ผู้เขียน หัวข้อ: แค้นเสน่หา วันที่ 2 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 623 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
แค้นเสน่หา วันที่ 2 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2013, 03:50:53 am »

 เช้าวันรุ่งขึ้น จันทร์เช็ดตัวให้รุ้ง ที่อาการดีขึ้น เสร็จก้มลงจูบแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่ รุ้งกอดแม่ด้วยความรัก
    
    “วันนี้ก็หายนะลูก แต่หนูต้องอยู่ในห้อง ออกไปเล่นไม่ได้”
    
    “ค่ะแม่ ลูกจะไม่ออกไปไหน นอนทั้งวันนะคะ”
    
    “คนดีของแม่”
    
    รุ้งมองไปที่ประตู จันทร์มองตามเห็นพจน์ที่แต่งตัวเตรียมจะไปทำงานเดินเข้ามา
    
    “ฉันมาถามอาการของรุ้ง ดีขึ้นไหมหรือจะให้รับหมอมาดู”
    
    “ไม่..ไม่ต้องค่ะ ขอบพระคุณ รุ้งดีขึ้นมากแล้วแต่ยังไออยู่บ้าง พรุ่งนี้ก็คงหาย” “ได้ยินอย่างนี้ก็โล่งใจ แล้วเธอล่ะ สบายดีหรือเปล่า หรือจะไม่สบายตามลูกไปด้วยอีกคน” พจน์เย้าแหย่แล้วยิ้ม จันทร์มองอย่างแปลกใจ..นี่เป็นครั้งแรกที่พจน์ยิ้มให้
    
    “ดิฉันไม่เป็นไรค่ะ”
    
    “ฉันไม่เคยไต่ถามทุกข์สุขของเธอเลย ยังตำหนิตัวเองจนทุกวันนี้ที่ทำเป็นคนไม่มีน้ำใจทั้ง ๆ ที่เธอทำอะไรให้พวกเราสารพัด ยายริมาเติบโตแข็งแรงก็เพราะเธอช่วยเลี้ยงดู คุณแม่มีความสุขขึ้นเพราะเธอเอาใจใส่ดูแลเรื่องอาหารการกิน แต่ฉันเสียใจที่ลูกชายฉันทำตัวเป็นเด็กยุ่งยาก ฉันคงปล่อยปละละเลยเขาเกินไป” พจน์แอบมองจันทร์เงียบ ๆ สายตาลึกซึ้ง พอจันทร์เงยหน้ามอง เขาหันสายตาไปทางอื่นทันที...เวลาเดียวกันชายเดียวมาขออนุญาตท่านหญิงไปเล่นน้ำในคลอง ท่านหญิงใจอ่อนเลยอนุญาต... วิญญาณเฟืองสีหน้ากังวลมาเตือนไม่ให้ชายเดียวเล่น ท่านหญิงตกใจรีบวิ่งมาที่ท่าน้ำเห็นชายเดียวตกน้ำ ร้องเสียงดังให้สนจับชายเดียวไว้ได้อย่างปลอดภัย
    
    “ไอ้สน เอ็งดูลูกข้ายังไงปล่อยให้ตกน้ำ”
    
    สนฝ่าเท้าถูกแก้วบาดเป็นแผลลึก เลือดไหลนอง พนมมือ
    
    “กระหม่อม ขอประทานอภัยกระหม่อม แก้วบาด...ตกใจกระหม่อม”
    
    “ตกใจยังไงก็ต้องนึกถึงคุณชายก่อน เอ็งเจ็บแค่นี้แต่คุณชายจมน้ำตายเอ็งไม่นึกเลยรึ นังพวกนี้ก็นั่งเป็นก้อนหิน นังผ่อง แทนที่จะไปอยู่ในน้ำคอยช่วยคุณชาย กลับนั่งลอยหน้ากันอยู่บนฝั่ง ถ้าคุณชายเป็นอะไรไป พวกเอ็งทุกคนต้องรับผิดหมด ไปหาที่อยู่ใหม่เลย ไม่ต้องมาเหยียบวังข้าอีก...รู้ไว้ด้วยว่า เฟืองเขามาเตือนข้า”
    
