ผู้เขียน หัวข้อ: ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 20 มิถุนายน 2556  (อ่าน 349 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ RobotNew

  • Moderator
  • *****
  • กระทู้: 3411
  • Level:
    0%
  • Thank : 0
    • ดูรายละเอียด
    • สะกิดข่าว
    • อีเมล์
ฟ้ากระจ่างดาว วันที่ 20 มิถุนายน 2556
« เมื่อ: มิถุนายน 20, 2013, 11:50:42 pm »

 “ถ้าคุณมี่ อยากทำข่าวเมื่อไหร่ โทรฯ หาผมได้ตลอดเวลา” หิรัณย์อดกระเซ้าไม่ได้ “แต่ขออย่างเดียว อย่าฟาดผมหนักแบบวันนั้นอีก”
    
    มีคณาทั้งเขินอายและเจ็บใจ แต่ต่อหน้าผู้การพิรุณ เลยไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ยิ้มฝืน ๆ อีก ตามเคยหิรัณย์ก็ยิ้มอยู่นั่นแหละ
     
    งานเริ่มจากมอบโล่เกียรติคุณให้กับผู้ที่ให้การสนับสนุน ตามมาด้วยการเดินแฟชั่นการกุศล ซึ่งมีคณาก็ทำงานแบบแกน ๆ ระหว่างนั้นก็ชนกับหมวดวิมลิน หรือ หมวดดาว ผู้หมวดที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เพราะทั้งสวยและเก่ง แต่ดูหยิ่งมากในสายตามีคณา หิรัณย์เดินเข้ามาหาเมื่อมีคณากลับมานั่งที่โต๊ะ หิรัณย์ชวนคุยทำให้รู้ว่ามีคณาไม่ชอบงานแบบนี้สักเท่าไหร่
    
    “ผมก็ไม่ชอบงานพวกนี้ แต่ถ้าตัดความหรูหราฟู่ฟ่าจอมปลอมออกไป ผลที่ได้ก็คือเงินสำหรับสนับสนุนหน่วยงาน เงินที่เอาไว้ล่อซื้อยา เงินที่ตำรวจเอาไว้ใช้ตามจับพ่อค้ายาได้มากขึ้น แล้วก็เป็นเงินทุนกองเดียวกันที่ใช้เป็นค่าปลอบขวัญสำหรับครอบครัวตำรวจที่ต้องเสียเสาหลักไป ผมว่ามันก็คุ้มที่จะจัดนะครับ
    
    มีคณาดูน้ำเสียงอ่อนลง มองหิรัณย์ด้วยสายตาเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อย “คุณเป็นอีกคนนึงนะที่เตือนให้ฉันพยายามมองในสิ่งที่ไม่อยากสนใจ เพราะบางทีมันอาจมีอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่ก็ได้
    
    “เสียดายไม่ใช่คนแรก” หิรัณย์ยิ้ม ๆ สายตามีคณาแข็งขวับขึ้นมาทันที ไม่ชอบผู้ชายมาล้อเล่นเหมือนจะจีบตนยังงี้ถึงจะเป็นคนดีก็เหอะ เป็นเวลาเดียวกับทีมงานตามหิรัณย์เพราะมีปัญหาหลังเวที หิรัณย์บอกให้มีคณารอเขาก่อน แต่มีหรือคนอย่างมีคณาจะรอ พอหิรัณย์เดินไป เธอก็เดินไปที่ลิฟต์จะออกจากงานทันที
    
    ไม่นานหลังเคลียร์ปัญหาเสร็จหิรัณย์ก็ไม่เห็นมีคณาอยู่ในกลุ่มนักข่าวจึงเดินไปที่ลิฟต์และโทรฯ หา มีคณาโกหกว่าเธออยู่ที่ลิฟต์ และทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเพราะกำลังเข้าลิฟต์แล้ว หิรัณย์ดักคอบอกมุกนี้เขาใช้ประจำ เพราะตอนนี้เขาอยู่หน้าลิฟต์ มีคณาตัดสายไปเลยและรีบเดินออกจากโรงเรียน หน้าเจื่อนที่ถูกจับโกหกได้ ขณะที่หิรัณย์ยิ้ม ๆ รู้สึกมีชีวิตชีวาดีที่ได้หยอกล้อกับมีคณา
     
    มีคณากลับมาถึงบ้านตอนห้าทุ่ม สันติยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อเย็นนั่งดูทีวีโดยที่บานเช้าก็ไม่ว่าอะไร มีคณาบอกให้สันติปิดทีวีแล้วไปนอน แต่สันติทำหูทวนลม มีคณาจึงเอารีโมตมากดปิด สันติไม่ยอมดึงรีโมตมากดเปิด มีคณาเลยดึงปลั๊กออก สันติถีบทีวีระบายอารมณ์ มีคณาบอกหากทีวีพังก็ไม่ต้องดูเพราะเธอไม่มีเงินซื้อใหม่ สันติเลยใช้วิธีด่ามีคณาด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีคณาไม่โต้ตอบและเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ไม่ถึงนาทีก็เดินออกมาพร้อมกับก้อนสบู่ในมือฟองฟอด และตรงดิ่ง เอาทั้งฟองสบู่และก้อนสบู่ทั้งถูทั้งยัดใส่ปากสันติเพื่อล้างปากให้สะอาด สันติจะร้องก็ร้องไม่ออก ไอสำลัก แล้วถุย ๆ เศษสบู่และปัดก้อนสบู่ออกไป และเอาคืนโดยเข้าทำร้ายมีคณา แต่มีคณาเป็นนักเทควันโดจึงจับล็อกแขนหักบิด จนสันติร้องโอดโอย
    
    “จำไว้ ถ้าอยากอยู่บ้านนี้ ติก็ต้องทำตามกฎของป้า ต้องไม่พูดจาหยาบคาย ต้องเรียกตัวเองว่าผมหรือติ ทีวีดูได้ถึงแค่ 3 ทุ่ม ทำได้มั้ยสันติ” มีคณาบิดแขนหนักขึ้น สันติร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บ เกรียนยังไงก็ยังเด็ก 10 ขวบ บานเช้าสงสารหลานรีบเข้ามาห้าม มีคณายอมปล่อยผลักสันติออกไปแรง ๆ สันติหันมาจ้องหน้าอาฆาตก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป
    
    นอกจากจะต้องรับมือกับหลานตัวแสบแล้ว มีคณายังเหนื่อยใจกับแม่ที่เอาแต่ตามใจสันติ ไม่เคยบ่นว่าอะไรทำให้สันติมีนิสัยเช่นนี้ ซึ่งผิดกับเธอที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากบานเช้าเลย
     
    มีคณาอารมณ์เสียแต่เช้าเมื่อพบว่าจดหมายของเธอถูกแกะอ่านทุกฉบับ แถมสันติก็นอนตื่นสายทั้งที่ถึงเวลาไปโรงเรียนแล้ว และบานเช้าก็ไม่ว่าอะไร มีคณาเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องสันติจะจับสันติแก้ผ้าและอาบน้ำให้ สันติตกใจเห็นมีคณาเอาจริงรีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำทันที
    
    มีคณาเดินมาส่งสันติที่โรงเรียนแต่ก็ไม่วายมีปัญหาอีก เพราะมีคณาให้เงินสันติติดตัว 30 บาท สันติไม่พอใจเลยสาดโอวัลตินจนเสื้อผ้ามีคณาเปื้อนหมดก่อนจะวิ่งเข้าโรงเรียนไป มีคณาบอกบานเช้าว่าต้องการให้สันติรู้ค่าของเงิน และถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็จะให้สันติทำงานพิเศษ เพราะต้องการให้สันติรู้ว่าเป็นผู้ชายต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไม่ต่างจากผู้หญิง บานเช้าเป็นห่วงเพราะสันติไม่เคยทำงาน แต่ก็ไม่กล้าขัดมีคณา
       
    มีคณาได้รับภาพจากงานแฟชั่นโชว์หลากหลายมุม และมีภาพตอนที่เธอออกมาจากงานด้วย จึงยิ้มอย่างพอใจเพราะสามารถนำมาใช้งานได้ มีจดหมายแนบมากับภาพด้วยจึงเปิดอ่าน จึงรู้ว่าหิรัณย์เป็นคนส่งมาให้ พร้อมกับหยอดท้ายว่ายินดีรับใช้ประชาชนเสมอ
    
    ไชยวัฒน์อยากให้มีคณาหาสกู๊ปเรื่องใหม่ ๆ มาเขียนจึงให้ลองไปคุยกับผู้การพินิจ มีคณาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจกดเลขหมายที่เธอเมมโมรี่ไว้ชื่อว่า “ขยันยิ้ม” ก่อนจะกดโทรฯออก เสียงโทรศัพท์ดังแค่ครั้งเดียวยังไม่ทันจะกะพริบตา เสียงหิรัณย์แจ่มใสกระแทกเข้าหู
    
    มีคณาตกใจเล็กน้อยที่ปลายสายตอบกลับมาเร็วมาก “สวัสดีค่ะสารวัตร ดิฉัน...” หิรัณย์ก็ส่งเสียงทะเล้นแทรกมาทันที “สวัสดีครับ คุณนักข่าวอดีตรัฐมนตรีหญิง”
    
    มีคณาหน้าหงิกงอ ไม่ตลกด้วย แต่หิรัณย์ยิ้มกว้างปากแทบฉีกถึงหู “ใจเราตรงกันจริง ๆ เลย ผมกำลังจะกดโทรศัพท์ไปหาคุณอยู่พอดี” หิรัณย์บอกต้องการจะโทรฯถามว่าได้รับรูปหรือยัง มีคณาบอกได้รับแล้วและกล่าวขอบคุณ มีคณาบอกสิ่งที่ต้องการทันที
    
    หิรัณย์ดีใจสุด ๆ เพราะจะได้เจอมีคณา พร้อมกับถามว่าต้องการได้ข้อมูลเมื่อไหร่ มีคณาบอกว่าเร็วที่สุด หิรัณย์ยิ้ม แววตาลิงโลดมาก “งั้นวันนี้เลยเป็นไง ผมว่าง” มีคณาจึงนัดเจอกับตอนสี่โมงเย็น
    
    หลังจากวางสายของมีคณาแล้ว หิรัณย์รีบเก็บโต๊ะทำงานที่แสนจะรกของตัวเองเป็นการใหญ่ ก่อนจะเข้าห้องน้ำเสริมหล่อ มองซ้ายมองขวาจนเป็นที่พอใจ ก่อนจะมองตัวเองแล้วยิ้มหวานให้กระจกทิ้งท้าย
       
    มีคณาเดินมาหยุดที่หน้าบ้านสองชั้นกึ่งไม้กึ่งปูน ดูไม่เหมือนหน่วยงานราชการ แต่เหมือนพวกโฮมออฟฟิศมากกว่า ประตูรั้วเปิดกว้างรับแขกตลอดเวลา มีรถจอดอยู่หลายคัน คนที่เดินเข้าออกก็แต่งตัวเหมือนพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป มาก กว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานพิเศษของราชการ นึกว่าตัวเองมาผิดที่แต่พอยกที่อยู่ขึ้นดูก็เป็นที่เดียวกันจึงเดินเข้าไป เห็นพนักงานต้อนรับนั่งอยู่มุมหนึ่งจึงเข้าไปถาม และทราบว่าโต๊ะของหิรัณย์อยู่ชั้นสอง มีคณาจึงขึ้นไปตามที่พนักงานบอก และเห็นหิรัณย์ยืนหันหลังคุยกับหมวดดาวอยู่ มีคณาผงะเพราะจำผู้หญิงหน้าดุคนนี้ได้แม่น หมวดดาวมองเลยมาที่มีคณาสีหน้าแววตาดุ หิรัณย์หันมาเห็นมีคณาก็ยิ้มกว้าง ปรี่เข้ามาทักทาย มีคณาเหลือบตาไปมองหมวดดาวที่ยืนกอดอกจับตามองมาทางตนและหิรัณย์อยู่ หน้านิ่ง ออกแนวบึ้ง ๆ
    
    “แต่พรุ่งนี้เราก็จะขึ้นเหนือไปจับแกะดำกันแล้ว” หิรัณย์เอ่ยถึงเรื่องที่กำลังคุยอยู่กับหมวดดาว
    
    “แกะดำอะไรคะ”
    
    “เป็นชื่อรหัสน่ะครับ ปกติเวลาเรียกผู้ต้องสงสัยเราจะไม่ใช้ชื่อจริง เพราะบางครั้งเราต้องใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกัน กลัวพลาดหลุดรอดไปเข้าหูคนร้าย เลยต้องเรียกกันเป็นโค้ด”
    
    มีคณาขออนุญาตอัดเสียงและเริ่มเก็บข้อมูล “ครับ เราจะตั้งชื่อรหัสกัน จะใช้จุดเด่นของผู้ต้องสงสัยแต่ละคนมาคิดชื่อ แล้วถ้าผมเป็นผู้ต้องสงสัย คุณมี่จะตั้งชื่อรหัสผมว่าอะไรดีครับ”
    
    “ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ชัดมาก” มีคณาหน้านิ่ง หิรัณย์เดายิ้ม ๆ “ไอ้หน้าหนวดแหง ๆ ” มีคณาบอกชัดไป หิรัณย์เลิกคิ้วถามว่าชื่ออะไรดี
    
    “ขยันยิ้ม” มีคณาบอก หิรัณย์หลุดหัวเราะก๊ากออกมาเลย ชอบใจมาก
    
    หมวดดาวเดินหน้านิ่งบึ้งมาที่โต๊ะไม่ได้ขำหรือตลกด้วยเลย มีคณาอดเหลือบตามองไม่ได้ หมวดดาวซ่อนความสวยมากไว้ภายใต้หน้านิ่งบึ้ง ตาดุ หมวดดาวขอตัวกลับบ้านก่อนจะบอกหิรัณย์ว่าเจอกันพรุ่งนี้ตามนัดหมาย หิรัณย์เลยถือโอกาสแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน มีคณายิ้มให้ แต่หมวดดาวหน้านิ่ง ก่อนจะเดินออกไป มีคณาอดไม่ได้ที่จะหันมองตาม แปลกใจในความไม่เป็นมิตรของหมวดดาว
       
    มีคณาสัมภาษณ์หิรัณย์พลางก็พูดถึงหมวดดาวที่ดูจะไม่เป็นมิตรกับเธอเลย หิรัณย์ว่าหมวดดาวเป็นคนเก่ง และมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นเสือยิ้มยาก และเป็นอย่างนี้กับทุกคน แต่กับมีคณาซึ่งมีอาชีพนักข่าว ก็อาจจะเป็นมากกว่าคนอื่นหน่อย มีคณายักไหล่ก่อนจะสัมภาษณ์เรื่องแกะดำต่อ
    
    “อย่างแกะดำนี่ผู้การเป็นคนตั้ง เหตุผลเพราะผู้ต้องสงสัยเป็นตำรวจ”
    
    “คุณมาบอกฉันยังงี้ไม่กลัวข่าวรั่วถึงหูผู้ต้องสงสัยเหรอคะ” มีคณาถามขึ้น
    
    “หนังสือคุณออกรายสัปดาห์นี่ กว่าจะวางแผง ผมจับตัวได้แล้วล่ะ แต่ถ้ายังจับไม่ได้ ก็จะโทรฯไปแจ้งให้คุณเอาข้อความเกี่ยวกับคดีนี้ออกก่อน” หิรัณย์ยิ้มขี้เล่น “ดีซะอีก จะได้หาข้ออ้างโทรฯหาคุณด้วย”
    
