ผู้เขียน หัวข้อ: ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 25 มิถุนายน 2556  (อ่าน 347 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 25 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2013, 04:20:51 am »

 หิรัณย์พามีคณาเข้ามาห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม หมวดดาวนั่งทานอาหารอยู่มุมหนึ่งที่มองได้ทั่วห้องอาหาร และทำเป็นไม่รู้จักหิรัณย์ หิรัณย์พามีคณามานั่งที่โต๊ะ ระหว่างนั้นมีคณาก็ขออนุญาตหิรัณย์เพื่อขอสัมภาษณ์จ่าชาญและจ่าโจหลังงานเสร็จ พอสุภาพบุรุษมาทั้งคู่ก็เดินไปที่ไลน์อาหาร สวนกับสุภาพบุรุษที่เดินเข้ามา สุภาพบุรุษมองมีคณาและหิรัณย์แวบนึงก่อนเดินไปหาโต๊ะนั่งโดยมีบริกรสาวของโรงแรมเดินตามบริการเป็นพิเศษ หิรัณย์และมีคณาไปตักอาหารเช้าไปคุยกันไป มีคณาสงสัยว่าทำไมสุภาพบุรุษถึงเปิดตัวลงมากินบุฟเฟ่ต์ แทนที่จะสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นทานบนห้อง หิรัณย์ว่าสุภาพบุรุษเป็นคนฉลาด และพยายามทำตัวเหมือนนักธุรกิจหรือนักท่องเที่ยวทั่วไป เพื่อไม่ให้คนสงสัย
    
    สุภาพบุรุษเดินออกจากห้องอาหาร และเดินไปขึ้นรถของโรงแรม หิรัณย์ดูสบาย ๆ ไม่ตาม แต่มีคณาร้อนใจกลัวจะคลาดกัน หิรัณย์บอกว่าตำรวจรู้โปรแกรมของสุภาพบุรุษหมดแล้ว วันนี้เขาจะทำเป็นไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ เหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยหมวดดาวจะเป็นไม้แรกที่ตามดูอยู่ห่าง ๆ จากนั้นหิรัณย์และมีคณาไปรับไม้ต่อ
    
    หิรัณย์และมีคณาจับตามองไปที่สุภาพบุรุษ มีผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยด้วยดูสนิทสนม หิรัณย์คุ้น ๆ หน้าน่าจะเป็นไกด์ที่หากินแถวพัทยา รับจ้างทุกอย่าง หิรัณย์ให้มีคณาเอากล้องถ่ายรูปขนาดเล็กให้
    
    “เดี๋ยวเราจะเดินใกล้เข้าไปอีกนิด แล้วคุณทำท่า...” หิรัณย์ยังไม่ทันจะพูดจบ มีคณาก็แสดงละครต่อได้เลย “พี่รัณคะ ถ่ายมุมนี้ดีกว่าค่ะ” มีคณาทำยิ้มร่าเริงไปยืนโพสท่าให้ถ่ายรูปในมุมที่แบ๊กกราวด์เห็น 2 ฝรั่งนั่น หิรัณย์ยิ้มพอใจที่มีคณาหัวไว
    
    หิรัณย์ใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพก่อนบอกให้มีคณาขยับซ้ายขยับขวา มีคณาก็ทำตามและโพสท่าเนียน ๆ หิรัณย์ใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายรัวอีกหลายรูป ก่อนจะรีบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วใช้กล้องถ่ายรูปปกติแทน
    
    “อุ๊ย กล้วยไม้ช่อนี้สวยจังเลยค่ะพี่รัณ” มีคณาจงใจขยับเข้าไปใกล้เป้าหมาย แต่ใกล้ไปนิด ฝรั่ง 2 คนหันมามองอย่างระแวง หิรัณย์แอบตกใจแต่เก็บอาการ มีคณาแทนที่จะตกใจแต่กลับเล่นละครต่อ “เสียดายไม่มีภาพคู่เลย พี่รันขอใครให้ช่วยถ่ายให้หน่อยสิคะ”
    
    “ผมช่วยไหมครับ” ฝรั่งอีกคนถามขึ้น มีคณาหันมามองแสร้งทำหน้าแปลกใจที่พูดภาษาไทยได้ ฝรั่งคนนั้นบอกเขาทำงานในเมืองไทยหลายปี มีคณายิ้มกล่าวขอบคุณ หิรัณย์ยิ้มแย้มรีบส่งกล้องให้แล้วไปยืนคู่กับมีคณา โอบเอวแนบชิดให้สมกับเป็นแฟนกันถ่ายรูป มีคณาตกใจแต่เก็บอาการอยู่ปั้นหน้ายิ้มแย้มถ่ายรูป พอเสร็จหิรัณย์ก็รับกล้องคืน
    
