ผู้เขียน หัวข้อ: ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 1 กรกฎาคม 2556  (อ่าน 585 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 1 กรกฎาคม 2556
« เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2013, 04:50:53 am »

 “บ้านอยู่แค่นี้ เดินกลับเองได้ คุณเป็นตำรวจจริงรึเปล่า” สันติจ้องหน้าหิรัณย์ “หน้าไม่ให้...ท่าทางจะเป็นตำรวจปลอม ที่ป้าแว่นใช้มาหลอกเด็กมากกว่า”
    
    หิรัณย์ขยับเข้ากอดคอสันติล็อกประชิดตัวแล้วปาดมืออีกข้างมาเปิดชายเสื้อโชว์ปืนที่พกติดตัวอยู่ สันติมองตาม เห็นปืนหิรัณย์ ตกใจหน้าซีด
    
    “ปืนนี่ปลอมรึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ยิงเด็กตายชัวร์” น้ำเสียงขู่ จริงจัง สันติกลัวดีดตัวออกห่าง รีบไปเดินข้าง ๆ มีคณาที่เดินตามมาทัน มีคณางง ๆ เพราะสันติมาเดินตามต้อย ๆ เหล่มองทางหิรัณย์แบบกลัว ๆ หิรัณย์ยิ้ม ๆ พอใจ คิดช่วยมีคณาปราบพยศหลานเฮี้ยวอีกแรง
     
    มีคณาโกรธมาก พอมาถึงบ้านก็ต่อว่าสันติ แถมยังบอกว่าหากไม่อยากเรียนก็ให้กลับไปอยู่กับย่า สันติทั้งโมโหทั้งเบื่อที่ถูกว่าไม่เว้นแต่ละวัน หันไปจ้องมีคณาเขม็ง หิรัณย์ชักไม่สบายใจ เกรงว่าสถานการณ์จะแรงขึ้น พยายามหาจังหวะเข้ามาแทรก แต่มีคณาก็ยังบ่น สันติอายเพราะถูกตำหนิต่อหน้าหิรัณย์ ไม่สนใจมีคณาวิ่งตึง ๆ ขึ้นห้องไปเลย
    
    “ไม่พูดรุนแรงไปหน่อยเหรอคุณ ถ้าหลานชายคุณไม่ใช่คนผิด...” หิรัณย์พูดยังไม่จบ มีคณาก็สวนเพราะยังโมโหไม่หาย “สารวัตรไม่เห็นหน้าติรึไงคะ มีแต่รอยฟกช้ำ ไปต่อยลูกชายครูอรุณไม่ทันข้ามคืน ก็ไปชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนอีก เมื่อวานฉันจับได้ว่าแอบโทรฯ ทางไกลไปต่างจังหวัดโดยไม่ขออนุญาต แทนที่จะขอโทษ กลับทุ่มโทรศัพท์ซะพัง” หิรัณย์หน้าเครียด ๆ หันมองซากโทรศัพท์ที่มีคณาชี้ให้ดู “เด็กนิสัยเลือดร้อนยังงี้ มีเหรอคะจะเป็นฝ่ายถูกคนอื่นกระทำ”
    
    หิรัณย์นิ่ง ๆ ไปไม่เคยเห็นกิริยาท่าทางของ มีคณาโกรธจัดขนาดนี้มาก่อน และรู้ดีพอเธอโกรธไม่ยอมฟังอะไรแน่ ๆ เหมือนตอนที่เจอกันแรก ๆ มีคณาถอนใจออกมาแล้วเดินนำออกไปจากบ้าน หิรัณย์เดินตามกลับออกไปด้วยความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจ
     
    มีคณาและหิรัณย์มาพบพ่อแม่คู่กรณีของสันติที่โรงพยาบาล พ่อรูปร่างใหญ่โตท่าทางเป็นนักเลงมีรอยสัก ส่วนตัวแม่ค่อยดูเป็นมิตรหน่อย มีคณาขอโทษที่หลานชายทำร้ายลูกชายของทั้งคู่จนได้รับบาดเจ็บ และยินดีจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง
    
    พ่อยกมือห้าม “โอ๊ย ไม่ต้องหรอกคุณ” มีคณาและหิรัณย์งง ๆ พ่อคู่กรณีพูดต่อ “ผมตะหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษคุณ ไอ้ลูกผมมันผิดเอง” แม่มานพแอบเหยียดปากเซ็ง ๆ ไม่พอใจ
    
    “แต่ว่าสันติเป็นคนทำมานพหัวแตกนี่คะ” มีคณาแอบงง
    
    “สมน้ำหน้ามันแล้วล่ะครับ ไอ้ลูกชายผมมันเกเร ไปหาเรื่องก่อน เจ็บตัวซะบ้างจะได้รู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่ตัวกูใหญ่อยู่คนเดียว”
    
    “ลูกชายคุณน่ะเหรอคะเกเร” มีคณาอึ้งไป หิรัณย์แอบถอนใจออกมา รู้สึกเห็นใจสันติที่ถูกเข้าใจผิด
    
    ครูอัจฉราพามานพคู่กรณีของสันติ ที่รูปร่างใหญ่โตเหมือนพ่อ ท่าทางร้ายกาจเอาเรื่องเดินมา มานพปิดผ้าพันแผลที่หัวแตกมาเรียบร้อยแล้ว มานพยกมือไหว้ มีคณารับไหว้ยังงงอยู่
    
