ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 10 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 846 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 10 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2013, 08:21:02 am »

 ตอนที่ 6
    
    คืนนั้น หลังจากสวดศพเสร็จ ท่านหญิงก็กลับมาที่วังรังสิยา ซึ่งเธอครุ่นคิดถึงเรื่องจันทร์อยู่ในใจ
    
    “ถ้าใช่มัน... มันก็โชคดี ชีวิตเดียว...ได้ตายสองหน”
    
    เสียงของเฟืองดังแว่วเข้ามาในหู
    
    “ถ้าใช่เขาจริง... อย่าทำอะไรเขาเป็นอันขาด เพราะเขายังไม่ตาย ก็เท่ากับเฟืองยังไม่ได้ทำบาป” ท่านหญิงห้ามปราม ทันใดนั้นแจกันที่วางตั้งอยู่ก็ตกพื้นแตกเพล้ง
    
    “ว่าแต่...ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเขาตายแล้ว ...ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าฆ่าเขา เขารู้กันทั่ววังแล้ว... ใคร ๆ ก็รู้จักว่าตัวเกลียดเขา อยากให้เขาตาย คนในวังนี้ไม่โง่นะ” ท่านหญิงเตือนเสียงเข้ม
     
    แล้วลมพัดผ่านวูบไปแรง ๆ ออกนอกหน้าต่างไป วิญญาณของเฟืองที่อาฆาตแค้นได้ไปเล่นงานสาลี่ที่ในห้อง
    
    “ไม่โง่รึ...ฉลาดนักรึมึง...นังสาลี่”
    
    ผีเฟืองตวาดดุสาลี่ ทำให้สาลี่ตกใจจนสลบไป...นอกจากจะหลอกสาลี่แล้ว วิญญาณเฟืองที่มาดูแลท่านหญิงก็ทำให้ผ่องเห็นโดยบังเอิญ ทำให้ผ่องหวาดกลัวจนล้มหมอนนอนเสื่อ...ทางด้านจันทร์ หลังกลับจากงานศพของท่านชายสีหน้าก็ยังไม่คลายความโศกเศร้า พจน์แปลกใจจึงเรียกจันทร์มาคุยที่ระเบียง
    
    “หันตรา...เป็นชื่อของรับประทานหรือ” พจน์เปรยขึ้น
    
    “ค่ะ เป็นถั่วกวนปั้นหุ้มไข่ฝอย คุณริมาชอบมากทำทีไร...”
    
    จันทร์พูดยังไม่จบประโยค พจน์ก็ขัดขึ้น  “จันทร์..สิ่งที่น้องทำทุกอย่างเกินกว่าชาวบ้านธรรมดา ๆ จะทำได้ น้องคิดว่าสมควรแก่เวลาหรือยังที่พี่ควรจะรู้ความจริงว่าน้องเป็นใคร...มาจากไหน ถ้าอดีตของน้องเป็นเรื่องที่มีอันตราย ให้พี่รู้ความจริง พี่อาจจะช่วยเหลือน้องกับรุ้งได้มากกว่านี้” จันทร์น้ำตาเต็มตา
    
    “มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านชายวังรังสิยาหรือไม่...น้องเคยอยู่ที่วังนั้นหรือ ถ้าใช่ ท่านหญิงแขไขจรัสไม่ทรงชอบน้องหรอกนะ พี่เห็นสายพระเนตรท่าน” พจน์เอ่ยอย่างจริงใจ
    
    “บางทีเวลานั้นอาจมาถึงแล้ว ดิฉันเป็นอะไรไป รุ้งจะได้มีคนช่วยทวงสิทธิของแกคืน” จันทร์เอ่ยขึ้น
    
    “สิทธิของรุ้ง?” พจน์ชะงัก “ดิฉันจะเล่าทุกอย่างให้คุณพี่ฟังเดี๋ยวนี้ค่ะ”
    
    แล้วจันทร์ก็ตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้พจน์ฟัง จากนั้นเธอก็ขอร้องให้พจน์พารุ้งไปกราบศพท่านชาย พจน์ตอบตกลง
     
    วันต่อมาพจน์ก็ทำตามคำขอของจันทร์ ด้วยการพารุ้ง จริมา และฉัตต์ไปงานศพของท่านชาย เมื่อมาถึงงานพจน์ก็เข้ามาจุดธูปกราบวิญญาณของท่านชาย
    
    “กระหม่อมได้ทำในสิ่งที่หม่อมบุหลันขอร้อง คือนำลูกอีกคนหนึ่งของฝ่าบาทมาเฝ้า หากทรงมีญาณพิเศษใด ๆ ขอให้ทรงทราบว่าเวลานี้ หม่อมราชวงศ์หญิงวิมลโพยมได้มาพบท่านพ่อของเธอแล้ว และขออย่าได้ทรงห่วง เพราะกระหม่อมสัญญาว่าจะดูแลทั้งแม่และลูกให้ดีที่สุด” พจน์อธิษฐานอยู่ในใจ
    
    จากนั้นพจน์ก็พาเด็ก ๆ มากราบท่านหญิงแขไข
    
    “คนไหนลูกสาวคุณพจน์ คนไหนหลานสาว” ท่านหญิงแขไขถามเนิบ ๆ
    
    “คนนี้จริมาลูกกระหม่อม คนนี้ลูกแม่จันทร์ ชื่อรุ้ง” พจน์แนะนำ
    
    ท่านหญิงพินิจดูรุ้งอย่างเพ่งเล็ง รุ้งก้มลงกราบท่านหญิง พร้อม ๆ กับจริมา
    
    “หน้าตาดีทั้งคู่ เรียนโรงเรียนเดียวกับหญิงทอแสง” ท่านหญิงพูดเชิงถาม
    
    “เรียนชั้นเดียวกันเพคะ แต่คนละห้อง” จริมาตอบชัดถ้อยชัดคำ
    
    “รุ้ง” ท่านหญิงหันไปถามรุ้ง
    
    “มังคะ”
    
    ท่านหญิงสะกิดนิดหนึ่งที่รุ้งพูดว่า “มังคะ”
    
    “รุ้งเป็นชื่อเล่นใช่มั้ย ชื่อจริงชื่ออะไร”
    
    “ชื่อจริงกระหม่อม รุ้ง ปัณณธร” พจน์ตอบแทน
    
    “คุณพจน์โชคดีมีทั้งลูกชาย ลูกสาว หลานสาว ฉันมีลูกชายเดียวคนเดียว อยู่โรงเรียนประจำบ้านช่องเงียบเชียบ ผู้คนเหงาหงอยไปตาม ๆ กัน” ท่านหญิงปรารภเศร้า ๆ
    
    “เมื่อก่อนพี่หญิงยังมีคนสนิทคอยดูแล วังก็ยังมีงานรื่นเริงบ้าง เพราะแม่เฟืองเขาเป็นแม่งาน นี่เขาตายไป ท่านชายก็ประชวรหลายปี วังเลยเงียบจริง ๆ”
    
    ท่านหญิงเล็กเสนอหน้าพูด ขณะที่พจน์ตกใจไม่น้อย ที่ได้ยินว่าเฟืองตายแล้ว....จันทร์กระวนกระวาย ยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นรถแล่นเข้ามา จันทร์ก็รีบเข้าไปรับเด็ก ๆ ลงจากรถ ด้วยความร้อนใจ
    
    “ทำตัวเรียบร้อยมั้ยคุณริมา”
    
    “เรียบร้อยที่สุดในชีวิต...อย่างนี้ตลอดเลย” จริมาห่อตัวล้อเลียน
    
    “โธ่เอ๊ย...เห็นกราบก้นโด่ง” ฉัตต์กระเซ้าน้องสาว
    
    “พี่ฉัตต์ ตัวเองอยู่ข้างหน้าริมา เห็นได้ไงคะ” จริมาหันไปค้อน
    
    “เห็นแล้วกัน ไม่เหมือน...” ฉัตต์บุ้ยใบ้ไปที่รุ้ง และเดินหนีไปดื้อ ๆ
    
    “อ๋อ ไม่เหมือนรุ้ง...ก็เค้าเป็นกุลสตรี ริมาไม่ใช่นี่...ตัวเล็ก...ริมาอาบน้ำก่อนนะ” จริมาเดินเลี่ยงไป รุ้งเดินตามไป
    
    “ขอบคุณคุณพี่ค่ะ เป็นพระคุณที่สุดที่พารุ้งไปเฝ้า... ถึงแม้จะเป็นพระศพ” จันทร์เอ่ยกับพจน์อย่างซาบซึ้ง
    
    “พี่เต็มใจทำ...คิดว่าต้องทำด้วย ขอบใจที่น้องเล่าเรื่องให้พี่รู้ จันทร์...แม่เฟืองตายแล้ว” พจน์บอก
    
    “เป็นอะไรตายคะ” จันทร์ถามอย่างตกใจ
    
    “พี่ไม่รู้ ไม่ได้ถามกลัวจะมีคนสงสัยจันทร์ ...น้องจะอโหสิกรรมให้เขาได้หรือไม่”
    
    คำถามของพจน์ทำให้จันทร์ได้แต่นิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก...จันทร์ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในที่ สุดเธอก็มีคำตอบในใจ จึงได้มาคุยกับพจน์ที่ห้องทำงาน
    
    “พี่รับฟังได้ทุกอย่าง พูดมาเถอะ”
    
    “ดิฉันควรทำอย่างที่คุณพี่แนะนำใช่ใหมคะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร อโหสิให้เขาเสีย” จันทร์ย้อนถาม
    
    “ใช่...พี่หวังว่า น้องจะคิดอย่างนั้น”
    
    “คุณพี่คงผิดหวัง ถ้าหากดิฉันจะบอกว่าดิฉันคงจะอโหสิให้เขาได้ แต่ไม่ใช่วันนี้ ดิฉันไม่ใช่แม่พระ แต่เป็นปุถุชนธรรมดา ดิฉันไม่เคยคิดร้ายกับใคร แต่สิ่งที่เขาทำกับดิฉันมันร้ายแรงมากจนอภัยไม่ได้ ถ้าหากเขาไล่ดิฉันกับลูกสองคนไปก็ยังพออโหสิกันบ้าง แต่ที่เขาพรากลูกไปจากดิฉัน แล้วยังฆ่าดิฉัน ความแค้นมันเป็นความทุกข์อยู่ในใจตลอดเวลา... ดิฉันควรอโหสิให้เขาง่าย ๆ งั้นหรือคะ” จันทร์ย้อนถามเสียงเครียด
    
    “กรรมตามสนองเขาแล้ว เท่ากับฟ้าดินลงโทษแล้วนะ” พจน์เตือนเนิบ ๆ
    
    “ดิฉันเข้าใจค่ะ ก็อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า คงมีสักวันที่ดิฉันจะอโหสิให้เขา” จันทร์แบ่งรับแบ่งสู้   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)