    “มาฮันนีมูนเหรอครับ” สุภาพบุรุษถาม หิรัณย์รีบรับสมอ้าง มีคณาชะงักไป และรีบทำเนียนว่าคุ้น ๆ หน้า ทำเป็นนึกและก็บอกว่าขึ้นเครื่องบินไฟลต์เดียวกัน สุภาพบุรุษพยักหน้าและบอกว่าพักโรงแรมเดียวกันด้วย เพราะเจอทั้งคู่ที่โรงแรม
    
    “อ๋อ เหรอคะ ฉันไม่ทันได้สังเกต” มีคณายิ้ม หิรัณย์หันมาส่งตาหวานให้มีคณาและรีบพูด   “มาฮันนีมูนก็ยังงี้ล่ะครับ ไม่มีเวลาไปมองใครอยู่แล้ว”
    
    มีคณาเขิน ๆ ยกมือขึ้นกระชับแว่น ฉีกยิ้มไป ออกแหย ๆ เล็กน้อย หิรัณย์กล่าวลาและจูงมือ มีคณาเดินไปถ่ายรูปที่อื่น หิรัณย์จูงมือมีคณาและทำทีเป็นถ่ายรูปมุมต่าง ๆ เพราะฝรั่งสุภาพบุรุษและเพื่อนยังจับตามองเขาอยู่ หิรัณย์โอบไหล่สนิทสนมกับมีคณาเดินไป มีคณาเริ่มหมั่นไส้เพราะไม่ได้อยู่ในสายตาของฝรั่งสองคนนั้นแล้ว จึงหยิกเอวจนหิรัณย์ร้องโอ๊ย มีคณาบึ้งตึงปนเจ็บใจเดินนำไป หิรัณย์อมยิ้มเดินตามไป ทั้งคู่ส่งไม้ให้ตำรวจอีกชุดตามสุภาพบุรุษต่อ
     
    ครูวีณาต้องไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล จึงปล่อยให้สันติอยู่บ้านกับลูก ๆ ทั้งสามคน ข้าวเม่า ข้าวตอก และดอกไม้ สันติเอาแต่เล่น พอกินข้าวเสร็จก็ไม่ยอมช่วยกันล้างจาน โดยให้ดอกไม้น้องเล็กสุดเป็นคนล้าง บอกเป็นหน้าที่ของผู้หญิงและยังอ้างว่าตนเองเป็นแขกของบ้าน ข้าวเม่าไม่พอใจบอกเป็นแขกก็ต้องช่วยกัน ข้าวตอกก็เห็นด้วยกับพี่ชาย แต่ยังไงสันติก็ไม่ยอมทำ แถมยังมองหน้าเอาเรื่อง
    
    “บ้านนี้มีกฎระเบียบ จะอยู่ด้วยกันก็ต้องเคารพกฎ ต้องช่วยเหลือกัน” ข้าวเม่าบอก
    
    สันติทำหน้าตากวนประสาท ไม่สนใจจะเดินไป ข้าวเม่าตรงเข้ากระชากไหล่เอาไว้ สันติไม่ยอม และหันไปเอาเรื่องกับดอกไม้ เดินไปผลักให้ไปล้างจาน จนดอกไม้เกือบล้ม ข้าวตอกและข้าวเม่าโกรธที่สันติมาผลักน้องสาว แถมยังพูดจาหยาบคาย จึงตรงเข้ารุมสกรัมสันติ ดอกไม้ตกใจมากเพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ดีที่ครูอรุณและครูวีณากลับมาทันพอดี
     
    ครูอรุณลงโทษเด็ก ๆ โดยการให้นั่งสมาธิ ข้าวเม่าโดนนานสุด 5 ชม. เพราะเป็นพี่ใหญ่แต่กลับใช้กำลังตัดสิน ข้าวตอกโดน 3 ชม. เพราะลงมือก่อน ส่วนสันติโดน 2 ชม. ที่พูดจาไม่สุภาพ พูดดูถูกผู้หญิง และไม่ทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ แต่สันติไม่ยอมโดยบอกว่าครูอรุณไม่มีสิทธิขังเขาในห้องพระ เพราะเขาไม่ใช่ลูกครูอรุณ ครูอรุณบอกไม่ได้ขัง แต่ต้องการให้คิดทบทวนสิ่งที่ทำลงไป พร้อมกับสั่งว่าหากใครลุกออกจากห้องพระก่อนเวลาจะอดข้าวเย็น สันติแค้นใจเหล่มองสองพี่น้อง ไม่พอใจมาก ข้าวเม่าและข้าวตอกนั่งนิ่ง แต่สันติลุกลี้ลุกลน ไม่นิ่ง แต่ก็ไม่กล้าออกจากห้อง
     
    หิรัณย์ส่งรูปไปให้ฝ่ายข้อมูลตรวจสอบ และพบว่าฝรั่งที่มาพบสุภาพบุรุษชื่อนอร์เบิร์ต ซิมป์ จะทำหน้าที่จัดหาทุกอย่างให้สุภาพบุรุษ ทีมไล่ล่าดูรูปในคอมพิวเตอร์ที่หิรัณย์แอบถ่ายมา ภาพเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนมาถึงภาพสวีทของหิรัณย์และมีคณา หิรัณย์ยิ้มแป้น เมื่อจ่าโจบอกว่าเหมือนเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันจริง ๆ มีคณาแอบเขิน รีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หมวดดาวยิ้มกระเซ้าหิรัณย์ก่อนเดินออกไปจากห้องพัก จ่าโจกับจ่าชาญดูรูปไปยิ้ม ๆ ไป หิรัณย์เริ่มเขินเหมือนกันรีบไปดึงเมมโมรี่การ์ดออกมาเลย
    
    ตกเย็น หมวดดาวกลับเข้ามาบอกให้คู่รักฮันนีมูนลงไปกินข้าวได้แล้ว หิรัณย์ยิ้มแป้น ส่วนมีคณาเก้อเขิน ๆ หมวดดาวย้ำให้มีคณาสวีทกับ หิรัณย์มาก ๆ เพื่อไม่ให้สุภาพบุรุษจับได้ และว่าสุภาพบุรุษจะแวะไปที่ห้องเรือนตะวัน ซึ่งเป็นอาหารประเภทขันโตก ซึ่งสุภาพบุรุษจะไปที่นี่ทุกครั้งที่มา เพราะติดพันนางรำคนหนึ่งอยู่ พูดจบหมวดดาวก็หน้านิ่งไปอีกห้อง
    
    “ผมหิวแล้ว เราลงไปทานกันเถอะครับ” หิรัณย์ตั้งแขนให้ควงหน้าตาย มีคณาหน้าบึ้งดุใส่ก่อนลุกเดินไปฉวยกระเป๋าสะพายเดินนำออกไปจากห้องพักก่อน หิรัณย์ยิ้ม เดินตามออกไปติด ๆ
     
    ข้าวตอกมานอนห้องพ่อกับแม่ ไม่ยอมนอนกับสันติ และได้ยินครูอรุณและครูวีณาคุยกันเรื่องครอบครัวสันติ และหมู่บ้านที่สันติอยู่ ที่จะส่งผู้หญิงไปขายตัวเลี้ยงครอบครัว ข้าวตอกได้ยินทุกคำพูดแอบยิ้มมุมปากสะใจที่รู้ความจริงว่าแม่สันติที่แท้ก็ขายตัว
     
    ระหว่างที่นั่งรอสุภาพบุรุษ หิรัณย์ถือโอกาสคุยเรื่องครอบครัวตัวเอง โดยเล่าว่าพ่อเป็นวิศวกร แม่เป็นแม่บ้าน ทั้งคู่ไม่สนับสนุนให้เขาเป็นตำรวจ และอยากให้ทำธุรกิจเหมือนพี่ชายคนโต พ่อก็อยากให้มีคนเจริญรอยตาม ดีที่น้องสาวของเขาชอบทางนี้ หิรัณย์เลยถูกตัดหางปล่อยวัด
    
    “เล่าประวัติส่วนตัวมาซะยืดยาวขนาดนี้เพราะอยากให้ฉันเปิดเผยเรื่องตัวเองมั่งใช่มั้ยคะ” มีคณาดักคอ หิรัณย์ชะงัก “ฉันไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย เพราะจบงานทำข่าวสกู๊ปนี้ ฉันก็คงกลับไปทำข่าวตามแนวถนัดเหมือนเดิม”
    
    หิรัณย์ได้แต่ยิ้มแหย พอดีมีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าให้เริ่มทำงานได้ แววตาขี้เล่นเมื่อสักครู่หายไป กลายเป็นจริงจัง เดินเร็วออกไป มีคณาฉวยกระเป๋าเดินตามไปติด ๆ   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)