    “อ้าว นี่คุณไม่รู้เหรอว่าลูกชายผมมันเป็นคนเริ่ม”
    
    มีคณานิ่ง ๆ ไป คดีพลิกแบบนี้ อดนึกถึงสันติขึ้นมาไม่ได้ ครูอัจฉราจึงบอกว่ามานพเป็นคนไปล้อสันติเรื่องแม่ก่อน “ที่จริงก็มีเรื่องกันหลายครั้งแล้ว ครูฝากจดหมายสันติไปให้มี่ ไม่ได้รับเหรอจ๊ะ”
    
    มีคณาส่ายหน้า “สันติไม่ได้ให้จดหมายอะไรมี่เลยค่ะครู”
    
    “ครูก็นึกว่าจะจบแล้วนะ แต่เมื่อเช้านี้ก็มีเรื่องกันอีก ตอนแรกก็ไม่มีอะไรแรง ผลักกัน เถียงกันนิดหน่อย แต่มาช่วงบ่ายนี่แหละ มานพไปปัดรถของเล่นของสันติตกบันไดตึก สันติคงเหลืออดจริง ๆ เลยเข้าไปต่อย มานพเสียจังหวะล้มศีรษะกระแทกสลบไป”
    
    มีคณาจ๋อย ๆ ไปเลย หิรัณย์ชำเลืองมองเข้าใจความรู้สึก
    
    “จริง ๆ ฉันก็เข้าใจนะคะว่ามานพผิดที่ไปแหย่เพื่อน แต่กะอีแค่ทำของเล่นไม่กี่สตางค์พัง ไม่เห็นต้องทำรุนแรงกับเพื่อนขนาดนี้เลย นี่ถ้าลูกฉันเลือดออกในสมองหรือกะโหลกยุบไปจะว่ายังไง” แม่มานพน้ำเสียงไม่พอใจ ผิดกับท่าทาง
    
    “อย่าไปเข้าข้างลูกเราเกินไปนักเลยคุณ ทุกวันนี้จะเป็นเทวดาอยู่แล้ว” มีคณามองสองคนพ่อแม่ อดแปลกใจไม่ได้ที่ลักษณะภายนอกกับนิสัยขัดกันสิ้นเชิง
    
    “ลูกเราผิดไปแกล้งเพื่อนก่อน ครูเค้าก็บอกว่าสันติไม่ได้ตั้งใจทำร้ายลูกเราซะหน่อย” พ่อบอก มานพรีบโวย “เบิ้มไม่ได้แกล้งเพื่อนนะพ่อ เบิ้มพูดความจริง แม่ไอ้ติมันมีอาชีพอย่างว่า ไปขายตัวเมืองนอก”
    
    คราวนี้ทุกคนตกใจเงียบกริบกันไปหมด พ่อมานพโกรธลูกชายตัวเองมาก “ถ้าแกเจ็บไม่พอ พ่อจะเขกหัวแกให้แตกเอง พูดจาก้าวร้าวพ่อแม่คนอื่นเค้าได้ยังไง” ก่อนจะหันไปต่อว่าภรรยากลาย ๆ “ดูลูกเธอนะ ก้าวร้าวขนาดไหน” แม่มานพทิ้งค้อนสามี ทำหน้าปั้นปึง มานพเถียงอีก มีคณาและครูอรุณแอบสบตากัน แต่ไม่พ้นสายตาหิรัณย์ พ่อมานพเลยดุลูกเสียงดัง “ยังอีก จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของแกไอ้เบิ้ม พ่อถามหน่อยเถอะ ถ้าเกิดพ่อทำผิดต้องติดคุก แล้วเพื่อนแกมาล้อแกว่าไอ้ลูกขี้คุก แกจะรู้สึกยังไง”
    
    มานพจ๋อยไป มีคณามองหน้าพ่อมานพรู้สึกนับถือในน้ำใจและความคิดอ่าน
    
    “จำไว้นะเบิ้ม ไอ้การที่พ่อแม่ทำผิดหรือทำอะไรพลาดไป ไม่ได้หมายความว่าแกจะต้องผิดหรือต้องมารับผิดชอบความไม่ดีของพ่อแม่ด้วย ตัวแกก็ตัวแก เพื่อนแกก็เพื่อนแก ถ้าเพื่อนเลวค่อยด่าเพื่อน อย่าเอาเรื่องพ่อแม่มาเกี่ยวด้วย เข้าใจมั้ย”
    
    “เข้าใจครับพ่อ” มานพรับคำเสียงอ่อย แม่มานพถอนใจเชิด ๆ
    
    “ต้องขอโทษแทนลูกชายผมด้วยนะครับ ผมกับแม่มันไม่ค่อยมีเวลาสั่งสอน ปากมันเลยเสียไปบ้าง ต่อไปผมจะพยายามอบรมมันให้ดีกว่านี้ครับ”
    
    มีคณายกมือไหว้ “ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจและไม่ถือโทษสันติ แต่ยังไงดิฉันก็ยังยืนยันที่จะขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของมานพ ถ้าลูกคุณผิดเพราะเป็นคนก่อเรื่อง หลานฉันก็ผิดเพราะเป็นคนทำให้มานพบาดเจ็บ”   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)