    ทุกคนเงยหน้ามองกันตระหนกตกใจ ระคนแปลกใจ
    
    “ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น คนตายแล้วยังเป็นห่วงคอยดูแล พวกเอ็งยังไม่ตายแต่ไม่มีใครจิตใจเป็นห่วงลูกข้า ไอ้สนไม่อดทน อีพวกนี้ก็ระริกระรื่นหน้าเป็นอยู่บนฝั่ง เพราะฉะนั้นต่อไปนี้อย่ามาร้องทุกข์ข้าเรื่องเฟืองอีก จำไว้ถ้าไม่ได้เฟืองลูกข้าตาย เพราะฉะนั้นใครกลัวเฟืองนักก็ออกไปจากวังข้าได้”
    
    ทุกคนเงียบกริบ ได้แต่ลอบมองตากัน ท่านหญิงก้มลงช้อนตัวชายเดียว อุ้มขึ้นตำหนักไป...อีกฟากฝั่งบ้านปัณณธร จริมากับรุ้งเล่นน้ำกัน แต่เพราะน้ำเชี่ยวจึงทำให้ตกน้ำ จันทร์และ ยอดไปช่วยจริมาและรุ้งไว้ได้ทัน จันทร์จับจริมาพาดบ่าให้น้ำไหลออกจากปากให้หมด ทุกคนเห็นนายน้อยปลอดภัยพากันโล่งใจ จริมาหันมามองพ่อกับพี่ชาย
    
    “อย่าโทษรุ้งนะ พี่ฉัตต์ อย่านะ อย่าว่ารุ้งนะ ริมาผิดเอง”
    
    “สารภี ฉันบอกให้สารภีคอยดูให้เด็กสองคนนั่งเล่นท่าน้ำเท่านั้น รอฉันกับฉัตต์กลับมา ทำไมปล่อยให้คุณริมาลงน้ำ สารภีไปไหน”
    
    “ไปเอาน้ำให้คุณริมาค่ะ คุณริมาหิวน้ำ” สารภีรีบบอก
    
    “คุณพ่อขา ริมาผิดเอง ริมาหลอกสารภีไปเอาน้ำให้ริมา แล้วริมาก็ลงน้ำคนเดียวค่ะ”
    
    “เราล่ะ...ทำไมปล่อยริมาลงน้ำ รู้อยู่ว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
    
    “รุ้ง..ห้าม..ไม่ได้”
    
    “ทำไมจะห้ามไม่ได้ อย่ามาพูดดี ไม่ห้ามเอง อยากให้ริมาตายใช่มั้ยล่ะ”
    
    “เปล่าค่ะ”
    
    “ไม่เชื่อ...ตัวดี”
    
    “คุณริมาดีกะรุ้ง จะให้ตายทำไมคะ” รุ้งเงยหน้าจ้องฉัตต์เขม็ง
    
    “จะพูดว่าอะไร...เดี๋ยวเถอะ” ฉัตต์ ขยับเข้าไป
    
    “ฉัตต์ ไม่มีเหตุผล ฟังแค่นี้ไม่รู้เหรอว่าใครผิด” พจน์พูดเสียงดัง
    
    “แล้วแกล่ะ แกเป็นใบ้หูต้องหนวก แกได้ยินได้ไง แกวิ่งมาจากไหน...ทำไมแกได้ยิน แกไม่หูหนวกรึไง”
    
    ฉัตต์หันไปหาเรื่องยอด ยอดหันมามองจันทร์
    
    “ยอดเขาได้ยินแว่ว ๆ ค่ะ ไม่ได้หนวกสนิท เพราะเขาไม่ได้หูหนวกแต่เกิดค่ะ”
    
    “ไม่เชื่อ...โกหก คุณพ่อ...ไม่เชื่อลูกเหรอ มันหลอกลวง เห็นหลายหนแล้ว มันพูดกัน...ให้มันอยู่บ้านเราทำไม”
    
    “เขาช่วยริมา พี่ฉัตต์อย่าไล่เขาเลย”จริมาโพล่งขึ้น
    
    จันทร์ก้มหน้ากอดจริมาซึ้งใจ ฉัตต์หันไปสบตากับจันทร์
    
    “ฉัตต์ อย่างที่ริมาพูด เขาช่วยชีวิตริมา จะยังไงก็ตามเขามีบุญคุณ เรื่องเขาหลอกหรือไม่หลอก เราไม่ต้องใส่ใจเวลาหลายปีที่เขาอยู่ที่นี่ เขาทำความเดือดร้อนให้เรารึเปล่า เขาเป็นอันตรายกับเรารึเปล่า ตรงกันข้าม เขาทำประโยชน์ให้เราแลกกับข้าวกินไปแต่ละมื้อเท่านั้น ถ้าจะพูดไปเราน่ะเอาเปรียบเขา ใช้แรงงานเขาค่าตอบแทนอะไรก็ไม่เคยให้ อายุแค่นี้คิดแค่นี้ไม่เป็นไร ต่อไปโตกว่านี้ ถ้าไม่เปลี่ยนความคิด ใจตัวเองจะไม่มีความสุขพ่อจะบอกไว้”
    
    ฉัตต์ไม่พอใจ มองจันทร์  รุ้ง และยอด ก่อนจะกระแทกเท้าออกไป...
     
    พจน์นั่งเขียนคำพิพากษาอย่างคร่ำเคร่ง จริมาอยู่ในชุดนอน หัวยุ่ง เดินเข้ามานั่งบนตักอ้อน บอกพ่อว่าเธออยากไปนอนกับรุ้ง
    
    “รุ้งเป็นหวัด ริมาก็กำลังจะเป็นเห็นมั้ย พ่อพาไปนอนนะ”
    
    “ไม่เอาค่ะ คุณพ่อกล่อมไม่เป็น ต้องจันทร์ ร้องเพลงเพราะ เกาหลังให้ด้วย”
    
    “พ่อก็ทำเป็น”
    
    “ทำอะไรเป็น...” จริมาลากเสียงเหมือนผู้ใหญ่ “ทั้งสองอย่าง”
    
    จริมาหัวเราะชอบใจใส่หูพ่อ พจน์สงสัยถามลูกสาวขำอะไร 
    
    “ตลกคุณพ่อสิคะ”
    
    “เดี๋ยวคอยดู” พจน์หัวเราะขำ
    
    “ตัวเล็กน่ะ เค้ามีแม่ ริมาอยากมีแม่มั่ง”
     
    พจน์นิ่งอึ้งไปทันที ก่อนจะอุ้มพาลูกสาวไปนอนที่ห้อง
     
    จันทร์นอนไม่หลับ ออกมานั่งครุ่นคิดที่ม้านั่ง เห็นพจน์เดินเข้ามาก็ลุกขึ้นจะเดินเลี่ยงไป แต่ถูกพจน์เรียกไว้
    
    “จันทร์...ริมาไม่สบาย ตัวร้อน ไอนิดหน่อย”
     
    “งั้นดิฉันจะไปดูเธอค่ะ” จันทร์รีบเดินไป
     
    “ไม่ต้องหรอก ฉันให้กินยาแล้ว..หลับแล้วด้วย”
     
    พจน์มองจันทร์เพลินตา มองเพ่ง ก่อนจะถอนสายตา สีหน้าละอายนิด ๆ ขยับตัว
     
    “จันทร์ยังคิดถึงเรื่องอดีตที่ทำให้เป็นทุกข์ใจอยู่มั้ย...ลืมบ้างหรือยัง”
    
    จันทร์รู้สึกตื้นตันขึ้นมาในใจที่พจน์อุตส่าห์ ถาม ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
    
    “ฉันขอโทษ ถ้าถามเรื่องที่ไม่ควรถาม”
    
    “ไม่ค่ะ...ไม่...ดิฉันคิดอยู่เสมอว่าบุญยังคุ้มครองดิฉันที่ได้มาพบ...ที่นี่”
    
    “ไม่จริง ต้องเรียกว่าเรามีบุญมากกว่า เพราะอยู่ ๆ เธอก็มา...มาทำให้พวกเราสบายกันทุกคน...ถ้าจะขอบใจใคร ก็คงจะเป็นสายน้ำกระมังที่พัดพาเธอให้หยุดตรงท่าน้ำบ้านนี้ ไม่พัดเธอไปที่บ้านอื่น ไม่อย่างนั้นฉันคงอิจฉาเขามาก ๆ...บางทีคงจะถึงเวลาแล้วที่เธอสองแม่ลูกจะสุขสบายขึ้น...ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงริมา”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)