถาม ลองล้มมั่งเอามั้ย” จริมาโวยวายใส่ชายเดียว
“ถามอย่างนี้ ก็ไม่น่าถามเหมือนกัน...ลุกขึ้นเถอะครับ จับมือผม”
ชายเดียวส่งมือให้ รุ้งยื่นมือให้ชายเดียวจับ แต่แล้วฉัตต์ก็เดินมาจับมือชายเดียวออกไปทันที
“ลุกเอง..” ฉัตต์สั่งรุ้ง และดึงชายเดียวให้เดินห่างออกไป
“พี่ฉัตต์...คนใจร้าย อีตาชายเดียวทีหลังอย่ามาอีกนะ..มาทำคนเจ็บแล้วยังไมช่วยอีก” จริมาต่อว่า
“ผมก็....จะช่วย” ชายเดียวเสียงอุบอิบ
“เอ้า ลุกรึยัง” ฉัตต์ตวาดเบา ๆ รุ้งหน้าเหยเก ขยับตัวจะลุก แต่เซไป
“พี่ฉัตต์ .. ช่วยตัวเล็กเดี๋ยวนี้นะ” จริมาแว้ดใส่
“เอ้า...ลุก...ลุกได้แล้ว”
ฉัตต์ยื่นมือให้รุ้ง เมื่อรุ้งจับมือฉัตต์ พยุงให้ยืนได้ เธอก็แข็งใจยืนทั้ง ๆ ที่ปวดข้อเท้า แล้วเดินโขยก ๆ ไป จันทร์ที่แอบดูอยู่จะเข้าไปช่วย แต่ยอดเข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน
“พี่..ฉัตต์...พาตัวเล็กขึ้นตึกเดี๋ยวนี้ เป็นสุภาพบุรุษรึเปล่า”
จริมาโวยวายเสียงดังใส่ฉัตต์ ทำให้เขาต้องเข้าไปประคองรุ้งพาเดินเข้าไปในบ้าน
“ยอด..รู้มั้ยว่านั่นคุณชาย...คุณชายลูกชายของฉัน” จันทร์ถามยอดเสียงเศร้า
“ผมทราบครับ”
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง