ผู้เขียน หัวข้อ: ‘ฟร้อนท์’ เธอผู้ไม่แพ้ ได้กำลังใจจากลูก - คนดังหลังฉาก  (อ่าน 843 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์

 หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปนานเกือบ 2  ปี   ดารา-นางแบบชื่อดัง “ฟร้อนท์ มอนโกเมอรี่” พร้อมลูกสาวสุดที่รัก “ลีโอนี่” วัย 11 ขวบ ได้เดินทางกลับจากอเมริกาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา  พอรู้ข่าวปุ๊บ..เราก็รีบคว้าตัวเธอมานั่งคุยซะเลย เพื่อคลายความคิดถึงของใครหลาย ๆ คน
    
    ฟร้อนท์นัดเราไปเจอที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 62 พอไปถึงที่หมาย เห็นเธอยืนรออยู่หน้าบ้าน  นาทีนั้นรู้สึกได้ทันทีว่า เธอดูสวยสดใสขึ้นเยอะเลย จากนั้นก็ได้เวลาเมาท์แตก เพราะไม่ได้เจอกันนานจัด..
    
    ไปทำอะไรที่อเมริกาจ๊ะ  “ไปอยู่วอชิงตันสเตท  2 ปี  เริ่มต้นทำงานร้านอาหาร   หลังจากนั้นมีคนมาเห็นแล้วบอกว่า เก่ง 2 ภาษาทำไมไม่ไปเป็นล่าม ฟร้อนท์ก็เลยเริ่มไปหาข้อมูลแล้วเริ่มท่องหนังสือ แล้วก็ไปสอบปรากฏว่าสอบผ่าน ได้ใบรับรองแสดงว่าสอบผ่านทั้งข้อเขียนและการพูดในฐานะของการเป็นล่ามระหว่างหมอกับคนไข้ จากนั้นเริ่มมีเอเจนซี่โทรฯมาติดต่อ  เราก็ต้องทำธุรกิจคือชื่อของเราต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะเราต้องเสียภาษีในหน้าที่ของตัวเอง  ไม่มีเอเจนซี่มาหักภาษีให้เรา”
    
    “ฟร้อนท์ได้ไปทำงานตามโรงพยาบาลตามคลินิก สมมุติวันนี้มีคนไข้มาที่คลินิก บางคนเค้าก็จะโทรฯหรือไม่ก็อีเมลหาล่ามที่พูดภาษาไทยได้ อย่างเราเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ไหน เขาก็จะรู้แล้วว่าคนนี้เป็นล่ามภาษาไทย  สมมุติมี 5 คน เขาจะดูว่าคนไหนว่าง  แล้วก็จะให้ล่ามไป  คือคนไข้เป็นคนไทย หมอเป็นฝรั่ง แล้วเราก็แปลภาษาระหว่างหมอกับคนไข้  ฟร้อนท์ได้ดูแลคนไข้มาเยอะมาก”
    
    คนไข้รู้มั้ยว่า  ฟร้อนท์เป็นดารา  “บางคนก็รู้ค่ะ  บางคนเค้าจะมองหน้า  เอ๊ะ..ทำไมหน้าคุ้น ๆ  สักพักก็ถามว่าเป็นดาราใช่มั้ย บางคนกลับบ้านไปดูในอินเทอร์เน็ต ฟร้อนท์เป็นล่ามได้ปีกว่า  นอกนั้นก็ดูแลลูกตามปกติ รับ-ส่งลูก พาไปเรียนพิเศษ แทบไม่มีเวลาว่างเท่าไหร่ กลับไปคราวนี้ลูกกำลังจะขึ้น ม.1 เค้าต้องถอยหลังกว่าเพื่อนนิดนึง เพราะคาบเวลาเรียนไม่เหมือนกับที่เมืองไทย”
    
    กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ เพราะคิดถึงบ้านหรือว่ายังไง “คิดถึงเมืองไทยด้วย  แล้วก็มาหาคุณพ่ออายุ 77 ปีแล้ว  พ่ออยู่ที่พัทยา  อย่างลูกสาวเค้าก็มาเยี่ยมคุณพ่อเค้า เยี่ยมคุณปู่คุณย่า  คุณย่าจะเลี้ยงแซยิด   มีญาติมาจากแอลเอ โน่นนี่นั่นมาเยอะแยะ  มารวมญาติกัน”                       
    
    แล้วจะรับงานบันเทิงหรือเปล่า “ฟร้อนท์ยังไงก็ได้  เพราะเราก็คงไม่ลืมสิ่งที่เราเคยเป็น  เราก็เคยเป็นดารา แต่ถ้าถามว่าจะให้กลับมาอยู่เลยมั้ย คงไม่ได้ เรื่องเรียนของลูกสำคัญ ช่วงนี้ซัมเมอร์อยู่ค่ะ จะกลับอเมริกาเดือนสิงหาคมนี้   ฟร้อนท์คงไป ๆ มา ๆ แบบนี้แหละค่ะ  เพราะคุณพ่อฟร้อนท์และพี่สาวคนโตก็ยังอยู่เมืองไทย  ส่วนลูกเค้าก็ยังมีคุณพ่ออยู่ที่นี่  ถึงเราจะแยกทางกับพ่อของลูกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และลูกเองเค้าก็คงไม่ได้โตพอที่จะบินคนเดียว เราก็ยังต้องบินมากับเค้าอยู่”
     
    ชีวิตที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ตอนนี้โอเคมั้ย? “โอเคเลยนะ   ฟร้อนท์กลับมามีแต่คนบอกว่าทำไมหน้าดูมีความสุขมาก คือมันไม่มีทุกข์  ไม่มีความเครียดเข้ามา  ทำงานแล้วก็ได้เงินเดือน  ถึงเงินจะไม่ค่อยเหลือแต่ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น ลูกก็ได้เรียนหนังสือ ที่ฟร้อนท์อยากให้ลูกเรียนที่อเมริกา เพราะฟร้อนท์มองว่ายังไงเด็กจบนอก ภาษีมันก็ดีกว่า เค้าได้ภาษา  อยู่ที่โน่นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หรือว่าทำได้โอกาสมันเยอะมาก  อย่างฟร้อนท์ถ้าอายุเท่าลูกสาว อยู่เมืองไทย  ทำอะไรต่อไม่ได้ เมืองนอกไม่จำกัดอายุ  คุณไปเรียนต่อได้เลยแล้วก็ไปทำงานต่อได้  อย่างฟร้อนท์กลับไปคราวนี้ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรเรียนต่อ แต่จริง ๆ ก็ไม่อยากทิ้งงานล่าม อาจจะขยายงานออกไปอาจจะไปเรียนภาษาลาว ที่โน่นคนไข้ลาวเยอะ คือเราฟังรู้เรื่อง แต่เราพูดไม่เป็น  แล้วภาษาศัพท์แพทย์นะ   ภาษาลาวเราไม่รู้”
    
    เป็นที่ทราบกันดีว่า  “ฟร้อนท์” ได้เลิกรากับดาราอดีตสามี ที่ชื่อ “กอล์ฟ-กริช หิรัญพฤกษ์” ไปหลายปีแล้ว พ่อลูกได้เจอกันบ้างมั้ย “เค้าไปรับที่สนามบินค่ะ  กับคุณปู่คุณย่า  เราก็คุยกันแล้ว คือทุกอย่างเราก็เป็นเพื่อนกันแต่โดยดี เพราะว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว  ฟร้อนท์ว่ากาลเวลาที่ฟร้อนท์ไปอยู่ที่โน่น ทำให้ทุกคนสงบจิตสงบใจได้มากขึ้น ฟร้อนท์เชื่อว่าในอนาคตเวลาลูกประสบความสำเร็จ  เราก็ต้องยินดีด้วยกัน ถ้าลูกไม่ประสบความสำเร็จเราก็ต้องปรึกษากัน เพราะยังไงก็ลูกเราสองคน  ฟร้อนท์บอกเค้าเลยว่า ลูกเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องแชร์กันไปตลอดชีวิต”
     
    เรื่องการส่งเสียลูกล่ะ  “อันนั้นไม่พูดถึงดีกว่าเราอยู่ของเราได้ บางอย่างเค้าก็ช่วยบ้าง แต่ตอนนี้ฟร้อนท์มีความสุขมาก อดีตที่ผ่านมาเจอแต่เรื่องหนักๆ จนบางครั้งรู้สึกท้อแท้ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ทุกครั้งที่ฟร้อนท์หันไปเห็นหน้าลูก   มันทำให้ฟร้อนท์มีกำลังใจ คิดว่าถ้าไม่มีฟร้อนท์แล้วลูกจะอยู่ยังไง เค้าบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะมารับรู้เรื่องของผู้ใหญ่ เวลาที่ฟร้อนท์ทุกข์เค้าจะเข้ามาถามมามี้..ไม่สบายเหรอ เวลาฟร้อนท์เดือดร้อนเรื่องเงิน เค้าก็จะเอาเงินที่เก็บไว้ในกระปุกมาให้ฟร้อนท์ แล้วจะพูดตามประสาเด็กเพื่อให้ฟร้อนท์ยิ้ม..”
     
    วางอนาคตไว้ให้ลูกยังไงบ้าง  “ คือตอนนี้เค้าก็เรียนพิเศษด้วย เรียนเต้นฮิปฮอป แล้วก็เรียนไวโอลิน คุณครูชมเลยว่าเค้าเก่ง  ปีหน้าต้องให้เค้าเรียนออเคสตร้า เค้าชอบด้านดนตรีมาก  แต่ฟร้อนท์ไม่มีปัญญาจะส่งเรียนเสริม ที่โน่นแพงมาก..กก (ลากเสียงยาวเชียว) ค่าดนตรีครึ่งชั่วโมงร้อยกว่าดอลลาร์  ฟร้อนท์ยังงงว่าจะดีดไปได้กี่สาย ก่อนที่จะถึงครึ่งชั่วโมง” มีแววจะเข้าวงการบันเทิงนี่  “ก็แล้วแต่เขา แต่ขาเค้ายาวนะ ผู้หญิงขายาวส่วนใหญ่เป็นนางแบบ แต่ตอนนี้เค้ายังเด็กอยู่ ต้องดูอนาคตว่าขาเค้าจะยาวกว่านี้มั้ย แล้วตัวเค้าจะสูงขึ้นหรือเปล่า”
    
    จากนั้น “ฟร้อนท์” ก็ขอตัว เพื่อขับรถไปหาคุณพ่อที่พัทยา ก่อนที่ตะวันจะตกดิน เพราะเธอไม่ได้ขับรถในเมืองไทยมานาน เกรงว่าจะไม่ชินเส้นทาง ยังไงปลอดภัยไว้ก่อน. “ปรางค์ ปิ๊กมี่”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)