    มีคณาอึ้งไป โดนลูกหยอดแบบตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินไปซะ พลางนึกในใจ แหล่งข่าวเจ้าชู้ยังงี้ น่าจะจับให้เจอกับวารีซะจริง ๆ เลย มันแน่ มีคณาใช้เวลาสัมภาษณ์นานกว่าที่คาดไว้ เพราะมีข้อมูลที่น่าสนใจมาก หลังสัมภาษณ์เสร็จหิรัณย์อาสาไปส่ง มีคณารีบปฏิเสธ แต่หิรัณย์ก็มีวิธีการที่ทำให้มีคณายอมให้เขาไปส่งจนได้ มีคณาก็แอบงงตัวเอง ทำไมยอมให้เค้าไปส่งบ้านได้ง่าย ๆ
       
    มีคณาให้หิรัณย์ส่งแถวศาลเจ้าก่อนถึงบ้านตัวเอง หิรัณย์จะไปส่งถึงบ้านแต่มีคณาเสียงแข็งบอกให้ส่งตรงนี้ ทำให้หิรัณย์รู้ว่าเขาควรหยุดไว้แค่นี้ก่อน หิรัณย์บอกที่จริงเขาจะชวนมีคณากินข้าวแต่เดาว่าคงได้รับการปฏิเสธ มีคณาบอกไม่ชอบให้แหล่งข่าวเลี้ยง หิรัณย์เลยบอกว่างั้นให้มีคณาเลี้ยงเพราะเขาไม่รังเกียจที่จะให้นักข่าวเลี้ยง
    
    มีคณาหน้านิ่งปิดประตูรถเบาลงหน่อย แล้วรีบเดินดิ่งเข้าศาลเจ้าไปเลย รู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเธอไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอได้มากเท่านี้ ด้วยมีปมเรื่องครอบครัว น้ำตารื้นขึ้น ภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองเธออย่าให้เธออ่อนแอ และหลงใหลกับอะไรง่าย ๆ
     
    มีคณาเข้าบ้านมาก็เจอสภาพเดิม ๆ คือ สันตินั่งกระดิกเท้าดูทีวี มีคณาเข้าไปถามว่าไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง สันติดูทีวีเฉย มีคณาเลยถามย้ำเสียงแข็ง สันติหันมามองหน้าและนึกถึงเมื่อกลางวันแต่ไม่ได้เล่าให้มีคณาฟัง
    
    สันติสร้างเรื่องโกหกครูและเพื่อน ๆ ว่า แม่ไม่สบายหนักจะอยู่ได้อีกกี่วันไม่รู้ ส่วนพ่อก็เป็นทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เขาขาดคนเลี้ยงดูจึงถูกส่งตัวมาอยู่กับป้า เพื่อน ๆ ทุกคนรวมทั้งครูต่างก็เห็นใจ สันติยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ที่แต่งเรื่องหลอกได้สำเร็จ
    
    มีคณาเห็นจดหมายของเธอถูกแกะอ่านอีกแล้ว ห้องก็ถูกรื้อ จึงต่อว่าหลาน บานเช้าเข้าข้างสันติอีกตามเคย จนมีคณาเกือบหมดความอดทน
     
    มีคณานึกถึงตอนสัมภาษณ์หิรัณย์ ที่หิรัณย์บอกเขาจะต้องปลอมตัวเป็นผู้คนทุกสาขาอาชีพแล้วแต่สถานการณ์
    
    “เอาไว้มีเคสที่ไม่เสี่ยงหรือลับสุดยอดจนเกินไป ผมจะเชิญคุณตามไปดูการทำงานของเรา อ้อ...เคยไปแล้วครั้งนึงนี่ ปลอมตัวได้เนียนมาก” หิรัณย์หลุดขำออกมา มีคณาทั้งเขินทั้งอาย “แต่ถ้ายังสนใจอยากทำอีก มีโอกาสเมื่อไหร่ ผมจะติดต่อไป”
    
    มีคณาเข้าทาง ถูกใจ ยิ้มแย้ม “ได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” กดหยุดเครื่องสัมภาษณ์ ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ มีคณาเดินไปยังไม่ถึงห้องน้ำ นึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือไว้ที่โต๊ะจึงเดินกลับมา แล้วก็โป๊ะเชะ เจอช็อตเด็ด หมวดดาวกำลังหอมแก้มร่ำลาสารวัตรหิรัณย์ฟอดใหญ่ มีคณาอึ้งไป ก่อนจะจิกตามองมาที่เธอ ด้วยแววตาดุ ซึ่งมีคณาเดาเป็นคำพูดว่า “อย่ามายุ่งกับแฟนฉัน”
     
    หิรัณย์กลับมาถึงบ้านก็เห็นพ่อ แม่ น้องสาว กำลังคุยกับพี่ชายที่ทำงานอยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมเฟซไทม์ ครอบครัวของหิรัณย์อบอุ่นมาก ทุกคนต่างก็รักและติดต่อกันตลอดเวลา มีปัญหาก็ช่วยกันหาทางออก พ่อกับแม่ก็หัวสมัยใหม่เข้าใจลูก แม่แซวหิรัณย์ว่าอย่ามัวแต่จับผู้ร้าย ให้จับสาวเข้าบ้านบ้าง เพราะอยากอุ้มหลานเต็มที พ่อคิดจะแนะนำวิศวกรสาวที่บริษัทให้ แต่น้องสาวหิรัณย์บอกพี่ชายคงไม่สน ขนาดหมวดดาวทั้งสาวทั้งสวยหิรัณย์ยังไม่สนใจ หิรัณย์บอกเขาและหมวดดาวเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงมีคณา จนน้องสาวสงสัย หิรัณย์ไม่ปิดครอบครัว บอกเจอสาวถูกชะตาแต่ดูเหมือนสาวจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ เพราะเอาแต่ตั้งกำแพงใส่ตลอด พ่อ แม่และน้องสาวยิ้ม ๆ เอาใจช่วย เพราะหิรัณย์ไม่เคยเอ่ยถึงผู้หญิงมาก่อน แสดงว่าหิรัณย์คงชอบจริง ๆ
     
    หิรัณย์ หมวดดาว และลูกน้องออกต่างจังหวัดเพื่อตามจับแกะดำ คนร้ายที่ทางตำรวจกำลังต้องการตัว แม้จะวางแผนการจับกุมอย่างรอบคอบ แต่แกะดำก็มีชั้นเชิงทำให้รอดการจับกุมไปได้ สร้างความผิดหวังให้กับตำรวจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหมวดดาว หัวเสียมากเพราะเธอเป็นคนที่ตั้งความหวังสูงกับการทำงานทุกครั้ง
      
    สันติมาเดินเล่นและได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่เป็นเด็กเร่ร่อนเกเรแถวนั้น จึงนัดกันมาเตะฟุตบอลเช่นกัน สันติดูมีความสุขมากเมื่อได้เข้ากลุ่มนี้ เพราะเขาดูมีความสำคัญขึ้นมา ไม่เหมือนกับสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองว่าเขาเป็นเด็กไร้ค่า
    
    มีคณากลับมาถึงบ้านก็พบว่าสันติไม่อยู่บ้าน มีแต่บานเช้ากำลังทำอาหารเย็นอยู่ สองแม่ลูกแม้จะดูไม่สนิทกันนักแต่ทั้งคู่ก็มีความรักให้กันแม้ไม่ต้องเอ่ยปาก มีคณาถามถึงสาเหตุว่าทำไมธำรงถึงขาขาด บานเช้าบอกเคยเขียนจดหมายบอกมาแล้ว มีคณายอมรับว่าบางทีเธอก็ไม่เคยเปิดจดหมายอ่าน เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องของครอบครัว บานเช้าหน้าแหย เข้าใจลูกสาวที่เธอมักจะมีเรื่องเดือดร้อนมาให้ ทั้งคู่คุยเป็นจริงเป็นจังหลังจากที่ไม่เคยคุยแบบนี้มานานหลายปี ตอนที่มีคณากลับไปบ้านครั้งสุดท้ายตอนงานเผาศพตาและยาย   

                             


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์-ข่าวบันเทิง

 
แชร์บทความ...
โค้ดแบบ forum
(BBCode)
โค้ดแบบ site/blog
(HTML)